ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน

สังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ของมู่เนี่ยนฉือเข้าสู่ช่วงประลองตัดสินอย่างเป็นทางการแล้ว และผู้ท้าชิงสองคนที่เข้าสู่ศึกตัดสิน ก็คือชาเลนเจอร์ที่ทุกคนนับถืออย่างหนึ่งดาบสามเฉือนกับ BOSS ในร่างคนอย่างเยี่ยเว่ยหมิง

หลังจากสะพานสวรรค์น้อยยอมแพ้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ถูกส่งกลับไปยังที่นั่งของมนุษย์ขี้เผือก แต่หนึ่งดาบสามเฉือนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็ถูกส่งมาตรงหน้าเขาแล้ว

ทั้งสองอยู่ห่างกันห้าเมตร ยืนอยู่ตรงข้ามกัน

ดูจากหน้าตา คนหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยหล่อเหลา สง่างามมีชีวิตชีวา อีกคนเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มน่ารักสดใส

หากพูดถึงศักยภาพ คนหนึ่งมีศักยภาพที่แท้จริงแข็งแกร่งกว่า ค่าสเตตัสที่มีบดขยี้ BOSS เลเวลเดียวกันได้ ส่วนอีกคนเคลื่อนไหวได้ดีไร้ที่เปรียบ แทบจะไม่เคยทำพลาดเลย

ดูจากเครื่องแต่งกาย คนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้มดูลึกล้ำ อีกคนสวมชุดสีแดงสดเฉิดฉาย

ไม่ว่าจะมองอย่างไร นี่ก็คือศึกตัดสินที่สองฝ่ายมีกำลังสูสีกัน เป็นทิวทัศน์โอ่อ่าที่หาชมได้ยาก!

เป๊ง!

หลังจากเสียงฆ้องของมู่เนี่ยนฉือที่เป็นสัญญาณเริ่มต่อสู้ดังขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็กวักมือเรียกกระบี่อาญาสิทธิ์มาไว้ในมือแล้ว คมกระบี่กับแขนตรงแน่วเหมือนกัน ถือแนบกับลำตัวด้านขวา

ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็ดึงดาบยาวข้างหลังออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วชี้คมดาบไปทางเยี่ยเว่ยหมิง

วินาทีถัดมา…ทั้งสองก็ยังผลัดกันหรี่ตาและเบิกตากว้างจ้องกัน ยังไม่มีใครเคลื่อนไหว

ด้านล่างสังเวียน

มนุษย์ขี้เผือก A “นี่มันอะไรกัน การประลองเริ่มแล้ว ทำไมพวกเขายังไม่สู้กันอีก”

มนุษย์ขี้เผือก B “บางทีพวกเขาอาจกำลังรวบรวมกำลังภายใน เตรียมจะอัลติเมทสกิลโดยตรงเลย”

มนุษย์ขี้เผือก C “ข้าว่าพวกเขาอาจกำลังตกหลุมรักกัน แต่ก็เข้ากับหัวข้อการประลองยุทธ์สังเวียนนี้ไม่ใช่หรอกหรือ”

มนุษย์ขี้เผือก B “หัวข้ออะไร”

มนุษย์ขี้เผือก C “ก็เขียนไว้แล้วนั่นไง ประลองยุทธ์เลือกคู่!”

“พวกเจ้าจะเข้าใจบ้าอะไร!” ในที่สุดตอนนี้มนุษย์ขี้เผือก D ก็โผล่มาแล้ว “พวกเขาสองคนล้วนเป็นยอดฝีมือเหนือคน แค่ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง หากลงมือเมื่อไร ก็ชี้เป็นชี้ตายทันที เลิกบ่นได้แล้ว ดูการต่อสู้อย่างสงบเถิด”

“เจ้าระดับไหนกันเชียว เจ้าต่างหากที่บ่นเยอะ!”

……

เป็นอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังรับชมการต่อสู้ เสียงตะโกนเตือนไม่มีทางดังไปถึงบนสังเวียนได้ หลักการเดียวกัน เสียงบ่นของกลุ่มคนที่ดูอยู่ข้างหลังก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเยี่ยเว่ยหมิงและหนึ่งดาบสามเฉือนที่อยู่บนสังเวียนแม้แต่น้อยเช่นกัน

ทั้งสองถลึงตาใส่กันอยู่อย่างนี้เป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มๆ ยังเป็นหนึ่งดาบสามเฉือนที่ทำลายฉากที่เหมือนหยุดชะงักนี้ก่อน

มีเสียง ชวิ้ง! ดังขึ้น สาวน้อยเสียบดาบยาวที่ชักออกมาก่อนหน้านี้กลับเข้าฝัก จากนั้นพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “พวกเราสองคนก็นับว่ารู้ลึกตื้นหนาบางกันแล้ว ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ การโจมตีของเจ้า ข้าก็ทำลายได้หมดเช่นกัน ถ้าเสียเวลาต่อไปอย่างนี้ รอให้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วพวกเราออกจากสังเวียนพร้อมกัน พวกเราไม่สู้มาเจรจากันดีกว่าไหม”

ขณะที่พูด ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งดาบสามเฉือนจะเดินเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่กังวลอะไรเลย

นางหนูคนนี้เป็นยอดฝีมือด้านการควบคุมการเคลื่อนไหว ตัวนางเองเรียนท่าร่างระดับสูงอย่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ อยู่แล้ว ย่อมไม่กลัวว่าเยี่ยเว่ยหมิงอาจจะลงมือกะทันหัน

สำหรับนางแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงนับว่าเป็นเม่นตัวหนึ่ง ตัวเองมีภัยคุกคามไม่มาก แต่เมื่อไรที่นางกล้าแทงดาบไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็จะบอกให้นางรู้ทันทีว่าคนผีร่วมวิถีคืออะไร เจ้าตายข้ารอด!

เมื่อเห็นหนึ่งดาบสามเฉือนทำท่าเหมือนจะใช้วิธีการเจรจาอย่างเป็นมิตรมาแก้ไขความขัดแย้งบนสังเวียน เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ แล้วพลิกฝ่ามือ เก็บกระบี่อาญาสิทธิ์ไว้อีกครั้ง “เจ้ามีข้อเสนออะไรดีๆ”

“เจ้าดูสิ” ขณะที่พูด หนึ่งดาบสามเฉือนก็เดินเข้ามาใกล้ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว นางหักข้อนิ้วมือพร้อมบอกว่า “รางวัลของผู้ชนะเลิศนี้ ไม่มีอะไรนอกจากค่าประสบการณ์ ค่าตบะ เงิน แล้วก็ปลดล็อกภารกิจที่ตามมา แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้รับภารกิจย่อยมามาบ้างแล้ว ตอนนี้แค่ต้องเข้าไปอยู่ในภารกิจที่ตามมาหลังจากนั้น แล้วทำภารกิจก่อนหน้านี้ของข้าให้สำเร็จก็เท่านั้นเอง”

ขณะที่พูด ร่างกายของทั้งสองก็แทบจะติดกัน แต่กลับไม่มีใครมีท่าทีว่าจะหลบก่อน

สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย เป็นเพราะพวกเขาล้วนมีความมั่นใจ

เยี่ยเว่ยหมิงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ขอเพียงหนึ่งดาบสามเฉือนกล้าลงมือ เขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายตายก่อนได้ด้วยวิธีใช้ดาเมจแลกดาเมจ ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็มีความมั่นใจกับการเคลื่อนไหวของตัวเองเต็มเปี่ยมเช่นกัน ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีกะทันหันในระยะห่างเท่านี้ นางก็หลบทันแน่นอน

ดังนั้น จึงกลายเป็นฉากประหลาดที่เหมือนสองคนบนสังเวียนกำลังกระซิบกระซาบกัน ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ข้างล่างอดจินตนาการไม่ได้

และความจริงก็เป็นอย่างนั้น พวกเขากำลังกระซิบกระซาบกันจริงๆ

เมื่อพูดถึงรางวัลของผู้ชนะเลิศจบ หนึ่งดาบสามเฉือนก็พูดต่อ “ข้อเสนอของข้าก็คือ พวกเราแบ่งรางวัลของผู้ชนะเลิศเป็นสองส่วน ลองสมมติว่าพวกเราได้คนละครึ่ง ข้าประเมินมูลค่ารางวัลชนะเลิศให้แล้ว ได้สี่ร้อยเหรียญทองเหรียญทอง เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นข้าก็ออกห้าร้อยเหรียญทอง” หนึ่งดาบสามเฉือนพูดต่อ “ขอเพียงเจ้าเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน มอบตำแหน่งผู้ชนะเลิศให้ข้า ข้าก็จะจ่ายเจ้าทันทีห้าร้อยเหรียญทอง เป็นอย่างไร ข้าเขียนหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรให้เจ้าได้เดี๋ยวนี้เลย เมื่อระบบยอมรับ ก็ไม่มีทางเบี้ยวแน่นอน”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วพลางเอามือลูบคางเป็นระยะ “อันนี้…”

“ห้าร้อยเหรียญทองก็ไม่น้อยแล้ว” หนึ่งดาบสามเฉือนเบิกตากว้างพร้อมบอกว่า “เจ้าดูสิ ห้าร้อยเหรียญทองนี้นับว่าเป็นรางวัลชนะเลิศครึ่งหนึ่ง อีกทั้งรางวัลกึ่งชนะเลิศนี้ หากพวกเราสู้กันต่อไป ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ไปทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน นอกจากรางวัลห้าร้อยเหรียญทองแล้ว เจ้ายังจะได้รางวัลรองชนะเลิศด้วย แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”

พอฟังถึงตรงนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มอันสดใส เขายื่นมือออกมาช้าๆ ทำท่าเหมือนจะดีดนิ้ว จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปตรงหน้าผากของหนึ่งดาบสามเฉือน ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “เจ้านี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ!”

“เหอะๆ!” หนึ่งดาบสามเฉือนแลบลิ้น แล้วเผยรอยยิ้มทะเล้น แต่ในใจนางกลับทั้งดีใจทั้งโมโห

ดีใจเพราะฟังจากความหมายที่เยี่ยเว่ยหมิงพูด เหมือนจะตอบรับข้อเสนอของนางแล้ว

ที่โมโหก็เพราะ เจ้าหมอนี่ได้เงินไปแล้วยังไม่พอใจ ยังคิดจะหาโอกาสเอาเปรียบนางอีก!

คิดจะดีดหน้าผากกันอย่างนั้นหรือ

อย่ามาตีสนิทข้านะ

ในใจเกิดความรู้สึกหงุดหงิดต่างๆ นานา แต่เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ นางก็ยังเลือกที่จะไม่หลบหลีก ถึงขั้นหลับตาแล้วด้วย ทำท่าเหมือนตัวเองไม่กลัว ให้ความร่วมมือกับการกลั่นแกล้งของเยี่ยเว่ยหมิง

ขณะเดียวกันในใจก็แอบตัดสินใจเด็ดขาด

เจ้าเวรนี่! ให้เจ้าลำพองใจไปก่อนเถอะ รอให้ข้าปะปนเข้าจวนอ๋องจ้าวตามกลยุทธ์ของพี่ใหญ่สำเร็จ แล้วได้เลือดงูมาเพิ่มค่าสเตตัส คอยดูเถอะว่าข้า…

พรึ่บ!

นิ้วของเยี่ยเว่ยหมิงดีดบนหว่างคิ้วของหนึ่งดาบสามเฉือน

-6210!

หนึ่งดาบสามเฉือนหน้าเหวอขณะหายไปจากสังเวียน แล้วมาโผล่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมด้านล่างอีกครั้ง

ฉันเป็นใคร

ฉันอยู่ที่ไหน

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเยี่ยเว่ยหมิงนั่นไม่ได้โจมตีอย่างอื่นเลย แล้วฉันตายได้ยังไง!

ตอนนี้เอง มู่เนี่ยนฉือที่เป็นพิธีกรของสังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้ชนะเลิศของงานประลองยุทธ์ครั้งนี้

เพียงแต่คนยากจนอย่างพวกเขาย่อมหารางวัลที่เข้าท่าอะไรไม่ได้อยู่แล้ว รางวัลชนะเลิศของเยี่ยเว่ยหมิงรวมทั้งรางวัลของผู้เล่นที่เข้าร่วมประลองคนอื่นๆ ล้วนมาจากระบบ

[ติ๊ง! ยินดีด้วย…]

[1] ชั่วลัดนิ้วมือเดียว หมายถึง ระยะเวลาที่งอนิ้วมือเข้ามาแล้วดีดออกไป จึงเป็นเวลาที่สั้นมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 167 เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว สาวงามปลิดปลิวเป็นเถ้าถ่าน

สังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ของมู่เนี่ยนฉือเข้าสู่ช่วงประลองตัดสินอย่างเป็นทางการแล้ว และผู้ท้าชิงสองคนที่เข้าสู่ศึกตัดสิน ก็คือชาเลนเจอร์ที่ทุกคนนับถืออย่างหนึ่งดาบสามเฉือนกับ BOSS ในร่างคนอย่างเยี่ยเว่ยหมิง

หลังจากสะพานสวรรค์น้อยยอมแพ้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ถูกส่งกลับไปยังที่นั่งของมนุษย์ขี้เผือก แต่หนึ่งดาบสามเฉือนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็ถูกส่งมาตรงหน้าเขาแล้ว

ทั้งสองอยู่ห่างกันห้าเมตร ยืนอยู่ตรงข้ามกัน

ดูจากหน้าตา คนหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยหล่อเหลา สง่างามมีชีวิตชีวา อีกคนเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มน่ารักสดใส

หากพูดถึงศักยภาพ คนหนึ่งมีศักยภาพที่แท้จริงแข็งแกร่งกว่า ค่าสเตตัสที่มีบดขยี้ BOSS เลเวลเดียวกันได้ ส่วนอีกคนเคลื่อนไหวได้ดีไร้ที่เปรียบ แทบจะไม่เคยทำพลาดเลย

ดูจากเครื่องแต่งกาย คนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้มดูลึกล้ำ อีกคนสวมชุดสีแดงสดเฉิดฉาย

ไม่ว่าจะมองอย่างไร นี่ก็คือศึกตัดสินที่สองฝ่ายมีกำลังสูสีกัน เป็นทิวทัศน์โอ่อ่าที่หาชมได้ยาก!

เป๊ง!

หลังจากเสียงฆ้องของมู่เนี่ยนฉือที่เป็นสัญญาณเริ่มต่อสู้ดังขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็กวักมือเรียกกระบี่อาญาสิทธิ์มาไว้ในมือแล้ว คมกระบี่กับแขนตรงแน่วเหมือนกัน ถือแนบกับลำตัวด้านขวา

ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็ดึงดาบยาวข้างหลังออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วชี้คมดาบไปทางเยี่ยเว่ยหมิง

วินาทีถัดมา…ทั้งสองก็ยังผลัดกันหรี่ตาและเบิกตากว้างจ้องกัน ยังไม่มีใครเคลื่อนไหว

ด้านล่างสังเวียน

มนุษย์ขี้เผือก A “นี่มันอะไรกัน การประลองเริ่มแล้ว ทำไมพวกเขายังไม่สู้กันอีก”

มนุษย์ขี้เผือก B “บางทีพวกเขาอาจกำลังรวบรวมกำลังภายใน เตรียมจะอัลติเมทสกิลโดยตรงเลย”

มนุษย์ขี้เผือก C “ข้าว่าพวกเขาอาจกำลังตกหลุมรักกัน แต่ก็เข้ากับหัวข้อการประลองยุทธ์สังเวียนนี้ไม่ใช่หรอกหรือ”

มนุษย์ขี้เผือก B “หัวข้ออะไร”

มนุษย์ขี้เผือก C “ก็เขียนไว้แล้วนั่นไง ประลองยุทธ์เลือกคู่!”

“พวกเจ้าจะเข้าใจบ้าอะไร!” ในที่สุดตอนนี้มนุษย์ขี้เผือก D ก็โผล่มาแล้ว “พวกเขาสองคนล้วนเป็นยอดฝีมือเหนือคน แค่ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง หากลงมือเมื่อไร ก็ชี้เป็นชี้ตายทันที เลิกบ่นได้แล้ว ดูการต่อสู้อย่างสงบเถิด”

“เจ้าระดับไหนกันเชียว เจ้าต่างหากที่บ่นเยอะ!”

……

เป็นอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังรับชมการต่อสู้ เสียงตะโกนเตือนไม่มีทางดังไปถึงบนสังเวียนได้ หลักการเดียวกัน เสียงบ่นของกลุ่มคนที่ดูอยู่ข้างหลังก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเยี่ยเว่ยหมิงและหนึ่งดาบสามเฉือนที่อยู่บนสังเวียนแม้แต่น้อยเช่นกัน

ทั้งสองถลึงตาใส่กันอยู่อย่างนี้เป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มๆ ยังเป็นหนึ่งดาบสามเฉือนที่ทำลายฉากที่เหมือนหยุดชะงักนี้ก่อน

มีเสียง ชวิ้ง! ดังขึ้น สาวน้อยเสียบดาบยาวที่ชักออกมาก่อนหน้านี้กลับเข้าฝัก จากนั้นพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “พวกเราสองคนก็นับว่ารู้ลึกตื้นหนาบางกันแล้ว ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ การโจมตีของเจ้า ข้าก็ทำลายได้หมดเช่นกัน ถ้าเสียเวลาต่อไปอย่างนี้ รอให้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วพวกเราออกจากสังเวียนพร้อมกัน พวกเราไม่สู้มาเจรจากันดีกว่าไหม”

ขณะที่พูด ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งดาบสามเฉือนจะเดินเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่กังวลอะไรเลย

นางหนูคนนี้เป็นยอดฝีมือด้านการควบคุมการเคลื่อนไหว ตัวนางเองเรียนท่าร่างระดับสูงอย่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ อยู่แล้ว ย่อมไม่กลัวว่าเยี่ยเว่ยหมิงอาจจะลงมือกะทันหัน

สำหรับนางแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงนับว่าเป็นเม่นตัวหนึ่ง ตัวเองมีภัยคุกคามไม่มาก แต่เมื่อไรที่นางกล้าแทงดาบไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็จะบอกให้นางรู้ทันทีว่าคนผีร่วมวิถีคืออะไร เจ้าตายข้ารอด!

เมื่อเห็นหนึ่งดาบสามเฉือนทำท่าเหมือนจะใช้วิธีการเจรจาอย่างเป็นมิตรมาแก้ไขความขัดแย้งบนสังเวียน เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ แล้วพลิกฝ่ามือ เก็บกระบี่อาญาสิทธิ์ไว้อีกครั้ง “เจ้ามีข้อเสนออะไรดีๆ”

“เจ้าดูสิ” ขณะที่พูด หนึ่งดาบสามเฉือนก็เดินเข้ามาใกล้ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว นางหักข้อนิ้วมือพร้อมบอกว่า “รางวัลของผู้ชนะเลิศนี้ ไม่มีอะไรนอกจากค่าประสบการณ์ ค่าตบะ เงิน แล้วก็ปลดล็อกภารกิจที่ตามมา แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้รับภารกิจย่อยมามาบ้างแล้ว ตอนนี้แค่ต้องเข้าไปอยู่ในภารกิจที่ตามมาหลังจากนั้น แล้วทำภารกิจก่อนหน้านี้ของข้าให้สำเร็จก็เท่านั้นเอง”

ขณะที่พูด ร่างกายของทั้งสองก็แทบจะติดกัน แต่กลับไม่มีใครมีท่าทีว่าจะหลบก่อน

สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย เป็นเพราะพวกเขาล้วนมีความมั่นใจ

เยี่ยเว่ยหมิงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ขอเพียงหนึ่งดาบสามเฉือนกล้าลงมือ เขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายตายก่อนได้ด้วยวิธีใช้ดาเมจแลกดาเมจ ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็มีความมั่นใจกับการเคลื่อนไหวของตัวเองเต็มเปี่ยมเช่นกัน ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีกะทันหันในระยะห่างเท่านี้ นางก็หลบทันแน่นอน

ดังนั้น จึงกลายเป็นฉากประหลาดที่เหมือนสองคนบนสังเวียนกำลังกระซิบกระซาบกัน ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ข้างล่างอดจินตนาการไม่ได้

และความจริงก็เป็นอย่างนั้น พวกเขากำลังกระซิบกระซาบกันจริงๆ

เมื่อพูดถึงรางวัลของผู้ชนะเลิศจบ หนึ่งดาบสามเฉือนก็พูดต่อ “ข้อเสนอของข้าก็คือ พวกเราแบ่งรางวัลของผู้ชนะเลิศเป็นสองส่วน ลองสมมติว่าพวกเราได้คนละครึ่ง ข้าประเมินมูลค่ารางวัลชนะเลิศให้แล้ว ได้สี่ร้อยเหรียญทองเหรียญทอง เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นข้าก็ออกห้าร้อยเหรียญทอง” หนึ่งดาบสามเฉือนพูดต่อ “ขอเพียงเจ้าเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน มอบตำแหน่งผู้ชนะเลิศให้ข้า ข้าก็จะจ่ายเจ้าทันทีห้าร้อยเหรียญทอง เป็นอย่างไร ข้าเขียนหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรให้เจ้าได้เดี๋ยวนี้เลย เมื่อระบบยอมรับ ก็ไม่มีทางเบี้ยวแน่นอน”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วพลางเอามือลูบคางเป็นระยะ “อันนี้…”

“ห้าร้อยเหรียญทองก็ไม่น้อยแล้ว” หนึ่งดาบสามเฉือนเบิกตากว้างพร้อมบอกว่า “เจ้าดูสิ ห้าร้อยเหรียญทองนี้นับว่าเป็นรางวัลชนะเลิศครึ่งหนึ่ง อีกทั้งรางวัลกึ่งชนะเลิศนี้ หากพวกเราสู้กันต่อไป ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ไปทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน นอกจากรางวัลห้าร้อยเหรียญทองแล้ว เจ้ายังจะได้รางวัลรองชนะเลิศด้วย แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”

พอฟังถึงตรงนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มอันสดใส เขายื่นมือออกมาช้าๆ ทำท่าเหมือนจะดีดนิ้ว จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปตรงหน้าผากของหนึ่งดาบสามเฉือน ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “เจ้านี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ!”

“เหอะๆ!” หนึ่งดาบสามเฉือนแลบลิ้น แล้วเผยรอยยิ้มทะเล้น แต่ในใจนางกลับทั้งดีใจทั้งโมโห

ดีใจเพราะฟังจากความหมายที่เยี่ยเว่ยหมิงพูด เหมือนจะตอบรับข้อเสนอของนางแล้ว

ที่โมโหก็เพราะ เจ้าหมอนี่ได้เงินไปแล้วยังไม่พอใจ ยังคิดจะหาโอกาสเอาเปรียบนางอีก!

คิดจะดีดหน้าผากกันอย่างนั้นหรือ

อย่ามาตีสนิทข้านะ

ในใจเกิดความรู้สึกหงุดหงิดต่างๆ นานา แต่เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ นางก็ยังเลือกที่จะไม่หลบหลีก ถึงขั้นหลับตาแล้วด้วย ทำท่าเหมือนตัวเองไม่กลัว ให้ความร่วมมือกับการกลั่นแกล้งของเยี่ยเว่ยหมิง

ขณะเดียวกันในใจก็แอบตัดสินใจเด็ดขาด

เจ้าเวรนี่! ให้เจ้าลำพองใจไปก่อนเถอะ รอให้ข้าปะปนเข้าจวนอ๋องจ้าวตามกลยุทธ์ของพี่ใหญ่สำเร็จ แล้วได้เลือดงูมาเพิ่มค่าสเตตัส คอยดูเถอะว่าข้า…

พรึ่บ!

นิ้วของเยี่ยเว่ยหมิงดีดบนหว่างคิ้วของหนึ่งดาบสามเฉือน

-6210!

หนึ่งดาบสามเฉือนหน้าเหวอขณะหายไปจากสังเวียน แล้วมาโผล่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมด้านล่างอีกครั้ง

ฉันเป็นใคร

ฉันอยู่ที่ไหน

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเยี่ยเว่ยหมิงนั่นไม่ได้โจมตีอย่างอื่นเลย แล้วฉันตายได้ยังไง!

ตอนนี้เอง มู่เนี่ยนฉือที่เป็นพิธีกรของสังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้ชนะเลิศของงานประลองยุทธ์ครั้งนี้

เพียงแต่คนยากจนอย่างพวกเขาย่อมหารางวัลที่เข้าท่าอะไรไม่ได้อยู่แล้ว รางวัลชนะเลิศของเยี่ยเว่ยหมิงรวมทั้งรางวัลของผู้เล่นที่เข้าร่วมประลองคนอื่นๆ ล้วนมาจากระบบ

[ติ๊ง! ยินดีด้วย…]

[1] ชั่วลัดนิ้วมือเดียว หมายถึง ระยะเวลาที่งอนิ้วมือเข้ามาแล้วดีดออกไป จึงเป็นเวลาที่สั้นมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+