ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ

ถ้าเป็นการก่อเรื่องอะไรทำนองนั้น ตราบใดที่มีผลประโยชน์ เยี่ยเว่ยหมิงชื่นชอบที่สุด!

ที่จริงแล้ว ตั้งแต่การประลองยุทธ์เลือกคู่เข้าสู่ช่วงเนื้อเรื่องที่เป็นฉากตะลุมบอน เขาก็คิดแล้วว่าควรจะก่อเรื่องอะไรสักหน่อย

เดิมทีเขายังกลุ้มใจว่ามีแค่ตัวเองกับสะพานสวรรค์น้อยสองคนแล้วกำลังไม่พอ นึกเสียใจทีหลังที่ไม่ได้เรียกเฟยอวี๋ ซานเย่ว์ ถังซานไฉ่กับโหยวโหยวมาด้วยกัน

แต่ตอนนี้มีน้องดาบกับพวกอีกสองคนมาร่วมด้วยแล้ว ก็น่าจะมีกำลังเพียงพอให้พวกเขาปล่อยตัวปล่อยใจโจมตีแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มแห้ง แล้วขยิบตาให้สะพานสวรรค์น้อย จากนั้นยกเลิกการตั้งทีม ไปเข้าร่วมทีมกับน้องดาบแทน

ดูที่โหมดแบ่งไอเทมของทีมแวบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นการแบ่งไอเทมตามค่าผลงาน เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เอ่ยว่า “ลองบอกสิ่งที่เจ้าคิดมาสิ”

น้องดาบตอบอย่างสมเหตุสมผลตามที่ควรจะเป็น “แน่นอนว่าฆ่า BOSS สี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหออะไรนั่นน่าเบื่อเกินไป ให้คนอื่นไปแย่งกันเอาเองเถอะ พวกเราล้วนเป็นยอดฝีมือ ถ้าจะฆ่าก็เลือกฆ่าตัวใหญ่ๆ หน่อย”

“โอวหยางเค่อ?” สะพานสวรรค์น้อยถาม

“เอ่อ…” น้องดาบโบกมือ “นั่นใหญ่เกินไป ฆ่าไม่ไหว ที่พวกเราพูดหมายถึงอีกห้าคน เป็นเจ้าห้าคนนั้นที่กำลังสู้กับกับหวังชู่อี”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม “วีรบุรุษมักมีความคิดอ่านตรงกัน”

สำหรับเจ้าสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ห้าคนนั้น เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่กล้าคิดลงมือพวกเขา อย่าว่าแต่เขากับสะพานสวรรค์น้อย ต่อให้ดึงสมาชิกทั้งหมดของสำนักมือปราบมาตั้งทีมด้วย ก็อาจสู้ไม่ชนะใครสักคนในบรรดาพวกเขาเลยก็ได้

ถึงอย่างไร ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันเกินไป ไม่ใช่ว่าอาศัยจำนวนคนอย่างเดียวแล้วจะเติมเต็มช่องโหว่นี้ได้

แต่ถ้าเพื่อนในทีมกลายเป็นน้องดาบ เสวียนเสี่ยวปี่ที่เรียนรู้ ‘วิชากระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ได้แล้วส่วนหนึ่ง เซียวเหยาถอนใจที่มีปราณยุทธ์มังกร แล้วมาร่วมมือกับเขาและสะพานสวรรค์น้อย ก็จะเกิดภาพเหตุการณ์อีกแบบหนึ่งเลย

ความสามารถของน้องดาบนั้นไม่ต้องมาก ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ไม่ใช้เคล็ดกระบี่ ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็ไม่กล้าปะทะกับนางซึ่งๆ หน้าอยู่ดี

ส่วนความสามารถของเสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจ ที่จริงอาจเทียบกับเฟยอวี๋และถังซานไฉ่ไม่ติด แต่พวกเขาที่ใช้อัลติเมทสกิลเป็น ความสามารถในการทำคริติคอลดาเมจด้วยเวลาอันสั้นจะต้องเหนือกว่าคนอื่นๆ ของทีมสำนักมือปราบเทพแน่นอน

เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาก็จะแสดงประสิทธิภาพที่คาดไม่ถึงออกมาแน่นอน!

หลังจากกวาดสายตามองบนตัวชายหน้าตาประหลาดทั้งห้าทีละคน เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “หากจะทำอย่างนั้น ก็ต้องพยายามทำให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ข้าแนะนำว่าให้พวกเราเริ่มจากโหวทงไห่นั่นก่อน”

“สายตาเจ้านี่เป็นอย่างไรกันแน่” พอน้องดาบได้ยินการตัดสินใจเลือกของเขาก็เย้ยหยันทันที “เจ้าไม่เห็นคำอธิบายที่อยู่ใต้ชื่อของพวกเขาหรือ โหวทงไห่นั่นไม่ได้จัดอยู่ประเภทเดียวกับห้ายอดฝีมือของจวนอ๋องจ้าวเลย เขาเป็นเพียงศิษย์น้องของซาทงเทียนซึ่งเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือนั่นก็เท่านั้นเอง เมื่อเทียบความสามารถกับคนที่เหลือก็ยังด้อยกว่าเยอะมาก คนเช่นนี้แม้จะฆ่าง่าย แต่ผลตอบแทนที่ได้จากการฆ่าเขา เกรงว่าจะน้อยสุดในบรรดาห้าคนนั้น”

“อย่างนั้นหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “สิ่งที่เจ้าบอกน่ะ ข้าย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ก็เพราะข้าสนใจจุดนี้ ข้าถึงได้บอกว่าลงมือกับเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด”

หลังจากชะงักไปครู่เดียว เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอน ทางเลือกที่ดีที่สุดที่ข้าบอกก็มีข้อดีข้อเสียเช่นกัน ข้อดีที่ได้จากการฆ่าเขาก็คือจะได้ผลตอบแทนสูงสุด ส่วนข้อเสีย…แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาคือหนึ่งในคนที่รับมือได้ยากที่สุดท่ามกลางห้าคนนั้น”

เบาะแสอย่างเดียวกัน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนกลับได้ข้อสรุปที่ตรงข้ามกัน

เพียงแต่หลังจากได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงอธิบาย น้องดาบก็เข้าใจทันที กล่าวด้วยตาเป็นประกายว่า “เจ้าหมายความว่า…”

เยี่ยเว่ยหมิงแบมือยักไหล่ “นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ดูข้อมูลของโหวทงไห่สิ เห็นได้ชัดว่าโอ้อวดน้อยกว่าคนที่เหลือ โดยเฉพาะคำว่า ‘ศิษย์น้องของซาทงเทียน’ นั่นยิ่งอธิบายว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซาทงเทียน แต่เขากลับเป็น BOSS เลเวล 55 เหมือนซาทงเทียน อีกทั้งพลังชีวิตกับกำลังภายในก็ไม่เท่ากัน เจ้าว่าน่าสนใจไหมล่ะ”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ แม้แต่เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจที่ทำตัวเหมือนเป็นคนนอกมาตลอดยังตาเป็นประกาย เสวียนเสี่ยวปี่ที่สนิทกับเยี่ยเว่ยหมิงมากกว่าก็ยิ่งหลุดปากว่า “ดังนั้น คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ โหวทงไห่คนนี้ไม่ใช่เวอร์ชั่นถูกตอนแล้วในโหมดภารกิจ แต่เป็น BOSS ร่างแท้ในโหมดทั่วไป!”

เซียวเหยาถอนใจพยักหน้าเช่นกัน “เมื่อได้ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าว่าก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

น้องดาบยิ้มบางๆ “โหวทงไห่คนนี้ฐานะต่ำสุดในบรรดาเจ็ด BOSS ของฝ่ายศัตรู ต่อให้ตายไปก็ส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องตอนหลังไม่มาก จะมอบไข่อีสเตอร์[1]ของเรื่องนี้เป็นเป็นรางวัลให้คนวิเคราะห์เก่งอย่างเจ้าและผู้เล่นที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมอย่างข้า ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน”

ขณะที่พูด หนึ่งดาบสามเฉือนก็กะพริบดวงตาโตฉ่ำวาวของนาง แล้วหันมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ว่าแล้วเชียว คนเจ้าแผนการ ใช้สารพัดกลอุบาย หน้าด้านใจดำ ซ่อนดาบในรอยยิ้มอย่างเจ้า ต้องค้นพบสิ่งที่พวกเรามองไม่ออกตั้งมากมาย มาร่วมงานกับเจ้านับเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆ ด้วย!”

“ขอบคุณที่ชม!”

สองคนที่เหม็นขี้หน้ากันพูดเหน็บแนมกันสองสามประโยค แล้วก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นยอดฝีมือ ย่อมไม่ยอมให้การถกเถียงเล็กน้อยมาทำให้เสียงานใหญ่อยู่แล้ว

หลังจากสื่อสารกันง่ายๆ ไม่กี่ประโยค เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยก่อนว่า “แบ่งงานต่อสู้กันอย่างง่ายๆ เถอะ เกรงว่าภารกิจนี้คงไม่ต่อเนื่องนานเกินไป ต้องรีบฆ่า BOSS”

ตอนนี้หนึ่งดาบสามเฉือนหยุดความคิดที่จะตีฝีปากกับเยี่ยเว่ยหมิงไว้ก่อน นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “วิธีการที่เร็วที่สุด ก็ต้องอาศัยกระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเจ้าอยู่แล้ว อย่างไรเสียเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้น พวกเจ้าสองคนก็ได้พลังโจมตีเพิ่มอยู่แล้ว จะกำจัด BOSS คนนี้ได้เร็วที่สุด ถึงขนาดว่าถ้ามีเวลาเหลือ พวกเรายังหยั่งเชิงบอสคนที่สองได้ด้วย”

เมื่อได้ยินคำว่ากระบี่คู่ผนึกรวม เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็ตัดสินใจพูดความจริง “ถ้าให้รับมือกับ BOSS ในโหมดเลเวลปกติแบบนี้ เกรงว่ากระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเราอาจแสดงประสิทธิภาพได้ไม่มากนัก”

คาดไม่ถึงว่าเมื่อหนึ่งดาบสามเฉือนได้ฟังแล้ว นางกลับตบหน้าอกอย่างไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย “หากพวกเจ้ากังวลว่าจะถูกอีกฝ่ายทำลายกระบวนท่า ก็ไม่ต้องกังวลเลย ข้าจะเป็นผู้พิทักษ์ให้พวกเจ้าเอง เซียวเหยา เสี่ยวปี่ พอถึงตอนนั้นพวกเจ้าสองคนฟังคำบัญชาการของข้า คงจะไม่มีปัญหาใช่ไหม”

ทั้งสองรีบพยักหน้าซ้ำๆ ทันที แสดงว่าไม่มีปัญหา

ในเมื่อน้องดาบพูดขนาดนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกทันทีว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็เตรียมตัวให้ดี ข้าจะฆ่ามอนสเตอร์แล้ว”

“โหวทงไห่! เจ้าหลานจัญไร แน่จริงก็มานี่สิ!”

สุดยอดทักษะในยุทธภพที่ผนึกมานาน ‘ฆ่ามอนสเตอร์สูตรเยี่ยเว่ยหมิง’ ปรากฏขึ้นในยุทธภพอีกครั้ง ทำให้เพื่อนร่วมทีมตกตะลึงอ้าปากค้างทันที

นอกจากน้องสะพานสวรรค์น้อยที่ได้เห็นวิธีการเฉพาะตัวของเขามาตั้งนานแล้ว คนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเซียวเหยาถอนใจที่ไม่รู้จักเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ หรือเสวียนเสี่ยวปี่ที่เคยได้ยินเพียงอินปู้คุยบรรยาย แม้แต่น้องดาบที่ได้สัมผัสประสิทธิภาพของเคล็ดจิตนี้กับตัวเอง ทั้งสามล้วนตกใจราวกับถูกฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน

โดยเฉพาะหนึ่งดาบสามเฉือน ไม่ว่าอย่างไรนางก็จินตนาการไม่ถึง ไม่น่าเชื่อว่า ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ จะใช้งานอย่างนี้ได้ด้วย!

และสิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาพูดไม่ออกก็คือ หลังจากสิ้นเสียงคำสั่งของเยี่ยเว่ยหมิง โหวทงไห่เจ้าหลานนั่นก็เชื่อฟังจริงๆ เลิกล้อมโจมตีหวังชู่อีแล้ว ถือสามง่ามฝากฟ้าของเขาพุ่งมาทางนี้แล้ว

“ลงมือ!”

เมื่อเห็นโหวทงไห่หลุดออกจากสนามต่อสู้ฝั่งหวังชู่อีโดยสมบูรณ์และโจมตีมาทางพวกเขา น้องดาบก็ตะคอกเสียงแหลม ถือดาบก้าวนำไปรับศึกก่อนแล้ว

[1] ไข่อีสเตอร์ 彩蛋 เปรียบเปรยถึง บางส่วนของเนื้อเรื่องที่เสริมขึ้นมาในภาพยนต์ หรือละครซึ่งทำให้ผู้ชมประหลาดใจและคาดไม่ถึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 174 ไข่อีสเตอร์ของภารกิจลับ

ถ้าเป็นการก่อเรื่องอะไรทำนองนั้น ตราบใดที่มีผลประโยชน์ เยี่ยเว่ยหมิงชื่นชอบที่สุด!

ที่จริงแล้ว ตั้งแต่การประลองยุทธ์เลือกคู่เข้าสู่ช่วงเนื้อเรื่องที่เป็นฉากตะลุมบอน เขาก็คิดแล้วว่าควรจะก่อเรื่องอะไรสักหน่อย

เดิมทีเขายังกลุ้มใจว่ามีแค่ตัวเองกับสะพานสวรรค์น้อยสองคนแล้วกำลังไม่พอ นึกเสียใจทีหลังที่ไม่ได้เรียกเฟยอวี๋ ซานเย่ว์ ถังซานไฉ่กับโหยวโหยวมาด้วยกัน

แต่ตอนนี้มีน้องดาบกับพวกอีกสองคนมาร่วมด้วยแล้ว ก็น่าจะมีกำลังเพียงพอให้พวกเขาปล่อยตัวปล่อยใจโจมตีแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มแห้ง แล้วขยิบตาให้สะพานสวรรค์น้อย จากนั้นยกเลิกการตั้งทีม ไปเข้าร่วมทีมกับน้องดาบแทน

ดูที่โหมดแบ่งไอเทมของทีมแวบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นการแบ่งไอเทมตามค่าผลงาน เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เอ่ยว่า “ลองบอกสิ่งที่เจ้าคิดมาสิ”

น้องดาบตอบอย่างสมเหตุสมผลตามที่ควรจะเป็น “แน่นอนว่าฆ่า BOSS สี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหออะไรนั่นน่าเบื่อเกินไป ให้คนอื่นไปแย่งกันเอาเองเถอะ พวกเราล้วนเป็นยอดฝีมือ ถ้าจะฆ่าก็เลือกฆ่าตัวใหญ่ๆ หน่อย”

“โอวหยางเค่อ?” สะพานสวรรค์น้อยถาม

“เอ่อ…” น้องดาบโบกมือ “นั่นใหญ่เกินไป ฆ่าไม่ไหว ที่พวกเราพูดหมายถึงอีกห้าคน เป็นเจ้าห้าคนนั้นที่กำลังสู้กับกับหวังชู่อี”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม “วีรบุรุษมักมีความคิดอ่านตรงกัน”

สำหรับเจ้าสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ห้าคนนั้น เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่กล้าคิดลงมือพวกเขา อย่าว่าแต่เขากับสะพานสวรรค์น้อย ต่อให้ดึงสมาชิกทั้งหมดของสำนักมือปราบมาตั้งทีมด้วย ก็อาจสู้ไม่ชนะใครสักคนในบรรดาพวกเขาเลยก็ได้

ถึงอย่างไร ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันเกินไป ไม่ใช่ว่าอาศัยจำนวนคนอย่างเดียวแล้วจะเติมเต็มช่องโหว่นี้ได้

แต่ถ้าเพื่อนในทีมกลายเป็นน้องดาบ เสวียนเสี่ยวปี่ที่เรียนรู้ ‘วิชากระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ได้แล้วส่วนหนึ่ง เซียวเหยาถอนใจที่มีปราณยุทธ์มังกร แล้วมาร่วมมือกับเขาและสะพานสวรรค์น้อย ก็จะเกิดภาพเหตุการณ์อีกแบบหนึ่งเลย

ความสามารถของน้องดาบนั้นไม่ต้องมาก ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ไม่ใช้เคล็ดกระบี่ ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็ไม่กล้าปะทะกับนางซึ่งๆ หน้าอยู่ดี

ส่วนความสามารถของเสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจ ที่จริงอาจเทียบกับเฟยอวี๋และถังซานไฉ่ไม่ติด แต่พวกเขาที่ใช้อัลติเมทสกิลเป็น ความสามารถในการทำคริติคอลดาเมจด้วยเวลาอันสั้นจะต้องเหนือกว่าคนอื่นๆ ของทีมสำนักมือปราบเทพแน่นอน

เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาก็จะแสดงประสิทธิภาพที่คาดไม่ถึงออกมาแน่นอน!

หลังจากกวาดสายตามองบนตัวชายหน้าตาประหลาดทั้งห้าทีละคน เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “หากจะทำอย่างนั้น ก็ต้องพยายามทำให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ข้าแนะนำว่าให้พวกเราเริ่มจากโหวทงไห่นั่นก่อน”

“สายตาเจ้านี่เป็นอย่างไรกันแน่” พอน้องดาบได้ยินการตัดสินใจเลือกของเขาก็เย้ยหยันทันที “เจ้าไม่เห็นคำอธิบายที่อยู่ใต้ชื่อของพวกเขาหรือ โหวทงไห่นั่นไม่ได้จัดอยู่ประเภทเดียวกับห้ายอดฝีมือของจวนอ๋องจ้าวเลย เขาเป็นเพียงศิษย์น้องของซาทงเทียนซึ่งเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือนั่นก็เท่านั้นเอง เมื่อเทียบความสามารถกับคนที่เหลือก็ยังด้อยกว่าเยอะมาก คนเช่นนี้แม้จะฆ่าง่าย แต่ผลตอบแทนที่ได้จากการฆ่าเขา เกรงว่าจะน้อยสุดในบรรดาห้าคนนั้น”

“อย่างนั้นหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “สิ่งที่เจ้าบอกน่ะ ข้าย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ก็เพราะข้าสนใจจุดนี้ ข้าถึงได้บอกว่าลงมือกับเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด”

หลังจากชะงักไปครู่เดียว เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอน ทางเลือกที่ดีที่สุดที่ข้าบอกก็มีข้อดีข้อเสียเช่นกัน ข้อดีที่ได้จากการฆ่าเขาก็คือจะได้ผลตอบแทนสูงสุด ส่วนข้อเสีย…แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาคือหนึ่งในคนที่รับมือได้ยากที่สุดท่ามกลางห้าคนนั้น”

เบาะแสอย่างเดียวกัน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนกลับได้ข้อสรุปที่ตรงข้ามกัน

เพียงแต่หลังจากได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงอธิบาย น้องดาบก็เข้าใจทันที กล่าวด้วยตาเป็นประกายว่า “เจ้าหมายความว่า…”

เยี่ยเว่ยหมิงแบมือยักไหล่ “นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ดูข้อมูลของโหวทงไห่สิ เห็นได้ชัดว่าโอ้อวดน้อยกว่าคนที่เหลือ โดยเฉพาะคำว่า ‘ศิษย์น้องของซาทงเทียน’ นั่นยิ่งอธิบายว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซาทงเทียน แต่เขากลับเป็น BOSS เลเวล 55 เหมือนซาทงเทียน อีกทั้งพลังชีวิตกับกำลังภายในก็ไม่เท่ากัน เจ้าว่าน่าสนใจไหมล่ะ”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ แม้แต่เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจที่ทำตัวเหมือนเป็นคนนอกมาตลอดยังตาเป็นประกาย เสวียนเสี่ยวปี่ที่สนิทกับเยี่ยเว่ยหมิงมากกว่าก็ยิ่งหลุดปากว่า “ดังนั้น คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ โหวทงไห่คนนี้ไม่ใช่เวอร์ชั่นถูกตอนแล้วในโหมดภารกิจ แต่เป็น BOSS ร่างแท้ในโหมดทั่วไป!”

เซียวเหยาถอนใจพยักหน้าเช่นกัน “เมื่อได้ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าว่าก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

น้องดาบยิ้มบางๆ “โหวทงไห่คนนี้ฐานะต่ำสุดในบรรดาเจ็ด BOSS ของฝ่ายศัตรู ต่อให้ตายไปก็ส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องตอนหลังไม่มาก จะมอบไข่อีสเตอร์[1]ของเรื่องนี้เป็นเป็นรางวัลให้คนวิเคราะห์เก่งอย่างเจ้าและผู้เล่นที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมอย่างข้า ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน”

ขณะที่พูด หนึ่งดาบสามเฉือนก็กะพริบดวงตาโตฉ่ำวาวของนาง แล้วหันมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ว่าแล้วเชียว คนเจ้าแผนการ ใช้สารพัดกลอุบาย หน้าด้านใจดำ ซ่อนดาบในรอยยิ้มอย่างเจ้า ต้องค้นพบสิ่งที่พวกเรามองไม่ออกตั้งมากมาย มาร่วมงานกับเจ้านับเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆ ด้วย!”

“ขอบคุณที่ชม!”

สองคนที่เหม็นขี้หน้ากันพูดเหน็บแนมกันสองสามประโยค แล้วก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นยอดฝีมือ ย่อมไม่ยอมให้การถกเถียงเล็กน้อยมาทำให้เสียงานใหญ่อยู่แล้ว

หลังจากสื่อสารกันง่ายๆ ไม่กี่ประโยค เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยก่อนว่า “แบ่งงานต่อสู้กันอย่างง่ายๆ เถอะ เกรงว่าภารกิจนี้คงไม่ต่อเนื่องนานเกินไป ต้องรีบฆ่า BOSS”

ตอนนี้หนึ่งดาบสามเฉือนหยุดความคิดที่จะตีฝีปากกับเยี่ยเว่ยหมิงไว้ก่อน นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “วิธีการที่เร็วที่สุด ก็ต้องอาศัยกระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเจ้าอยู่แล้ว อย่างไรเสียเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้น พวกเจ้าสองคนก็ได้พลังโจมตีเพิ่มอยู่แล้ว จะกำจัด BOSS คนนี้ได้เร็วที่สุด ถึงขนาดว่าถ้ามีเวลาเหลือ พวกเรายังหยั่งเชิงบอสคนที่สองได้ด้วย”

เมื่อได้ยินคำว่ากระบี่คู่ผนึกรวม เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็ตัดสินใจพูดความจริง “ถ้าให้รับมือกับ BOSS ในโหมดเลเวลปกติแบบนี้ เกรงว่ากระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเราอาจแสดงประสิทธิภาพได้ไม่มากนัก”

คาดไม่ถึงว่าเมื่อหนึ่งดาบสามเฉือนได้ฟังแล้ว นางกลับตบหน้าอกอย่างไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย “หากพวกเจ้ากังวลว่าจะถูกอีกฝ่ายทำลายกระบวนท่า ก็ไม่ต้องกังวลเลย ข้าจะเป็นผู้พิทักษ์ให้พวกเจ้าเอง เซียวเหยา เสี่ยวปี่ พอถึงตอนนั้นพวกเจ้าสองคนฟังคำบัญชาการของข้า คงจะไม่มีปัญหาใช่ไหม”

ทั้งสองรีบพยักหน้าซ้ำๆ ทันที แสดงว่าไม่มีปัญหา

ในเมื่อน้องดาบพูดขนาดนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกทันทีว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็เตรียมตัวให้ดี ข้าจะฆ่ามอนสเตอร์แล้ว”

“โหวทงไห่! เจ้าหลานจัญไร แน่จริงก็มานี่สิ!”

สุดยอดทักษะในยุทธภพที่ผนึกมานาน ‘ฆ่ามอนสเตอร์สูตรเยี่ยเว่ยหมิง’ ปรากฏขึ้นในยุทธภพอีกครั้ง ทำให้เพื่อนร่วมทีมตกตะลึงอ้าปากค้างทันที

นอกจากน้องสะพานสวรรค์น้อยที่ได้เห็นวิธีการเฉพาะตัวของเขามาตั้งนานแล้ว คนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเซียวเหยาถอนใจที่ไม่รู้จักเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ หรือเสวียนเสี่ยวปี่ที่เคยได้ยินเพียงอินปู้คุยบรรยาย แม้แต่น้องดาบที่ได้สัมผัสประสิทธิภาพของเคล็ดจิตนี้กับตัวเอง ทั้งสามล้วนตกใจราวกับถูกฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน

โดยเฉพาะหนึ่งดาบสามเฉือน ไม่ว่าอย่างไรนางก็จินตนาการไม่ถึง ไม่น่าเชื่อว่า ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ จะใช้งานอย่างนี้ได้ด้วย!

และสิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาพูดไม่ออกก็คือ หลังจากสิ้นเสียงคำสั่งของเยี่ยเว่ยหมิง โหวทงไห่เจ้าหลานนั่นก็เชื่อฟังจริงๆ เลิกล้อมโจมตีหวังชู่อีแล้ว ถือสามง่ามฝากฟ้าของเขาพุ่งมาทางนี้แล้ว

“ลงมือ!”

เมื่อเห็นโหวทงไห่หลุดออกจากสนามต่อสู้ฝั่งหวังชู่อีโดยสมบูรณ์และโจมตีมาทางพวกเขา น้องดาบก็ตะคอกเสียงแหลม ถือดาบก้าวนำไปรับศึกก่อนแล้ว

[1] ไข่อีสเตอร์ 彩蛋 เปรียบเปรยถึง บางส่วนของเนื้อเรื่องที่เสริมขึ้นมาในภาพยนต์ หรือละครซึ่งทำให้ผู้ชมประหลาดใจและคาดไม่ถึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด