ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง

เมื่อได้ยินคำเตือนของเยี่ยเว่ยหมิง กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ตกใจทันที แต่ละคนพากันหยิบอาวุธพร้อมลุกขึ้นยืน เพียงแต่เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักเส้าหลินที่ล้อมเข้ามายังเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่สู้กันก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ตอนอยู่ที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินเมื่อวาน ขบวนสู้รบของทั้งสองฝ่ายก็เป็นเช่นนี้ แม้อีกฝ่ายจะได้เปรียบที่มีคนเยอะกว่า แต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลยจริงๆ วันนี้เล่นลูกไม้นี้อีกแล้ว ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่

เมื่อเห็นบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินล้อมเข้ามา จางชุ่ยซานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ธุระหลักสำคัญกว่า อย่าให้มีปัญหาอื่นเข้ามาแทรก พวกเราไปกันก่อนเถอะ”

“จอมยุทธ์ห้าจาง ตอนนี้เพิ่งจะคิดหนี ไม่รู้สึกว่าสายไปหน่อยหรือ” หลังจากเสียงดังกังวานนี้ได้ยินมาถึงหู ยอดฝีมือเส้าหลินเจ็ดคนที่เคยประมือกับจางชุ่ยซานก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวพร้อมกัน แบ่งกลุ่มกับผู้เล่นเป็นสองฝั่งมาล้อมกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังไว้ตรงกลาง

เมื่อเห็นยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้ามมากันครบ จางชุ่ยซานก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ตรงหน้ากลุ่มเส้าหลิน กล่าวเสียงต่ำว่า “ไต้ซือหยวนอิน ตอนนี้พวกเราเจอเบาะแสบางอย่างของผู้ร้ายแล้ว อย่าบอกนะว่าสำนักเส้าหลินเตรียมจะหาเรื่องพวกเราต่อไป จะทำเรื่องที่ฝ่ายตัวเองเจ็บปวด ฝ่ายศัตรูหรรษาจริงๆ หรือ”

หยวนอินประนมมือเอ่ยว่า “ในเมื่อจอมยุทธ์ห้าจางเจอเบาะแสแล้ว เช่นนั้นก็ดีเลย รบกวนจอมยุทธ์ห้าจางตามอาตมาไปที่เส้าหลินสักรอบ ไปชี้แจงต้นสายปลายเหตุต่อเจ้าอาวาสเถอะ”

ที่แท้เป้าหมายของฝั่งเส้าหลินก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ยังคงคิดจะจับจางชุ่ยซานไปที่เส้าหลิน!

เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่

ทำเพื่อสอบสวนหาคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน หรือว่าถือโอกาสทำให้เส้าหลินได้เปรียบขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในการเดิมพันกับอู่ตัง หรือไม่ก็ทำเพื่อ…

ดาบฆ่ามังกร!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา จางชุ่ยซานก็ชักพู่กันเหล็กและตะขอเงินออกมาจากข้างหลังแล้วเช่นกัน “หากผู้แซ่จางไม่ยินยอมล่ะ”

“อมิตาภพุทธ!”

ทันใดนั้น นามของพระพุทธเจ้าก็ดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับวนเวียนอยู่ข้างหูทุกคนนานมาก

ตามที่เสียงสวดมนต์ดังขึ้น หลวงจีนผมขาวห่มจีวรรูปหนึ่งก็เดินจากที่ไกลๆ มาทางพวกเขาแล้ว ฝีเท้าดูเหมือนเชื่องช้า แต่ระยะทางร้อยเมตรกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึง ความเร็วของเขาเหนือความจริงกว่านักวิ่งแชมป์โลกร้อยเมตรเสียอีก!

เมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ปรากฏตัว จางชุ่ยซานก็ขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ใจเย็นไม่ไหวอีกต่อไป “ไต้ซือคงซิ่ง!”

เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆ ยังคงมองอย่างสงบนิ่ง ในใจแอบพึมพำว่า ดูท่าแล้ว ไต้ซือคงซิ่งนี่คงจะเป็นที่พึ่งพาใหญ่สุดให้พวกเขาในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเทพปราชญ์มาจากไหน

เหมือนมองออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงสงสัยอะไร อินปู้คุยที่อยู่ข้างกันอธิบายได้ถูกเวลาพอดี “คงซิ่งก็คือหนึ่งในสามพระชั้นผู้ใหญ่รุ่นฉายานาม ‘คง’ ของสำนักเส้าหลิน พลังภายในบรรลุจุดสุดยอด ใช้วิชากรงเล็บมังกรของเส้าหลินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงขั้นเหนือกว่าเทพพระคงเจี้ยนที่มรณภาพไปแล้วเสียอีก”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วอดตะลึงไม่ได้ “แม้กระทั่งเรื่องนี้เจ้าก็รู้หรือ”

“หึหึ…” อินปู้คุยหัวเราะอย่างภาพภูมิใจ “อาจารย์ข้าชอบเล่าเรื่องในยุทธภพให้ฟัง แล้วข้าก็ชอบฟังมาก ก็เลยจดจำได้เยอะ”

เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะถามว่าอาจารย์ของเจ้าคือผู้สูงส่งท่านไหนของอู่ตังกันแน่ แต่ผู้เล่นอู่ตังอีกคนที่ถือดาบกลับกล่าวอย่างไม่พอใจ “ได้กำไรเกินไปแล้ว เจ้าจะมัวพูดพล่ามกับเจ้าเด็กนี่ทำไมเยอะแยะ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเขาเป็นคนล่อหลวงจีนเส้าหลินพวกนี้มา”

“เป็นไปไม่ได้!” อินปู้คุยกลับมีความคิดรอบคอบ “เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายดักซุ่มมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ข้าเพิ่งจะพาสหายเยี่ยมาถึง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาแน่นอน”

ตอนนี้บะหมี่หมั่นโถวก้าวมาข้างหน้าแล้ว กล่าวกับอินปู้คุยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านี่ฉลาดเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะทำภารกิจชนกัน ข้าก็ยินดีจะเป็นสหายกับเจ้านะ” เมื่อพูดจบ ก็หันตัวไปหาศิษย์สำนักอู่ตังที่สงสัยในตัวเยี่ยเว่ยหมิง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ ที่จริงนักพรตเต๋าอย่างพวกเจ้าเดินอยู่ด้วยกันหกคน ก็ดูสะดุดตากว่าคนอื่นเขานะ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของบะหมี่หมั่นโถว กลุ่มผู้เล่นอู่ตังก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตาตื่นใจ

ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าคนอื่นเปิดเผยเส้นทางของพวกเขา ที่แท้พวกเขาคงถูกสะกดรอยตามเอง

ตบหน้ากันได้เจ็บมาก…

ตอนที่ผู้เล่นฝั่งนี้กำลังคุยกัน NPC ของสองสำนักก็กำลังเจรจาต่อรองเช่นเดียวกัน ทว่าสำนักเส้าหลินตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าวันนี้จะจับตัวจางชุ่ยซานกลับไปให้ได้ แต่คำขอเหลวไหลที่ทำให้อู่ตังเสียหน้าแบบนี้ จางชุ่ยซานจะยอมจำนนแต่โดยดีได้อย่างไร

ผลปรากฏว่าเพิ่งคุยไปได้ไม่กี่คำ ก็เปลี่ยนจากใช้ปากเป็นใช้มือแล้ว

ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นทั้งสามฝ่ายก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบ

ผู้เล่นอู่ตังได้รับแจ้งเตือนว่า [จางชุ่ยซานถูกไต้ซือคงซิ่งแห่งเส้าหลินหาเรื่อง ตอนสู้กันพบว่าความสามารถของตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็กังวลว่าศิษย์ในสำนักจะไม่ยอมถอยไปลำพัง ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว กรุณาฝ่าวงล้อมเพื่อแก้ไขความห่วงหน้าพะวงหลังให้จางชุ่ยซาน!]

ผู้เล่นเส้าหลินได้รับแจ้งเตือนว่า [ศิษย์สำนักอู่ตังทุกคนที่อยู่ตรงนี้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้ก่อนไต้ซือคงซิ่งจัดการจางชุ่ยซานสำเร็จ และต้องเหลือผู้รอดชีวิตไว้หนึ่งคน]

เยี่ยเว่ยหมิงกลับได้รับแจ้งเตือนว่า

[ศิษย์สำนักเส้าหลินกับศิษย์สำนักอู่ตังเกิดความขัดแย้งกัน กรุณาเลือก…

1. ช่วยเส้าหลิน

2. ช่วยอู่ตัง

3. สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ]

“พี่น้อง ลงมือเลย!” วินาทีถัดมาหลังจากปรากฏแจ้งเตือนระบบ บะหมี่หมั่นโถวก็ออกคำสั่งแล้ว เขานำพรรคพวกโจมตีไปทางกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตัง ส่วนศิษย์สำนักอู่ตังที่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ก็ต่างคนต่างลงมือเช่นกัน หมายจะฝ่าวงล้อมออกไป

เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เลือกตัวเลือกที่สองเสียเลย ชักกระบี่ออกจากฝักพร้อมเสียงมังกรคำราม ขวางบะหมี่หมั่นโถวที่นำหน้ามาเอาไว้

“สหายเว่ยหมิงคิดจะช่วยอู่ตังจนถึงที่สุดจริงๆ แล้วใช่ไหม”

“ก็แค่ภารกิจเท่านั้น”

“ดี!” หลังจากขานรับไปเรื่อยเปื่อย สหายหมั่นโถวก็ไม่เกรงใจอีก ใช้หมัดอรหันต์โจมตีไปทางเยี่ยเว่ยหมิงทันที

เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยว่าตัวเองมีอุปกรณ์ดี มีเคล็ดกระบี่เลเวลสูง ฉายเดี่ยวไปขวางศิษย์สำนักเส้าหลินสี่คนรวมทั้งบะหมี่หมั่นโถว ตอนนี้ความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงอัปเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะมาก แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อสี่ แต่ภายในเวลาอันสั้นนี้ อีกฝ่ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้เขามีความมั่นใจเหมือนจางชุ่ยซาน ขอเพียงคุ้มครองให้ศิษย์สำนักอู่ตังคนอื่นหนีไปได้ เขาก็จะเลือกถอยหนีไปอย่างสบายๆ ได้ทุกเมื่อ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เลเวลสี่ทำให้ท่าร่างของเขามีระดับความน่ากลัวถึงร้อยห้าสิบแปดแต้มแล้ว หากเขาคิดจะหนีไปเมื่อไร ผู้เล่นเลเวลเดียวกันก็มีน้อยมากที่จะตามเขาทัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีใครเชี่ยวชาญท่าร่างสักคน

เยี่ยเว่ยหมิงแข็งแกร่งมาก กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ภายใต้วงล้อมศิษย์สำนักเส้าหลินที่มีจำนวนเยอะกว่าพวกเขามาก ถ้าอยากจะตีฝ่าออกไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ยิ่งไปกว่านั้น NPC เส้าหลินเจ็ดคนที่ล้อมโจมตีจางชุ่ยซานเมื่อวาน ตอนนี้ก็กำลังยืนเป็นผู้ชมอยู่ข้างๆ พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ

แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะรู้ว่าระบบไม่มีทางมอบหมายภารกิจที่ไร้หนทางสำเร็จให้ผู้เล่น ทว่าเขาก็ครุ่นคิดอยู่นานมาก แต่กลับคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนแก้ไขสภาพอับจนตรงหน้านี้ได้

อย่าบอกนะว่าเมื่อภารกิจเกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเอง ก็จะไม่มีคำว่าสมดุลอะไรอีกแล้ว

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขวิกฤติอย่างไร อินปู้คุยที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นกลับตะโกนเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลาย ยืนหยัดไว้ ยืนหยัดต่อไปแล้วจะชนะ!”

ยืนหยัดต่อไป?

นี่มันอะไรกัน?

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ควรจะตะโกนว่าฝ่าออกไป สังหารจนเลือดนองตลอดทางไม่ใช่หรอกหรือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 29 หลวงจีนเทพคงซิ่ง

เมื่อได้ยินคำเตือนของเยี่ยเว่ยหมิง กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ตกใจทันที แต่ละคนพากันหยิบอาวุธพร้อมลุกขึ้นยืน เพียงแต่เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักเส้าหลินที่ล้อมเข้ามายังเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่สู้กันก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ตอนอยู่ที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินเมื่อวาน ขบวนสู้รบของทั้งสองฝ่ายก็เป็นเช่นนี้ แม้อีกฝ่ายจะได้เปรียบที่มีคนเยอะกว่า แต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เลยจริงๆ วันนี้เล่นลูกไม้นี้อีกแล้ว ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่

เมื่อเห็นบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินล้อมเข้ามา จางชุ่ยซานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ธุระหลักสำคัญกว่า อย่าให้มีปัญหาอื่นเข้ามาแทรก พวกเราไปกันก่อนเถอะ”

“จอมยุทธ์ห้าจาง ตอนนี้เพิ่งจะคิดหนี ไม่รู้สึกว่าสายไปหน่อยหรือ” หลังจากเสียงดังกังวานนี้ได้ยินมาถึงหู ยอดฝีมือเส้าหลินเจ็ดคนที่เคยประมือกับจางชุ่ยซานก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวพร้อมกัน แบ่งกลุ่มกับผู้เล่นเป็นสองฝั่งมาล้อมกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังไว้ตรงกลาง

เมื่อเห็นยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้ามมากันครบ จางชุ่ยซานก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่ตรงหน้ากลุ่มเส้าหลิน กล่าวเสียงต่ำว่า “ไต้ซือหยวนอิน ตอนนี้พวกเราเจอเบาะแสบางอย่างของผู้ร้ายแล้ว อย่าบอกนะว่าสำนักเส้าหลินเตรียมจะหาเรื่องพวกเราต่อไป จะทำเรื่องที่ฝ่ายตัวเองเจ็บปวด ฝ่ายศัตรูหรรษาจริงๆ หรือ”

หยวนอินประนมมือเอ่ยว่า “ในเมื่อจอมยุทธ์ห้าจางเจอเบาะแสแล้ว เช่นนั้นก็ดีเลย รบกวนจอมยุทธ์ห้าจางตามอาตมาไปที่เส้าหลินสักรอบ ไปชี้แจงต้นสายปลายเหตุต่อเจ้าอาวาสเถอะ”

ที่แท้เป้าหมายของฝั่งเส้าหลินก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ยังคงคิดจะจับจางชุ่ยซานไปที่เส้าหลิน!

เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่

ทำเพื่อสอบสวนหาคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน หรือว่าถือโอกาสทำให้เส้าหลินได้เปรียบขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในการเดิมพันกับอู่ตัง หรือไม่ก็ทำเพื่อ…

ดาบฆ่ามังกร!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา จางชุ่ยซานก็ชักพู่กันเหล็กและตะขอเงินออกมาจากข้างหลังแล้วเช่นกัน “หากผู้แซ่จางไม่ยินยอมล่ะ”

“อมิตาภพุทธ!”

ทันใดนั้น นามของพระพุทธเจ้าก็ดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับวนเวียนอยู่ข้างหูทุกคนนานมาก

ตามที่เสียงสวดมนต์ดังขึ้น หลวงจีนผมขาวห่มจีวรรูปหนึ่งก็เดินจากที่ไกลๆ มาทางพวกเขาแล้ว ฝีเท้าดูเหมือนเชื่องช้า แต่ระยะทางร้อยเมตรกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึง ความเร็วของเขาเหนือความจริงกว่านักวิ่งแชมป์โลกร้อยเมตรเสียอีก!

เมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ปรากฏตัว จางชุ่ยซานก็ขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ใจเย็นไม่ไหวอีกต่อไป “ไต้ซือคงซิ่ง!”

เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆ ยังคงมองอย่างสงบนิ่ง ในใจแอบพึมพำว่า ดูท่าแล้ว ไต้ซือคงซิ่งนี่คงจะเป็นที่พึ่งพาใหญ่สุดให้พวกเขาในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเทพปราชญ์มาจากไหน

เหมือนมองออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงสงสัยอะไร อินปู้คุยที่อยู่ข้างกันอธิบายได้ถูกเวลาพอดี “คงซิ่งก็คือหนึ่งในสามพระชั้นผู้ใหญ่รุ่นฉายานาม ‘คง’ ของสำนักเส้าหลิน พลังภายในบรรลุจุดสุดยอด ใช้วิชากรงเล็บมังกรของเส้าหลินได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงขั้นเหนือกว่าเทพพระคงเจี้ยนที่มรณภาพไปแล้วเสียอีก”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วอดตะลึงไม่ได้ “แม้กระทั่งเรื่องนี้เจ้าก็รู้หรือ”

“หึหึ…” อินปู้คุยหัวเราะอย่างภาพภูมิใจ “อาจารย์ข้าชอบเล่าเรื่องในยุทธภพให้ฟัง แล้วข้าก็ชอบฟังมาก ก็เลยจดจำได้เยอะ”

เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะถามว่าอาจารย์ของเจ้าคือผู้สูงส่งท่านไหนของอู่ตังกันแน่ แต่ผู้เล่นอู่ตังอีกคนที่ถือดาบกลับกล่าวอย่างไม่พอใจ “ได้กำไรเกินไปแล้ว เจ้าจะมัวพูดพล่ามกับเจ้าเด็กนี่ทำไมเยอะแยะ ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเขาเป็นคนล่อหลวงจีนเส้าหลินพวกนี้มา”

“เป็นไปไม่ได้!” อินปู้คุยกลับมีความคิดรอบคอบ “เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายดักซุ่มมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ข้าเพิ่งจะพาสหายเยี่ยมาถึง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาแน่นอน”

ตอนนี้บะหมี่หมั่นโถวก้าวมาข้างหน้าแล้ว กล่าวกับอินปู้คุยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านี่ฉลาดเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะทำภารกิจชนกัน ข้าก็ยินดีจะเป็นสหายกับเจ้านะ” เมื่อพูดจบ ก็หันตัวไปหาศิษย์สำนักอู่ตังที่สงสัยในตัวเยี่ยเว่ยหมิง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ ที่จริงนักพรตเต๋าอย่างพวกเจ้าเดินอยู่ด้วยกันหกคน ก็ดูสะดุดตากว่าคนอื่นเขานะ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของบะหมี่หมั่นโถว กลุ่มผู้เล่นอู่ตังก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตาตื่นใจ

ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าคนอื่นเปิดเผยเส้นทางของพวกเขา ที่แท้พวกเขาคงถูกสะกดรอยตามเอง

ตบหน้ากันได้เจ็บมาก…

ตอนที่ผู้เล่นฝั่งนี้กำลังคุยกัน NPC ของสองสำนักก็กำลังเจรจาต่อรองเช่นเดียวกัน ทว่าสำนักเส้าหลินตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าวันนี้จะจับตัวจางชุ่ยซานกลับไปให้ได้ แต่คำขอเหลวไหลที่ทำให้อู่ตังเสียหน้าแบบนี้ จางชุ่ยซานจะยอมจำนนแต่โดยดีได้อย่างไร

ผลปรากฏว่าเพิ่งคุยไปได้ไม่กี่คำ ก็เปลี่ยนจากใช้ปากเป็นใช้มือแล้ว

ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นทั้งสามฝ่ายก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบ

ผู้เล่นอู่ตังได้รับแจ้งเตือนว่า [จางชุ่ยซานถูกไต้ซือคงซิ่งแห่งเส้าหลินหาเรื่อง ตอนสู้กันพบว่าความสามารถของตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็กังวลว่าศิษย์ในสำนักจะไม่ยอมถอยไปลำพัง ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว กรุณาฝ่าวงล้อมเพื่อแก้ไขความห่วงหน้าพะวงหลังให้จางชุ่ยซาน!]

ผู้เล่นเส้าหลินได้รับแจ้งเตือนว่า [ศิษย์สำนักอู่ตังทุกคนที่อยู่ตรงนี้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้ก่อนไต้ซือคงซิ่งจัดการจางชุ่ยซานสำเร็จ และต้องเหลือผู้รอดชีวิตไว้หนึ่งคน]

เยี่ยเว่ยหมิงกลับได้รับแจ้งเตือนว่า

[ศิษย์สำนักเส้าหลินกับศิษย์สำนักอู่ตังเกิดความขัดแย้งกัน กรุณาเลือก…

1. ช่วยเส้าหลิน

2. ช่วยอู่ตัง

3. สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ]

“พี่น้อง ลงมือเลย!” วินาทีถัดมาหลังจากปรากฏแจ้งเตือนระบบ บะหมี่หมั่นโถวก็ออกคำสั่งแล้ว เขานำพรรคพวกโจมตีไปทางกลุ่มศิษย์สำนักอู่ตัง ส่วนศิษย์สำนักอู่ตังที่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ก็ต่างคนต่างลงมือเช่นกัน หมายจะฝ่าวงล้อมออกไป

เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะไม่ลังเลใดๆ เลือกตัวเลือกที่สองเสียเลย ชักกระบี่ออกจากฝักพร้อมเสียงมังกรคำราม ขวางบะหมี่หมั่นโถวที่นำหน้ามาเอาไว้

“สหายเว่ยหมิงคิดจะช่วยอู่ตังจนถึงที่สุดจริงๆ แล้วใช่ไหม”

“ก็แค่ภารกิจเท่านั้น”

“ดี!” หลังจากขานรับไปเรื่อยเปื่อย สหายหมั่นโถวก็ไม่เกรงใจอีก ใช้หมัดอรหันต์โจมตีไปทางเยี่ยเว่ยหมิงทันที

เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยว่าตัวเองมีอุปกรณ์ดี มีเคล็ดกระบี่เลเวลสูง ฉายเดี่ยวไปขวางศิษย์สำนักเส้าหลินสี่คนรวมทั้งบะหมี่หมั่นโถว ตอนนี้ความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงอัปเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะมาก แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อสี่ แต่ภายในเวลาอันสั้นนี้ อีกฝ่ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้เขามีความมั่นใจเหมือนจางชุ่ยซาน ขอเพียงคุ้มครองให้ศิษย์สำนักอู่ตังคนอื่นหนีไปได้ เขาก็จะเลือกถอยหนีไปอย่างสบายๆ ได้ทุกเมื่อ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เลเวลสี่ทำให้ท่าร่างของเขามีระดับความน่ากลัวถึงร้อยห้าสิบแปดแต้มแล้ว หากเขาคิดจะหนีไปเมื่อไร ผู้เล่นเลเวลเดียวกันก็มีน้อยมากที่จะตามเขาทัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาศิษย์สำนักเส้าหลินที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีใครเชี่ยวชาญท่าร่างสักคน

เยี่ยเว่ยหมิงแข็งแกร่งมาก กลุ่มศิษย์สำนักอู่ตังก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ภายใต้วงล้อมศิษย์สำนักเส้าหลินที่มีจำนวนเยอะกว่าพวกเขามาก ถ้าอยากจะตีฝ่าออกไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ยิ่งไปกว่านั้น NPC เส้าหลินเจ็ดคนที่ล้อมโจมตีจางชุ่ยซานเมื่อวาน ตอนนี้ก็กำลังยืนเป็นผู้ชมอยู่ข้างๆ พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ

แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะรู้ว่าระบบไม่มีทางมอบหมายภารกิจที่ไร้หนทางสำเร็จให้ผู้เล่น ทว่าเขาก็ครุ่นคิดอยู่นานมาก แต่กลับคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนแก้ไขสภาพอับจนตรงหน้านี้ได้

อย่าบอกนะว่าเมื่อภารกิจเกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเอง ก็จะไม่มีคำว่าสมดุลอะไรอีกแล้ว

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขวิกฤติอย่างไร อินปู้คุยที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นกลับตะโกนเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลาย ยืนหยัดไว้ ยืนหยัดต่อไปแล้วจะชนะ!”

ยืนหยัดต่อไป?

นี่มันอะไรกัน?

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ควรจะตะโกนว่าฝ่าออกไป สังหารจนเลือดนองตลอดทางไม่ใช่หรอกหรือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+