ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง

อะไรนะ

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ถังซานไฉ่ก็ตะลึงขึ้นมาทันที

ในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักถังเหมิน เขาย่อมรู้เช่นกันว่าในสำนักมีสกิลสร้างกับดักกลไก เพียงแต่ตอนนี้ผู้เล่นยังเข้ามาในเกมได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นค่าผลงานสำนัก เงิน หรือค่าตบะก็ล้วนไม่พอให้เรียนทักษะพื้นฐานทั้งหมดในสำนักได้ ต่อให้ถังซานไฉ่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดในสำนักถังเหมิน แต่ก็ไม่มีทางศึกษาจนครบทุกด้านอยู่ดี

เพียงแต่ตัวเขาเองแม้จะไม่ได้เรียนวิชากลไก แต่เขาก็เคยเห็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักใช้มาก่อน เขาถามใจตัวเองแล้วพบว่าตัวเองมีความรู้เรื่องกับดักดีกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ในเกม

แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้เรื่องนี้ดีเหมือนกัน!

เขาไม่เพียงแค่มีเคล็ดกระบี่แข็งแกร่งอหังหาร ไม่น่าเชื่อว่ายังสังเกตเห็นกับดักเร็วกว่าถังซานไฉ่หนึ่งก้าวด้วย ถึงขั้นอธิบายได้ชัดเจนขนาดนี้อีก สิ่งนี้ทำให้ถังซานไฉ่อดตกตะลึงไม่ได้

เจ้าหมอนี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!

ขณะกำลังตกตะลึง ถังซานไฉ่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เห็นเขาพลิกมือขวา ปล่อยหินตั๊กแตนบินออกมาจากนิ้วก้อนหนึ่ง ตามด้วยสะบัดมือหนึ่งที หินตั๊กแตนบินก้อนนั้นกลายเป็นลำแสงสีดำหนึ่งสายทันที กระทบบนเส้นลวดที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้าอย่างแม่นยำไร้เทียมทาน

แปะ!

ภายใต้การโจมตีนี้ เส้นลวดขาดพร้อมส่งเสียงดัง ตามติดด้วย…

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!…

ลูกดอกหน้าไม้นับไม่ถ้วนยิงออกจากที่ลับ ในจำนวนนั้นมีไม้ไผ่ที่ถูกเหลาให้แหลมสิบกว่าแท่ง ชั่วขณะนั้นบริเวณใกล้เส้นลวดก็ถูกปกคลุมไปด้วยอาวุธลับนานาชนิด

อาวุธลับชนิดต่างๆ ยิงต่อเนื่องเป็นเวลาสิบวินาที ยิงจนป่าเขียวชอุ่มมีอาวุธเกลื่อนกลาดไปหมด

เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่เห็นฉากนี้แล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ลองสมมติถึงฉากที่อีกประเดี๋ยวตัวเองจะตกอยู่ในขอบเขตใจกลางที่โดนอาวุธลับปกคลุม…อย่างไรเสีย เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้สึกว่าเคล็ดกระบี่มังกรร่อนล่อหงส์ของเขาจะต้านทานไหว

ส่วนถังซานไฉ่…ไม่ต้องพูดถึงก็ได้!

ถ้าคิดจะรับมือกับกับดักนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน อย่างน้อยก็ต้องมีความสามารถเท่าจางชุ่ยซานให้ได้ก่อนละมั้ง

เพื่อที่จะลอบสังหารเสี่ยวไป๋ขายน้ำเต้าหู้คนเดียว เตรียมฉากแบบนี้ไว้มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า

แบบนี้แม่งเกินไปจริงๆ!

นี่ระบบจะทำให้วุ่นวายยังไงกันแน่

ขณะกำลังแขวะและตกตะลึงในใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมส่งคำเชิญตั้งทีมให้ถังซานไฉ่ หลังจากถังซานไฉ่กดยอมรับแล้ว ก็ตรวจดูวิธีการแบ่งสรรในทีมทันที

แบ่งสรรค่าผลงาน?

ขณะรู้สึกผิดคาดนิดหน่อย บนใบหน้าถังซานไฉ่ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาพึงพอใจกับวิธีการแบ่งสรรแบบนี้มาก

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ โหมดการแบ่งสรรรางวัลของทีมจะมีให้เลือกหลายแบบ การแบ่งสรรค่าผลงานเป็นหนึ่งในวิธีแบ่งที่ค่อนข้างเหมาะกับการตั้งทีมกับคนนอก ไอเทมดรอปจากศัตรูจะแบ่งตามอัตราส่วนค่าผลงานของผู้เล่นในทีมได้ ค่าผลงานนี้ไม่ได้รวมแค่การทำดาเมจเท่านั้น แต่เป็นตัวเลขรวมของดาเมจหลายด้านที่ได้รับ

วิธีการคำนวณค่าผลงานสำนักค่อนข้างซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นส่วนที่ได้รับดาเมจ หากเป้าหมายโจมตีของศัตรูคือคุณ เช่นนั้นดาเมจโจมตีที่ได้รับก็จะคิดเป็นส่วนของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้านหรือหลบหลีกการโจมตีได้ก็ตาม

พอเป็นแบบนี้ก็รับประกันความยุติธรรมในการแบ่งสรรได้แล้ว ทั้งยังป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมกินแรงเพื่อนด้วย สิ่งเดียวที่รับประกันไม่ได้ก็คือ ไอเทมในห่อที่จัดสรรให้แต่ละคนอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ

มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่มือกระบี่ได้รับนวม หรือผู้เล่นที่ฝึกหมัดมวยก็ได้รับกระบี่ล้ำค่า

ดังนั้นวิธีการแบ่งแบบนี้ใช้งานไม่ได้จริงกับทีมที่คุ้นเคยกัน เหมาะเพียงทีมชั่วคราวที่ไร้พื้นฐานความเชื่อใจระหว่างกันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่

“หึ! นึกไม่ถึงว่าเหยี่ยวเทพทรงพลังที่ไร้เทียมทานในปีนั้น ตอนนี้ต้องอาศัยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนคอยปกป้อง ช่างน่าเศร้าจริงๆ! น่าขำนัก!”

ท่ามกลางเสียงที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามและเหน็บแนม เงาคนสามคนโผล่มาจากป่าอย่างรวดเร็ว ข้างหน้าหนึ่งข้างหลังสอง ห้อมล้อมทั้งสามคนเอาไว้

คนที่พูดเหยียดหยามก่อนหน้านี้ ก็คือชายหน้าดำที่ขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสอง บนแก้มเขามีไฝดำเม็ดหนึ่ง สีหน้ามีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นมาก สองมือกำลังกอดกระบี่ล้ำค่า มุมปากเผยยิ้มลำพองใจ สายตามองอยู่บนตัวเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ “นึกถึงตอนนั้น พรรคที่ข้าตั้งถูกเจ้าปราบหมดสิ้น ตัวข้าเองก็ยิ่งถูกเจ้าไล่สังหารพันลี้ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในมือของเจ้า”

“นึกไม่ถึงว่าน้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน[1] ข้าหลินจื้อเพ่ยกลับมาอีกแล้ว!”

เมื่อได้ฟังบทเกริ่นนำอันก้าวร้าวเต็มเปี่ยมของผู้มาเยือน ถังซานไฉ่ก็มองเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ด้วยสายตาแปลกๆ อย่างอดไม่ได้ “ท่าน? เหยี่ยวเทพทรงพลัง?”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้กลับไม่แยแสคำถามของถังซานไฉ่ สายตาจริงจังเผชิญกับสายตาหยอกล้อของหลินจื้อเพ่ย “ข้าไม่เคยคิดจะเอาชีวิตของเจ้ามาก่อนเลย เพียงคิดจะจับเจ้าไปดำเนินคดีเท่านั้น”

“เหลวไหล!” หลินจื้อเพ่ยกล่าวอย่างมีโทสะ “ก่อนหน้านั้นข้าสังหารคนไปหลายสิบคน หากตกอยู่ในมือของจวนขุนนาง ยังมีเหตุผลอะไรให้รอดชีวิต”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้แสยะยิ้ม “พูดพร่ำอยู่ตั้งนาน เจ้ายังไม่รู้สินะว่าบาปของตัวเองมิอาจอภัยได้”

ขณะที่พูด สายตาก็ย้ายไปมองสองคนข้างหลัง “จีไหลเหย่ภมรเด็ดดอกไม้ ผีพนันเก๋ออ๋างโส่ว หลินจื้อเพ่ยผู้ลือนามแปดทิศอย่างเจ้าก็มา สี่หัวโจกค่ายดอกบัว นอกจากโฉวป้าที่โดนประหารไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้พวกเจ้าจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มาตกอับอยู่ในเมืองลั่วหยางโดยแท้”

ตามที่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ประกาศชื่อสามคนนี้ออกมาทีละคน เหนือศีรษะของพวกเขาก็มีข้อมูลที่สอดคล้องกันปรากฏขึ้น

[หลินจื้อเพ่ย

ฉายายุทธภพ ‘ผู้ลือนามแปดทิศ’ ทักษะยุทธ์แข็งแกร่ง ทำความชั่วไว้มากมาย เจ้าบ้านใหญ่ค่ายดอกบัว

เลเวล: 35

พลังชีวิต: 16500/16500

กำลังภายใน: 8000/8000]

……

[จีไหลเหย่

โจรราคะผู้โด่งดัง ฉายายุทธภพ ‘ภมรเด็ดดอกไม้’ เจ้าบ้านรองค่ายดอกบัว

เลเวล: 29

พลังชีวิต: 9600/9600

กำลังภายใน: 4300/4300]

……

[เก๋ออ๋างโส่ว

ติดพนัน ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เจ้าบ้านสี่ค่ายดอกบัว

เลเวล: 23

พลังชีวิต: 5900/5900

กำลังภายใน: 3100/3100]

……

ข้อมูลค่าสเตตัสของ BOSS ทั้งสามปรากฏขึ้น แปลว่าทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นสังเกตเห็นทันทีว่าแม้แต่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ที่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตัวเอง เหนือศีรษะก็ปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสเหมือนสามคนนั้นเช่นกัน

[ไป๋จ่านจี (พิการบาดเจ็บ)

อดีตมือปราบเลื่องชื่อของสำนักลิ่วซ่านเหมิน ฉายายุทธภพ ‘เหยี่ยวเทพทรงพลัง’ ปลีกตัวออกจากยุทธภพหลังจากได้รับบาดเจ็บ อาศัยขายน้ำเต้าหู้เลี้ยงชีพ

เลเวล: 30

พลังชีวิต: 23400/23400

กำลังภายใน: 15900/15900]

……

ดูจากค่าสเตตัส คนขายน้ำเต้าหู้โหดขนาดนี้เลยเหรอ

ตอนนี้ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงลอบทำร้ายเขา เหตุใดจึงสร้างกับดักที่น่ากลัวขนาดนี้ขึ้นมา

เจ้าหมอนี่มีความสำคัญจริงๆ!

ถึงขนาดว่าต่อให้เตรียมกับดักอย่างนั้นไว้ แต่จะสร้างภัยคุกคามต่อ BOSS ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไหวเหรอ

ถังซานไฉ่ดูพลังของทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันแวบหนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “พี่ใหญ่เสี่ยวไป๋ เห็นค่าสเตตัสของท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมมีแค่เลเวลสามสิบเองล่ะ”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้…อ๋อ ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเป็นเหยี่ยวเทพทรงพลังไป๋จ่านจีแล้ว ไป๋จ่านจีได้ยินแล้วยิ้มเจื่อน แต่ก็ยังอดทนอธิบายให้ทั้งสองฟังว่า “ที่จริงในยุทธภพนี้ วิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการตัดสินว่าใครอ่อนแอหรือแข็งแกร่งก็คือดูที่เลเวล เพราะเลเวลคือสิ่งที่สะท้อนศักยภาพรวมของคนคนหนึ่งได้โดยตรง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลเท่ากัน หากใครมีความสามารถเหนือกว่าสักสกิลหนึ่ง ก็จะมีข้อด้อยที่สอดคล้องกัน มีเพียงเลเวลเท่านั้น ถึงจะแสดงคุณสมบัติภาพรวมของผู้ฝึกยุทธ์ได้”

หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอน มาตรฐานที่ข้ากล่าวไว้ข้างต้น ไม่รวมผู้เล่นอย่างพวกเจ้า”

เมื่อพูดจบ ไป๋จ่านจีก็ถลันตัวไปหาหลินจื้อเพ่ยที่กระโจนมาตรงหน้าแล้ว พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังว่า “จอมยุทธ์น้อยถังซานไฉ่ น้องเยี่ยเว่ยหมิง ข้าถ่วงหลินจื้อเพ่ยไว้ได้ครู่เดียวเท่านั้น พวกเจ้าสองคนรีบจัดการคู่ต่อสู้ที่เหลือให้เร็วที่สุด แล้วรีบมาสนับสนุนข้า”

เมื่อได้ยินคำเตือนของไป๋จ่านจี เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่ก็รู้สึกพูดไม่ออกพร้อมกัน

พวกเราสองคนเป็นผู้เล่นเลเวลสิบกว่า แต่นายจะให้พวกเราท้าทาย BOSS เลเวลยี่สิบกว่างั้นเหรอ ทั้งยังให้รีบจัดการคู่ต่อสู้ด้วย

ทำไมนายไม่บินขึ้นฟ้าไปซะเลยล่ะ

และตอนนี้เอง ไป๋จ่านจีก็ออกแรงสองเท้าเหยียดทะยานขึ้นฟ้าแล้ว จากนั้นก็กลับหัวพุ่งลงมา พร้อมใช้ฝ่ามือตบไปที่จุดไป่ฮุ่ยกลางกระหม่อมหลินจื้อเพ่ย

[1] น้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน 风水轮流转 น้ำลมหรือเรียกอีกอย่างฮวงจุ้ย หมายถึงสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ไม่มีใครโชคดีไปตลอดหรือโชคร้ายไปตลอด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง

อะไรนะ

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ถังซานไฉ่ก็ตะลึงขึ้นมาทันที

ในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักถังเหมิน เขาย่อมรู้เช่นกันว่าในสำนักมีสกิลสร้างกับดักกลไก เพียงแต่ตอนนี้ผู้เล่นยังเข้ามาในเกมได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นค่าผลงานสำนัก เงิน หรือค่าตบะก็ล้วนไม่พอให้เรียนทักษะพื้นฐานทั้งหมดในสำนักได้ ต่อให้ถังซานไฉ่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดในสำนักถังเหมิน แต่ก็ไม่มีทางศึกษาจนครบทุกด้านอยู่ดี

เพียงแต่ตัวเขาเองแม้จะไม่ได้เรียนวิชากลไก แต่เขาก็เคยเห็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักใช้มาก่อน เขาถามใจตัวเองแล้วพบว่าตัวเองมีความรู้เรื่องกับดักดีกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ในเกม

แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้เรื่องนี้ดีเหมือนกัน!

เขาไม่เพียงแค่มีเคล็ดกระบี่แข็งแกร่งอหังหาร ไม่น่าเชื่อว่ายังสังเกตเห็นกับดักเร็วกว่าถังซานไฉ่หนึ่งก้าวด้วย ถึงขั้นอธิบายได้ชัดเจนขนาดนี้อีก สิ่งนี้ทำให้ถังซานไฉ่อดตกตะลึงไม่ได้

เจ้าหมอนี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!

ขณะกำลังตกตะลึง ถังซานไฉ่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เห็นเขาพลิกมือขวา ปล่อยหินตั๊กแตนบินออกมาจากนิ้วก้อนหนึ่ง ตามด้วยสะบัดมือหนึ่งที หินตั๊กแตนบินก้อนนั้นกลายเป็นลำแสงสีดำหนึ่งสายทันที กระทบบนเส้นลวดที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้าอย่างแม่นยำไร้เทียมทาน

แปะ!

ภายใต้การโจมตีนี้ เส้นลวดขาดพร้อมส่งเสียงดัง ตามติดด้วย…

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!…

ลูกดอกหน้าไม้นับไม่ถ้วนยิงออกจากที่ลับ ในจำนวนนั้นมีไม้ไผ่ที่ถูกเหลาให้แหลมสิบกว่าแท่ง ชั่วขณะนั้นบริเวณใกล้เส้นลวดก็ถูกปกคลุมไปด้วยอาวุธลับนานาชนิด

อาวุธลับชนิดต่างๆ ยิงต่อเนื่องเป็นเวลาสิบวินาที ยิงจนป่าเขียวชอุ่มมีอาวุธเกลื่อนกลาดไปหมด

เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่เห็นฉากนี้แล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ลองสมมติถึงฉากที่อีกประเดี๋ยวตัวเองจะตกอยู่ในขอบเขตใจกลางที่โดนอาวุธลับปกคลุม…อย่างไรเสีย เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้สึกว่าเคล็ดกระบี่มังกรร่อนล่อหงส์ของเขาจะต้านทานไหว

ส่วนถังซานไฉ่…ไม่ต้องพูดถึงก็ได้!

ถ้าคิดจะรับมือกับกับดักนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน อย่างน้อยก็ต้องมีความสามารถเท่าจางชุ่ยซานให้ได้ก่อนละมั้ง

เพื่อที่จะลอบสังหารเสี่ยวไป๋ขายน้ำเต้าหู้คนเดียว เตรียมฉากแบบนี้ไว้มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า

แบบนี้แม่งเกินไปจริงๆ!

นี่ระบบจะทำให้วุ่นวายยังไงกันแน่

ขณะกำลังแขวะและตกตะลึงในใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมส่งคำเชิญตั้งทีมให้ถังซานไฉ่ หลังจากถังซานไฉ่กดยอมรับแล้ว ก็ตรวจดูวิธีการแบ่งสรรในทีมทันที

แบ่งสรรค่าผลงาน?

ขณะรู้สึกผิดคาดนิดหน่อย บนใบหน้าถังซานไฉ่ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาพึงพอใจกับวิธีการแบ่งสรรแบบนี้มาก

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ โหมดการแบ่งสรรรางวัลของทีมจะมีให้เลือกหลายแบบ การแบ่งสรรค่าผลงานเป็นหนึ่งในวิธีแบ่งที่ค่อนข้างเหมาะกับการตั้งทีมกับคนนอก ไอเทมดรอปจากศัตรูจะแบ่งตามอัตราส่วนค่าผลงานของผู้เล่นในทีมได้ ค่าผลงานนี้ไม่ได้รวมแค่การทำดาเมจเท่านั้น แต่เป็นตัวเลขรวมของดาเมจหลายด้านที่ได้รับ

วิธีการคำนวณค่าผลงานสำนักค่อนข้างซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นส่วนที่ได้รับดาเมจ หากเป้าหมายโจมตีของศัตรูคือคุณ เช่นนั้นดาเมจโจมตีที่ได้รับก็จะคิดเป็นส่วนของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้านหรือหลบหลีกการโจมตีได้ก็ตาม

พอเป็นแบบนี้ก็รับประกันความยุติธรรมในการแบ่งสรรได้แล้ว ทั้งยังป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมกินแรงเพื่อนด้วย สิ่งเดียวที่รับประกันไม่ได้ก็คือ ไอเทมในห่อที่จัดสรรให้แต่ละคนอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ

มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่มือกระบี่ได้รับนวม หรือผู้เล่นที่ฝึกหมัดมวยก็ได้รับกระบี่ล้ำค่า

ดังนั้นวิธีการแบ่งแบบนี้ใช้งานไม่ได้จริงกับทีมที่คุ้นเคยกัน เหมาะเพียงทีมชั่วคราวที่ไร้พื้นฐานความเชื่อใจระหว่างกันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่

“หึ! นึกไม่ถึงว่าเหยี่ยวเทพทรงพลังที่ไร้เทียมทานในปีนั้น ตอนนี้ต้องอาศัยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนคอยปกป้อง ช่างน่าเศร้าจริงๆ! น่าขำนัก!”

ท่ามกลางเสียงที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามและเหน็บแนม เงาคนสามคนโผล่มาจากป่าอย่างรวดเร็ว ข้างหน้าหนึ่งข้างหลังสอง ห้อมล้อมทั้งสามคนเอาไว้

คนที่พูดเหยียดหยามก่อนหน้านี้ ก็คือชายหน้าดำที่ขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสอง บนแก้มเขามีไฝดำเม็ดหนึ่ง สีหน้ามีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นมาก สองมือกำลังกอดกระบี่ล้ำค่า มุมปากเผยยิ้มลำพองใจ สายตามองอยู่บนตัวเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ “นึกถึงตอนนั้น พรรคที่ข้าตั้งถูกเจ้าปราบหมดสิ้น ตัวข้าเองก็ยิ่งถูกเจ้าไล่สังหารพันลี้ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในมือของเจ้า”

“นึกไม่ถึงว่าน้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน[1] ข้าหลินจื้อเพ่ยกลับมาอีกแล้ว!”

เมื่อได้ฟังบทเกริ่นนำอันก้าวร้าวเต็มเปี่ยมของผู้มาเยือน ถังซานไฉ่ก็มองเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ด้วยสายตาแปลกๆ อย่างอดไม่ได้ “ท่าน? เหยี่ยวเทพทรงพลัง?”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้กลับไม่แยแสคำถามของถังซานไฉ่ สายตาจริงจังเผชิญกับสายตาหยอกล้อของหลินจื้อเพ่ย “ข้าไม่เคยคิดจะเอาชีวิตของเจ้ามาก่อนเลย เพียงคิดจะจับเจ้าไปดำเนินคดีเท่านั้น”

“เหลวไหล!” หลินจื้อเพ่ยกล่าวอย่างมีโทสะ “ก่อนหน้านั้นข้าสังหารคนไปหลายสิบคน หากตกอยู่ในมือของจวนขุนนาง ยังมีเหตุผลอะไรให้รอดชีวิต”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้แสยะยิ้ม “พูดพร่ำอยู่ตั้งนาน เจ้ายังไม่รู้สินะว่าบาปของตัวเองมิอาจอภัยได้”

ขณะที่พูด สายตาก็ย้ายไปมองสองคนข้างหลัง “จีไหลเหย่ภมรเด็ดดอกไม้ ผีพนันเก๋ออ๋างโส่ว หลินจื้อเพ่ยผู้ลือนามแปดทิศอย่างเจ้าก็มา สี่หัวโจกค่ายดอกบัว นอกจากโฉวป้าที่โดนประหารไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้พวกเจ้าจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มาตกอับอยู่ในเมืองลั่วหยางโดยแท้”

ตามที่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ประกาศชื่อสามคนนี้ออกมาทีละคน เหนือศีรษะของพวกเขาก็มีข้อมูลที่สอดคล้องกันปรากฏขึ้น

[หลินจื้อเพ่ย

ฉายายุทธภพ ‘ผู้ลือนามแปดทิศ’ ทักษะยุทธ์แข็งแกร่ง ทำความชั่วไว้มากมาย เจ้าบ้านใหญ่ค่ายดอกบัว

เลเวล: 35

พลังชีวิต: 16500/16500

กำลังภายใน: 8000/8000]

……

[จีไหลเหย่

โจรราคะผู้โด่งดัง ฉายายุทธภพ ‘ภมรเด็ดดอกไม้’ เจ้าบ้านรองค่ายดอกบัว

เลเวล: 29

พลังชีวิต: 9600/9600

กำลังภายใน: 4300/4300]

……

[เก๋ออ๋างโส่ว

ติดพนัน ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เจ้าบ้านสี่ค่ายดอกบัว

เลเวล: 23

พลังชีวิต: 5900/5900

กำลังภายใน: 3100/3100]

……

ข้อมูลค่าสเตตัสของ BOSS ทั้งสามปรากฏขึ้น แปลว่าทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นสังเกตเห็นทันทีว่าแม้แต่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ที่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตัวเอง เหนือศีรษะก็ปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสเหมือนสามคนนั้นเช่นกัน

[ไป๋จ่านจี (พิการบาดเจ็บ)

อดีตมือปราบเลื่องชื่อของสำนักลิ่วซ่านเหมิน ฉายายุทธภพ ‘เหยี่ยวเทพทรงพลัง’ ปลีกตัวออกจากยุทธภพหลังจากได้รับบาดเจ็บ อาศัยขายน้ำเต้าหู้เลี้ยงชีพ

เลเวล: 30

พลังชีวิต: 23400/23400

กำลังภายใน: 15900/15900]

……

ดูจากค่าสเตตัส คนขายน้ำเต้าหู้โหดขนาดนี้เลยเหรอ

ตอนนี้ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงลอบทำร้ายเขา เหตุใดจึงสร้างกับดักที่น่ากลัวขนาดนี้ขึ้นมา

เจ้าหมอนี่มีความสำคัญจริงๆ!

ถึงขนาดว่าต่อให้เตรียมกับดักอย่างนั้นไว้ แต่จะสร้างภัยคุกคามต่อ BOSS ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไหวเหรอ

ถังซานไฉ่ดูพลังของทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันแวบหนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “พี่ใหญ่เสี่ยวไป๋ เห็นค่าสเตตัสของท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมมีแค่เลเวลสามสิบเองล่ะ”

เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้…อ๋อ ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเป็นเหยี่ยวเทพทรงพลังไป๋จ่านจีแล้ว ไป๋จ่านจีได้ยินแล้วยิ้มเจื่อน แต่ก็ยังอดทนอธิบายให้ทั้งสองฟังว่า “ที่จริงในยุทธภพนี้ วิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการตัดสินว่าใครอ่อนแอหรือแข็งแกร่งก็คือดูที่เลเวล เพราะเลเวลคือสิ่งที่สะท้อนศักยภาพรวมของคนคนหนึ่งได้โดยตรง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลเท่ากัน หากใครมีความสามารถเหนือกว่าสักสกิลหนึ่ง ก็จะมีข้อด้อยที่สอดคล้องกัน มีเพียงเลเวลเท่านั้น ถึงจะแสดงคุณสมบัติภาพรวมของผู้ฝึกยุทธ์ได้”

หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอน มาตรฐานที่ข้ากล่าวไว้ข้างต้น ไม่รวมผู้เล่นอย่างพวกเจ้า”

เมื่อพูดจบ ไป๋จ่านจีก็ถลันตัวไปหาหลินจื้อเพ่ยที่กระโจนมาตรงหน้าแล้ว พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังว่า “จอมยุทธ์น้อยถังซานไฉ่ น้องเยี่ยเว่ยหมิง ข้าถ่วงหลินจื้อเพ่ยไว้ได้ครู่เดียวเท่านั้น พวกเจ้าสองคนรีบจัดการคู่ต่อสู้ที่เหลือให้เร็วที่สุด แล้วรีบมาสนับสนุนข้า”

เมื่อได้ยินคำเตือนของไป๋จ่านจี เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่ก็รู้สึกพูดไม่ออกพร้อมกัน

พวกเราสองคนเป็นผู้เล่นเลเวลสิบกว่า แต่นายจะให้พวกเราท้าทาย BOSS เลเวลยี่สิบกว่างั้นเหรอ ทั้งยังให้รีบจัดการคู่ต่อสู้ด้วย

ทำไมนายไม่บินขึ้นฟ้าไปซะเลยล่ะ

และตอนนี้เอง ไป๋จ่านจีก็ออกแรงสองเท้าเหยียดทะยานขึ้นฟ้าแล้ว จากนั้นก็กลับหัวพุ่งลงมา พร้อมใช้ฝ่ามือตบไปที่จุดไป่ฮุ่ยกลางกระหม่อมหลินจื้อเพ่ย

[1] น้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน 风水轮流转 น้ำลมหรือเรียกอีกอย่างฮวงจุ้ย หมายถึงสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ไม่มีใครโชคดีไปตลอดหรือโชคร้ายไปตลอด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+