ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี!

สำหรับการท้าสู้อันสง่าผ่าเผยของสาวน้อยชุดแดง ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก

ครั้งนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้สหายร่วมทีมที่อยู่ในเหตุการณ์มาเข้าร่วมการต่อสู้แน่นอน

ทำแบบนั้นไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณของวีรบุรุษ!

ที่สำคัญก็คือไม่มีประโยชน์…

สาวน้อยชุดแดงคนนี้มีท่าร่างแปลกประหลาด เชี่ยวชาญวิชาดาบ ประสบการณ์ครั้งก่อนได้พิสูจน์แล้ว ว่าความได้เปรียบเรื่องจำนวนคนยากจะแสดงบทบาทออกมาได้

แค่กๆ…เพียงแต่ว่า ประเด็นสำคัญก็ยังเป็นเพราะจิตวิญญาณของวีรบุรุษ!

หลังจากทักทายบรรดาสหายร่วมทีมแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปบอกสาวน้อยชุดแดงว่า “สาเหตุที่ข้าบอกให้พวกเขามาที่นี่ ก็เพราะพวกเราต้องไปจับขโมยด้วยกันต่ออีก ให้พวกเขามาล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องนัดสถานที่เจอกันใหม่ แบบนั้นยุ่งยาก”

สาวน้อยชุดแดงกะพริบดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองเขา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นให้พวกเขาไปรอเจ้าที่จุดคืนชีพก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”

นางหนูคนนี้ ยังคงมองข้ามหัวคนอื่นเหมือนอย่างเคย!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากเปลืองแรงปากแรงลิ้นกับปัญหานี้ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “จะว่าไปนี่ก็เป็นการปะลองกันครั้งที่สองแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร สะดวกจะเปิดเผยสักหน่อยไหม”

“เรื่องนี้น่ะหรือ” ขณะที่พูด ทั้งสองก็ไปยืนอยู่ในจุดที่ห่างกันห้าเมตรแล้ว สาวน้อยชุดแดงชักดาบยาวออกมาจากข้างหลัง ควงดาบต่อเนื่องสามครั้งอย่างรวดเร็วราวกับห่านป่าที่ตกใจกระพือปีกบินขึ้นฟ้า ทำให้เกิดเงาเลือนรางสามแถว “ชื่อของข้าก็คือ ‘หนึ่งดาบสามเฉือน’ เจ้าต้องจำให้ดีนะ”

คำพูดคำจาของนางก็รวดเร็วถึงขีดสุดเช่นกัน ยามที่กล่าวคำว่า ‘เฉือน’ ออกมา ก็ซ้อนทับกับท่าควงดาบพอดี แค่พูดประโยคธรรมดาประโยคเดียว กลิ่นอายของวีรสตรีก็โผเข้ามาตรงหน้าแล้ว

สิ้นคำ การเคลื่อนไหวของสาวน้อยชุดแดงก็ต้องชะงักไป เพราะมีการแจ้งเตือนส่งคำขอเป็นเพื่อนเด้งขึ้นมาในหน้าอินเตอร์เฟสระบบของนาง

[ติ๊ง! ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ]

สาวน้อยชุดแดงผิดคาดนิดหน่อย แต่ก็กดยอมรับอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้เอง นางกลับสังเกตเห็นว่าตรงหน้ามีแสงเย็นแวบผ่าน ที่แท้ตอนเยี่ยเว่ยหมิงส่งคำขอเป็นเพื่อน ก็ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว ไม่ให้เวลาอีกฝ่ายไหวตัวแม้แต่น้อย กระบี่อาญาสิทธิ์แทงไปทางคอหอยของสาวน้อยแล้ว

พเนจรสุดขอบฟ้า!

ยามเผชิญหน้ากับการลอบจู่โจมที่เตรียมการวางแผนมานานแล้วของเยี่ยเว่ยหมิง สาวน้อยชุดแดงที่ชื่อ ‘หนึ่งดาบสามเฉือน’ กลับไม่กลัวเลยสักนิด นางเปลี่ยนวิธีการก้าวเดิน ทิ้งเงาเลือนรางแถวหนึ่งเอาไว้ที่เดิม แต่กลับย้ายร่างไปถึงด้านซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ตามด้วยฟันดาบออกมาในแนวขวางหนึ่งครั้ง “สมกับเป็นเยี่ยเว่ยหมิง ยังคงหน้าด้านไร้ยางอายเหมือนเดิม!”

“ขอบคุณที่ชม!”

หลังจากตอบกลับอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็หมุนคมกระบี่ ปัดดาบยาวในมือสาวน้อยให้กระเด็นออกไป

หลังจากทั้งสองแข่งกันเรื่องความเร็ว ตอนนี้ก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

เห็นเงาร่างของคนสองคนไขว้ตัดสลับกัน ดาบและกระบี่ที่อยู่ในมือทั้งสอง เล่มหนึ่งหนักแน่นสุขุม ส่วนอีกเล่มดุร้ายปราดเปรียว แต่ทุกท่ากลับอันตรายถึงขีดสุด ถังซานไฉ่ที่ดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ กลับส่ายหน้าถอนหายใจ “อย่าบอกนะว่าสหายเยี่ยไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่ง ในการต่อสู้ที่มีจังหวะรวดเร็วขนาดนี้ ข้าไม่มีทางรับประกันได้เลยว่าพอโจมตีอาวุธลับของตัวเองออกไปแล้ว จะพลาดทำให้สหายเยี่ยบาดเจ็บหรือไม่”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “อาศัยเลเวลเคล็ดดาบตระกูลหูของข้าตอนนี้ ต่อให้เข้าไปแทรกแซงก็อาจตามจังหวะของพวกเขาไม่ทัน ดูท่าแล้วคงต้องพยายามต่อไป หรือไม่ก็รอกลับไปก่อน หลังจากใช้ไอเทมที่ได้จากภารกิจวันนี้แล้ว ก็คงลดความแตกต่างระหว่างกันได้กระมัง”

พอซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยที่ยืนห่างกับพวกเขาหนึ่งเมตรได้ยินก็อดหัวเราะพร้อมกันไม่ได้ ซานเย่ว์เอ่ยเตือนไปว่า “เจ้าอย่าลืมนะ ว่าสิ่งที่อาหมิงได้รับจากภารกิจในวันนี้เยอะกว่าพวกเราเสียอีก”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วตบหน้าผากตัวเองอย่างจนใจ “นี่ช่างเป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าจริงๆ”

ตอนที่พวกเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์ เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนก็ประมือกันได้เจ็ดกระบวนท่าแล้ว

อย่างที่สาวน้อยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตามระดับทักษะยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น ความได้เปรียบที่นางได้จากการเป็นผู้ฝึกยุทธ์อยู่แต่เดิมก็ยิ่งน้อยลง เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้แม้จะยังเป็นรองด้านกระบวนท่า แต่กลับยังพอแลกกระบวนท่ากับอีกฝ่ายได้

หลังจากสู้กันเจ็ดกระบวนท่า หนึ่งดาบสามเฉือนถึงได้เจอจุดอ่อนหนึ่งในเคล็ดกระบี่ของเขาแล้ว เสือกคมดาบกวาดผ่านใต้ชายโครงขวาของเขาไป

-789!

ดาเมจสูงกว่าตอนแรกตั้งไกลนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจก็คือ วินาทีที่ดาบยาวกวาดผ่านร่างกายของเขา ก็ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วของอีกฝ่ายจะไม่ได้รับผลกระทบสักนิด

ราวกับใช้มีดวาดผ่านอากาศ ไม่ถ่วงเวลาให้ล่าช้าลงเลย!

นางหนูประหลาดนั่นกล้าประกาศว่าไม่กลัวกลยุทธ์คนโหดเวอร์ชั่นอัปเกรดของเยี่ยเว่ยหมิง อาศัยแค่วิชาดาบนี้อย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้กลยุทธ์ใช้ร่างกายกักอาวุธฝ่ายตรงข้ามที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้ไร้ประสิทธิภาพแล้ว

เมื่อถึงกระบวนท่าที่แปด สาวน้อยหมุนคมดาบ แล้วฟันไปทางท้องน้อยของเยี่ยเว่ยหมิง

เมื่อเห็นอีกฝ่ายโจมตีมาถึงตรงหน้าตัวเองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงพลันไพล่กระบี่อาญาสิทธิ์เอาไว้ข้างหลังตัวเองโดยไม่หลบหลัก ปล่อยให้ท้องน้อยของเขารับคมดาบของอีกฝ่ายไปอย่างนี้!

หนึ่งดาบสามเฉือนเห็นสถานการณ์แล้วตกใจ แต่ช่วยไม่ได้ที่ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป แม้ตอนนี้นางจะอยากเปลี่ยนกระบวนท่าแต่ก็สายไปเสียแล้ว นอกเสียจากนางจะยอมทิ้งความได้เปรียบที่สะสมจากหลายกระบวนท่าก่อนหน้านี้ แล้วส่งอำนาจฝ่ายรุกในการต่อสู้ให้เยี่ยเว่ยหมิง

แต่คนหัวแข็งอย่างนาง จะยอมก้มหน้าในการต่อสู้ง่ายๆ ได้อย่างไร

หนึ่งดาบสามเฉือนที่ไม่ยอมถูกอีกฝ่ายขู่ให้กลัว แม้จะยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสม แต่ก็ยังแข็งใจฟันลงไปหนึ่งดาบ

-587!

หลังจากตัวเลขดาเมจลอยขึ้นเหนือศีรษะเยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งดาบสามเฉือนกลับสีหน้าเปลี่ยนไปมาก เพราะชั่วพริบตาที่ดาบในมือนางฟันเข้าร่างกายเยี่ยเว่ยหมิง กำลังภายในที่เหนียวผิดปกติกลุ่มหนึ่งก็พัวพันขึ้นมาทันที ไม่เพียงแค่ทำให้ดาบในมือนางเหมือนฟันลงบ่อโคลนลึกเท่านั้น ถึงขั้นว่ากำลังภายในกลุ่มนั้นยังลุกลามจากตัวดาบขึ้นมาบนแขนของนางด้วย ส่งผลให้การเคลื่อนไหวทั้งร่างกายช้าลงทันที

ความเชื่องช้านี้ แม้จะเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวสั้นๆ ไม่ถึง 0.1 วินาที!

แต่เมื่อปรมาจารย์สู้กัน เวลาวินาทีเดียวก็มีค่า

ไม่รอให้นางทันรับมือใดๆ กระบี่อาญาสิทธิ์ในมือเยี่ยเว่ยหมิงก็แทงออกมาแล้ว แทงทะลุหัวใจของสาวน้อยโดยตรง

-5837!

ตอนที่ตัวเลขคริติคอลดาเมจตัวใหญ่ลอยขึ้นมา หนึ่งดาบสามเฉือนก็กลายเป็นแสงสีขาวอยู่ภายใต้กระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง กลับไปรายการตัวที่จุดคืนชีพเมืองหังโจวแล้ว

“ใช้ได้เลย!” เมื่อเห็นการต่อสู้จบลงแล้ว สหายร่วมทีมสี่คนก็ล้อมเข้ามาหา เฟยอวี๋ก็ยิ่งทุบอกเยี่ยเว่ยหมิงไปหนึ่งหมัดพร้อมบอกว่า “ดาเมจจากกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ของเจ้าโหดเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยเห็นเจ้าใช้เลย”

“ถ้าใช้ทุกวันได้ก็ไม่เรียกว่าท่าไม้ตายน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ สื่อว่าการใช้ท่านี้มีขีดจำกัด แต่รายละเอียดว่ามีข้อจำกัดอะไร เขาไม่ได้บอก

ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งกระพือปีกมาเกาะบนหัวไหล่เขา เขาจึงเปิดข้อความอ่าน

[คนผีร่วมวิถี?] …หนึ่งดาบสามเฉือน

เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันที

[อืม!] …เยี่ยเว่ยหมิง

[วันหลังข้าจะมาหาเจ้าอีก] …หนึ่งดาบสามเฉือน

การสื่อสารผ่านจดหมายจบลง เยี่ยเว่ยหมิงเล่าเรื่องที่ตัวเองสังหารวั่งเหยียนไปก่อนหน้านี้ บอกกติกาให้อีกสี่คนฟังว่าหากถูกสังหารตายต่อเนื่องสามครั้งภายในหนึ่งชั่วโมง ผู้เล่นจะเลือกจุดคืนชีพเองได้ จากนั้นเขาก็หันมาถามเฟยอวี๋ “เป็นอย่างไร ยังไล่ตามเบาะแสต่อได้ไหม”

เฟยอวี๋อธิบายว่า “วิชา ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของข้า เดิมทีอิงจากเบาะแสที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เพื่อตัดสินทิศทาง ตัดสินว่าอีกฝ่ายปลอมตัวอย่างไร หรืออีกฝ่ายใช้พาหนะอะไรเดินทางก็ล้วนปิดบังสองตาของข้าไม่ได้ แต่การคืนชีพของระบบคืนชีพ กลับไม่มีร่องรอยที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เหมือนการโดยสารรถม้า”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่มีทางไล่ตามเบาะแสได้แล้ว?”

เฟยอวี๋ส่ายหน้าอีกครั้ง “ยังไล่ตามเบาะแสได้ แต่ยังมีราคาที่ต้องจ่ายพอสมควร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 142 อานุภาพของคนผีร่วมวิถี!

สำหรับการท้าสู้อันสง่าผ่าเผยของสาวน้อยชุดแดง ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก

ครั้งนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้สหายร่วมทีมที่อยู่ในเหตุการณ์มาเข้าร่วมการต่อสู้แน่นอน

ทำแบบนั้นไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณของวีรบุรุษ!

ที่สำคัญก็คือไม่มีประโยชน์…

สาวน้อยชุดแดงคนนี้มีท่าร่างแปลกประหลาด เชี่ยวชาญวิชาดาบ ประสบการณ์ครั้งก่อนได้พิสูจน์แล้ว ว่าความได้เปรียบเรื่องจำนวนคนยากจะแสดงบทบาทออกมาได้

แค่กๆ…เพียงแต่ว่า ประเด็นสำคัญก็ยังเป็นเพราะจิตวิญญาณของวีรบุรุษ!

หลังจากทักทายบรรดาสหายร่วมทีมแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปบอกสาวน้อยชุดแดงว่า “สาเหตุที่ข้าบอกให้พวกเขามาที่นี่ ก็เพราะพวกเราต้องไปจับขโมยด้วยกันต่ออีก ให้พวกเขามาล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องนัดสถานที่เจอกันใหม่ แบบนั้นยุ่งยาก”

สาวน้อยชุดแดงกะพริบดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองเขา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นให้พวกเขาไปรอเจ้าที่จุดคืนชีพก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”

นางหนูคนนี้ ยังคงมองข้ามหัวคนอื่นเหมือนอย่างเคย!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากเปลืองแรงปากแรงลิ้นกับปัญหานี้ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “จะว่าไปนี่ก็เป็นการปะลองกันครั้งที่สองแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร สะดวกจะเปิดเผยสักหน่อยไหม”

“เรื่องนี้น่ะหรือ” ขณะที่พูด ทั้งสองก็ไปยืนอยู่ในจุดที่ห่างกันห้าเมตรแล้ว สาวน้อยชุดแดงชักดาบยาวออกมาจากข้างหลัง ควงดาบต่อเนื่องสามครั้งอย่างรวดเร็วราวกับห่านป่าที่ตกใจกระพือปีกบินขึ้นฟ้า ทำให้เกิดเงาเลือนรางสามแถว “ชื่อของข้าก็คือ ‘หนึ่งดาบสามเฉือน’ เจ้าต้องจำให้ดีนะ”

คำพูดคำจาของนางก็รวดเร็วถึงขีดสุดเช่นกัน ยามที่กล่าวคำว่า ‘เฉือน’ ออกมา ก็ซ้อนทับกับท่าควงดาบพอดี แค่พูดประโยคธรรมดาประโยคเดียว กลิ่นอายของวีรสตรีก็โผเข้ามาตรงหน้าแล้ว

สิ้นคำ การเคลื่อนไหวของสาวน้อยชุดแดงก็ต้องชะงักไป เพราะมีการแจ้งเตือนส่งคำขอเป็นเพื่อนเด้งขึ้นมาในหน้าอินเตอร์เฟสระบบของนาง

[ติ๊ง! ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ]

สาวน้อยชุดแดงผิดคาดนิดหน่อย แต่ก็กดยอมรับอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้เอง นางกลับสังเกตเห็นว่าตรงหน้ามีแสงเย็นแวบผ่าน ที่แท้ตอนเยี่ยเว่ยหมิงส่งคำขอเป็นเพื่อน ก็ใช้ท่าร่าง ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว ไม่ให้เวลาอีกฝ่ายไหวตัวแม้แต่น้อย กระบี่อาญาสิทธิ์แทงไปทางคอหอยของสาวน้อยแล้ว

พเนจรสุดขอบฟ้า!

ยามเผชิญหน้ากับการลอบจู่โจมที่เตรียมการวางแผนมานานแล้วของเยี่ยเว่ยหมิง สาวน้อยชุดแดงที่ชื่อ ‘หนึ่งดาบสามเฉือน’ กลับไม่กลัวเลยสักนิด นางเปลี่ยนวิธีการก้าวเดิน ทิ้งเงาเลือนรางแถวหนึ่งเอาไว้ที่เดิม แต่กลับย้ายร่างไปถึงด้านซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ตามด้วยฟันดาบออกมาในแนวขวางหนึ่งครั้ง “สมกับเป็นเยี่ยเว่ยหมิง ยังคงหน้าด้านไร้ยางอายเหมือนเดิม!”

“ขอบคุณที่ชม!”

หลังจากตอบกลับอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็หมุนคมกระบี่ ปัดดาบยาวในมือสาวน้อยให้กระเด็นออกไป

หลังจากทั้งสองแข่งกันเรื่องความเร็ว ตอนนี้ก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

เห็นเงาร่างของคนสองคนไขว้ตัดสลับกัน ดาบและกระบี่ที่อยู่ในมือทั้งสอง เล่มหนึ่งหนักแน่นสุขุม ส่วนอีกเล่มดุร้ายปราดเปรียว แต่ทุกท่ากลับอันตรายถึงขีดสุด ถังซานไฉ่ที่ดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ กลับส่ายหน้าถอนหายใจ “อย่าบอกนะว่าสหายเยี่ยไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่ง ในการต่อสู้ที่มีจังหวะรวดเร็วขนาดนี้ ข้าไม่มีทางรับประกันได้เลยว่าพอโจมตีอาวุธลับของตัวเองออกไปแล้ว จะพลาดทำให้สหายเยี่ยบาดเจ็บหรือไม่”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “อาศัยเลเวลเคล็ดดาบตระกูลหูของข้าตอนนี้ ต่อให้เข้าไปแทรกแซงก็อาจตามจังหวะของพวกเขาไม่ทัน ดูท่าแล้วคงต้องพยายามต่อไป หรือไม่ก็รอกลับไปก่อน หลังจากใช้ไอเทมที่ได้จากภารกิจวันนี้แล้ว ก็คงลดความแตกต่างระหว่างกันได้กระมัง”

พอซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยที่ยืนห่างกับพวกเขาหนึ่งเมตรได้ยินก็อดหัวเราะพร้อมกันไม่ได้ ซานเย่ว์เอ่ยเตือนไปว่า “เจ้าอย่าลืมนะ ว่าสิ่งที่อาหมิงได้รับจากภารกิจในวันนี้เยอะกว่าพวกเราเสียอีก”

เฟยอวี๋ได้ยินแล้วตบหน้าผากตัวเองอย่างจนใจ “นี่ช่างเป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าจริงๆ”

ตอนที่พวกเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์ เยี่ยเว่ยหมิงกับหนึ่งดาบสามเฉือนก็ประมือกันได้เจ็ดกระบวนท่าแล้ว

อย่างที่สาวน้อยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตามระดับทักษะยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น ความได้เปรียบที่นางได้จากการเป็นผู้ฝึกยุทธ์อยู่แต่เดิมก็ยิ่งน้อยลง เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้แม้จะยังเป็นรองด้านกระบวนท่า แต่กลับยังพอแลกกระบวนท่ากับอีกฝ่ายได้

หลังจากสู้กันเจ็ดกระบวนท่า หนึ่งดาบสามเฉือนถึงได้เจอจุดอ่อนหนึ่งในเคล็ดกระบี่ของเขาแล้ว เสือกคมดาบกวาดผ่านใต้ชายโครงขวาของเขาไป

-789!

ดาเมจสูงกว่าตอนแรกตั้งไกลนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจก็คือ วินาทีที่ดาบยาวกวาดผ่านร่างกายของเขา ก็ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วของอีกฝ่ายจะไม่ได้รับผลกระทบสักนิด

ราวกับใช้มีดวาดผ่านอากาศ ไม่ถ่วงเวลาให้ล่าช้าลงเลย!

นางหนูประหลาดนั่นกล้าประกาศว่าไม่กลัวกลยุทธ์คนโหดเวอร์ชั่นอัปเกรดของเยี่ยเว่ยหมิง อาศัยแค่วิชาดาบนี้อย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้กลยุทธ์ใช้ร่างกายกักอาวุธฝ่ายตรงข้ามที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้ไร้ประสิทธิภาพแล้ว

เมื่อถึงกระบวนท่าที่แปด สาวน้อยหมุนคมดาบ แล้วฟันไปทางท้องน้อยของเยี่ยเว่ยหมิง

เมื่อเห็นอีกฝ่ายโจมตีมาถึงตรงหน้าตัวเองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงพลันไพล่กระบี่อาญาสิทธิ์เอาไว้ข้างหลังตัวเองโดยไม่หลบหลัก ปล่อยให้ท้องน้อยของเขารับคมดาบของอีกฝ่ายไปอย่างนี้!

หนึ่งดาบสามเฉือนเห็นสถานการณ์แล้วตกใจ แต่ช่วยไม่ได้ที่ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป แม้ตอนนี้นางจะอยากเปลี่ยนกระบวนท่าแต่ก็สายไปเสียแล้ว นอกเสียจากนางจะยอมทิ้งความได้เปรียบที่สะสมจากหลายกระบวนท่าก่อนหน้านี้ แล้วส่งอำนาจฝ่ายรุกในการต่อสู้ให้เยี่ยเว่ยหมิง

แต่คนหัวแข็งอย่างนาง จะยอมก้มหน้าในการต่อสู้ง่ายๆ ได้อย่างไร

หนึ่งดาบสามเฉือนที่ไม่ยอมถูกอีกฝ่ายขู่ให้กลัว แม้จะยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสม แต่ก็ยังแข็งใจฟันลงไปหนึ่งดาบ

-587!

หลังจากตัวเลขดาเมจลอยขึ้นเหนือศีรษะเยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งดาบสามเฉือนกลับสีหน้าเปลี่ยนไปมาก เพราะชั่วพริบตาที่ดาบในมือนางฟันเข้าร่างกายเยี่ยเว่ยหมิง กำลังภายในที่เหนียวผิดปกติกลุ่มหนึ่งก็พัวพันขึ้นมาทันที ไม่เพียงแค่ทำให้ดาบในมือนางเหมือนฟันลงบ่อโคลนลึกเท่านั้น ถึงขั้นว่ากำลังภายในกลุ่มนั้นยังลุกลามจากตัวดาบขึ้นมาบนแขนของนางด้วย ส่งผลให้การเคลื่อนไหวทั้งร่างกายช้าลงทันที

ความเชื่องช้านี้ แม้จะเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวสั้นๆ ไม่ถึง 0.1 วินาที!

แต่เมื่อปรมาจารย์สู้กัน เวลาวินาทีเดียวก็มีค่า

ไม่รอให้นางทันรับมือใดๆ กระบี่อาญาสิทธิ์ในมือเยี่ยเว่ยหมิงก็แทงออกมาแล้ว แทงทะลุหัวใจของสาวน้อยโดยตรง

-5837!

ตอนที่ตัวเลขคริติคอลดาเมจตัวใหญ่ลอยขึ้นมา หนึ่งดาบสามเฉือนก็กลายเป็นแสงสีขาวอยู่ภายใต้กระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง กลับไปรายการตัวที่จุดคืนชีพเมืองหังโจวแล้ว

“ใช้ได้เลย!” เมื่อเห็นการต่อสู้จบลงแล้ว สหายร่วมทีมสี่คนก็ล้อมเข้ามาหา เฟยอวี๋ก็ยิ่งทุบอกเยี่ยเว่ยหมิงไปหนึ่งหมัดพร้อมบอกว่า “ดาเมจจากกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ของเจ้าโหดเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยเห็นเจ้าใช้เลย”

“ถ้าใช้ทุกวันได้ก็ไม่เรียกว่าท่าไม้ตายน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ สื่อว่าการใช้ท่านี้มีขีดจำกัด แต่รายละเอียดว่ามีข้อจำกัดอะไร เขาไม่ได้บอก

ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งกระพือปีกมาเกาะบนหัวไหล่เขา เขาจึงเปิดข้อความอ่าน

[คนผีร่วมวิถี?] …หนึ่งดาบสามเฉือน

เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันที

[อืม!] …เยี่ยเว่ยหมิง

[วันหลังข้าจะมาหาเจ้าอีก] …หนึ่งดาบสามเฉือน

การสื่อสารผ่านจดหมายจบลง เยี่ยเว่ยหมิงเล่าเรื่องที่ตัวเองสังหารวั่งเหยียนไปก่อนหน้านี้ บอกกติกาให้อีกสี่คนฟังว่าหากถูกสังหารตายต่อเนื่องสามครั้งภายในหนึ่งชั่วโมง ผู้เล่นจะเลือกจุดคืนชีพเองได้ จากนั้นเขาก็หันมาถามเฟยอวี๋ “เป็นอย่างไร ยังไล่ตามเบาะแสต่อได้ไหม”

เฟยอวี๋อธิบายว่า “วิชา ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของข้า เดิมทีอิงจากเบาะแสที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เพื่อตัดสินทิศทาง ตัดสินว่าอีกฝ่ายปลอมตัวอย่างไร หรืออีกฝ่ายใช้พาหนะอะไรเดินทางก็ล้วนปิดบังสองตาของข้าไม่ได้ แต่การคืนชีพของระบบคืนชีพ กลับไม่มีร่องรอยที่อีกฝ่ายทิ้งไว้เหมือนการโดยสารรถม้า”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่มีทางไล่ตามเบาะแสได้แล้ว?”

เฟยอวี๋ส่ายหน้าอีกครั้ง “ยังไล่ตามเบาะแสได้ แต่ยังมีราคาที่ต้องจ่ายพอสมควร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด