ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 380 ชายแท้สิบวิ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 380 ชายแท้สิบวิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 380 ชายแท้สิบวิ

คนทั่วไปมักกล่าวว่า อวดเก่งไม่ต้องเต็มที่ ตบหน้าไม่ต้องเต็มที่ เรื่องไหนหากเต็มที่เกินไป ยิ่งเดินยิ่งเข้าใกล้จุดจบ

การกวาดล้างสัตว์มารในสำนักสุสานโบราณวันนี้ แน่นอนว่าเป็นโอกาสดีให้อวดเก่งต่อหน้าสาวๆ กลุ่มใหญ่ แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าในทีมของตัวเอง คนที่จำเป็นต้องอวดเก่งต่อหน้าน้องสาวเหล่านี้ไม่ใช่ตน แต่เป็นสะพานสวรรค์น้อยที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่แห่งสำนักสุสานโบราณ

ดังนั้น เขายอมแสร้งตกอยู่ในสถานะอ่อนแอหลังจากปะทุพลัง ต้องมอบโอกาสอวดเก่งให้สะพานสวรรค์น้อยให้ได้

แต่ความจริงสะพานสวรรค์น้อยไม่ค่อยสนใจฉายาศิษย์พี่หญิงใหญ่สำนักสุสานโบราณเท่าไรนัก ยังไม่เคยคิดถึงการอวดเก่งต่อหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักมาก่อน แต่สำหรับเจตนาดีของเยี่ยเว่ยหมิง นางกลับปฏิเสธไม่ลง ชักกระบี่ม่วงทองและกระบี่เพลิงแดงออกมาใช้วิชา ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ โจมตีเถียนกุยหนงร่างมารแขนขาพิการทันที

ไม่ต้องพูดถึงเลย พอสะพานสวรรค์น้อยเริ่มลงมือ สาวๆ สำนักสุสานโบราณเหล่านั้นก็มองนางด้วยสายตาที่ทั้งอิจฉาทั้งนับถือ

พลังโจมตีของสะพานสวรรค์น้อยแม้ยังห่างไกลจากเยี่ยเว่ยหมิง อาวุธที่ใช้ก็ไม่ได้ดีเท่ากระบี่แสงทอง แต่กระบี่สองเล่มนี้เตรียมมาเพื่อรับมือกับสัตว์มารโดยเฉพาะ ภายใต้การเสริมอนุภาพของ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ พลังโจมตีของมันก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน

แขนขาทั้งสองของเถียนกุยหนงร่างมารถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีจนพิการแล้ว ไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย สะพานสวรรค์น้อยก็ใช้กระบวนท่าทักทายอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน คริติคอลดาเมจลอยขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ประกอบกับท่าร่างที่สง่างามของนาง ทำให้เกิดฉากที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจ สาวๆ สำนักสุสานโบราณแต่ละคนเห็นแล้วเผยสีหน้าใฝ่ฝัน

แม้แต่มั่วหรานที่รู้เรื่องราวเบื้องหลัง เดิมทีรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่ตอนนี้ก็ใฝ่ฝันแล้วเช่นกัน

ต้องทราบไว้ว่าก่อนที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงจะปรากฏตัว สาวๆ สำนักสุสานโบราณกลุ่มนี้โจมตีฝ่าการป้องกันของสัตว์มารไม่ได้เลย!

ใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที เถียนกุยหนงร่างมารก็ถูกสะพานสวรรค์น้อยโจมตีจนขวัญกระเจิง หลังจากมอบค่าประสบการณ์และค่าตบะชุดใหญ่ให้คนในทีม ก็ดรอปกระบี่หนักที่เป็นอาวุธล้ำค่าหนึ่งชิ้น

[กระบี่หนักมังกรฟ้า (อาวุธล้ำค่า) กระบี่ที่เถียนกุยหนงเจ้าสำนักมังกรฟ้าพกติดตัว ถูกบำรุงจากปราณชั่วร้าย ตัวกระบี่จึงมีขนาดใหญ่และหนักขึ้น แต่กลับกลายเป็นอาวุธโหดน่ากลัวที่มีอานุภาพน่าตกตะลึง โจมตี +650, ค่าสเตตัสพละกำลังเพิ่ม 30%!, เงื่อนไข: พละกำลัง 500! ]

พอเห็นค่าสเตตัสของกระบี่เล่มนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ออกแบบเกมจะขี้เกียจอะไรขนาดนั้น แม้แต่ค่าสเตตัสอุปกรณ์ดรอปของ BOSS ร่างมารก็เริ่มก๊อบปี้วางแล้ว

แต่พลังโจมตีของกระบี่หนักมังกรฟ้า เมื่อเทียบกับกระบองอสูรทองคำก็สูงกว่าห้าสิบแต้ม แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด

อย่างน้อยก็อธิบายได้ว่าหลังจากผู้ออกแบบเกมนี้ก๊อบปี้ค่าสเตตัสของอุปกรณ์แล้ว ก็ยังปรับข้อมูลให้สอดคล้องกันอย่างใส่ใจรายละเอียด ถือว่าเป็นผู้ออกแบบเกมที่มีมโนธรรม

ส่วนค่าสเตตัสของกระบี่เล่มนั้น เยี่ยเว่ยหมิงดูแล้วรู้สึกว่าใช้งานจริงไม่ค่อยได้ ถ้าดูแบบคร่าวๆ แม้ค่าสเตตัสของมันจะดี แต่กลับไม่สอดคล้องกับลักษณะของกระบี่ทั่วไป ดูแค่เงื่อนไขพละกำลังห้าร้อยแต้มของมันก็รู้แล้วว่ากระบี่เล่มนี้เทอะทะขนาดไหน

กระบี่เน้นความว่องไวคล่องตัว ต่อให้เป็นมือกระบี่ที่มีค่าสเตตัสพละกำลังทะลุพันอย่างเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก็ไม่เลือกกระบี่ล้ำค่าที่หนักขนาดนี้มาเป็นอาวุธของตัวเองอยู่ดี

ถ้าใช้มันมาต่อสู้ พลังโจมตีก็จะสูงขึ้น แต่จะเกิดขีดจำกัดกับความเร็วในการใช้กระบี่และกระบวนท่าเยอะมาก เยี่ยเว่ยหมิงมองว่าเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย

ถ้านำเอาอาวุธชิ้นนี้ไปประมูลขาย เกรงว่าอาวุธล้ำค่าเล่มเดียว ก็ขายได้ราคาเหมือนอุปกรณ์ทองคำชิ้นหนึ่งอยู่ดี

ต่อให้เปรียบเทียบกับกระบองอสูรทองคำก่อนหน้านี้ก็ยังห่างไกลกันมาก

เยี่ยเว่ยหมิงรับกระบี่หนักมาจากมือของสะพานสวรรค์น้อยด้วยสีหน้ารังเกียจ แล้วแสร้งยืนขึ้นเหมือนเพิ่งโคจรพลังปรับลมหายใจเสร็จ การต่อบทที่เต็มไปด้วยบังเอิญแบบนี้ กลับไม่ทำให้สาวๆ สุสานโบราณที่อยู่ในเหตุการณ์สงสัย

อย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงก็แสดงพลังต่อสู้ออกมาแข็งแกร่งเกินไป ประกอบกับในภารกิจก่อนหน้านี้เคยรับสามฝ่ามือของหยางกั้ว เคยปะทุพลัง ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ต่อหน้าสำนักสุสานโบราณมาก่อน

ในสายตาของผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ อย่างน้อยเขาก็ถือว่าเป็นคนดังคนหนึ่ง

แต่ลับหลังเขา สาวๆ เหล่านี้กลับมีคำเรียกที่ไม่ค่อยไพเราะเท่าไรนักว่า…ชายแท้สิบวิ

ดังนั้นสำหรับการโจมตีอันยอดเยี่ยมของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นดาเมจที่เกิดจากการปะทุพลังของเขา

พอคิดดูแบบนี้ก็สมเหตุสมผลจนแม้แต่มั่วหรานที่รู้ความจริงเบื้องหลังยังเกือบเชื่อว่าเป็นความจริงแล้ว!

เจ้าคิดว่ามหัศจรรย์ไหมล่ะ

ขณะที่กำลังเก็บกระบี่หนัก เยี่ยเว่ยหมิงก็ย้ายสายตาไปบนตัวมั่วหรานอย่างมีมารยาท แล้วเผยรอยยิ้มที่สดใสเหมือนแสงอาทิตย์ออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์น้องของสะพานสวรรค์น้อย แม้การทำข้อตกลงจะจบลงแล้ว แต่การเตะอีกฝ่ายออกจากทีมทันทีก็เหมือนจะเสียมารยาทมาก

หากนางรู้กาลเทศะสักหน่อย เป็นฝ่ายออกจากทีมไปเอง แบบนั้นก็สมบูรณ์แบบสุดๆ

ทว่า สำหรับสายตาบอกใบ้ของเยี่ยเว่ยหมิง มั่วหรานกลับทำเหมือนไม่เห็น นอกจากไม่มีความคิดจะออกจากทีมแล้ว ยังส่งลิงก์ไอเทมให้ในช่องทีมด้วย [ริบบิ้นหยกไหมน้ำแข็ง]

[ริบบิ้นหยกไหมน้ำแข็ง (อาวุธล้ำค่า) ริบบิ้นที่ทอจากจักจั่นน้ำแข็งภูเขาหิมะ ด้านบนมีกระดิ่งทองหยกเย็น ตอนสะบัดเกิดเสียงกระดิ่งดังไพเราะราวกับเสียงธรรมชาติ โจมตี +500, กำลังภายในเพิ่ม 60%, เลเวลวิทยายุทธ์อาวุธอ่อน +1! เอฟเฟ็กต์พิเศษ: หยกเย็น!]

[หยกเย็น: โจมตีติดดาเมจธาตุ ‘เย็น’ ใช้กับวิทยายุทธ์ธาตุ ‘เย็น’ เพิ่มประสิทธิภาพ 50% ใช้พร้อมกับ วิทยายุทธ์ ‘ร้อน’ ประสิทธิภาพลดลง 50%]

เป็นอาวุธล้ำค่าเหมือนกัน ลักษณะการใช้งานนอกลู่นอกทางเหมือนกัน ต่อให้โยนเข้าไปในร้านประมูล ก็ยากที่จะขายได้ราคาสูง

มั่วหรานส่งค่าสเตตัสของมันมาในช่องทีมเวลานี้ อย่าบอกนะว่าจุดประสงค์คือ…เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่าง ถามตรงๆ ทันทีว่า “เจ้าอยากจะนำมันมาแลกกับกระบี่หนักมังกรฟ้าหรือ”

“ใช่!” มั่วหรานพยักหน้าอย่างแรง “คุณภาพ ค่าสเตตัสกับราคาของอุปกรณ์สองอย่างนี้ไม่ต่างกันมาก แต่กระบี่หนักมังกรฟ้าเหมาะกับคล็ดกระบี่ระดับสูงที่ข้าเพิ่งเรียนมามากกว่า แลกได้หรือเปล่า”

“ไม่มีปัญหา!” หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงขอความเห็นจากเพื่อนร่วมทีมพอเป็นพิธี ก็ทำการซื้อขายอุปกรณ์กับมั่วหรานสำเร็จ จากนั้นก็นำริบบิ้นหยกไหมน้ำแข็งที่เพิ่งได้มาส่งให้สะพานสวรรค์น้อยพร้อมคำขอซื้อขาย “ของสิ่งนี้ ในทีมพวกเรามีแค่เจ้าที่ใช้งานมัน จะได้เพิ่มพลังต่อสู้สำหรับต่อต้านสัตว์มารให้เจ้าพอดี หลังจากจบภารกิจแล้ว ทุกคนค่อยไปหาที่นั่งปรึกษากันอีกทีว่าจะแบ่งของที่ได้มาอย่างไร”

“เรื่องนี้ไม่ต้องคิดแล้ว” ฉางซิงอวี่กล่าว “การต่อสู้สนามนี้ข้าไม่ได้ยื่นมือช่วยเลย ข้าไม่หน้าด้านขอส่วนแบ่งหรอก”

“ข้าก็เหมือนกัน!” ซานเย่ว์ก็แสดงท่าทีเช่นกัน

ริบบิ้นหยกไหมน้ำแข็งจึงกลายเป็นอาวุธล้ำค่าชิ้นแรกบนตัวสะพานสวรรค์น้อย

เมื่ออุปกรณ์ชิ้นใหม่ตกอยู่ในมือสะพานสวรรค์น้อย พลังต่อสู้โดยรวมของทีมก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากนั้นมั่วหรานก็เป็นฝ่ายออกจากทีม แล้วทั้งสี่คนก็เริ่มเดินวนรอบๆ สุสานโบราณ

หลังจากนั้นหนึ่งนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอผี เป็นน้องชายของหลินจื้อเพ่ย หรือจีไหลเหย่ โจรราคะที่ดรอป ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ ตอนนั้นนั่นเอง หลังจากยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นขี้เกียจฟังว่าเขามีความปรารถนาอะไร ยกกระบี่โจมตีปลิดชีพทันที ได้รับค่าวีรบุรุษน้อยนิดเท่าขายุงแค่ห้าสิบแต้ม

หลังจากนั้นครึ่งนาที ฉางซิงอวี่ก็เจอผี เป็น BOSS เล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักนอกจากเขา ทั้งยังขอร้องอย่างไร้เหตุผลมากด้วย ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณวีรบุรุษเลย จึงโจมตีปลิดชีพต่อ!

หลังจากนั้นหกนาที ซานเย่ว์ก็เจอผี หลังจากรับภารกิจแล้ว นางก็ออกจากทีมไปทำภารกิจคนเดียว

หลังจากนั้นสองนาที สะพานสวรรค์น้อยก็เจอผี เป็นภารกิจวิ่งเต้นที่นางรับต้องใช้พลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก แต่เวลาทำค่อนข้างยุ่งยาก

ในภารกิจประเภทนี้ แสดงความได้เปรียบที่คนเยอะพลังแกร่งของทีมเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เลย ได้แต่เปลืองเวลาไปวิ่งเต้นทำงาน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำคะแนนของทุกคน สะพานสวรรค์น้อยจึงออกจากทีมไปทำภารกิจแล้วเช่นกัน

จากนั้น ก็เหลือแค่ชายชาตรีอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับฉางซิงอวี่แล้ว พวกเขาวิ่งไปวิ่งมาอยู่ท่ามกลางสายตาของสาวๆ สำนักสุสานโบราณ บรรยากาศน่าอึดอัดสุดๆ

ในช่องทีม

ฉางซิงอวี่ [สหายเยี่ย เปลี่ยนสถานที่ดีไหม เวลาถูกกลุ่มสาวๆ มองแบบนี้ ข้ารู้สึกว่าตัวเองโง่อย่างไรบอกไม่ถูก]

“อดทนอีกหน่อยเถอะ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างจนใจ “โอกาสเจอผีที่สำนักสุสานโบราณไม่ใช่เพียงคำร่ำลือ น่าจะใช้เวลาไม่ถึงสองนาที พวกเราก็จะได้เจอผีอีกแล้ว ถึงตอนนั้นอาจจะได้รับภารกิจเหมือนซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยก็ได้ ถึงเวลานั้นค่อยไป อย่างน้อยก็ดูไม่เหมือนทหารหนีทัพ อาจมีสัตว์มารอีกตนโผล่มาให้ค่าวีรบุรุษพวกเราก็เป็นไปได้”

“ก็ได้…ถูกกลุ่มสาวๆ จ้องแบบนี้ ข้าอึดอัดจริงๆ!” ฉางซิงอวี่กล่าว

พึ่บพั่บๆๆๆ…

ตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังรู้สึกอึดอัด จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งที่ไม่ได้เขียนข้อความขอบัตรรายเดือนใดๆ โผล่มา จากนั้นก็หายไปจากสายตาเยี่ยเว่ยหมิง

[มือปราบหน้าเหม็น เจ้ามีเวลาช่วยข้าทำภารกิจสักภารกิจไหม [ภาพแบบการวางกำลังป้องกันของทหารแคว้นจิน]]…หนึ่งดาบสามเฉือน

[ภาพแบบการวางกำลังป้องกันของทหารแคว้นจิน] ภาพแบบทางการทหารที่บรรยายการจัดวางกำลังป้องกันตามแนวชายแดนของทหารแคว้นจินอย่างละเอียด (วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อชาติประชา รายงานสถานการณ์กองทัพของแคว้นศัตรูไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในราชสำนัก จะได้รับค่าวีรบุรุษ 500 แต้ม!)]

ท่ามบรรดาสหายมากมายของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบถือเป็นคนที่ค่อนข้างพิเศษแน่นอน

เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็จัดเป็นศัตรูที่ไม่ลงรอยกันเท่าไร หลังจากทำภารกิจด้วยกันหลายครั้ง ความสัมพันธ์แบบนี้ก็เปลี่ยนไป แต่ก็บอกได้เพียงว่าเป็นทั้งสหายและศัตรู ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้กันก็ได้

ดังนั้น ท่าทีที่เยี่ยเว่ยหมิงปฏิบัติต่อน้องดาบจึงแตกต่างกับสหายคนอื่นอยู่บ้าง

หลังจากใช้เวลาร่วมกันหลายครั้ง ก็จัดเป็นเพื่อร่วมงานที่กึ่งแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันแล้ว

ดังนั้นการที่นางเป็ยฝ่ายขอความช่วยเหลือเยี่ยเว่ยหมิงก่อนในครั้งนี้ นางก็พก ‘ความจริงใจ’ ของตัวเองมาด้วย รู้กาลเทศะมาก

และ ‘ความจริงใจ’ นี่นางพกมาด้วย ก็คือค่าวีรบุรุษที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังต้องการด่วน เขาเห็นแล้วใจเต้นไม่หาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด