ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 320 หน้าผาสูงลอยฟ้า

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 320 หน้าผาสูงลอยฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 320 หน้าผาสูงลอยฟ้า

ตลอดทางที่วิ่งมา น้องดาบสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าวิชาตัวเบาของเยี่ยเว่ยหมิงไม่เหมือนวิชาตัวเบา ‘เดินเดี่ยวหมื่นลี้’ อย่างที่เขาเคยบอกกับนางในพิราบสื่อสาร ตอนนี้พอเห็นท่าร่างวิ่งทะยานเยี่ยเว่ยหมิงที่ไหลลื่นยิ่งกว่านาง นางก็ยิ่งแน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินก่อนหน้านี้ เอ่ยปากถามทันทีว่า “มือปราบหน้าเหม็น ตกลงว่าเจ้าเรียนวิชาตัวเบาอะไรกันแน่”

“ทะยานบันไดเมฆาไง” คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงยังเปิดเผยตรงไปตรงมาเหมือนเดิม

ทว่าหลังจากได้รับคำตอบนี้แล้ว น้องดาบกลับสงสัย “แล้ว ‘เดินเดี่ยวหมื่นลี้’ ก่อนหน้านี้ล่ะ”

“เจ้าพูดถึงวิชานั้นหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก “ข้าแชร์ให้เฟยอวี๋ไปแล้ว ส่งภาพให้เขาแล้วด้วย ข้าแค่จะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาเท่านั้นเอง”

น้องดาบไม่พูดอะไรอีก สนใจแต่ปีนเขาของตัวเองต่อไป

ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงก็กระโดดได้ไม่แพ้ท่าร่างของนางเลยสักนิด เขาอดชื่นชมในใจไม่ได้ว่า ‘ทะยานบันไดเมฆา’ นี่สุดยอดจริงๆ

ที่จริงแล้ว วิชา ‘ทะยานบันไดเมฆา’ นี้นอกจากท่าร่างสวยงามกว่าเดิมและรวดเร็วกว่าเดิมแล้ว สิ่งที่เขาได้เพิ่มมากที่สุดก็คือความสามารถในการกระโดด

ก่อนเรียน ‘ทะยานบันไดเมฆา’ แม้เยี่ยเว่ยหมิงออกแรงทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่มีทางกระโดดได้สูงเกินหนึ่ง จั้งอยู่ดี แต่ตอนนี้เวลากระโดดสุดแรงกลับทะยานขึ้นมาได้เกือบสามจั้ง!

เพียงแต่ความสูงระดับนี้คือขีดจำกัดสูงสุดที่เขาทำได้ในตอนนี้เท่านั้น

ส่วนท่าใช้ปลายเท้าซ้ายเหยียบบนหลังเท้าขวาอย่างที่อินปู้คุยทำตอนเดินบนทางเลียบหน้าผาก่อนหน้านี้ นั่นคือเคล็ดลับการอาศัยแรงจากอากาศ แต่ทำได้ในขีดจำกัดความสูงนี้เท่านั้น ไม่มีทางทำเกินกว่านี้ได้

ถ้าอยากจะทะลวงระดับความสูงนี้ ก็ต้องหาจุดส่งแรงอย่างอื่นระหว่างทาง

ยกตัวอย่างเช่นถ้ากระโดดบนกิ่งไม้ ขีดจำกัดความสูงตอนกระโดดก็จะสูงเท่าต้นไม้ต้นนั้นแล้ว จะบวกเพิ่มอีกเกือบสามจั้ง

เนื่องจาก ‘ทะยานบันไดเมฆา’ เป็นวิชาตัวเบาระดับสูง ในเมื่อมีวิธีการกระโดดสูง ก็ย่อมมีเคล็ดลับตอนเหยียบลงพื้นเช่นกัน ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงกระโดดสูงบนกิ่งไม้ จากนั้นเหยียบลงบนพื้นราบ ก็ทำได้อย่างเงียบเชียบไร้เสียงอยู่ดี ดูไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด

ท่าทางเหยียบพื้นกระแทกเป็นหลุมเหมือนซุปเปอร์ฮีโรก่อนหน้านี้กลับเกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้ว

นี่ต่างหากคือประสบการณ์การใช้วิชาตัวเบาที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกยุทธภพ!

ส่วน ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะมอบคำวิจารณ์แย่ๆ ให้มันเสียเลย

เป็นประสบการณ์การใช้วิชาตัวเบาที่แย่ที่สุด!

ที่จริงการที่เยี่ยเว่ยหมิงคิดแบบนี้ กลับเป็นความผิดพลาดที่โง่เง่ามาก

ก็เหมือนกับการที่คนคนหนึ่งกินแซนวิชแร็พห้าชิ้นครึ่งถึงจะอิ่ม เช่นนั้นถามหน่อยว่าสิ่งที่ทำให้เขาอิ่มจริงๆ คือแซนวิชแร็พครึ่งแผ่นสุดท้ายอย่างนั้นหรือ

สาเหตุที่ตอนนี้วิชาตัวเบาของเยี่ยเว่ยหมิงก้าวหน้าเร็วเหมือนก้าวเดียวทะยานขึ้นฟ้า ที่จริงก็เป็นเพราะสะสมทักษะหลายด้าน ก็เหมือนที่จางซานเฟิงบอก พื้นฐานท่าร่างของเขาแน่นมาก!

โดยเฉพาะเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘บินบนหญ้า’ ที่ได้มาหลังจาก ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ทำให้เขาอาศัยแรงบนกิ่งไม้และต้นหญ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่อย่างนั้น แม้เขาจะมี ‘ทะยานบันไดเมฆา’ แล้ว แต่ก็ไม่มีทางที่จะใช้มันได้อย่างสง่างามตามอำเภอใจอย่างนี้ได้

เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้ว ถึงแม้จะเป็นบนหน้าผาสูงชัน แต่ก็ต้องมีจุดส่งแรงให้เขาเหยียบแน่นอน

อย่างไรเสีย ในปีนั้นเฟิงชิงหยางยังขึ้นไปได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบจะทำไม่ได้

ใช้เวลาเพียงครู่เดียว เงาร่างสีแดงกับสีน้ำเงินก็เหยียบหน้าผาขึ้นไปสูงจากพื้นประมาณสิบจั้งแล้ว พอขึ้นมาสูงถึงจุดนี้ แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีอารมณ์มาคุยเล่นกับน้องดาบแล้ว เอาแต่คำนวณระยะห่างระหว่างจุดเหยียบแต่ละจุดที่อยู่ด้านบนเงียบๆ แล้วเทียบกับตัวเลขที่ตัวเองใช้สายตาวัดตอนที่อยู่บนพื้นก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ถึงอย่างไรเมื่ออยู่ในระดับความสูงนี้ หากพลาดก้าวเดียวแล้วตกลงมา ต่อให้มีวิชา ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ติดตัว แต่ก็ต้องรู้สึกทรมานแน่นอน

“ก๊า! ก๊า! ก๊า!…” ตอนนี้ จู่ๆ ข้างหลังก็มีเสียงร้องประหลาดของกาโลหิตดังขึ้น พอหันไปมองก็เห็นกาโลหิตสิบกว่าตัวทิ้งเหยื่อล่ออย่างหมูป่าแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังโผมาที่พวกเขา

“น้องดาบ!”

“รับทราบ!”

ระหว่างที่ทั้งสองเรียกและขานรับกัน น้องดาบก็เรียนรู้จากท่าทางของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน หลังจากเจอจุดส่งแรงแล้ว นางก็นำศพหมูป่าที่จัดการด้วยวิธีพิเศษออกมาอีกหนึ่งตัว แล้วโยนไปทางฝูงกาโลหิตที่กำลังบินเข้ามา

วินาทีตอบมาหลังจากโยนศพออกไป พวกเขาก็ไม่หันไปดูผลลัพธ์เช่นกัน ได้แต่ทะยานตัวขึ้นสูงอีกครั้ง

วิชา ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ของน้องดาบจัดเป็นวิชาตัวเบาระดับสูงที่มีความสามารถครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง กระโดด หรือความเร็วก็เชี่ยวชาญทั้งนั้น แต่ความหมายอีกนัยหนึ่งของการเชี่ยวชาญทุกอย่างแบบนี้ก็คือ ไม่มีด้านไหนโดดเด่นเป็นพิเศษสักอย่าง อย่างน้อยตอนที่กระโดดขึ้นหน้าผา ก็ยังห่างชั้นกับ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ไม่น้อยเลย

ระยะห่างสองจั้งหากออกแรงกระโดดบนพื้นราบ นางกระโดดทีเดียวก็ขึ้นมาได้แล้ว แต่ระหว่างทางหน้าผาที่ไม่ได้มีจุดส่งแรงที่สบายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าเปลืองแรงมาก

แต่ความยากลำบากนี้ก็ทำอะไรนางไม่ได้อยู่ดี

เมื่อเห็นว่าจุดเหยียบต่อไปที่คำนวณระยะห่างไว้คือครึ่งจั้ง แต่นางใช้แรงกระโดดก่อนหน้านี้หมดแล้วจึงยื่นมือขวาออกมาทันที นิ้วทั้งห้าเสียบลึกเข้าไปในหน้าผาประมาณครึ่งชุ่น[1]!

พออาศัยแรงแขนดึงหนึ่งที ก็กระโดดขึ้นไปบนจุดเหยียบถัดไปได้อย่างสบายๆ

ต้องบอกเลยว่าบางครั้ง ‘วิชากรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ก็ถือเป็นทักษะการดำรงชีวิตที่ใช้งานได้จริงวิชาหนึ่งเหมือนกัน!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ทันได้แสดงความอิจฉาต่อวิชากรงเล็บของนาง ก็ได้ยินเสียงร้องประหลาดของกาโลหิตดังมาจากข้างหลังอีกแล้ว พอหันไปมอง ก็พบว่าหมูป่าตัวที่น้องดาบเพิ่งโยนออกไปก่อนหน้านี้ ดึงดูดความสนใจกาโลหิตได้แค่ครึ่งฝูงเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกำลังบินเบียดกันมาข้างหน้า โผมาทางพวกเขาสองคนต่อ

ทำซ้ำเรื่อยๆ อีกาตัวหน้าหยุด แต่อีกาตัวตัวหลังมาถึงแล้ว

ที่แท้กาโลหิตที่แย่งได้ศพหมูป่าตัวแรกที่เยี่ยเว่ยหมิงโยนไป หลังจากกินดวงตาและอวัยวะภายในของหมูป่าแล้ว มันก็โยนศพทิ้งไว้ข้างๆ แล้วเริ่มโจมตีมาที่พวกเขาสองคนต่อ

โชคดีที่เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมตัวมามากพอ เขาโยนศพหมูป่าออกไปอีกตัว ดึงดูดความสนใจกาโลหิตพวกนี้ไว้ได้ชั่วคราว

จากนั้นทั้งสองก็ปีนขึ้นข้างบนต่อ ส่วนฝูงกาโลหิตที่ถูกหลอกล่อด้วยหมูป่าของน้องดาบ หลังจากพวกมันแบ่งส่วนที่พวกมันคิดว่าอร่อยที่สุดกินแล้ว ก็ไล่สังหารเข้ามาอีกครั้ง

น้องดาบโยนหมูอีกครั้ง แล้วทั้งสองก็ปีนขึ้นข้างบนต่อ จากนั้นอีกาตัวหน้าหยุด แล้วอีกาตัวหลังก็มาถึง เยี่ยเว่ยหมิงโยนหมูอีกครั้ง…

หลังจากทำซ้ำอย่างนี้หลายครั้ง ตอนที่ทั้งสองอยู่ห่างจากแท่นหินปลายทางเพียงนิดเดียว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอีการ้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ มันคืออีกาที่ตัวใหญ่กว่าอีกาตัวอื่นหนึ่งเบอร์อย่างเห็นได้ชัด ตัวมันขนาดเท่าลูกวัว ในที่สุดราชันกาโลหิตก็เคลื่อนไหวแล้ว ร่างของมันกลายเป็นเงาร่างสีแดงอยู่กลางอากาศ กำลังโผเข้ามาหาทั้งสอง

ไม่มีความลังเลใดๆ น้องดาบโยนศพหมูป่าออกไปทันที ทำตามจังหวะเดิม ครั้งนี้ถึงคราวนางลงมือพอดี

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งสองนึกไม่ถึงก็คือ ยามเผชิญหน้ากับหมูป่าที่น้องดาบโดยนออกไป ราชันกาโลหิตตัวนั้นเพียงตีปีกหนึ่งที ร่างก็ทะยานสูงขึ้นครึ่งฉื่อแล้ว หลังจากรับศพหมูป่าที่น้องดาบโยนเข้าไปได้ มันก็โยนให้น้องๆ ของมันด้านล่างทันที ส่วนตัวมันเองกลับโผขึ้นมาทางทั้งสองคนอีกครั้ง จะงอยปากแหลมคมจิกมาทางตาซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ใกล้กว่าทันที

ราชันกาโลหิตตัวนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมองข้ามหมูป่าไปแล้ว เป้าหมายของมันก็แค่อยากกินคนเท่านั้น!

[1] ชุ่น 寸 1 ชุ่นเท่ากับ 1.312 นิ้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด