ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 444 ในกลุ่มพวกเรามีคนทรยศ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 444 ในกลุ่มพวกเรามีคนทรยศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 444 ในกลุ่มพวกเรามีคนทรยศ

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีภัยคุกคามมาถึงข้างหลังแล้ว บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็ฉายแววเหยียดหยามเยาะเย้ย จากนั้นพลันออกแรงที่สองเท้า ใช้ท่าร่าง ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด ทะยานขึ้นมาสามจั้งกว่า

จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงกระโดดขึ้นมาแล้ว ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงที่ตามหลังมาติดๆ ก็มาถึงตำแหน่งที่เยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ใช้นิ้วรับมือกับวิชาคางคกของเมฆเคลื่อนเดียวดายแล้ว

ฉึก!

-6543

วิชาพังทลาย!

ดรรชนีเอกสุริยันกับวิชาคางคกปะทะกันซึ่งๆ หน้า ระดับสูงต่ำของฝีมือถูกตัดสินทันที!

ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงใช้เพียงนิ้วเดียว ระหว่างที่ปะทะกันด้วยท่าไม้ตาย ก็สร้างดาเมจบดขยี้อันน่าทึ่งออกมาแล้ว ทั้งยังถือโอกาสโจมตีจนเกิดผลวิชาพังทลาย ทำให้ภายในสามนาทีนี้เมฆเคลื่อนเดียวดายรวบรวมพลังของวิชาคางคกไม่ได้!

ธาตุไฟทิศใต้ข่มธาตุทองทิศตะวันตก เฉียบคมไม่ธรรมดาจริงๆ!

หลังจากโจมตีหนึ่งครั้งสำเร็จ ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงก็ไม่ได้ไล่โจมตีต่อ ส่วนสามคนที่อยู่ตรงหน้าก็เลือกใช้กลยุทธ์ถอยหลังเช่นกัน

ชั่วขณะนั้น ในขอบเขตประมาณหนึ่งจั้งเบื้องล่างของเยี่ยเว่ยหมิง ไม่น่าเชื่อว่าจะว่างเปล่าไร้คน!

เป็นอย่างที่คาดไว้ สิ่งที่เรียกว่าท่าไม้ตายอะไรนั่น มีแต่ต้องซ่อนไว้เท่านั้นถึงจะเรียกว่าเป็นไพ่ลับได้

เมื่อเปิดเผยออกมา แม้คนอื่นจะหาวิธีแก้ไม่ได้ แต่ก็เลือกหลบหลีกได้

ขณะที่ร่างลอยเตรียมจะเหยียบลงพื้น เยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวไปบอกเมฆเคลื่อนเดียวดายกับผู้เล่นข้ากำลังหาของว่า “จะว่าไปแล้ว ผู้น้อยก็นับถือจิตวิญญาณแห่งการทำงานเป็นทีมของพวกท่านจริงๆ…

…ก่อนหน้านี้ถูกเชิญร่ำสุราขายแบบไม่ลังเลขนาดนั้น ตอนนี้ยังให้ความร่วมมือกับเขาแบบไร้ขีดจำกัดอีก น้องชายนับถือจริงๆ ถึงขั้นเกิดความคิดอยากจะผูกมิตรด้วย”

เยี่ยเว่ยหมิงพูดจาฟังดูดี แต่ความหมายลึกๆ ที่แฝงอยู่ก็คือ

สหายร่วมทีมที่ถูกขายแล้วยังช่วยเขานับเงินอย่างพวกเจ้า ข้าก็อยากได้มาขายเหมือนกัน

ดูถูกเหยียดหยามชัดเจนมาก

เมื่อได้ยินยี่ยเว่ยหมิงพูดแขวะแบบนี้ เมฆเคลื่อนเดียวดายที่อยู่ข้างๆ ก็แสยะยิ้มแล้วเถียงกลับทันทีว่า “เจ้าจะเข้าใจอะไร เล่นเกมแล้วตายสักครั้งไม่ใช่ปัญหาหรอก ขอเพียงรับประกันผลตอบแทนตอนสุดท้าย…”

ทว่า ยังไม่ทันรอให้เมฆเคลื่อนเดียวดายพูดจบ เชิญร่ำสุราที่อยู่ข้างๆ ก็พูดตัดบทแล้ว “สหายเมฆเคลื่อนเดียวดาย สหายเยี่ยไม่ใช่คนธรรมดา อย่าตกหลุมพรางเขาเด็ดขาด”

เมฆเคลื่อนเดียวดายยังอยากจะเถียง แต่หลังจากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่พูดต่อแล้ว ได้แต่ยักไหล่แล้วเงียบไป

แต่ฟังจากคำพูดส่วนแรกของเขา ก็เพียงพอให้เยี่ยเว่ยหมิงนึกเชื่อมโยงอะไรได้หลายอย่างแล้ว

เป็นอย่างที่คาดไว้ เจ้าพวกนี้มาสมคบกันเพราะมีจุดประสงค์อื่นที่บอกใครไม่ได้นี่เอง!

ตอนนี้เอง เชิญร่ำสุรากลับส่งสายตาให้สหายร่วมทีมทั้งสองที่อยู่ข้างกาย แล้วทั้งสามก็เดินอ้อมไปหลบอยู่ข้างหลังจิวหมัวจื้อทันที

ไม่อย่างนั้นจะบอกหรือว่าเจ้าหมอนี่มันชั้นต่ำ เมื่อเห็นว่าแผนการกำลังจะล้มเหลว สู้ต่อไปไม่มีประโยชน์แน่ จึงหาตำแหน่งหลบภัยใหม่ที่ดีที่สุดเสียเลย พร้อมแขวะกลับว่า “ถ้าสหายเยี่ยมีเวลาว่างมาสนใจความสมานฉันท์ในทีมข้า ไม่สู้สนใจก่อนว่าเหตุใดก่อนหน้านี้สหายจึงโจมตีเจ้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็ไปหยุดที่ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงพร้อมกัน อีกฝ่ายยิ้มเจื่อน ตอนที่กำลังจะแก้ตัว กลับมีพิราบขาวตัวหนึ่งโผล่มา เกาะบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิงแล้วหายไป

หลังจากอ่านข้อความจากพิราบขาวแวบหนึ่ง จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกเชิญร่ำสุราว่า “ยิ่งปิดบังยิ่งมีพิรุธ ลูกไม้นี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก…”

เขาพูดจบก็พลันหันหน้าไป ใช้สายตาจ้องต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง “สหายต้วนบอกข้าได้หรือไม่ เจ้ากับเชิญร่ำสุราร่วมมือกัน สุดท้ายเป้าหมายคืออะไรกันแน่”

ที่แท้ตอนที่ทั้งสามโจมตีอย่างห้าวหาญก่อนหน้านี้เนื่องจากทั้งสองฝั่งลงมือเร็วเกินไป ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินลงมือไม่ทัน แต่พวกเขากลับสังเกตเห็นการกระทำที่ผิดปกติของต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงแล้ว

เนื่องจากตอนนั้น ดรรชนีเอกสุริยันของต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนพุ่งเป้าไปที่เยี่ยเว่ยหมิงมากกว่า

แต่ทันใดนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่าร่างหลบหลีกนิ้วของเขาได้อย่างแยบยล จากนั้นก็เกิดฉากอัศจรรย์ที่ดรรชนีเอกสุริยันทำลายวิชาคางคก จึงทำให้สิ่งที่พวกเขาแน่ใจตอนแรกเกิดความสั่นคลอน

เมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น พวกเขาจึงสงสัยว่าต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงกับเยี่ยเว่ยหมิงแอบปรึกษากันไว้เป็นการส่วนตัวแล้วหรือเปล่า

แม้การคาดเดาแบบนี้จะฟังดูเพ้อฝัน แต่ในฐานะที่เป็นสหายของต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง พวกเขาก็ยังอยากเชื่อ ‘ความจริง’ ที่ดูเหมือนเรื่องเพ้อฝันแบบนี้มากกว่า

ส่วนประโยคที่ฟังดูเหมือนเสี้ยมเขาควายให้ชนกันของเชิญร่ำสุรา ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเห็นพ้องต้องกันกับการคาดเดาที่โลกสวยแบบนั้น

ถ้าต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงมีปัญหาจริงๆ แล้วทำไมอีกฝ่ายยังต้องเสี้ยมเขาควายให้ชนกันอีกล่ะ

น่าเสียดาย ตอนที่ทั้งสองเพิ่งจะโล่งใจ ความปรารถนาอันงดงามของพวกเขาก็ถูกประโยคที่ฟังดูไม่จริงจังของเยี่ยเว่ยหมิงทำลายแล้ว

เพียงประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว หัวหอกก็ชี้ไปที่ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงแล้ว

เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงไม่ได้ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบสุดๆ ว่า “สหายเยี่ยเริ่มสงสัยข้าตั้งแต่เมื่อไร”

เมื่อได้ยินดังนั้น ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินก็กวาดสายตามองบนตัวทั้งสองไปมาอย่างระแวง หวังว่าจะมองพิรุธบางอย่างออก

ส่วนจิวหมัวจื้อที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ยังนั่งสมาธิ ไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย เชิญร่ำสุราสีหน้าเรียบเฉย มุมปากอมยิ้ม ส่วนเมฆเคลื่อนเดียวดายกับข้ากำลังหาของก็เผยสีหน้าเยาะเย้ยอย่างชัดเจน

“ตอนที่จงหลิงถูกอวิ๋นจงเฮ่อจับตัวไป” เยี่ยเว่ยหมิงมองสีหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่ใส่ใจ “จริงอยู่ที่อวิ๋นจงเฮ่อนิสัยบ้ากาม แต่ไม่ได้ปัญญาอ่อนถึงขั้นไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากผู้หญิงแน่นอน…

…ตอนที่พวกเราเจอเขาก่อนหน้านี้ เนื้อเรื่องช่วงหุบเขาว่านเจี๋ยถึงตอนที่สี่คนโฉดกับสกุลต้วนต้าหลี่กำลังคุมเชิงกันพอดี ถ้าตอนนั้นถ้าเขาจับตัวจงหลิงในหุบเขาก็อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ต่อให้เป็นต้วนเหยียนชิ่งก็ต้องไม่ปล่อยเจ้าเวรที่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำนี่ไปแน่นอน…

…โอกาสเพียงครั้งเดียว ก็คือต้องรอให้จงหลิงเป็นฝ่ายออกจากอาณาเขตหุบเขาว่านเจี๋ยมาเอง…

….ขอเพียงออกจากหุบเขาว่านเจี๋ย เวลาเขาลงมือขึ้นมาก็ย่อมไม่มีใครรู้อยู่แล้ว…

…ที่จริงแล้ว ตอนที่จงหลิงถูกจับตัวไป ก็เป็นตอนที่ข้าเป่านกหวีดไม้ไผ่พอดี จงหลิงได้ยินแล้วจึงมาหา”

พอพูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มมีเลศนัยมากขึ้น “เช่นนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว อวิ๋นจงเฮ่อรู้ได้อย่างไรว่าจงหลิงจะวิ่งออกมาจากหุบเขาว่านเจี๋ยตอนนั้น”

ผู้เล่นจากสำนักภูเขาหิมะกับสำนักวิหคทอง จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อว่าสหายรักของตัวเองจะเป็นคนทรยศ พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดมากขนาดนี้ในรวดเเดียว เซียนสาวน้อยนักกินก็อดแก้ตัวแทนต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงไม่ได้ “อวิ๋นจงเฮ่ออาจจะบังเอิญเจอก็ได้”

“การคาดเดาแบบนี้มีเหตุผล” เยี่ยเว่ยหมิงดีดนิ้ว จากนั้นเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เช่นนั้นสามคนโฉดที่เหลือล่ะ อย่าบอกนะว่าบังเอิญเหมือนกัน ทันทีที่พวกเราสังหารอวิ๋นจงเฮ่อ พวกเขาก็ตามมาถึงที่เกิดเหตุทันที”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด