ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 435 นอกวัดเทียนหลง ใต้ต้นโพธิ์

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 435 นอกวัดเทียนหลง ใต้ต้นโพธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 435 นอกวัดเทียนหลง ใต้ต้นโพธิ์

ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง ผงชายหญิงสู่สมกับยาถอนของมันต่างหากถึงจะเป็นของดีที่แท้จริง

ไม่เพียงแค่แสดงบทบาทสำคัญระหว่างที่ช่วยต้วนอวี้ ถึงขั้นหลายครั้งยังแสดงผลลัพธ์ที่พิษร้ายชนิดอื่นทำไม่ได้ออกมาได้

ส่วนพังพอนสายฟ้าที่พลังต่อสู้ไม่สูงไม่ต่ำตัวนั้น คงจะรับมือได้เพียงพวกจั่วจื่อมู่กับสือคงเสวียนเท่านั้น ถ้าเจอยอดฝีมือที่เก่งกว่านั้น ถ้าปล่อยออกไปก็เท่ากับส่งไปตาย

ถ้าพังพอนขาวชนิดนี้เก่งจริง ทำไมจงว่านโฉวกับกานเป่าเปาไม่เก็บไว้ใช้งานเอง แต่กลับมอบให้ลูกพกไว้ป้องกันตัวตลอด

ส่วนธาตุพิษของพังพอนสายฟ้า สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เมื่ออยู่ในโหมดเนื้อเรื่องก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง

แต่เมื่ออยู่ในการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับ NPC หรือกับผู้เล่นด้วยกันเอง ก็อย่าว่าแต่พิษพังพอนที่ทำให้จั่วจื่อมู่กับสือคงเสวียนตายภายในสามวันเลย ต่อให้เป็นยาตัดวิญญาณที่ใช้ปลิดชีพหูอี้เตาได้ตามต้นฉบับเดิม สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้วก็ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกันไม่ใช่หรอกหรือ

สำหรับประโยชน์ของพังพอนสายฟ้า สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว กลับใช้งานจริงได้ไม่ดีเท่าเฟยอวี๋เวอร์ชั่นถูกตอน (สุนัข: อาหวง)

แต่เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่สนใจปัญหานี้อยู่แล้ว จะไปเถียงกับผู้หญิงคนหนึ่งทำไม ถึงอย่างไรสำหรับความ ‘น่ารัก’ ของพังพอนสายฟ้าในสายตาอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์พูด

“สหายหลิวอวิ๋น สหายอ้วนชนะฟ้า” เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้กำลังจะจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดกับสองคนในทีมที่การโจมตีเป็นศูนย์ทันที “สองคนนี้ไม่ชอบต่อสู้กับคนอื่น รับหน้าที่คุ้มครองส่งแม่นางจงหลิงกลับหุบเขาว่านเจี๋ยเถอะ พวกเราจะรีบกลับไปก่อน ดูว่าทางหุบเขาว่านเจี๋ยเกิดเรื่องอะไรกันแน่”

“พวกเจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!”

ขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันและเตรียมจะออกเดินทาง เสียงแหบพร่าที่คุ้นเคยก็ดังมาจากหุบเขาว่านเจี๋ยซึ่งอยู่ไม่ไกล

พอหันไปมองก็เห็นสามเงาร่างที่คุ้นเคยกำลังแสดงตัวอย่างรวดเร็ว วิ่งมาหาพวกเขาจากที่ไกลๆ ความเร็วที่แสดงให้เห็น ไม่ด้อยกว่าตอนที่อวิ๋นจงเฮ่ออุ้มคนวิ่งก่อนหน้านี้เลยสักนิด

ทุกคนหันไปจ้อง แต่กลับรู้สึกปวดประสาทพร้อมกัน

ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอีกสามคนในบรรดาสี่คนโฉด: โฉดชั่วบาปหนักต้วนเหยียนชิ่ง จอมโฉดบาปหนาเยี่ยเอ้อร์เหนียง อสูรโฉดชั่วเย่ว์เหล่าซาน!

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่พวกเขาเพิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นใคร สามคนโฉดก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาราวกับบินมาแล้ว เยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานแยกกันยืนทางซ้ายและขวา ปิดดทางถอยทางฝั่งซ้ายและขวาของพวกเขาไว้ ส่วนต้วนเหยียนชิ่งก็ถือไม้เท้าคู่มาหยุดอยู่ตรงจุดที่ห่างจากข้างหน้าพวกเขาสามจั้ง ดวงตาเย็นชาไร้อารมณ์กวาดมองบนตัวพวกเขาทีละคน เห็นแล้วแอบหนาวในใจ

ไม่เเห็นเขาขยับปากอะไรเลย แต่เสียงที่เก็บกดความเดือดดาลเอาไว้กลับดังขึ้นข้างหูพวกเขาพร้อมกัน “เจ้าสี่ถูกเด็กๆ อย่างพวกเจ้าสังหารอย่างนั้นหรือ”

ดูจากท่าทางของพวกเราแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้ว่าต้องมาล้างแค้นแทนอวิ๋นจงเฮ่อแน่นอน

หรือไม่อย่างนั้น เจตนาเดิมของพวกเขาก็อาจไม่ใช่ล้างแค้น แต่มาเพื่อช่วยคน เพียงแต่ตอนที่พวกเขาตามมาถึง อวิ๋นจงเฮ่อก็กลายเป็นศพนกเขาด้วนและถูกเยี่ยเว่ยหมิงเก็บเข้ากระเป๋าไปแล้ว ดังนั้น จากตอนแรกที่จะมาช่วยชีวิต จึงกลายเป็นการล้างแค้นไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

บางทีระหว่างพวกเขาสามคนกับอวิ๋นจงเฮ่ออาจไม่ได้มีมิตรภาพที่แท้จริง แต่ในเมื่อพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสี่คนโฉดเหมือนกัน แถมอีกสามคนก็ฟังคำสั่งต้วนเหยียนชิ่ง เช่นนั้นเมื่ออวิ๋นจงเฮ่อถูกสังหารแล้ว พวกเขาก็จะต้องช่วยล้างแค้นให้

หากไม่ทำอย่างนี้ เช่นนั้นในภายหลังก็จะมีคนเก่งๆ มาสังหารเย่ว์เหล่าซานกับเยี่ยเอ้อร์เหนียงเหมือนกัน อย่างไรเสียก็ไม่ต้องแบกรับผลที่ตามมา ทั้งยังได้รับชื่อเสียงในยุทธภพด้วย แล้วทำไมจะไม่อยากทำ

ส่วนต้วนเหยียนชิ่ง แม้ที่ผ่านมาจะอาศัยทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่งของตัวเองมาตั้งหลักในชีวิต แต่หากแม้แต่น้องชายคนเดียวยังปกป้องไว้ไม่ได้ แล้วใครจะอยากมาทำงานกับเขา

ดังนั้นต่อให้ในใจพวกเขาจะไม่อยากทำ แต่แค้นนี้ก็ต้องชำระอยู่ดี

ยุทธภพก็เป็นแบบนี้!

หลังจากต้วนเหยียนชิ่งเอ่ยคำถามที่เฉียบขาดออกมา เหนือศีรษะของสามคนโฉดก็มีชื่อและค่าสเตตัสของพวกเขาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน พอมองดูแล้ว เหมือนเจ้าสามคนนี้จะเป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติเหมือนกัน?

[ต้วนเหยียนชิ่ง]

พี่ใหญ่ของสี่คนโฉด ฉายาโฉดชั่วบาปหนัก

เลเวล: ???

พลังชีวิต: ???/???

กำลังภายใน: ???/???

……

[เยี่ยเอ้อร์เหนียง]

น้องรองของสี่คนโฉด ฉายาจอมโฉดบาปหนา

เลเวล: 96

พลังชีวิต: 660000/660000

กำลังภายใน: 450000/450000

……

[เย่ว์เหล่าซาน]

น้องสามของสี่คนโฉด ฉายาอสูรโฉดชั่ว

เลเวล: 87

พลังชีวิต: 580000/580000

กำลังภายใน: 260000/260000

……

ตอนนี้ปัญหาเพิ่มขึ้นแล้ว!

ที่จริงแล้ว ด้วยความสามารถของสี่คนโฉด ไม่ว่าจะเป็นใคร ผู้เล่นในปัจจุบันก็รับมือด้วยไม่ไหวทั้งนั้น ต่อให้จะแข็งแกร่งเหมือนเยี่ยเว่ยหมิง แต่ถ้าไม่มีผู้ช่วยคนอื่นเลย สู้ตัวต่อตัวกับอวิ๋นจงเฮ่อก็มีโอกาสแพ้มากกว่าอยู่ดี

อย่าไปมองว่าก่อนหน้านี้สู้ได้อย่างราบรื่น เพราะที่จริงแล้วกลยุทธ์ทางด้านจิตใจของหลิวอวิ๋นต่างหากที่แสดงบทบาทสำคัญในการต่อสู้

ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ แม้ทุกคนจะเอาชนะได้ แต่ก็ไม่ได้เอาชนะได้อย่างสบายๆ แบบนี้แน่นอน

แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงกัน ก็มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเย่ว์เหล่าซานได้เช่นกัน ถึงขั้นว่าต่อให้สู้กับเยี่ยเอ้อร์เหนียงก็ใช่ว่าจะไร้ความสามารถ แต่ถ้าสู้กับพวกเขาพร้อมกันสองคน สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือตายยกกลุ่มแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานที่อยู่ตรงนี้แล้ว ก็ยังมีต้วนเหยียนชิ่งที่ฝีมือล้ำลึกเกินคาดเดาอยู่ด้วยอีกคนไม่ใช่หรอกหรือ

เมื่อเห็นว่าสามคนนี้เจอกันแล้วเผยค่าสเตตัส BOSS โดยไม่ลังเลทันที พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ต่างคนต่างชักอาวุธเตรียมพร้อมเต็มที่แล้ว

ตอนนี้สายตาต้วนเหยียนชิ่งที่เป็นพี่ใหญ่ของสามคนโฉดเริ่มเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ “ก่อนหน้านี้เจ้าสี่บอกว่าจงหลิงนังหนูนั่นมีปัญหา ก็เลยแอบตามมาจากหุบเขาว่านเจี๋ย”

ขณะที่พูด สายตาของต้วนเหยียนชิ่งก็มองไปยังจงหลิงที่ยืนปลอดภัยอยู่ท่ามกลางผู้เล่นแล้ว “พอมาดูตอนนี้…เขาคงถูกพวกเจ้าสังหารไปแล้วสินะ”

ดูท่าแล้ว นอกเสียจากว่าพวกเขาจะหาทางพิสูจน์ได้ว่าอวิ๋นจงเฮ่อไม่ได้ถูกพวกเขาฆ่า ไม่อย่างนั้นศึกเดือดนี้ก็เลี่ยงได้ยากมาก

ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ ซานเย่ว์ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า สบตากับสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารของต้วนเหยียนชิ่งอย่างไม่หวาดกลัว พร้อมอ่านกลอนที่ไม่ได้สละสลวย “นอกวัดเทียนหลง ใต้ต้นโพธิ์ ขอทานมอมแมม กวนอิมผมยาว”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สายตาของต้วนเหยียนชิ่งที่เดิมทีมีเจตนาสังหาร ก็ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและงุนงงในชั่วพริบตาเดียว ดวงตาทั้งคู่ที่มองเห็นความเป็นไปของโลกอย่างเข้าใจและแทบไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องใด ตอนนี้เริ่มมีน้ำตาคลอแล้ว แม้แต่สองมือของเขาที่กุมไม้เท้าไว้แน่นก็สั่นเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ลูกกระเดือกขยับต่อเนื่องหลายครั้ง เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไว้ ไม่กล้าเอ่ยออกมา

บนใบหน้าของคนชั่วโฉดที่ใครในยุทธภพเห็นก็ต้องหวาดกลัว ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เผยสีหน้าเหมือนมนุษย์ทั่วไปแล้ว ไม่ใช่แค่พวกผู้เล่นที่รู้สึกประหลาดใจ แม้แต่เยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน

วันนี้พี่ใหญ่คงไม่ได้กินยาผิดมาหรอกใช่ไหม

ท่ามกลางสายตาฉงนสนเท่ห์ของทุกคน ต้วนเหยียนชิ่งกลับมองซานเย่ว์ไม่ละสายตา จนกระทั่งตอนนี้ เสียงที่สั่นเล็กน้อยถึงได้ดังขึ้นข้างหูของทุกคน

“พระ…โพธิสัตว์…กวน…อิม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด