ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน

เมื่อเอ่ยถึงตำรากระบี่พิชิตมาร เฟยอวี๋ที่นั่งอยู่ข้างกายถังซานไฉ่รู้ว่านี่คือโอกาสดีที่จะกุเรื่องขึ้นมาหลอกลวง ก็เลยชิงพูดก่อนทุกคน “ตามคำบอกเล่าของโหยวโหยว ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้เป็นพยานวัตถุของตระกูลหลิน ต้องการให้โหยวโหยวส่งต่อให้สำนักมือปราบเทพ แต่ระบบกลับไม่ได้แจ้งเตือนว่าเจ้ารับภารกิจที่เกี่ยวข้องใช่ไหม”

โหยวโหยวพยักหน้า

เฟยอวี๋พูดต่อไปว่า “เช่นนั้นตามที่ข้าวิเคราะห์ ที่จริงตอนนี้พวกเรามีสองทางเลือก”

ขณะที่พูด เขาก็ยื่นนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่ง คือส่งมันให้โหยวจิ้น หรือไม่ก็หวงโส่วจุน ทำเช่นนี้ทุกคนก็จะได้ผลประโยชน์แน่นอน แต่ข้อเสียก็คือหากแบ่งรางวัลเฉลี่ยกันหกคนแล้วรางวัลจะน้อยมาก รางวัลที่ตกอยู่ในมือทุกคนในตอนสุดท้าย ไม่มากเท่าตำราลับสุดยอดวิชาหนึ่งเล่มแน่นอน”

จากนั้น เฟยอวี๋ก็ชูสองนิ้ว “ส่วนวิธีการที่สองก็คือ พวกเราไม่ส่งมอบสิ่งของนี้ขึ้นไป แต่ให้ใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ใช้เงินซื้อไว้ เงินที่เหลือแบ่งเฉลี่ยให้ทุกคนเท่ากัน ทำเช่นนี้อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าในบรรดาพวกเราจะมีคนที่ได้เรียนสุดยอดวิชานี้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังได้ผลประโยชน์เหมือนเดิม”

พูดจบก็ยักไหล่ สายตาไปหยุดอยู่บนตัวซานเย่ว์ “หัวหน้าทีมคิดว่าอย่างไร”

ซานเย่ว์ที่เดิมทีเริ่มรอดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ความสนใจของทุกคนมารวมอยู่ที่ตัวเอง นางก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวทันที รีบหันไปทางเยี่ยเว่ยหมิงเหมือนร้องความช่วยเหลือ แต่กลับเห็นเขาจ้องอ่านเนื้อหา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ บนโต๊ะอย่างไม่ละสาย เหมือนไม่สนใจประเด็นที่คนอื่นกำลังเจรจากันเลย

“อาหมิง…”

ซานเย่ว์กำลังจะเอ่ยเตือนเขาว่าตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เวลามานั่งเหม่อลอย แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงโบกมือหยุดไว้ ส่วนสายตาของเขาก็ยังจ้องเนื้อหาบนตำราลับเหมือนเดิม

การกระทำที่แปลกพิลึกของเยี่ยเว่ยหมิงได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้วเช่นกัน ถึงขั้นว่ามีคนเริ่มมองบนตำราลับด้วยสายตาฉงยสนเท่ห์แล้วด้วย และในตอนนี้เอง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อ่านตัวอักษรตัวสุดท้ายบนตำราลับหมดแล้ว เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นตรงเวลา

[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ อย่างละเอียด เรียนรู้เคล็ดกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้ว และได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้ม

แต่ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ จะสามารถฝึกได้หลังจากเฉือนความเป็นชายทิ้ง คุณจะเฉือนความเป็นชายทิ้งหรือไม่]

[ใช่/ปฏิเสธ]

[ปฏิเสธ!]

เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย

การที่ปฏิเสธความยั่วยวนของสุดยอดวิชาเคล็ดกระบี่ได้อย่างใจกว้างขนาดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวขนาดไหน

แน่นอน หากเขาไม่รู้ข้อมูลจากอินปู้คุยมาก่อนว่า ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ หมายความว่าอย่างไร ประโยคนี้ก็จะมีแรงจูงใจมากขึ้นแล้ว

[ติ๊ง! คุณล้มเลิกการเรียน ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ตำรากระบี่จะถูกเก็บรักษาไว้ หักค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้มที่คุณได้รับก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่ง กลายเป็นค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 2500 แต้ม กรุณาเลือกว่าจะใช้กับเคล็ดกระบี่รายการไหน]

[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน!]

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจเลือก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินก็เพิมขึ้นเยอะมากทันที กอปรกับก่อนหน้านี้ตอนที่เขากับสะพานสวรรค์น้อยใช้กระบี่คู่ผนึกรวมเอาชนะอวี๋ชางไห่ เคล็ดกระบี่ชุดนี้ก็ได้รับค่าประสบการณ์ไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้เมื่อเพิ่มขึ้นอีก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่จึงกลายเป็น 8312/10000

อยู่ห่างจากการอัปเลเวลเคล็ดกระบี่อีกไม่ไกลแล้ว!

หลังจากได้รับประโยชน์มหาศาลในขณะที่เทพไม่เห็นผีไม่รู้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ค่อยๆ เก็บสายตากลับมาจากจีวรล้ำค่า แล้วยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวว่า “ก่อนจะตัดสินใจแผนการแบ่ง ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ข้ามีคำถามหนึ่งอยากจะถามทุกคนก่อน หากจะฝึกจนได้ผลลัพธ์อัศจรรย์ ต้องโบกดาบเฉือนความเป็นชายทิ้ง รู้หรือเปล่าว่าข้อความ ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ บนเงื่อนไขการฝึกหมายความว่าอะไร”

ทุกคนได้ยินแล้วส่ายหน้าพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งถามเหมือนท้าทายว่า “พูดอย่างนี้ แสดงว่าเจ้ารู้?”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างสบายๆ “โดนตอน ตัดอวัยวะเพศ”

“อะไรนะ!”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตัดอวัยวะเพศ’ ถังซานไฉ่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มองไปยังจีวรล้ำค่าอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไม่ผิดหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “จากข้อมูลที่ข้ารู้มา เดิมทีเคล็ดกระบี่พิชิตมารก็ถูกเขียนขึ้นโดยขันทีคนหนึ่งของราชวงศ์ก่อนดังนั้นหากผู้ชายต้องการฝึก ก็ต้องเฉือนทิ้ง ส่วนผู้หญิง…”

ขณะที่พูด สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดมองสาวงามทั้งสามคน “พวกเจ้าจะลองดูหน่อยไหม”

ผู้หญิงทั้งสามส่ายหน้าพร้อมกัน ถึงขนาดนั้นว่าเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อยโดยจิตใต้สำนึก สื่อว่าขอขีดเส้นแบ่งกับเคล็ดกระบี่ไร้คุณธรรมนี้ให้ชัดเจน

“พอกล่าวเช่นนี้ วิธีการจัดการ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ก็ไม่จำเป็นต้องหารือกันต่อแล้ว” เมื่อให้โหยวโหยวเก็บจีวรล้ำค่าอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เปิดประเด็นใหม่ที่มีความหมายที่แท้จริงทันที “เรื่องที่ควรค่าแก่การเจรจาในวันนี้จริงๆ ก็คือจะแบ่งไอเทมที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กับสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงอย่างไร”

ส่วน ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นหลุมกับดักใหญ่!

ทุกคนล้วนมาเล่นเกม ไม่ว่าใครก็ไม่อยากสละศักดิ์ศรีด้านไหนทิ้งเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นเมื่ออยู่ในเกม

ต่อให้เป็นแค่ศักดิ์ศรีเมื่ออยู่ในเกมก็ตาม!

ดังนั้น หลังจากรู้ถึงความเป็นพิษเป็นภัยของเคล็ดกระบี่นี้ ทุกคนก็ล้มเลิกความคิดใดๆ ที่มีต่อมันทันที

ตามคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนย้ายความสนใจไปยังไอเทมที่ดรอปได้จากอวี๋ชางไห่และลูกศิษย์ทันที

เนื่องจากการตายของซานเย่ว์ก่อนหน้านี้ ทำให้โหมดแบ่งสรรไอเทมในทีมเปลี่ยนจากแบ่งโดยหัวหน้าทีมกลายเป็นแบ่งสรรตามค่าผลงาน และโหมดแบ่งสรรแบบนี้ก็เหมาะกับการรวมทีมของคนแปลกหน้า ไม่เหมาะกับทีมที่สนิทกันอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นการสังหารอวี๋ชางไห่ครั้งนี้

แม้กำลังหลักจะเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย แต่หากไม่มีทุกคนดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขา ก็เกรงว่ากระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเขาคงถูกอวี๋ชางไห่โจมตีพังไปตั้งแต่ช่วงปรับค่าสเตตัสแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะได้ใช้โบนัสสเตตัสจากการกินเนื้อหมาป่าเพื่อปรับค่าสเตตัสให้ใกล้เคียงสะพานสวรรค์น้อย จนแสดงประสิทธิภาพสูงสุดของกระบี่คู่ผนึกรวมออกมาได้

อิงตามวิธีการคำนวณของระบบ ของดีที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยทั้งหมดแล้ว หากพวกเขาฮุบของไว้โดยไม่พูดอะไรเลยจริงๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว

แม้คนอื่นจะไม่พูดอะไร แต่หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพูดเรื่องการทำงานร่วมกันอีกแล้ว

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถึงปัญหาการแบ่งไอเทม สะพานสวรรค์คริสตัลก็ฮึกเหิมทันที หันกลับมาถามเขาว่า “เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี”

น้องสะพานสวรรค์น้อยนิสัยดี ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะต้องนำของที่อยู่ในมือออกมา เพียงแต่คนที่นางถามกลับทำให้เฟยอวี๋รู้สึกไม่พอใจมาก

ที่แท้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางของทีมอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว ถึงขนาดว่าสะพานสวรรค์น้อยที่เข้าทีมมาด้วยฐานะเพื่อนของซานเย่ว์ก็ยังมองข้ามหัวหน้าทีมหุ่นเชิดอย่างซานเย่ว์ไปแล้ว หันไปถามเยี่ยเว่ยหมิงโดยตรง

นี่ไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่เขาคาดคะเนไว้เลย!

ขนาดสะพานสวรรค์น้อยยังเป็นเช่นนี้ ส่วนความคิดของคนอื่นๆ ตรงนี้เป็นอย่างไร ก็ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฟยอวี๋ก็ยังชิงตอบก่อนเยี่ยเว่ยหมิง เขาลองถามซานเย่ว์ว่า “หัวหน้าทีม เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ที่เขาถามอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เฝ้ารอให้ซานเย่ว์เสนอความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขาอยู่แล้ว แต่เพียงต้องการเตือนทุกคนว่า หัวหน้าทีมที่แท้จริงนั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก พวกเจ้าอย่ามาทำตัวเป็นแขกแย่งบทบาทของเจ้าภาพ อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง!

ทว่าคำตอบของซานเย่ว์กลับทำให้ศิษย์พี่รองที่หวังจะกู้สถานการณ์รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง “ข้าเชื่อฟังอาหมิง”

มารดาเจ้าเถอะ!

เฟยอวี๋จึงเลิกดันทุรังเสียเลย ทำได้เพียงคล้อยตามคนที่เหลือ ย้ายสายตาไปที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิง เพียงแต่สายตาของเขาดูคับแค้นใจนิดหน่อย…

คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเช่นกัน “ข้าแนะนำให้แบ่งเท่าๆ กัน ทุกคนนำสิ่งที่ตัวเองได้ออกมาให้หมด จากนั้นพวกเราก็ประมูลทีละชิ้น รวมทั้งเงินที่ได้มาก็ต้องแบ่งเท่ากันด้วย”

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกว่า “ก่อนหน้านี้โหยวโหยวทำเรื่องที่พวกเรามองข้ามให้สำเร็จแล้ว ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ข้าเคยบอกแล้วว่าจะนำ ‘รองเท้าชิงเหลียง’ เป็นรางวัลให้นาง ของนี้ย่อมไม่อยู่ในรายการประมูลขาย”

“ข้าพูดจบแล้ว ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน

เมื่อเอ่ยถึงตำรากระบี่พิชิตมาร เฟยอวี๋ที่นั่งอยู่ข้างกายถังซานไฉ่รู้ว่านี่คือโอกาสดีที่จะกุเรื่องขึ้นมาหลอกลวง ก็เลยชิงพูดก่อนทุกคน “ตามคำบอกเล่าของโหยวโหยว ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้เป็นพยานวัตถุของตระกูลหลิน ต้องการให้โหยวโหยวส่งต่อให้สำนักมือปราบเทพ แต่ระบบกลับไม่ได้แจ้งเตือนว่าเจ้ารับภารกิจที่เกี่ยวข้องใช่ไหม”

โหยวโหยวพยักหน้า

เฟยอวี๋พูดต่อไปว่า “เช่นนั้นตามที่ข้าวิเคราะห์ ที่จริงตอนนี้พวกเรามีสองทางเลือก”

ขณะที่พูด เขาก็ยื่นนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่ง คือส่งมันให้โหยวจิ้น หรือไม่ก็หวงโส่วจุน ทำเช่นนี้ทุกคนก็จะได้ผลประโยชน์แน่นอน แต่ข้อเสียก็คือหากแบ่งรางวัลเฉลี่ยกันหกคนแล้วรางวัลจะน้อยมาก รางวัลที่ตกอยู่ในมือทุกคนในตอนสุดท้าย ไม่มากเท่าตำราลับสุดยอดวิชาหนึ่งเล่มแน่นอน”

จากนั้น เฟยอวี๋ก็ชูสองนิ้ว “ส่วนวิธีการที่สองก็คือ พวกเราไม่ส่งมอบสิ่งของนี้ขึ้นไป แต่ให้ใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ใช้เงินซื้อไว้ เงินที่เหลือแบ่งเฉลี่ยให้ทุกคนเท่ากัน ทำเช่นนี้อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าในบรรดาพวกเราจะมีคนที่ได้เรียนสุดยอดวิชานี้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังได้ผลประโยชน์เหมือนเดิม”

พูดจบก็ยักไหล่ สายตาไปหยุดอยู่บนตัวซานเย่ว์ “หัวหน้าทีมคิดว่าอย่างไร”

ซานเย่ว์ที่เดิมทีเริ่มรอดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ความสนใจของทุกคนมารวมอยู่ที่ตัวเอง นางก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวทันที รีบหันไปทางเยี่ยเว่ยหมิงเหมือนร้องความช่วยเหลือ แต่กลับเห็นเขาจ้องอ่านเนื้อหา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ บนโต๊ะอย่างไม่ละสาย เหมือนไม่สนใจประเด็นที่คนอื่นกำลังเจรจากันเลย

“อาหมิง…”

ซานเย่ว์กำลังจะเอ่ยเตือนเขาว่าตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เวลามานั่งเหม่อลอย แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงโบกมือหยุดไว้ ส่วนสายตาของเขาก็ยังจ้องเนื้อหาบนตำราลับเหมือนเดิม

การกระทำที่แปลกพิลึกของเยี่ยเว่ยหมิงได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้วเช่นกัน ถึงขั้นว่ามีคนเริ่มมองบนตำราลับด้วยสายตาฉงยสนเท่ห์แล้วด้วย และในตอนนี้เอง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อ่านตัวอักษรตัวสุดท้ายบนตำราลับหมดแล้ว เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นตรงเวลา

[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ อย่างละเอียด เรียนรู้เคล็ดกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้ว และได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้ม

แต่ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ จะสามารถฝึกได้หลังจากเฉือนความเป็นชายทิ้ง คุณจะเฉือนความเป็นชายทิ้งหรือไม่]

[ใช่/ปฏิเสธ]

[ปฏิเสธ!]

เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย

การที่ปฏิเสธความยั่วยวนของสุดยอดวิชาเคล็ดกระบี่ได้อย่างใจกว้างขนาดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวขนาดไหน

แน่นอน หากเขาไม่รู้ข้อมูลจากอินปู้คุยมาก่อนว่า ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ หมายความว่าอย่างไร ประโยคนี้ก็จะมีแรงจูงใจมากขึ้นแล้ว

[ติ๊ง! คุณล้มเลิกการเรียน ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ตำรากระบี่จะถูกเก็บรักษาไว้ หักค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้มที่คุณได้รับก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่ง กลายเป็นค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 2500 แต้ม กรุณาเลือกว่าจะใช้กับเคล็ดกระบี่รายการไหน]

[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน!]

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจเลือก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินก็เพิมขึ้นเยอะมากทันที กอปรกับก่อนหน้านี้ตอนที่เขากับสะพานสวรรค์น้อยใช้กระบี่คู่ผนึกรวมเอาชนะอวี๋ชางไห่ เคล็ดกระบี่ชุดนี้ก็ได้รับค่าประสบการณ์ไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้เมื่อเพิ่มขึ้นอีก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่จึงกลายเป็น 8312/10000

อยู่ห่างจากการอัปเลเวลเคล็ดกระบี่อีกไม่ไกลแล้ว!

หลังจากได้รับประโยชน์มหาศาลในขณะที่เทพไม่เห็นผีไม่รู้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ค่อยๆ เก็บสายตากลับมาจากจีวรล้ำค่า แล้วยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวว่า “ก่อนจะตัดสินใจแผนการแบ่ง ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ข้ามีคำถามหนึ่งอยากจะถามทุกคนก่อน หากจะฝึกจนได้ผลลัพธ์อัศจรรย์ ต้องโบกดาบเฉือนความเป็นชายทิ้ง รู้หรือเปล่าว่าข้อความ ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ บนเงื่อนไขการฝึกหมายความว่าอะไร”

ทุกคนได้ยินแล้วส่ายหน้าพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งถามเหมือนท้าทายว่า “พูดอย่างนี้ แสดงว่าเจ้ารู้?”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างสบายๆ “โดนตอน ตัดอวัยวะเพศ”

“อะไรนะ!”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตัดอวัยวะเพศ’ ถังซานไฉ่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มองไปยังจีวรล้ำค่าอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไม่ผิดหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “จากข้อมูลที่ข้ารู้มา เดิมทีเคล็ดกระบี่พิชิตมารก็ถูกเขียนขึ้นโดยขันทีคนหนึ่งของราชวงศ์ก่อนดังนั้นหากผู้ชายต้องการฝึก ก็ต้องเฉือนทิ้ง ส่วนผู้หญิง…”

ขณะที่พูด สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดมองสาวงามทั้งสามคน “พวกเจ้าจะลองดูหน่อยไหม”

ผู้หญิงทั้งสามส่ายหน้าพร้อมกัน ถึงขนาดนั้นว่าเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อยโดยจิตใต้สำนึก สื่อว่าขอขีดเส้นแบ่งกับเคล็ดกระบี่ไร้คุณธรรมนี้ให้ชัดเจน

“พอกล่าวเช่นนี้ วิธีการจัดการ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ก็ไม่จำเป็นต้องหารือกันต่อแล้ว” เมื่อให้โหยวโหยวเก็บจีวรล้ำค่าอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เปิดประเด็นใหม่ที่มีความหมายที่แท้จริงทันที “เรื่องที่ควรค่าแก่การเจรจาในวันนี้จริงๆ ก็คือจะแบ่งไอเทมที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กับสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงอย่างไร”

ส่วน ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นหลุมกับดักใหญ่!

ทุกคนล้วนมาเล่นเกม ไม่ว่าใครก็ไม่อยากสละศักดิ์ศรีด้านไหนทิ้งเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นเมื่ออยู่ในเกม

ต่อให้เป็นแค่ศักดิ์ศรีเมื่ออยู่ในเกมก็ตาม!

ดังนั้น หลังจากรู้ถึงความเป็นพิษเป็นภัยของเคล็ดกระบี่นี้ ทุกคนก็ล้มเลิกความคิดใดๆ ที่มีต่อมันทันที

ตามคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนย้ายความสนใจไปยังไอเทมที่ดรอปได้จากอวี๋ชางไห่และลูกศิษย์ทันที

เนื่องจากการตายของซานเย่ว์ก่อนหน้านี้ ทำให้โหมดแบ่งสรรไอเทมในทีมเปลี่ยนจากแบ่งโดยหัวหน้าทีมกลายเป็นแบ่งสรรตามค่าผลงาน และโหมดแบ่งสรรแบบนี้ก็เหมาะกับการรวมทีมของคนแปลกหน้า ไม่เหมาะกับทีมที่สนิทกันอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นการสังหารอวี๋ชางไห่ครั้งนี้

แม้กำลังหลักจะเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย แต่หากไม่มีทุกคนดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขา ก็เกรงว่ากระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเขาคงถูกอวี๋ชางไห่โจมตีพังไปตั้งแต่ช่วงปรับค่าสเตตัสแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะได้ใช้โบนัสสเตตัสจากการกินเนื้อหมาป่าเพื่อปรับค่าสเตตัสให้ใกล้เคียงสะพานสวรรค์น้อย จนแสดงประสิทธิภาพสูงสุดของกระบี่คู่ผนึกรวมออกมาได้

อิงตามวิธีการคำนวณของระบบ ของดีที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยทั้งหมดแล้ว หากพวกเขาฮุบของไว้โดยไม่พูดอะไรเลยจริงๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว

แม้คนอื่นจะไม่พูดอะไร แต่หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพูดเรื่องการทำงานร่วมกันอีกแล้ว

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถึงปัญหาการแบ่งไอเทม สะพานสวรรค์คริสตัลก็ฮึกเหิมทันที หันกลับมาถามเขาว่า “เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี”

น้องสะพานสวรรค์น้อยนิสัยดี ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะต้องนำของที่อยู่ในมือออกมา เพียงแต่คนที่นางถามกลับทำให้เฟยอวี๋รู้สึกไม่พอใจมาก

ที่แท้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางของทีมอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว ถึงขนาดว่าสะพานสวรรค์น้อยที่เข้าทีมมาด้วยฐานะเพื่อนของซานเย่ว์ก็ยังมองข้ามหัวหน้าทีมหุ่นเชิดอย่างซานเย่ว์ไปแล้ว หันไปถามเยี่ยเว่ยหมิงโดยตรง

นี่ไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่เขาคาดคะเนไว้เลย!

ขนาดสะพานสวรรค์น้อยยังเป็นเช่นนี้ ส่วนความคิดของคนอื่นๆ ตรงนี้เป็นอย่างไร ก็ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฟยอวี๋ก็ยังชิงตอบก่อนเยี่ยเว่ยหมิง เขาลองถามซานเย่ว์ว่า “หัวหน้าทีม เจ้าคิดว่าอย่างไร”

ที่เขาถามอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เฝ้ารอให้ซานเย่ว์เสนอความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขาอยู่แล้ว แต่เพียงต้องการเตือนทุกคนว่า หัวหน้าทีมที่แท้จริงนั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก พวกเจ้าอย่ามาทำตัวเป็นแขกแย่งบทบาทของเจ้าภาพ อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง!

ทว่าคำตอบของซานเย่ว์กลับทำให้ศิษย์พี่รองที่หวังจะกู้สถานการณ์รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง “ข้าเชื่อฟังอาหมิง”

มารดาเจ้าเถอะ!

เฟยอวี๋จึงเลิกดันทุรังเสียเลย ทำได้เพียงคล้อยตามคนที่เหลือ ย้ายสายตาไปที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิง เพียงแต่สายตาของเขาดูคับแค้นใจนิดหน่อย…

คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเช่นกัน “ข้าแนะนำให้แบ่งเท่าๆ กัน ทุกคนนำสิ่งที่ตัวเองได้ออกมาให้หมด จากนั้นพวกเราก็ประมูลทีละชิ้น รวมทั้งเงินที่ได้มาก็ต้องแบ่งเท่ากันด้วย”

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกว่า “ก่อนหน้านี้โหยวโหยวทำเรื่องที่พวกเรามองข้ามให้สำเร็จแล้ว ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ข้าเคยบอกแล้วว่าจะนำ ‘รองเท้าชิงเหลียง’ เป็นรางวัลให้นาง ของนี้ย่อมไม่อยู่ในรายการประมูลขาย”

“ข้าพูดจบแล้ว ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+