ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 28 ศาลาเฟิงปัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 28 ศาลาเฟิงปัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 28 ศาลาเฟิงปัว

ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าจากปากอินปู้คุย แน่นอนว่าไม่ใช่สินค้าที่กดรับแล้วส่งให้ฟรีๆ ตรงกันข้าม นั่นคืออาวุธเทพอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นอาวุธคมสุดเทพที่เลเวลสูงกว่าหน้าไม้เทพจูเก๋อหนึ่งระดับอีกด้วย!

ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นก็คือ ดาบฆ่ามังกรไม่เพียงแค่เป็นอาวุธเทพเท่านั้น ทั้งยังนำสีสันและความลี้ลับไม่จบไม่สิ้นมาสู่ยุทธภพด้วย

ในยุทธภพถึงขั้นมีคำกล่าวที่สืบต่อกันมาว่า

ราชันยุทธภพ ดาบล้ำค่าฆ่ามังกร

บัญชาใต้หล้า มิกล้าขัดขืน

อิงฟ้าไม่ปรากฏ ใครหาญต่อกร

ดาบล้ำค่าฆ่ามังกรในนี้ ก็หมายถึงดาบฆ่ามังกร ส่วนอิงฟ้าก็หมายถึงกระบี่อิงฟ้าของสำนักเอ๋อเหมย[1] แม้ตอนนี้กระบี่เล่มนั้นจะไม่ได้อยู่ในมือสำนักเอ๋อเหมยก็ตาม

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ มีงานวันเกิดของจางซานเฟิงเจ้าสำนักอู่ตัง ระหว่างทางที่อวี๋ไต้เหยียนกลับภูเขามาอวยพรวันเกิดให้อาจารย์ เกิดจับพลัดจับผลูได้ดาบฆ่ามังกรมา แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาถูกลอบทำร้าย โดนพิษร้ายของอาวุธลับอย่างเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว หลังจากสลบไปหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เพียงแค่ดาบฆ่ามังกรหายไป เขายังเป็นอัมพาตไปทั้งตัวจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ จึงถูกส่งตัวไปให้ตูต้าจิ่น ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคุ้มภัยหลงเหมินคุ้มกันส่งกลับสำนัก

ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น ก็ไม่ต่างกับที่ตูต้าจิ่นเขียนในจดหมายขอความช่วยเหลือเท่าไรนัก เพียงแต่เรื่องที่รู้มาจากปากอินปู้คุยเป็นเรื่องที่พูดในมุมของสำนักอู่ตัง

ตอนอินปู้คุยเล่าเรื่องราวที่ตัวเองรู้ ทั้งสองก็มาถึงประตูฝั่งตะวันออกเมืองหังโจวแล้ว ‘ในยุคโบราณ เพื่อป้องกันไม่ให้โจรผู้ร้ายรบกวนประชาชน ตอนกลางคืนล้วนต้องปิดประตูเมืองไว้ ช่วงที่เกิดสงครามวุ่นวายก็ยิ่งต้องห้ามออกจากบ้านยามวิกาล ชาวบ้านไม่ออกจากประตูเลย เพียงแต่ในเกมไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เล่น

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงฟังกำลังฟังอีกฝ่ายเล่า ก็เปรียบเทียบข้อมูลที่ตัวเองรู้กับคำบอกเล่าของอีกฝ่ายไปด้วย จนกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้แบมือขวา เผยอาวุธลับสองชิ้นบนฝ่ามือ “เข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาวที่เจ้าเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ ใช่สองสิ่งนี้หรือเปล่า”

อินปู้คุยได้ยินแล้วรับมาตรวจดูทันที

[เข็มปากยุง: อาวุธลับชนิดหนึ่งที่อาบพิษร้าย แต่เนื่องจากถูกใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง พิษของมันจึงเหลือเพียงหนึ่งส่วนห้าจากของเดิม]

[ตะปูเจ็ดดาว: อาวุธลับชนิดหนึ่งที่อาบพิษร้าย แต่เนื่องจากเคยถูกใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง พิษของมันจึงเหลือเพียงหนึ่งส่วนห้าจากของเดิม]

บนอาวุธลับสองชิ้นนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นของสำนักไหน แต่สำหรับภารกิจของพวกเขา มันกลับเป็นเบาะแสสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออินปู้คุยได้เห็นจึงรีบถามทันที “สหายเยี่ยได้อาวุธลับสองชิ้นมาจากที่ใด”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ปิดบัง ตอบตามตรงเลยว่า “บนตัวตูต้าจิ่นและพวกผู้คุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน”

“หรือพูดได้อีกอย่างว่า…” อินปู้คุยตาเป็นประกาย “คนที่ลอบโจมตีอวี๋ไต้…อาจารย์ลุงสาม กับผู้ร้ายที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน เป็นคนเดียวกันหรือ”

ที่จริงสิ่งนี้ก็เดาได้ไม่ยาก แต่ถ้าในมือมีหลักฐาน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

พอนึกถึงเจ้าหมอนั่นที่ใช้วิชากรงเล็บในสำนักคุ้มภัยหลงเหมินเมื่อคืนวาน เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสริมว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คงเป็นพวกเดียวกัน ประการแรกเป็นเพราะจอมยุทธ์สามอวี๋กับยอดฝีมือสำนักคุ้มภัยหลงเหมินล้วนบาดเจ็บด้วยอาวุธลับสองอย่างนี้ ประการต่อมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหว้วานให้คุ้มกันส่ง ก็ได้ลั่นวาจาไว้แล้วว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน แม้จะมีจุดที่แตกต่างอยู่บ้าง แต่ลองคิดไปคิดมา ข้าว่าจะต้องมีความเกี่ยวโยงกันแน่นอน”

อินปู้คุยฟังแล้วพยักหน้าซ้ำๆ “แต่พวกเราต้องยืนยันตัวตนของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องไปหาพวกเขาที่นั่นด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าถอนหายใจเช่นกัน “เบาะแสเดียวที่มีตอนนี้ เกรงว่าจะเหลือแค่ดาบฆ่ามังกรเล่มนี้แล้ว นี่เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน”

“ไปหาจางชุ่ยซาน ไม่ใช่สิ ข้าควรจะเรียกว่าอาจารย์ลุงห้า” ขณะที่พูดก็กะพริบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง สื่อความหมายว่า หลังจากพบกันแล้วข้าก็ไม่อาจเรียกชื่อแซ่จางชุ่ยซานโดยตรงได้ พวกเราต้องรักษามารยาท

ศาลาเฟิงปัว ตามประวัติศาสตร์เป็นศาลาในคุกศาลต้าหลี่สมัยราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นเพราะคนในสังคมต่างรู้ว่าเย่ว์เฟย[2] วีรบุรุษของชาวประชาเคยถูกใส่ความและตายอย่างอยุติธรรมที่นี่ เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จึงรวมเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นเหมือนราชสำนักไร้รากฐานของยุคซ่งเหนือ มีเพียงนครหลวงเมืองเปี้ยนเหลียงเท่านั้นที่มีศาลต้าหลี่ ส่วนศาลาเฟิงปัวนี้ ก็กลายเป็นเพียงศาลาธรรมดานอกเมืองสำหรับนั่งพักผ่อนแล้วเช่นกัน ผู้เล่นชาวบ้านล้วนผ่านทางมานั่งพักผ่อนพูดคุยที่นี่ได้ ถือเป็นของสาธารณะที่ใช้ร่วมกัน

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นตั้งแต่ไกลๆ ว่ามีผู้เล่นอู่ตังหกคนที่แต่งกายชุดนักพรตเต๋ากำลังนั่งพูดคุยตีก้นกันอยู่บนพื้นหญ้าในศาลา นอกศาลามีชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยอีกคนกำลังยืนเอามือไพล่หลังขณะมองทะเลสาบซีหูจากมุมไกลๆ บรรดาผู้เล่นในศาลาที่เจือกลิ่นอายยุทธภพทำให้เกิดความแตกต่างกับฉากหลังชัดเจน

หากไม่ใช่เพราะข้างหลังอีกฝ่ายสะพายอาวุธสองชิ้นอย่างพู่กันผู้พิพากษากับตะขอหัวพยัคฆ์ไว้ เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบจะนึกว่าเขาเป็นบัณฑิตอ่อนแอมือไร้เรี่ยวแรงจับไก่ที่กำลังแสร้งทำตัวเฉิดฉายมีระดับแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าบัณฑิตที่ดูบอบบางเหมือนลมจะพัดปลิวอย่างนี้ เมื่อวานจะเป็นยอดฝีมือที่ฉายเดี่ยวสู้กับยอดฝีมือเส้าหลินเจ็ดคน ทั้งยังเป็นการสู้แบบหนึ่งต่อเจ็ดโดยฝีมือไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ลุงห้า!” เมื่อพาเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามาใกล้ตรงหน้าแล้ว อินปู้คุยก็กุมหมัดคารวะจางชุ่ยซานด้วยความนอบน้อมทันที มีความสง่างามของจอมยุทธ์เหมือนในละครพีเรียดมาก

เมื่อเก็บสายตากลับมาแล้ว จางชุ่ยซานก็หันตัวมา เขาพยักหน้าให้อินปู้คุยก่อน ตามด้วยกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “ผู้น้อยจางชุ่ยซานแห่งสำนักอู่ตัง ขอบคุณน้องชายมากที่เมื่อคืนวานพูดจาด้วยความยุติธรรม ผู้แซ่จางนี้ก็รีบร้อนออกมาเช่นกัน ที่จริงแล้วเป็นเพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากโถงด้านหลังของสำนักคุ้มภัย แต่โจรนั่นหนีไปแล้ว ข้าจึงตามไปโดยไม่ทันอธิบายกับทุกคน ใครจะคิดว่ายังคลาดกับอีกฝ่ายอยู่ดี”

ด้วยฐานะของจางชุ่ยซาน การที่ยอมเป็นฝ่ายอธิบายเรื่องนี้ต่อเยี่ยเว่ยหมิงก่อน ก็เพียงพอจะที่บอกได้แล้วว่าเขามองผู้เล่นสำนักมือปราบเทพคนนี้ด้วยสายตาเท่าเทียม ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสของผู้อาวุโสบู๊ลิ้มหรือท่าทีต่อต้านที่คนในยุทธภพมีต่อคนของทางการเลยสักนิด

เยี่ยเว่ยหมิงกุมหมัดคารวะกลับอย่างไม่ถือตัวหรือถ่อมตัว พร้อมทั้งพูดเข้าประเด็นหลักว่า “ข้อมูลคร่าวๆ ของคดีนี้ ระหว่างทางข้าได้สอบถามกับสหายอินมาบ้างแล้ว ด้านรายละเอียดไม่ต้องพูดอะไรมาก นี่คืออาวุธลับที่ข้าเจอบนตัวตูต้าจิ่นกับบรรดาผู้คุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน จอมยุทธ์ห้าจางกรุณาตรวจดูหน่อย” ขณะที่พูดก็แบมือ เผยเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว

อินปู้คุย “???”

ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเจ้าหนุ่มนี่ส่งหลักฐานสำคัญให้ข้าอย่างสบายใจขนาดนั้นได้ สงสัยอาวุธลับในมืออีกฝ่ายจะไม่ได้มีแค่ชุดเดียวสินะ

ช้าก่อน!

จำได้ว่าเมื่อวานเขาบอกว่าผู้คุ้มภัยทั้งหมดของสำนักคุ้มภัยถูกสังหารด้วยอาวุธลับ เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า อาวุธลับประเภทนี้ยังมีอยู่ในมืออีกฝ่ายกำใหญ่เลยไม่ใช่หรอกหรือ

จางชุ่ยซานเห็นอาวุธลับสองชิ้นนี้แล้วเพ่งมอง รีบรับของจากมือเยี่ยเว่ยหมิงมาตรวจดูอย่างละเอียด จากนั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “นี่คือเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว! พี่สามของข้าบาดเจ็บด้วยอาวุธลับสองชิ้นนี้ ดูท่าแล้ว คนที่ทำร้ายพี่สามของข้ากับผู้ร้ายที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินหลังจากไหว้วานงานคุ้มภัยจะเป็นพวกเดียวกัน!”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเบาๆ ความคิดของจางชุ่ยซานตรงกับเขาโดยไม่ได้นัดหมาย

จากนั้นเขาก็เสนอความคิดเห็นทันที “ตอนนี้สำนักเส้าหลินก็กำลังสืบหาความจริงเรื่องที่ตูต้าจิ่นถูกสังหารเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าคนที่ทำร้ายจอมยุทธ์สามอวี๋กับคนที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินเป็นพวกเดียวกัน จอมยุทธ์ห้าจางเคยคิดจะร่วมมือกับสำนักเส้าหลินเพื่อสืบคดีนี้บ้างหรือเปล่า ผู้น้อยไร้ความสามารถ แต่สนิทกับศิษย์สำนักเส้าหลินอยู่คนหนึ่ง รับหน้าที่ติดต่อกับเขาได้”

ผู้เล่นที่ชื่อบะหมี่หมั่นโถวก็ไม่เลว ในเมื่อตอนนี้เจอวิธีการร่วมมือกันแล้วได้ผลประโยชน์ทุกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าพาพวกเขาไปด้วยจะดีกว่า แบบนี้ถือว่าไม่ทำผิดต่อสหาย นอกจากนี้ยังรวมกำลังของเส้าหลินและอู่ตังด้วยกันได้ มีส่วนช่วยในการทำภารกิจให้สำเร็จด้วย

หลังจากจางชุ่ยซานลังเลนิดหน่อย ก็ยังพยักหน้าตอบว่า “เช่นนั้นก็รบกวนสหายเว่ยหมิงแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้พิราบส่งจดหมายให้บะหมี่หมั่นโถว เนื้อหามีดังนี้

[คนที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินกับคนที่ลอบทำร้ายอวี๋ไต้เหยียนเป็นพวกเดียวกัน หลักฐานในมือข้าพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่างได้ ถามคำเดียว สนใจจะร่วมมือกันหรือไม่

…เยี่ยเว่ยหมิง]

นกพิราบบินออกไป แต่กลับไม่ได้บินพ้นสายตาของเขา มันไปเกาะบนตัวผู้เล่นสวมหมวกงอบคนหนึ่งที่กำลังตีมอนสเตอร์โจรลุ่มน้ำอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบซีหู

ผู้เล่นคนนั้นได้รับจดหมายแล้วชะงักไปชั่วครู่ หลังจากรีบจัดการโจรลุ่มน้ำตรงหน้าแล้ว ก็รีบถอดหมวกงอบเปลี่ยนใส่ชุดของศิษย์สำนักเส้าหลินทันที

นกพิราบบินกลับมา [ขอบคุณสหายเว่ยหมิงที่นึกถึงข้า แต่ภารกิจของพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น…ขออภัยด้วยน้องชาย!]

ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียว ผู้เล่นสิบกว่าคนที่กำลังตีมอนสเตอร์โจรลุ่มน้ำอยู่ริมทะเลสาบก็เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดศิษย์สำนักเส้าหลินพร้อมกัน จากนั้นก็พุ่งมาทางพวกเขา

ภารกิจเปลี่ยนแล้ว?

ขออภัย?

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงชะงักไปชั่วครู่ ก็ตะโกนเสียงดังทันที “แย่แล้ว มีคนดักซุ่ม!”

[1] สำนักเอ๋อเหมย峨眉派 หรือที่รู้จักกันในชื่อสำนักง๊อไบ๊

[2] เย่ว์เฟย 岳飞 หรือขุนพลงักฮุย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 28 ศาลาเฟิงปัว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 28 ศาลาเฟิงปัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 28 ศาลาเฟิงปัว

ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าจากปากอินปู้คุย แน่นอนว่าไม่ใช่สินค้าที่กดรับแล้วส่งให้ฟรีๆ ตรงกันข้าม นั่นคืออาวุธเทพอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นอาวุธคมสุดเทพที่เลเวลสูงกว่าหน้าไม้เทพจูเก๋อหนึ่งระดับอีกด้วย!

ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นก็คือ ดาบฆ่ามังกรไม่เพียงแค่เป็นอาวุธเทพเท่านั้น ทั้งยังนำสีสันและความลี้ลับไม่จบไม่สิ้นมาสู่ยุทธภพด้วย

ในยุทธภพถึงขั้นมีคำกล่าวที่สืบต่อกันมาว่า

ราชันยุทธภพ ดาบล้ำค่าฆ่ามังกร

บัญชาใต้หล้า มิกล้าขัดขืน

อิงฟ้าไม่ปรากฏ ใครหาญต่อกร

ดาบล้ำค่าฆ่ามังกรในนี้ ก็หมายถึงดาบฆ่ามังกร ส่วนอิงฟ้าก็หมายถึงกระบี่อิงฟ้าของสำนักเอ๋อเหมย[1] แม้ตอนนี้กระบี่เล่มนั้นจะไม่ได้อยู่ในมือสำนักเอ๋อเหมยก็ตาม

เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ มีงานวันเกิดของจางซานเฟิงเจ้าสำนักอู่ตัง ระหว่างทางที่อวี๋ไต้เหยียนกลับภูเขามาอวยพรวันเกิดให้อาจารย์ เกิดจับพลัดจับผลูได้ดาบฆ่ามังกรมา แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาถูกลอบทำร้าย โดนพิษร้ายของอาวุธลับอย่างเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว หลังจากสลบไปหลายวัน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เพียงแค่ดาบฆ่ามังกรหายไป เขายังเป็นอัมพาตไปทั้งตัวจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ จึงถูกส่งตัวไปให้ตูต้าจิ่น ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคุ้มภัยหลงเหมินคุ้มกันส่งกลับสำนัก

ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น ก็ไม่ต่างกับที่ตูต้าจิ่นเขียนในจดหมายขอความช่วยเหลือเท่าไรนัก เพียงแต่เรื่องที่รู้มาจากปากอินปู้คุยเป็นเรื่องที่พูดในมุมของสำนักอู่ตัง

ตอนอินปู้คุยเล่าเรื่องราวที่ตัวเองรู้ ทั้งสองก็มาถึงประตูฝั่งตะวันออกเมืองหังโจวแล้ว ‘ในยุคโบราณ เพื่อป้องกันไม่ให้โจรผู้ร้ายรบกวนประชาชน ตอนกลางคืนล้วนต้องปิดประตูเมืองไว้ ช่วงที่เกิดสงครามวุ่นวายก็ยิ่งต้องห้ามออกจากบ้านยามวิกาล ชาวบ้านไม่ออกจากประตูเลย เพียงแต่ในเกมไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เล่น

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงฟังกำลังฟังอีกฝ่ายเล่า ก็เปรียบเทียบข้อมูลที่ตัวเองรู้กับคำบอกเล่าของอีกฝ่ายไปด้วย จนกระทั่งอีกฝ่ายพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้แบมือขวา เผยอาวุธลับสองชิ้นบนฝ่ามือ “เข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาวที่เจ้าเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ ใช่สองสิ่งนี้หรือเปล่า”

อินปู้คุยได้ยินแล้วรับมาตรวจดูทันที

[เข็มปากยุง: อาวุธลับชนิดหนึ่งที่อาบพิษร้าย แต่เนื่องจากถูกใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง พิษของมันจึงเหลือเพียงหนึ่งส่วนห้าจากของเดิม]

[ตะปูเจ็ดดาว: อาวุธลับชนิดหนึ่งที่อาบพิษร้าย แต่เนื่องจากเคยถูกใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง พิษของมันจึงเหลือเพียงหนึ่งส่วนห้าจากของเดิม]

บนอาวุธลับสองชิ้นนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นของสำนักไหน แต่สำหรับภารกิจของพวกเขา มันกลับเป็นเบาะแสสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออินปู้คุยได้เห็นจึงรีบถามทันที “สหายเยี่ยได้อาวุธลับสองชิ้นมาจากที่ใด”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ปิดบัง ตอบตามตรงเลยว่า “บนตัวตูต้าจิ่นและพวกผู้คุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน”

“หรือพูดได้อีกอย่างว่า…” อินปู้คุยตาเป็นประกาย “คนที่ลอบโจมตีอวี๋ไต้…อาจารย์ลุงสาม กับผู้ร้ายที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน เป็นคนเดียวกันหรือ”

ที่จริงสิ่งนี้ก็เดาได้ไม่ยาก แต่ถ้าในมือมีหลักฐาน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

พอนึกถึงเจ้าหมอนั่นที่ใช้วิชากรงเล็บในสำนักคุ้มภัยหลงเหมินเมื่อคืนวาน เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสริมว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คงเป็นพวกเดียวกัน ประการแรกเป็นเพราะจอมยุทธ์สามอวี๋กับยอดฝีมือสำนักคุ้มภัยหลงเหมินล้วนบาดเจ็บด้วยอาวุธลับสองอย่างนี้ ประการต่อมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหว้วานให้คุ้มกันส่ง ก็ได้ลั่นวาจาไว้แล้วว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน แม้จะมีจุดที่แตกต่างอยู่บ้าง แต่ลองคิดไปคิดมา ข้าว่าจะต้องมีความเกี่ยวโยงกันแน่นอน”

อินปู้คุยฟังแล้วพยักหน้าซ้ำๆ “แต่พวกเราต้องยืนยันตัวตนของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องไปหาพวกเขาที่นั่นด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าถอนหายใจเช่นกัน “เบาะแสเดียวที่มีตอนนี้ เกรงว่าจะเหลือแค่ดาบฆ่ามังกรเล่มนี้แล้ว นี่เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน”

“ไปหาจางชุ่ยซาน ไม่ใช่สิ ข้าควรจะเรียกว่าอาจารย์ลุงห้า” ขณะที่พูดก็กะพริบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง สื่อความหมายว่า หลังจากพบกันแล้วข้าก็ไม่อาจเรียกชื่อแซ่จางชุ่ยซานโดยตรงได้ พวกเราต้องรักษามารยาท

ศาลาเฟิงปัว ตามประวัติศาสตร์เป็นศาลาในคุกศาลต้าหลี่สมัยราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นเพราะคนในสังคมต่างรู้ว่าเย่ว์เฟย[2] วีรบุรุษของชาวประชาเคยถูกใส่ความและตายอย่างอยุติธรรมที่นี่ เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จึงรวมเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นเหมือนราชสำนักไร้รากฐานของยุคซ่งเหนือ มีเพียงนครหลวงเมืองเปี้ยนเหลียงเท่านั้นที่มีศาลต้าหลี่ ส่วนศาลาเฟิงปัวนี้ ก็กลายเป็นเพียงศาลาธรรมดานอกเมืองสำหรับนั่งพักผ่อนแล้วเช่นกัน ผู้เล่นชาวบ้านล้วนผ่านทางมานั่งพักผ่อนพูดคุยที่นี่ได้ ถือเป็นของสาธารณะที่ใช้ร่วมกัน

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นตั้งแต่ไกลๆ ว่ามีผู้เล่นอู่ตังหกคนที่แต่งกายชุดนักพรตเต๋ากำลังนั่งพูดคุยตีก้นกันอยู่บนพื้นหญ้าในศาลา นอกศาลามีชายหนุ่มสุภาพเรียบร้อยอีกคนกำลังยืนเอามือไพล่หลังขณะมองทะเลสาบซีหูจากมุมไกลๆ บรรดาผู้เล่นในศาลาที่เจือกลิ่นอายยุทธภพทำให้เกิดความแตกต่างกับฉากหลังชัดเจน

หากไม่ใช่เพราะข้างหลังอีกฝ่ายสะพายอาวุธสองชิ้นอย่างพู่กันผู้พิพากษากับตะขอหัวพยัคฆ์ไว้ เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบจะนึกว่าเขาเป็นบัณฑิตอ่อนแอมือไร้เรี่ยวแรงจับไก่ที่กำลังแสร้งทำตัวเฉิดฉายมีระดับแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าบัณฑิตที่ดูบอบบางเหมือนลมจะพัดปลิวอย่างนี้ เมื่อวานจะเป็นยอดฝีมือที่ฉายเดี่ยวสู้กับยอดฝีมือเส้าหลินเจ็ดคน ทั้งยังเป็นการสู้แบบหนึ่งต่อเจ็ดโดยฝีมือไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย

“อาจารย์ลุงห้า!” เมื่อพาเยี่ยเว่ยหมิงเข้ามาใกล้ตรงหน้าแล้ว อินปู้คุยก็กุมหมัดคารวะจางชุ่ยซานด้วยความนอบน้อมทันที มีความสง่างามของจอมยุทธ์เหมือนในละครพีเรียดมาก

เมื่อเก็บสายตากลับมาแล้ว จางชุ่ยซานก็หันตัวมา เขาพยักหน้าให้อินปู้คุยก่อน ตามด้วยกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “ผู้น้อยจางชุ่ยซานแห่งสำนักอู่ตัง ขอบคุณน้องชายมากที่เมื่อคืนวานพูดจาด้วยความยุติธรรม ผู้แซ่จางนี้ก็รีบร้อนออกมาเช่นกัน ที่จริงแล้วเป็นเพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากโถงด้านหลังของสำนักคุ้มภัย แต่โจรนั่นหนีไปแล้ว ข้าจึงตามไปโดยไม่ทันอธิบายกับทุกคน ใครจะคิดว่ายังคลาดกับอีกฝ่ายอยู่ดี”

ด้วยฐานะของจางชุ่ยซาน การที่ยอมเป็นฝ่ายอธิบายเรื่องนี้ต่อเยี่ยเว่ยหมิงก่อน ก็เพียงพอจะที่บอกได้แล้วว่าเขามองผู้เล่นสำนักมือปราบเทพคนนี้ด้วยสายตาเท่าเทียม ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสของผู้อาวุโสบู๊ลิ้มหรือท่าทีต่อต้านที่คนในยุทธภพมีต่อคนของทางการเลยสักนิด

เยี่ยเว่ยหมิงกุมหมัดคารวะกลับอย่างไม่ถือตัวหรือถ่อมตัว พร้อมทั้งพูดเข้าประเด็นหลักว่า “ข้อมูลคร่าวๆ ของคดีนี้ ระหว่างทางข้าได้สอบถามกับสหายอินมาบ้างแล้ว ด้านรายละเอียดไม่ต้องพูดอะไรมาก นี่คืออาวุธลับที่ข้าเจอบนตัวตูต้าจิ่นกับบรรดาผู้คุ้มภัยของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน จอมยุทธ์ห้าจางกรุณาตรวจดูหน่อย” ขณะที่พูดก็แบมือ เผยเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว

อินปู้คุย “???”

ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเจ้าหนุ่มนี่ส่งหลักฐานสำคัญให้ข้าอย่างสบายใจขนาดนั้นได้ สงสัยอาวุธลับในมืออีกฝ่ายจะไม่ได้มีแค่ชุดเดียวสินะ

ช้าก่อน!

จำได้ว่าเมื่อวานเขาบอกว่าผู้คุ้มภัยทั้งหมดของสำนักคุ้มภัยถูกสังหารด้วยอาวุธลับ เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า อาวุธลับประเภทนี้ยังมีอยู่ในมืออีกฝ่ายกำใหญ่เลยไม่ใช่หรอกหรือ

จางชุ่ยซานเห็นอาวุธลับสองชิ้นนี้แล้วเพ่งมอง รีบรับของจากมือเยี่ยเว่ยหมิงมาตรวจดูอย่างละเอียด จากนั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “นี่คือเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาว! พี่สามของข้าบาดเจ็บด้วยอาวุธลับสองชิ้นนี้ ดูท่าแล้ว คนที่ทำร้ายพี่สามของข้ากับผู้ร้ายที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินหลังจากไหว้วานงานคุ้มภัยจะเป็นพวกเดียวกัน!”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเบาๆ ความคิดของจางชุ่ยซานตรงกับเขาโดยไม่ได้นัดหมาย

จากนั้นเขาก็เสนอความคิดเห็นทันที “ตอนนี้สำนักเส้าหลินก็กำลังสืบหาความจริงเรื่องที่ตูต้าจิ่นถูกสังหารเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าคนที่ทำร้ายจอมยุทธ์สามอวี๋กับคนที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินเป็นพวกเดียวกัน จอมยุทธ์ห้าจางเคยคิดจะร่วมมือกับสำนักเส้าหลินเพื่อสืบคดีนี้บ้างหรือเปล่า ผู้น้อยไร้ความสามารถ แต่สนิทกับศิษย์สำนักเส้าหลินอยู่คนหนึ่ง รับหน้าที่ติดต่อกับเขาได้”

ผู้เล่นที่ชื่อบะหมี่หมั่นโถวก็ไม่เลว ในเมื่อตอนนี้เจอวิธีการร่วมมือกันแล้วได้ผลประโยชน์ทุกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าพาพวกเขาไปด้วยจะดีกว่า แบบนี้ถือว่าไม่ทำผิดต่อสหาย นอกจากนี้ยังรวมกำลังของเส้าหลินและอู่ตังด้วยกันได้ มีส่วนช่วยในการทำภารกิจให้สำเร็จด้วย

หลังจากจางชุ่ยซานลังเลนิดหน่อย ก็ยังพยักหน้าตอบว่า “เช่นนั้นก็รบกวนสหายเว่ยหมิงแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้พิราบส่งจดหมายให้บะหมี่หมั่นโถว เนื้อหามีดังนี้

[คนที่ฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินกับคนที่ลอบทำร้ายอวี๋ไต้เหยียนเป็นพวกเดียวกัน หลักฐานในมือข้าพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่างได้ ถามคำเดียว สนใจจะร่วมมือกันหรือไม่

…เยี่ยเว่ยหมิง]

นกพิราบบินออกไป แต่กลับไม่ได้บินพ้นสายตาของเขา มันไปเกาะบนตัวผู้เล่นสวมหมวกงอบคนหนึ่งที่กำลังตีมอนสเตอร์โจรลุ่มน้ำอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบซีหู

ผู้เล่นคนนั้นได้รับจดหมายแล้วชะงักไปชั่วครู่ หลังจากรีบจัดการโจรลุ่มน้ำตรงหน้าแล้ว ก็รีบถอดหมวกงอบเปลี่ยนใส่ชุดของศิษย์สำนักเส้าหลินทันที

นกพิราบบินกลับมา [ขอบคุณสหายเว่ยหมิงที่นึกถึงข้า แต่ภารกิจของพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น…ขออภัยด้วยน้องชาย!]

ใช้เวลาประเดี๋ยวเดียว ผู้เล่นสิบกว่าคนที่กำลังตีมอนสเตอร์โจรลุ่มน้ำอยู่ริมทะเลสาบก็เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดศิษย์สำนักเส้าหลินพร้อมกัน จากนั้นก็พุ่งมาทางพวกเขา

ภารกิจเปลี่ยนแล้ว?

ขออภัย?

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงชะงักไปชั่วครู่ ก็ตะโกนเสียงดังทันที “แย่แล้ว มีคนดักซุ่ม!”

[1] สำนักเอ๋อเหมย峨眉派 หรือที่รู้จักกันในชื่อสำนักง๊อไบ๊

[2] เย่ว์เฟย 岳飞 หรือขุนพลงักฮุย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+