ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 32 เขาหวังผาน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 32 เขาหวังผาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 32 เขาหวังผาน

เขาหวังผานตั้งชื่อโดยใช้คำว่า ‘เขา’ แต่ความจริงเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล ตัวเกาะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทำให้มีทิวทัศน์แตกต่างออกไปอีกแบบ

หลังจากเรือเทียบฝั่ง จางชุ่ยซานก็นำเยี่ยเว่ยหมิงและศิษย์สำนักอู่ตังสองคนเดินเท้าไปยังที่กว้างโล่งใต้หน้าผาสูงชัน

ขณะเดินตามหลัง NPC ไป ผู้เล่นทั้งสามก็ตั้งทีมกันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงบอกอินปู้คุยกับเสวียนเสี่ยวปี่ในช่องทีมว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดนะ ในเมื่อภารกิจนี้ต้องคัดเลือกผู้เล่นก่อนเข้าสู่เขาหวังผาน ข้าคิดว่าจะเข้าไปถึงด่านสุดท้ายได้หรือไม่ ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก อย่างที่พวกเจ้าบอกนั่นแหละ ในเมื่อรางวัลภารกิจแตกต่างกันไม่มาก ข้าคิดว่าบนเขาหวังผานแห่งนี้จะต้องมีผลประโยชน์อย่างอื่นให้เก็บเกี่ยวอีกแน่นอน”

อินปู้คุยได้ยินแล้วมองเสวียนเสี่ยวปี่แวบหนึ่ง เหมือนกำลังบอกว่า เจ้าดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ เมื่อข้อมูลชุดเดียวกันไปอยู่กับเขา เขาก็วิเคราะห์สิ่งที่แตกต่างกับพวกเราได้แล้ว

ส่วนเสวียนเสี่ยวปี่ก็ถามเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นสหายเยี่ยคิดว่าผลประโยชน์ที่ได้จากที่นี่จะเป็นอะไร ดาบฆ่ามังกรหรือ”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าตอบ “รายละเอียดว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร ข้าเองก็เดาไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ควรจะเป็นโอกาสในการทำภารกิจลับ ไม่อย่างนั้น การคัดเลือกก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

ยามปกติไม่มีใครเดินผ่านหินประหลาดตะปุ่มตะป่ำบนภูเขาแห่งนี้ เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้เนินเขาเล็กแล้ว อินปู้คุยก็ชำเลืองมองเสวียนเสี่ยวปี่ที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง เจ้าตัวเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ จึงบอกจางชุ่ยซานทันทีว่า “ท่านอาจารย์ วันนี้มีแค่พวกเราสี่คนมาที่นี่ คนน้อยกำลังอ่อนแอ ควรหาที่ลับซ่อนตัวสังเกตการณ์ก่อน พวกเราวางแผนแล้วค่อยปฏิบัติการจะดีกว่าไหมขอรับ”

จางชุ่ยซานได้ยินแล้วกลับตอบอย่างสบายอารมณ์ “ในเมื่ออีกฝ่ายยึดเกาะเขาหวังผานแห่งนี้จัดงานชุมนุม ก็ย่อมไม่มีใครสนใจสถานการณ์รอบๆ หรอก เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนพวกเราจะลงเรือแล้ว”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสี่ก็กระโจนตัวขึ้นบนเนินเขาเล็กแล้ว พวกเขาเห็นว่าตรงหน้าคือพื้นที่ว่างที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ตรงกึ่งกลางของที่ว่างมีเวทีไม้หนึ่งหลัง ระดับความสูงของมันประมาณครึ่งเมตร หน้าที่เดียวของมันก็คงมีไว้เพื่อแสดงสิ่งที่ต้องการให้เห็นชัดเจน ด้านล่างเวทีมีคนมารวมตัวกันหนาแน่น ดูจากตำแหน่งยืน เครื่องแบบและอาวุธที่ถืออยู่ในมือ ก็แยกแยะได้แล้วว่ามาจากสามพรรคที่ต่างกัน

“คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเวทีคือคนของพรรคทะเลทราย พรรคปลาวาฬ และสำนักหมัดเทวะ ส่วนสองคนที่นั่งแยกอยู่ริมฝั่งซ้าย ดูจากเครื่องแต่งกายก็น่าจะเป็นศิษย์คุนหลุน” ขณะที่เดินไป จางชุ่ยซานก็บอกรูปแบบสถานการณ์ในสนามให้ทั้งสามรู้

ตอนนี้สายตาของอินปู้คุยไปหยุดอยู่บนโต๊ะไม้กลางเวที “ของดำๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ดูไม่ชัดเจน นั่นใช่ดาบฆ่ามังกรในตำนานหรือเปล่า”

“ที่จริงข้าก็ไม่เคยเห็นดาบฆ่ามังกร แต่ลองคิดดูแล้วก็น่าจะใช่” จางชุ่ยซานวิเคราะห์ให้ฟังก่อน แล้วบอกอีกว่า “ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามองเห็นไม่ชัดเจน ก็ลองโคจรกำลังภายในไปที่ดวงตาทั้งสองดูสิ อาศัยสิ่งนี้เพิ่มค่าพลังสายตา”

ทั้งสามได้ยินแล้วรีบทำตาม ทำให้จุดดำเล็กๆ ที่เดิมทีเลือนรางเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมาแล้ว เอฟเฟ็กต์แบบนี้ก็เหมือนกับเวลาอยู่ในห้องนอนแล้วหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องหญ้าต้นเล็กๆ บนพื้น แม้จะยังทำไม่ได้ถึงขั้นเห็นทุกอณู แต่เพียงพอที่จะทำให้เห็นเค้าโครงของดาบฆ่ามังกรเล่มนั้นชัดเจน

ได้เรียนรู้เคล็ดลับโคจรกำลังภายในมากขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อเทียบกันแล้ว ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าที่ถูกลิขิตให้ไร้วาสนาต่อพวกเขาเล่มนั้น ก็กลับกลายเป็นของที่ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นอีกต่อไป

เมื่อเดินขึ้นหน้าต่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าบนเกาะแห่งนี้นอกจาก NPC สำนักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่มาถึงที่นี่ก่อน เพียงแต่เมื่อเทียบกับพวก NPC แต่ละคนที่ยืนเหมือนเตรียมรบ พวกผู้เล่นกลับดูกระจัดกระจายกันมาก ได้ยินเสียงดังอื้ออึงเหมือนตลาดสดมาแต่ไกลๆ

“ใช่แล้ว!”

“ขออภัย…”

“ผ่าน…”

……

“อ้าว ขุนพล[1]!”

“บัดซบ เจ้ากินเรือ[2]ของข้า!”

“หึหึ เรือหมดแล้ว เจ้าไม่เหลือเรือแล้ว…”

……

“ดูนี่ ดูทางนี้ ซาลาปาออกจากเตาร้อนๆ รีบกินตอนยังร้อน…”

……

“ขายเฉพาะกระบี่ล้ำค่า อุปกรณ์คุณภาพสูงสุด คุณภาพสีฟ้า โจมตี +30 พละกำลัง +2 ราคาต่อรองกันได้…”

……

บนลานกว้างใต้เวทีไม้ มีบางคนเล่นหมากรุก บางคนเล่นไพ่แลนด์ลอร์ด บางคนตั้งแผงขายของ เหมือนเป็นตลาดที่คึกคักขนาดย่อมจริงๆ ดูไม่เข้ากับบรรยากาศตึงเครียดเหมือนจะมาแย่งชิงดาบฆ่ามังกรกันเลย

แต่นี่ก็คือเกม พวกผู้เล่นขอแค่ได้สนุกก็พอแล้ว พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำภารกิจ สำหรับสิ่งที่เรียกว่าดาบฆ่ามังกรล้ำค่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองว่าจะแย่งชิงมาได้

เมื่อเห็นฉากอันครึกครื้นบนเขาหวังผาน เสวียนเสี่ยวปี่กลับถอนหายใจยาว บ่นผ่านช่องทีมว่า “พวกเราฝ่าด่านยากมาตลอดทาง ผ่านความลำบากมาร้อยแปดพันเก้ากว่าจะมาถึงเขาหวังผานได้ ตอนนี้พอได้เห็นพวกเขา จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเกมนี้มันไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย เล่นยากชะมัด!”

“เลิกบ่นได้แล้ว” อินปู้คุยกล่าว “หรือเจ้าคิดว่าพวกเขามีโอกาสมากอบโกยผลประโยชน์ที่นี่เหมือนกับพวกเรา”

“อย่างน้อยตอนนี้ก็มองไม่ออกว่าแตกต่างกันตรงไหน” เสวียนเสี่ยวปี่ตอบ

“เฮ้ พวกเจ้า!” ตอนนี้กลับเห็นผู้เล่นสำนักหัวซานรูปร่างท้วมคนหนึ่งก้าวเข้ามา หัวเราะคิกคักพร้อมบอกว่า “งานชุมนุมบูชาดาบยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามกว่าจะเริ่ม พวกเจ้าจะซื้อไพ่โป๊กเกอร์ หรือไพ่แลนด์ลอร์ดไปเล่นแก้เซ็งหน่อยไหม ถ้าพวกเจ้าไม่สนใจไพ่โป๊กเกอร์ ข้าก็ยังมีหมากรุก หมากล้อม หมากฮอส โกโมกุ ไพ่นกกระจอก ลูกเต๋า…ราคายุติธรรม ไม่หลอกเด็กและคนชรา”

ขณะที่พูด ยังหยิบแผ่นรายการราคาขึ้นมาแสดงตรงหน้าพวกเขาด้วย

เสวียนเสี่ยวปี่ดูรายการราคาอย่างละเอียดปราดหนึ่ง ตามด้วยเสียงอุทานตกใจ “เชดโด้! ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวเจ้าเอาตั้งสิบเหรียญเงิน ยังมาบอกว่าราคายุติธรรมอีก ตามร้านค้าในเมืองใหญ่ๆ ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวราคาหนึ่งเหรียญเงินเท่านั้นกระมัง”

“ที่นี่คือเขาหวังผานนะ” ชายอ้วนสำนักหัวซานยักไหล่ “ที่นี่ไม่มีแม้แต่จุดอัปเลเวล ก่อนภารกิจจะเริ่ม ทุกคนก็ทำได้เพียงเสียเวลาไปเปล่าๆ ส่วนข้าน่ะ แบกของมาตั้งไกลนั้นไม่ง่ายเลย ต้องให้ทำกำไรสักหน่อยสิ”

ตอนนี้อินปู้คุยเอ่ยปากตัดบทสนทนาของพวกเรา “ขออภัย พวกเราไม่สนใจสิ่งนี้หรอก เสี่ยวปี่ รีบตามมา…”

เสวียนเสี่ยวปี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่เปลืองคำพูดกับเขาอีก รีบเดินตามทีมของตัวเองไปแล้ว ส่วนผู้เล่นร่างท้วมสำนักหัวซานคนนั้นก็ตะโกนตามหลังว่า “เรียกข้าว่าเจียวไท่หลางนะ ถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนใจก็อย่าลืมกลับมาหาข้าล่ะ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง”

ด้านหลังเป็นผู้เล่นที่ครึกครื้น ส่วนด้านหน้าก็เป็น NPC ที่มีอารมณ์แตกต่างกันไป ทั้งสามเพิ่งตามจางชุ่ยซานมาถึงด้านล่างของเวทีไม้ แต่กลับเห็น NPC ที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของดาบฆ่ามังกรบนเวทีกล่าวว่า “ไป๋กุยโส้ว ประมุขแท่นเสวียนอู่ของพรรคอินทรีฟ้าคำนับนักพรตห้าอู่ตัง แม่นางอินซู่ซู่รอพวกท่านอยู่ในค่ายนานแล้ว พวกท่านกรุณาตามข้ามา”

ไป๋กุยโส้วเป็นฝ่ายนำทางอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกสี่คนเดินตามหลัง

ในช่องทีม อินปู้คุยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูเอาเถอะ ข้าบอกแล้วว่าสวัสดิการของพวกเราแตกต่างกับพวกที่ขึ้นเกาะมาได้ง่ายๆ พวกนั้น”

ยังไม่ทันรอให้พวกเขาเดินไปไกลเท่าไร ข้างหลังก็พลันมีเสียงต่อสู้ดังมา ตอนที่ทั้งสามหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าคนไม่กี่คนที่เพิ่งมาเจอไป๋กุยโส้วก่อนหน้านี้หนีไปแล้ว คงอยากจะฉวยโอกาสหลบหลีกไม่ให้โดนผู้เล่นที่แย่งชิงดาบฆ่ามังกรโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาว เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง กลับเห็นไป๋กุยโส้วยังเดินนำหน้าด้วยความเร็วปกติ ถึงขนาดว่าไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ท่าทางวอนโดนหมัดมาก จะเห็นได้ว่าพรรคอินทรีฟ้ามีความมั่นใจต่องานชุมนุมในวันนี้จริงๆ

และภาพเหตุการณ์เดียวกันนี้ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอดหนักใจไม่ได้

ดูกระบวนทัพอันสวยงามของพรรคอินทรีฟ้าสิ ถ้าวันนี้คิดจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่น ก็เหมือนจะไม่ง่าย!

[1] ขุนพล 将军 หรือ ‘ตี่’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน

[2] เรือ 车 หรือ ‘กือ’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน เมื่อเจอตัวหมากแม่ทัพจะโดนกิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 32 เขาหวังผาน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 32 เขาหวังผาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 32 เขาหวังผาน

เขาหวังผานตั้งชื่อโดยใช้คำว่า ‘เขา’ แต่ความจริงเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล ตัวเกาะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทำให้มีทิวทัศน์แตกต่างออกไปอีกแบบ

หลังจากเรือเทียบฝั่ง จางชุ่ยซานก็นำเยี่ยเว่ยหมิงและศิษย์สำนักอู่ตังสองคนเดินเท้าไปยังที่กว้างโล่งใต้หน้าผาสูงชัน

ขณะเดินตามหลัง NPC ไป ผู้เล่นทั้งสามก็ตั้งทีมกันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงบอกอินปู้คุยกับเสวียนเสี่ยวปี่ในช่องทีมว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดนะ ในเมื่อภารกิจนี้ต้องคัดเลือกผู้เล่นก่อนเข้าสู่เขาหวังผาน ข้าคิดว่าจะเข้าไปถึงด่านสุดท้ายได้หรือไม่ ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก อย่างที่พวกเจ้าบอกนั่นแหละ ในเมื่อรางวัลภารกิจแตกต่างกันไม่มาก ข้าคิดว่าบนเขาหวังผานแห่งนี้จะต้องมีผลประโยชน์อย่างอื่นให้เก็บเกี่ยวอีกแน่นอน”

อินปู้คุยได้ยินแล้วมองเสวียนเสี่ยวปี่แวบหนึ่ง เหมือนกำลังบอกว่า เจ้าดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ เมื่อข้อมูลชุดเดียวกันไปอยู่กับเขา เขาก็วิเคราะห์สิ่งที่แตกต่างกับพวกเราได้แล้ว

ส่วนเสวียนเสี่ยวปี่ก็ถามเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นสหายเยี่ยคิดว่าผลประโยชน์ที่ได้จากที่นี่จะเป็นอะไร ดาบฆ่ามังกรหรือ”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าตอบ “รายละเอียดว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร ข้าเองก็เดาไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ควรจะเป็นโอกาสในการทำภารกิจลับ ไม่อย่างนั้น การคัดเลือกก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

ยามปกติไม่มีใครเดินผ่านหินประหลาดตะปุ่มตะป่ำบนภูเขาแห่งนี้ เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้เนินเขาเล็กแล้ว อินปู้คุยก็ชำเลืองมองเสวียนเสี่ยวปี่ที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง เจ้าตัวเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ จึงบอกจางชุ่ยซานทันทีว่า “ท่านอาจารย์ วันนี้มีแค่พวกเราสี่คนมาที่นี่ คนน้อยกำลังอ่อนแอ ควรหาที่ลับซ่อนตัวสังเกตการณ์ก่อน พวกเราวางแผนแล้วค่อยปฏิบัติการจะดีกว่าไหมขอรับ”

จางชุ่ยซานได้ยินแล้วกลับตอบอย่างสบายอารมณ์ “ในเมื่ออีกฝ่ายยึดเกาะเขาหวังผานแห่งนี้จัดงานชุมนุม ก็ย่อมไม่มีใครสนใจสถานการณ์รอบๆ หรอก เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนพวกเราจะลงเรือแล้ว”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสี่ก็กระโจนตัวขึ้นบนเนินเขาเล็กแล้ว พวกเขาเห็นว่าตรงหน้าคือพื้นที่ว่างที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ตรงกึ่งกลางของที่ว่างมีเวทีไม้หนึ่งหลัง ระดับความสูงของมันประมาณครึ่งเมตร หน้าที่เดียวของมันก็คงมีไว้เพื่อแสดงสิ่งที่ต้องการให้เห็นชัดเจน ด้านล่างเวทีมีคนมารวมตัวกันหนาแน่น ดูจากตำแหน่งยืน เครื่องแบบและอาวุธที่ถืออยู่ในมือ ก็แยกแยะได้แล้วว่ามาจากสามพรรคที่ต่างกัน

“คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเวทีคือคนของพรรคทะเลทราย พรรคปลาวาฬ และสำนักหมัดเทวะ ส่วนสองคนที่นั่งแยกอยู่ริมฝั่งซ้าย ดูจากเครื่องแต่งกายก็น่าจะเป็นศิษย์คุนหลุน” ขณะที่เดินไป จางชุ่ยซานก็บอกรูปแบบสถานการณ์ในสนามให้ทั้งสามรู้

ตอนนี้สายตาของอินปู้คุยไปหยุดอยู่บนโต๊ะไม้กลางเวที “ของดำๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ดูไม่ชัดเจน นั่นใช่ดาบฆ่ามังกรในตำนานหรือเปล่า”

“ที่จริงข้าก็ไม่เคยเห็นดาบฆ่ามังกร แต่ลองคิดดูแล้วก็น่าจะใช่” จางชุ่ยซานวิเคราะห์ให้ฟังก่อน แล้วบอกอีกว่า “ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามองเห็นไม่ชัดเจน ก็ลองโคจรกำลังภายในไปที่ดวงตาทั้งสองดูสิ อาศัยสิ่งนี้เพิ่มค่าพลังสายตา”

ทั้งสามได้ยินแล้วรีบทำตาม ทำให้จุดดำเล็กๆ ที่เดิมทีเลือนรางเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมาแล้ว เอฟเฟ็กต์แบบนี้ก็เหมือนกับเวลาอยู่ในห้องนอนแล้วหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องหญ้าต้นเล็กๆ บนพื้น แม้จะยังทำไม่ได้ถึงขั้นเห็นทุกอณู แต่เพียงพอที่จะทำให้เห็นเค้าโครงของดาบฆ่ามังกรเล่มนั้นชัดเจน

ได้เรียนรู้เคล็ดลับโคจรกำลังภายในมากขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อเทียบกันแล้ว ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าที่ถูกลิขิตให้ไร้วาสนาต่อพวกเขาเล่มนั้น ก็กลับกลายเป็นของที่ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นอีกต่อไป

เมื่อเดินขึ้นหน้าต่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าบนเกาะแห่งนี้นอกจาก NPC สำนักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่มาถึงที่นี่ก่อน เพียงแต่เมื่อเทียบกับพวก NPC แต่ละคนที่ยืนเหมือนเตรียมรบ พวกผู้เล่นกลับดูกระจัดกระจายกันมาก ได้ยินเสียงดังอื้ออึงเหมือนตลาดสดมาแต่ไกลๆ

“ใช่แล้ว!”

“ขออภัย…”

“ผ่าน…”

……

“อ้าว ขุนพล[1]!”

“บัดซบ เจ้ากินเรือ[2]ของข้า!”

“หึหึ เรือหมดแล้ว เจ้าไม่เหลือเรือแล้ว…”

……

“ดูนี่ ดูทางนี้ ซาลาปาออกจากเตาร้อนๆ รีบกินตอนยังร้อน…”

……

“ขายเฉพาะกระบี่ล้ำค่า อุปกรณ์คุณภาพสูงสุด คุณภาพสีฟ้า โจมตี +30 พละกำลัง +2 ราคาต่อรองกันได้…”

……

บนลานกว้างใต้เวทีไม้ มีบางคนเล่นหมากรุก บางคนเล่นไพ่แลนด์ลอร์ด บางคนตั้งแผงขายของ เหมือนเป็นตลาดที่คึกคักขนาดย่อมจริงๆ ดูไม่เข้ากับบรรยากาศตึงเครียดเหมือนจะมาแย่งชิงดาบฆ่ามังกรกันเลย

แต่นี่ก็คือเกม พวกผู้เล่นขอแค่ได้สนุกก็พอแล้ว พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำภารกิจ สำหรับสิ่งที่เรียกว่าดาบฆ่ามังกรล้ำค่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองว่าจะแย่งชิงมาได้

เมื่อเห็นฉากอันครึกครื้นบนเขาหวังผาน เสวียนเสี่ยวปี่กลับถอนหายใจยาว บ่นผ่านช่องทีมว่า “พวกเราฝ่าด่านยากมาตลอดทาง ผ่านความลำบากมาร้อยแปดพันเก้ากว่าจะมาถึงเขาหวังผานได้ ตอนนี้พอได้เห็นพวกเขา จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเกมนี้มันไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย เล่นยากชะมัด!”

“เลิกบ่นได้แล้ว” อินปู้คุยกล่าว “หรือเจ้าคิดว่าพวกเขามีโอกาสมากอบโกยผลประโยชน์ที่นี่เหมือนกับพวกเรา”

“อย่างน้อยตอนนี้ก็มองไม่ออกว่าแตกต่างกันตรงไหน” เสวียนเสี่ยวปี่ตอบ

“เฮ้ พวกเจ้า!” ตอนนี้กลับเห็นผู้เล่นสำนักหัวซานรูปร่างท้วมคนหนึ่งก้าวเข้ามา หัวเราะคิกคักพร้อมบอกว่า “งานชุมนุมบูชาดาบยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามกว่าจะเริ่ม พวกเจ้าจะซื้อไพ่โป๊กเกอร์ หรือไพ่แลนด์ลอร์ดไปเล่นแก้เซ็งหน่อยไหม ถ้าพวกเจ้าไม่สนใจไพ่โป๊กเกอร์ ข้าก็ยังมีหมากรุก หมากล้อม หมากฮอส โกโมกุ ไพ่นกกระจอก ลูกเต๋า…ราคายุติธรรม ไม่หลอกเด็กและคนชรา”

ขณะที่พูด ยังหยิบแผ่นรายการราคาขึ้นมาแสดงตรงหน้าพวกเขาด้วย

เสวียนเสี่ยวปี่ดูรายการราคาอย่างละเอียดปราดหนึ่ง ตามด้วยเสียงอุทานตกใจ “เชดโด้! ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวเจ้าเอาตั้งสิบเหรียญเงิน ยังมาบอกว่าราคายุติธรรมอีก ตามร้านค้าในเมืองใหญ่ๆ ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวราคาหนึ่งเหรียญเงินเท่านั้นกระมัง”

“ที่นี่คือเขาหวังผานนะ” ชายอ้วนสำนักหัวซานยักไหล่ “ที่นี่ไม่มีแม้แต่จุดอัปเลเวล ก่อนภารกิจจะเริ่ม ทุกคนก็ทำได้เพียงเสียเวลาไปเปล่าๆ ส่วนข้าน่ะ แบกของมาตั้งไกลนั้นไม่ง่ายเลย ต้องให้ทำกำไรสักหน่อยสิ”

ตอนนี้อินปู้คุยเอ่ยปากตัดบทสนทนาของพวกเรา “ขออภัย พวกเราไม่สนใจสิ่งนี้หรอก เสี่ยวปี่ รีบตามมา…”

เสวียนเสี่ยวปี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่เปลืองคำพูดกับเขาอีก รีบเดินตามทีมของตัวเองไปแล้ว ส่วนผู้เล่นร่างท้วมสำนักหัวซานคนนั้นก็ตะโกนตามหลังว่า “เรียกข้าว่าเจียวไท่หลางนะ ถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนใจก็อย่าลืมกลับมาหาข้าล่ะ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง”

ด้านหลังเป็นผู้เล่นที่ครึกครื้น ส่วนด้านหน้าก็เป็น NPC ที่มีอารมณ์แตกต่างกันไป ทั้งสามเพิ่งตามจางชุ่ยซานมาถึงด้านล่างของเวทีไม้ แต่กลับเห็น NPC ที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของดาบฆ่ามังกรบนเวทีกล่าวว่า “ไป๋กุยโส้ว ประมุขแท่นเสวียนอู่ของพรรคอินทรีฟ้าคำนับนักพรตห้าอู่ตัง แม่นางอินซู่ซู่รอพวกท่านอยู่ในค่ายนานแล้ว พวกท่านกรุณาตามข้ามา”

ไป๋กุยโส้วเป็นฝ่ายนำทางอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกสี่คนเดินตามหลัง

ในช่องทีม อินปู้คุยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูเอาเถอะ ข้าบอกแล้วว่าสวัสดิการของพวกเราแตกต่างกับพวกที่ขึ้นเกาะมาได้ง่ายๆ พวกนั้น”

ยังไม่ทันรอให้พวกเขาเดินไปไกลเท่าไร ข้างหลังก็พลันมีเสียงต่อสู้ดังมา ตอนที่ทั้งสามหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าคนไม่กี่คนที่เพิ่งมาเจอไป๋กุยโส้วก่อนหน้านี้หนีไปแล้ว คงอยากจะฉวยโอกาสหลบหลีกไม่ให้โดนผู้เล่นที่แย่งชิงดาบฆ่ามังกรโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาว เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง กลับเห็นไป๋กุยโส้วยังเดินนำหน้าด้วยความเร็วปกติ ถึงขนาดว่าไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ท่าทางวอนโดนหมัดมาก จะเห็นได้ว่าพรรคอินทรีฟ้ามีความมั่นใจต่องานชุมนุมในวันนี้จริงๆ

และภาพเหตุการณ์เดียวกันนี้ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอดหนักใจไม่ได้

ดูกระบวนทัพอันสวยงามของพรรคอินทรีฟ้าสิ ถ้าวันนี้คิดจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่น ก็เหมือนจะไม่ง่าย!

[1] ขุนพล 将军 หรือ ‘ตี่’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน

[2] เรือ 车 หรือ ‘กือ’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน เมื่อเจอตัวหมากแม่ทัพจะโดนกิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+