ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 576 ข้า หนิวจื้อชุน ยิ่งใหญ่แล้ว!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 576 ข้า หนิวจื้อชุน ยิ่งใหญ่แล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 576 ข้า หนิวจื้อชุน ยิ่งใหญ่แล้ว!

บนสังเวียนในตอนนี้

หลังจากทั้งสองใช้วิธีการรีบสู้รีบจบไปหลายร้อยกระบวนท่า ในที่สุดต่างคนก็ต่างถอยชั่วคราว ท่านเซียนไม่นอนดึกโบกพัดกระดูกเหล็กในมือ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเบาว่า “สหายเชิญร่ำสุราฝีมือไม่อ่อนด้อย แต่ช่วยไม่ได้ที่พลังชีวิตน้อยเกินไป พื้นฐานแย่เกินไป ดังนั้นหากสู้กันต่อไป คนแพ้ต้องเป็นเจ้าแน่นอน…

…สหายเชิญร่ำสุราไม่สู้เป็นฝ่ายยอมแพ้เอง เราทั้งสองหยุดสู้กันตรงนี้ หากทำเช่นนี้ ทุกคนจะได้ไม่เสียหน้า สหายเชิญร่ำสุราคิดว่าอย่างไร”ไอรีนโนเวล

“ก็ไม่ว่าอย่างไรหรอก” เชิญร่ำสุราได้ยินแล้วปฏิเสธ ‘เจตนาดี’ ของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล แต่บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างประหลาด “หากเจ้าอยากเอาชนะข้า เช่นนั้นก็รับการโจมตีท่าถัดไปของข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ระหว่างที่พูด เชิญร่ำสุราก็พลันโบกมือซ้าย ระเบิดควันหลายลูกถูกโยนออกมา ควันหลายสายรอยขึ้นจากสังเวียนสามจั้งทันที จากนั้นเขาก็ถลันตัวเข้าไปในควันในระยะที่ใกล้กลับอีกฝ่ายที่สุด

ท่านเซียนไม่นอนดึกเห็นแล้วตกใจ รีบคลี่พัดปกป้องหน้าอกของตัวเองไว้ ในเวลาเดียวกันนี้เอง ร่างของเชิญร่ำสุราก็กลายเป็นเงาเลือนรางสีแดงพุ่งออกจากควันกลุ่มนั้นแล้ว แทงกระบี่ตรงไปที่หว่างคิ้วของท่านเซียนไม่นอนดึก!

ท่านเซียนไม่นอนดึกตกใจจนรีบโบกพัดต้านไว้ แม้จะต้านการลอบโจมตีของเชิญร่ำสุราได้อย่างสง่างาม แต่ตอนที่เขาเตรียมจะโจมตีกลับ ดันพบว่าหลังจากเชิญร่ำสุราโจมตีพลาดเป้าหมายแล้ว กลับถลันร่างเข้าไปในกลุ่มหมอกควันอีกครั้ง

ครู่ต่อมา กระบี่ของเชิญร่ำสุราก็แทงออกมาจากมุมที่เขาคาดไม่ถึงอีก แม้เขาจะหลบไม่ให้ถูกจุดสำคัญได้ แต่บนตัวก็ยังถูกกระบี่ของเชิญร่ำสุราปาดเป็นแผลหนึ่งรอยแล้ว

-3264!

เมื่อถูกโจมตีครั้งนี้ ท่านเซียนไม่นอนดึกก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที แต่เมื่อเห็นหมอกควันที่อยู่รอบๆ กำลังจะสลายไป ก็ไม่ได้ตึงเครียดมากนัก

การโจมตีที่อาศัยหมอกควันของเชิญร่ำสุราแม้จะแปลกประหลาด แต่ถึงอย่างไรก็รักษาความต่อเนื่องไม่ได้ ไม่ใช่หรอกหรือ

แม้พลังชีวิตจะถูกหั่นไปส่วนหนึ่ง แต่ความได้เปรียบของเขาไปยังอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่!

ทว่าวินาทีต่อมา…

ฟิ้ว! พรึ่บ! พรึ่บ!

เมื่อควันระลอกที่สองพุ่งขึ้นมา เชิญร่ำสุราก็ใช้การกระทำจริงบอกทุกคนว่า เขามีอาวุธประเภทระเบิดควันเยอะมาก!

เมื่อมองผ่านหน้าจอแล้วเห็นเชิญร่ำสุราโจมตีพลิกสถานการณ์ได้อย่างน่าทึ่ง ฉางซิงอวี่ก็อดหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างสงสัยไม่ได้ “แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็คาดเดาได้ล่วงหน้าเหมือนกันหรือ”

“มันก็ชัดเจนมากอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างสบายอารมณ์มาก “‘วิชาโล่หมอกควัน’ ไม่เพียงแค่มีขีดจำกัดเยอะมาก แถมตัวมันเองยังไม่มีพลังโจมตีที่แท้จริงด้วย แต่เชิญร่ำสุรากลับมองปราดเดียวแล้วถูกใจวิชานี้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเขาชอบที่มันสอดคล้องกับ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ มากแน่นอน”艾琳小說

เขาชะงักเล็กน้อย แล้วชี้ไปยังเงาร่างของเชิญร่ำสุราที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่บนสังเวียนอีก เน้นวิจารณ์การรวมทักษะของเขา “เพราะขีดจำกัดของเลเวลทักษะ เชิญร่ำสุราที่เพิ่งเรียนเป็นครั้งแรก ไม่มีทางใช้จุดเด่นของระเบิดควันทั้งหมดออกมาได้เหมือนซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึแน่นอน แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้นเช่นกัน…

…เพราะ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ของเชิญร่ำสุราเดิมทีก็แปลกประหลาดเกินคาดเดาอยู่แล้ว ระหว่างที่ประมือกัน คู่ต่อสู้แค่ต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อป้องกันก็เท่านั้นเอง ดังนั้นตอนที่เขาใช้ ‘วิชาโล่หมอกควัน’ ก็ไม่ต้องทำให้ถึงขั้นแนบเนียนไปกับควันก็ได้ ขอเพียงใช้ระเบิดควันรบกวนการตัดสินตำแหน่งของอีกฝ่ายก็พอแล้ว…

…พอทำเช่นนี้ ศัตรูก็ไม่มีทางสังเกตเห็นตอนเขาเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าได้แล้ว ส่วนร่างกายและกระบี่ของเขาก็ปรากฏวับๆ แวมๆ อยู่ในหมอกควัน เวลาที่เหลือให้ศัตรูไหวตัวก็ลดลงจากเดิมเกินครึ่ง…

…การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ความต่างเล็กน้อยทำให้คลาดเคลื่อนเป็นพันลี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาการตอบสนองที่ถูกลดไปเกินครึ่งเลย”

ฉางซิงอวี่พยักหน้า “ดังนั้น ตอนที่เชิญร่ำสุราเลือกวิชานินจา เจ้าก็รู้แล้วหรือว่าเขาจะนำมาเป็นไพ่ลับในศึกตัดสินวันนี้…

…เรื่องไพ่ลับข้าแน่ใจ แต่ข้านึกไม่ถึงว่าเขาจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทำให้เขาต้องเผยไพ่ลับไวขนาดนี้” เยี่ยเว่ยหมิงพูดจาคล้ายยินดีในความหายนะของคนอื่น “ที่จริงขอเพียงไม่เจอกับท่านเซียนไม่นอนดึกและหนิวจื้อชุน ไม่ว่าเชิญร่ำสุราจะสู้กับใคร ก็ไม่จำเป็นต้องเผยไพ่ลับนี้หรอก”

หลังจากสถานการณ์การต่อสู้พลิกผันหนึ่งครั้ง ก็ไม่มีการพลิกผันอีกเป็นรอบที่สอง สุดท้ายเชิญร่ำสุราก็อาศัยความได้เปรียบที่สร้างจากระเบิดควันคว้าชัยชนะได้แล้ว

ตอนนี้การประลองสังเวียนที่สองจบลงอย่างเป็นทางการ

ทีมตัวแทนเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานเหลือเพียงเชิญร่ำสุรา ฉางซิงอวี่และเยี่ยเว่ยหมิงพี่ไม่เคยแพ้ ส่วนฝั่งสำนักฉวนเจินเหลือเพียงหนิวจื้อชุนแบกทีมคนเดียว

ดังนั้น คู่ต่อสู้สนามต่อมาก็ไม่ต้องสุ่มแล้ว ประเด็นคือต้องดูว่าฝั่งเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานจะส่งใครมาเป็นคู่ต่อสู้ของหนิวจื้อชุน

ในบรรดาผู้ที่ถูกเลือกจากการสุ่มของระบบ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงที่ถูกข้ามครั้งก่อนก็ได้ขึ้นสังเวียนแล้ว เขากับหนิวจื้อชุนที่เป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวในทีมสำนักฉวนเจินไปปรากฏตัวบนสังเวียนประลองด้วยกันแล้ว

เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หุ่นกำยำที่ดูคล้ายนักพรตเต๋า เยี่ยเว่ยหมิงก็หลุดขำ “นึกไม่ถึงว่าการประลองสังเวียนสุดท้ายจะเป็นข้าสู้กับเจ้า ก็น่าสนใจอยู่นะ”

หนิวจื้อชุนหัวเราะหึหึ เรียกกระบองอสูรทองคำออกมาไว้ในมือพร้อมบอกว่า “หากสหายเยี่ยคิดว่าวันนี้จะได้ชัยชนะไปง่ายๆ เจ้าต้องจ่ายราคาให้ความหลงระเริงของตัวเองแน่นอน!”

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วเรียกกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงออกมาเช่นกัน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเช่นเคย “เมื่อก่อนข้าเคยบอกไว้แล้ว ถ้าเราเจอกันในการประลองใหญ่ ข้าลงมือไม่ปรานีแน่นอน”

หนิวจื้อชุนถลึงดวงตา “ข้าก็เช่นกัน!”

พูดจบทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน กระบองอสูรทองคำในมือหนิวจื้อชุนตีแสกหน้าเข้ามาทันที ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่า ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ รับไว้ ดูจากท่าทางของเขา เหมือนแน่วแน่แล้วว่าจะใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ท้าทายยอดฝีมือฉวนเจินทุกคน

หนิวจื้อชุนตั้งใจจะดูจุดเด่นและจุดด้อยวิชากระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงในปัจจุบัน เยี่ยเว่ยหมิงก็เตรียมจะสัมผัสความตื้นลึกหนาบางในวิชาของหนิวจื้อชุนเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่เปลี่ยนกระบวนท่ากลางคันเลย หนึ่งกระบี่กับหนึ่งกระบองชนปะทะกันอย่างไม่เหนือความคาดหมายเลยสักนิด

แกร๊ง!

ตามด้วยเสียงดังสะเทือนทั่วทั้งถนน แม้แต่พวกผู้เล่นที่ดูผ่านหน้าจอถ่ายทอดสดก็ยังเห็นว่าตรงจุดที่อาวุธชนกันมีกำลังภายในที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาจนอากาศโดยรอบบิดเบี้ยว ทั้งยังขยายออกไปราวกับกระแสน้ำที่ถูกตีจนสาดกระจาย

ดูจากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่า สองคนบนสังเวียนล้วนเป็นตัวละครโหดที่มีกำลังภายในและพลังสูงมาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางโจมตีจนเกิดควันหลงที่น่ากลัวขนาดนี้ได้!

ขนาดควันหลงยังร้ายกาจขนาดนี้ เช่นนั้นอานุภาพการโจมตีของทั้งสองจะเป็นอย่างไร ยังต้องถามอีกหรือ

สองคนที่รับแรงปะทะ หลังจากโจมตีแล้วก็สะเทือนถอยหลังพร้อมกัน

แต่ที่ต่างกันก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงถอยหลังห้าก้าว แต่หนิวจื้อชุนกลับถอยหลังเพียงสามก้าวเท่านั้น!

ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดคาด ระหว่างที่วัดพลังของจากการโจมตีครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่าหนิวจื้อชุนจะเหนือกว่าเยี่ยเว่ยหมิงนิดหน่อย!

เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดกล่าวเสียงต่ำไม่ได้ว่า “นึกไม่ถึงว่าอานุภาพของ ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ดูท่าแล้วช่วงนี้เจ้าคงก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย”

“นี่ไม่ใช่แค่ผลงานของ ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ เท่านั้นนะ” ตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หนิวจื้อชุนเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าเยี่ยเว่ยหมิง จึงอดกล่าวอย่างดีใจจนลืมตัวไม่ได้ว่า “ตั้งแต่แรกเริ่ม ทักษะยุทธ์ทุกวิชาที่ข้าฝึกล้วนนำมาส่งเสริมกันและกันได้ แม้แต่ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ใช้ก็ยังมีโบนัสค่าสเตตัสพละกำลังเลย…

…ส่วนเจ้าเรียนเยอะเกินไป ผสมปนเปกันหลายอย่าง”

…เรียนหลายอย่างแต่ไม่เชี่ยวชาญสักอย่าง นี่ก็คือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เจ้าแพ้ในวันนี้!”

“แหม!” เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เยี่ยเว่ยหมิงก็หลุดขำ “ใช้ได้เลยนะอาหนิว ไม่น่าเชื่อว่าจะเริ่มสั่งสอนข้าแล้ว เพราะ ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ ทำให้เจ้าลอย หรือเป็นเพราะข้าเยี่ยเว่ยหมิงที่ยกอาวุธไม่ไหวกันแน่”

“คงทั้งสองอย่างกระมัง” หนิวจื้อชุนไม่เกรงกลัวเลยสักนิด โบกกระบองเข้ามาแล้ว “ดูกระบองนะ!”

เยี่ยเว่ยหมิงเหยียดกระบี่ออกไปรับ “ชัยชนะสองครั้งก่อนคงทำให้เจ้าเดินไม่ถูกทิศแล้วสินะ ตอนนี้ต้องใช้ความพ่ายแพ้ยับเยินมาทำให้เจ้าสงบลงสักหน่อย ดูกระบี่!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด