ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 464 ดรรชนีเอกสุริยันเข้ากับวิชาฟ้ากำเนิดมากกว่า!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 464 ดรรชนีเอกสุริยันเข้ากับวิชาฟ้ากำเนิดมากกว่า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 464 ดรรชนีเอกสุริยันเข้ากับวิชาฟ้ากำเนิดมากกว่า!

ตอนที่ทุกคนกำลังงงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าพวกเชิญร่ำสุราจะเอาเลือดอันมีค่าของต้วนเจิ้งฉุนไปแล้ว!

นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

ชั่วขณะนั้น พวกผู้เล่นในทีมของเยี่ยเว่ยหมิงก็มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ทุกคนต่างรู้สึกปวดไข่อยู่พักหนึ่ง

หลังจากพวกเขาสบตากันหลายครั้ง สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงก็ย้ายสายตาไปบนตัวเจ้าอ้วนชนะฟ้า “สหายอ้วน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าต้วนเจิ้งฉุนควรอยู่ที่พระราชวังต้าหลี่หรอกหรือ”

เจ้าอ้วนชนะฟ้ายักไหล่ “ในความทรงจำของข้า เวลานี้เขาควรจะอยู่ที่พระราชวังต้าหลี่จริงๆ นั่นแหละ…แต่ถ้าถามว่าเจ้าหมอนั่นออกไปได้อย่างไร ข้าก็ไม่รู้จริงๆ…

…แล้วเจ้าล่ะสหายเยี่ย ก่อนหน้านี้เจ้าคำนวณทิศทางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้แม่นยำขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเรื่องในครั้งนี้ เจ้าไม่มีลางสังหรณ์ล่วงหน้าสักนิดเลย”

“ก็ไม่มีน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่หุบเขาว่านเจี๋ย สาเหตุที่ข้าทำได้ถึงขั้นรู้เขารู้เรา เป็นผลจากการอนุมานและคาดคะเนทั้งคืน ให้อนุมานแบบนั้นเหนื่อยมาก!”

สำหรับการตายอนาถของต้วนเจิ้งฉุน เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างใจกว้างมากว่า “ตอนนี้พวกเราทำภารกิจสำเร็จแล้ว แถมไม่ได้หวังลมๆ แล้งๆ กับ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ด้วย จะไปมีกะจิตกะใจอนุมานความเคลื่อนไหวถัดไปของอีกฝ่ายได้อย่างไร…

…พวกเขากำลังวางแผนเอา ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ก็ช่าง หรือจะเอา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ก็เชิญ เกี่ยวอะไรกับพวกเรา…ต้วนเจิ้งฉุนจะตายหรือไม่ตาย แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ!…

…ตั้งใจพักผ่อนให้ดีเถอะ คิดเรื่องที่มีประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือ”

เจ้าอ้วนชนะฟ้าได้ยินแล้วพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “สหายเยี่ยพูดถูกมาก ความจริงก็ใช้หลักการนี้แหละ เพียงแต่ภารกิจที่สหายหลิวอวิ๋นรับมา เกรงว่าจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้แล้ว…”

หลิวอวิ๋นกลับส่ายหน้าอย่างไม่สนใจเลยสักนิด “ข้าเคยได้ยินพวกเจ้าบอกว่าบทบาทของจิวหมัวจื้อในอนาคตคือพระชั้นสูงที่เปี่ยมคุณธรรม ย่อมไม่ฆ่า NPC ง่ายๆ อยู่แล้ว แบบนั้นจะทำลายคาแรกเตอร์ แถมเป้าหมายของข้าก็ไม่ใช่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ อะไรนั่นด้วย ข้าอยากไปนั่งสนทนาธรรมกับพระชั้นสูงอย่างคูหรงที่วัดเทียนหลงต่างหาก ตามจิวหมัวจื้อไปเยี่ยมเยียนที่วัดเทียนหลง ไม่แน่ว่าผู้ที่เข้าใจพุทธธรรมล้ำลึกอย่างเขาอาจพาข้าไปด้วยก็ได้ นี่ก็ถือว่าได้กำไรพิเศษไม่ใช่หรอกหรือ”

พอพูดจบ หลิวอวิ๋นก็เป็นฝ่ายก้าวไปข้างหน้าก่อนแล้ว ลองไปทำภารกิจที่วัดเทียนหลง

ส่วนพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ต่างคนต่างกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง คิดว่าจะพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยจัดการเรื่องของตัวเอง

ส่วนแผนการของพวกเชิญร่ำสุรา?

ก็อย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก ถ้าไม่ได้ปะทะกันในภารกิจ แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า!

เพียงแต่ตอนที่กำลังเดินไปทางห้องของตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเริ่มคาดคะเนเจตนาร้ายของพวกเชิญร่ำสุราอย่างอดไม่ได้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ พวกเขาจะเกิดความขัดแย้งภายในจนต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงวิชาพื้นฐานอย่าง ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ หรือเปล่า

……

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงคิดมากไปเอง…

ในป่าลึกแห่งหนึ่งนอกหุบเขาว่านเจี๋ย

ร่างกายที่แก่ชราแต่ยังมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามของต้วนเจิ้งฉุน ตอนนี้กำลังนอนหงายหน้าอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าอุโมงค์ลับ ใบหน้าของศพเป็นสีดำเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกพิษก่อนตาย

เขาเบิกตาโพลง ตายแบบไม่สบายเลยสักนิด

ตรงสองฝั่งใกล้ๆ ศพ มีเงาร่างของผู้เล่นสามคน ต่างคนต่างยืนอยู่ข้างหน้าและข้างหลังห่างจากศพของต้วนเจิ้งฉุนหนึ่งจั้ง แต่ละคนยืนตัวแข็งทื่อ เคลื่อนไหวเชื่องช้า ถึงขั้นว่าแม้แต่จะยกมือขึ้นก็ต้องใช้แรงเยอะมาก เป็นภาพที่ค่อนข้างตลก

หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบสามครั้ง เจ้าสามคนที่ถูกจี้สกัดจุดจนเหลือพลังชีวิตนิดเดียวถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกัน

เชิญร่ำสุรายืนอยู่ตรงข้ามสองเท้าของต้วนเจิ้งฉุน หลังจากแน่ใจว่า BOSS ตายสนิทแล้ว ถึงได้กล่าวด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ “สุดท้ายก็ทำให้เจ้าหมอนี่ตายได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ”

“นึกไม่ถึงว่าต้วนเจิ้งฉุนเพิ่งจะลักลอบพลอดรักกับกานเป่าเปาเสร็จ จากนั้นก็เจอพิษร้ายของสำนักดาวดึงส์กับเขาอูฐขาวในทางลับ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีพลังโจมตีน่ากลัวขนาดนี้…

…เป็นอย่างที่คิดไว้ ยิ่งใกล้เลเวลห้าสิบ เวลาท้าสู้ BOSS ก็ยิ่งยากขึ้น”

ข้ากำลังหาของยืนอยู่ทางศีรษะของต้วนเจิ้งฉุน เป็นตำแหน่งข้างหลังก่อนที่อีกฝ่ายจะตาย เขากลับพูดอย่างไม่ยอมว่า “แต่น่าเสียได้ที่พวกเรารับภารกิจจับชู้จากจงว่านโฉว ถึงได้เจอเจ้าหมอนี่ เขาจึงเป็นได้เพียง BOSS เวอร์ชั่นถูกตอนในโหมดภารกิจ พวกเราถึงขั้นไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าจะดรอปตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ จากตัวเขาได้หรือเปล่า ถ้านี่เป็นร่างแท้โหมดปกติ…”

“เช่นนั้นคนที่ตายคงเป็นพวกเรา…” เมฆเคลื่อนเดียวดายยืนอยู่ห่างจากข้ากำลังหาของไม่เกินสามฉื่อ วิเคราะห์อย่างชาญฉลาด “‘วิชาคางคก’ ของข้าถูก ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของไอ้แก่หนังเหนียวข่มทุกทาง พวกเจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะต้วนเจิ้งฉุนเพิ่งลุกขึ้นจากท้องผู้หญิง แล้วถูกพิษที่พวกเราวางไว้ตรงทางลับล่วงหน้า…

…แม้แต่ BOSS เวอร์ชั่นถูกตอนโหมดภารกิจก็กำจัดพวกเราทั้งกลุ่มได้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ายังอยากเจอร่างแท้โหมดปกติอีก”

ตอนนี้เชิญร่ำสุราที่อยู่ตรงข้ามห่างจากทั้งคู่สองจั้งก็กล่าวเสริมเช่นกัน “สหายเดียวดายพูดไม่ผิด ที่จริงแล้วที่ล่อต้วนเจิ้งฉุนโหมดภารกิจออกมาได้ ก็เป็นเพราะสหายต้วนอาทิตย์อัสดงช่วยไว้…

…ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฉวยโอกาสตอนที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงไม่ทันสังเกต แอบช่วยต้วนเจิ้งฉุนกับกานเป่าเปาส่งข้อความให้กัน สร้างคดีลักลอบคบชู้หนึ่งครั้งให้ NPC ทั้งสอง พวกเราจะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าต้วนเจิ้งฉุนจะมาโผล่อยู่ที่นี่ในเวลานี้”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เชิญร่ำสุราก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ “จะว่าไป ก็ทำให้สหายต้วนอาทิตย์อัสดงลำบากแล้วจริงๆ…

…ตอนที่เขากำลังช่วยสร้างบรรยากาศให้ต้วนเจิ้งฉุนกับกานเป่าเปา ก็ยังจงใจปล่อยข่าวให้จงว่านโฉวรู้ พวกเราสามคนถึงได้ ‘บังเอิญได้โอกาส’ รับภารกิจจับชู้มาจากจงว่านโฉว…

…ดังนั้น อีกประเดี๋ยวหลังจากคลำศพแล้ว ก็ต้องทำตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากตำราลับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ไอเทมดรอปอย่างอื่นของต้วนเจิ้งฉุนต้องให้สหายต้วนอาทิตย์อัสดงเลือกก่อน แล้วที่เหลือทุกคนค่อยแบ่งกัน ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเก็บของของเขาไว้”

“ใช่ๆๆ เจ้าพูดถูกหมดเลย” ข้ากำลังหาของเบะปาก “ข้าแค่คิดเฉยๆ ก็ไม่ได้เหมือนกันหรือ”

“ถ้าจะคิดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้รีบโคจรวิชาคลายจุดดีกว่า”

ขณะที่กำลังโคจรกำลังภายในคลายจุดที่ถูกต้วนเจิ้งฉุนจี้สกัดจุดไว้ก่อนตาย เมฆเคลื่อนเดียวดายก็ยังไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “อีกประเดี๋ยวถ้าใครคลายจุดได้ก่อน อย่าลืมรีบไปคลำศพเจ้านั่นนะ ถ้าช้าเดี๋ยวเกิดเหตุไม่คาดคิด!”

“ให้ข้าจัดการเถอะ!” ข้ากำลังหาของพลันตัวสั่น ลมแรงกลุ่มหนึ่งที่เกิดจากกำลังภายในปะทุออกจากร่างกายเขา พัดจนรอบตัวมีใบไม้ปลิวว่อน

เมื่อเห็นฉากนี้ เมฆเคลื่อนเดียวดายก็เผยสายตาอิจฉาเล็กน้อย

ในบรรดาสามคนนี้ เขาคือคนที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งที่สุด ตามหลักแล้วจะเป็นคนแรกของที่คลายจุดได้ เพียงแต่น่าเสียดาบ วิชา ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของต้วนเจิ้งฉุนข่ม ‘วิชาคางคก’ ของเขา ทำให้ข้ากำลังหาของคลายจุดได้ก่อน

ทว่า ท่ามกลางสายตาอิจฉาของเมฆเคลื่อนเดียวดาย จู่ๆ กลับเห็นข้ากำลังหาของที่เพิ่งคลายจุดได้มีเงากระบองสีทองสายหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือศีรษะ เงานั่นมาพร้อมเสียงลมที่ระคายหู แล้วกระแทกบนจุดไป๋หุ่ยกลางกบาลข้ากำลังหาของตอนที่ทั้งสามยังไม่ทันไหวตัว

พรึ่บ!

ข้ากำลังหาของเพิ่งจะผ่านศึกใหญ่มา เดิมทีก็เหลือพลังชีวิตน้อยอยู่แล้ว พอโดนทำคริติคอลดาเมจตรงจุดสำคัญ ก็กลายเป็นแสงสีขาวหายไปจากสายตาเพื่อนในทีมอีกสองคนทันที

เมฆเคลื่อนเดียวดายตกใจ ยังไม่ทันรอให้เขาเห็นหน้าผู้ลอบโจมตีชัดๆ เงากระบองสีทองก็โผล่มาอีกครั้ง กวาดมาที่จุดไท่หยางของเขาพร้อมลมแรง

เมฆเคลื่อนเดียวดายผู้น่าสงสาร เห็นชัดแล้วแท้ๆ ว่าอีกฝ่ายจะโจมตี แต่เป็นเพราะถูกจี้สกัดจุดไว้ จึงไม่มีทางหลบได้เลย ได้แต่มองเงากระบองสีทองนั่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ…

พรึ่บ!

ตามด้วยเสียงที่คุ้นเคย เมฆเคลื่อนเดียวดายกลับไปรายงานตัวที่จุดฟื้นชีพในหุบเขาว่านเจี๋ยอย่างไร้ความเจ็บปวดเช่นกัน

หลังจากลอบโจมตีกำจัดไปสองคนต่อเนื่องกัน ในที่สุดผู้ลอบโจมตีก็ปรากฏตัวออกจากที่ลับ เป็นชายร่างกำยำลักษณะประหลาด สวมรัดเกล้านักพรตบนศีรษะ สวมชุดนักพรตเต๋าทั้งตัว แต่ชั้นนอกยังคลุมด้วยผ้ากาสาวพัสตร์

เขาก็คือนักพรตมารที่มาทำภารกิจ หนิวจื้อชุน!

หลังจากเจ้าหมอนี่ปรากฏตัวก็กระโดดขึ้นมาทันที ชูกระบองสีทองขึ้นมาแล้วตีแสกกบาลเชิญร่ำสุราที่อยู่ตรงหน้าเสียเลย

เมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่คนที่สุขุมอย่างเชิญร่ำสุราก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เช่นกัน

แต่ก็ยังโชคดี ในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวความเป็นความตาย ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็คลายสกัดจุดได้แล้ว ร่างพลันกลายเป็นแสงสีแดงสายหนึ่ง หลังจากหลบกระบองของอีกฝ่ายได้ ก็รีบเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างหลัง

“หลบแล้วเหรอ”

หนิวจื้อชุนเห็นแล้วหัวเราะหึหึ จากนั้นก็ถอยไปอยู่ข้างศพต้วนเจิ้งฉุน แล้วแบกศพขึ้นมาบนบ่า “กระจอกเอ๊ย ข้าจะเอาศพ BOSS ที่พวกเจ้าเพิ่งฆ่าไปด้วย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่โผล่มา!”

พอพูดจบ เจ้าหมอนี่ก็แบกศพของต้วนเจิ้งฉุนที่เขาไม่มีสิทธิ์ดรอปไอเทมแล้วใช้ท่าร่าง ‘วิชาห่านทอง’ วิ่งไปทางเมืองต้าหลี่

เดิมทีคิดว่าถ้าทำอย่างนี้จะล่อเชิญร่ำสุราที่เลือดน้อยออกมาฆ่าได้ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าแม้เขาจะวิ่งมาไกลแล้ว เลยเวลาที่ระบบปกป้องไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของเชิญร่ำสุราโผล่มา

เขาจึงคลำศพของต้วนเจิ้งฉุนไปเรื่อยเปื่อย แต่กลับเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์สุดๆ ออกมาทันที “‘ดรรชนีเอกสุริยัน’? ว่ากันว่าวิชานี้เข้ากันได้ดีกับ ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ ของข้า!”

พอพูดจบ เจ้าหมอนี่ก็โยนศพของต้วนเจิ้งฉุนลงบนพื้นเเหมือนโยนขยะ

แต่หลังจากลังเลนิดหน่อย หนิวจื้อชุนก็เก็บศพของต้วนเจิ้งฉุนขึ้นมาอีก นำมาแบกไว้บนบ่าอีกครั้ง

ขณะที่เขาวิ่งตะบึงไปทางต้าหลี่ ก็อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ว่า “ต้วนเจิ้งฉุนคนนี้ ว่ากันว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของต้วนเจิ้งหมิง ฮ่องเต้ต้าหลี่ ภารกิจของข้าก็แค่ต้องส่งจดหมายให้ต้วนเจิ้งหมิง ถ้าถือโอกาสส่งร่างของต้วนเจิ้งฉุน รางวัลภารกิจของข้าจะยกระดับขึ้นไปอีกหรือเปล่า”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด