ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 476 ตำรากระบี่ที่มีชีวิต เยี่ยเว่ยหมิง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 476 ตำรากระบี่ที่มีชีวิต เยี่ยเว่ยหมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 476 ตำรากระบี่ที่มีชีวิต เยี่ยเว่ยหมิง

ปราณดาบไร้รูปร่างร้อนแรงไร้ที่เปรียบ ไร้เสียงไร้รูป แต่อานุภาพกลับไร้เทียมทาน

เมื่อเห็นปราณดาบไร้รูปร่างที่เป็นเหมือนตัวแทน มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่รู้ว่าใครกำลังจะโผล่มา

เป็นอย่างที่คาดไว้ ตำรา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ไม่ได้เอามาครอบครองง่ายขนาดนั้น!

ในใจเขาตึงเครียด กรอกกำลังภายในเข้าไปในมือเพื่อเปลี่ยนเป็นตำรา ‘กระบี่จงชง’ แล้ว

ด้วยความอยากทดลอง เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจจะลองเรียนตำรากระบี่นี้

หากถามว่าทำอย่างนี้สิ้นเปลืองค่าประสบการณ์หรือไม่ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ได้สนใจมากขนาดนั้นแล้ว

[ติ๊ง! คุณจะเรียนส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชา ‘กระบี่จงชง’ หรือไม่]

ใช่/ปฏิเสธ

ไม่ต้องลังเลอะไรแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเลือก ‘ใช่’ ทันที

[ติ๊ง! คุณเรียนรู้ส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชา ‘กระบี่จงชง’ แล้ว!]

ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนของระบบ ตำราลับ ‘กระบี่จงชง’ ที่อยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิงกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้จริง

หลังจากเห็น ‘ดาบเปลวอัคคี’ ของจิวหมัวจื้อ เยี่ยเว่ยหมิงเดิมทีคิดว่าจะต้องบอกลา ‘กระบี่จงชง’ ที่เพิ่งกลับคืนสู่เจ้าของเสียแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะหักมุมเร็วขนาดนี้

ส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชาอย่างกระบี่จงชง เวลาเรียนขึ้นมาไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีความยากใดๆ เลย!

มารดาเจ้าเถอะ เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์จริงๆ!

“อามิตาภพุทธ!”

นามพระพุทธเจ้าเพิ่งดังขึ้นพร้อมตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเรียน ‘กระบี่จงชง’

วินาทีต่อมา เงาร่างของจิวหมัวจื้อก็ปรากฏอยู่ข้างกายเขาทันที จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายดีดนิ้วหลายนิ้วฝ่าอากาศ เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ทันตอบสนองใดๆ ร่างของเขาก็ถูกตรึงไว้กับที่ ไม่น่าเชื่อว่าจะขยับไม่ได้แล้ว

จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เห็นใบหน้ามืดครึ้มเหมือนน้ำลึกของจิวหมัวจื้อ

“อามิตาภพุทธ!”

วินาทีต่อมา หลังจากจิวหมัวจื้อปรากฏตัว ก็มีนามพระพุทธเจ้าดังขึ้นอีก จากนั้นก็มีเงาร่างของคนหกคนทยอยปรากฏขึ้นบนพื้นที่ว่างด้านล่างของคุกห้องหิน

หกคนที่โผล่ออกมาใหม่เป็นพระเหมือนกัน ในจำนวนนั้นผู้ที่นำหน้ามามีใบหน้าที่ประหลาดสุด ใบหน้าซีกซ้ายเป็นสีแดงระเรื่อ ผิวเนื้อเกลี้ยงเกลาเหมือนทารก ส่วนใบหน้าซีกขวากลับเหมือนกระดูก นอกจากผิวหนังเหลืองซีดก็แทบจะไม่มีกล้ามเนื้อเลย ดูแล้วเหมือนใช้โปรแกรมโฟโต้ชอปนำใบหน้าของคนสองคนมารวมอยู่ด้วยกัน น่าตกใจจริงๆ

เมื่อเห็นรูปโฉมที่เรียกได้ว่าน่ากลัวของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงที่อ่านกลยุทธ์ที่อินปู้คุยส่งมาให้แล้ว มีหรือที่จะยังคิดไม่ออกว่าคนผู้นี้คือไต้ซือคูหรงแห่งวัดเทียนหลง

ข้างหลังเขามีพระอีกห้ารูป หนึ่งในนั้นเป็นคนที่เยี่ยเว่ยหมิงคุ้นหน้า เคยร่วมงานกันมาก่อนตอนทำภารกิจก่อนหน้านี้ จักรพรรดิเป่าติ้งแห่งต้าหลี่ ต้วนเจิ้งหมิง

แต่ตอนนี้จักรพรรดิท่านนี้โกนผมบวชเป็นพระแล้ว

บทจะออกบวชก็ออกบวชจริงๆ ไม่มีความลังเลเลยสักนิด

ในฐานะจักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นเพระไปแล้วโดยไม่บอกกล่าว ช่าง…

หมดคำจะพูดแล้วจริงๆ!

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถูกจี้สกัดจุด ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ด้วย แม้แต่การทำงานของระบบหลังบ้านอย่างพิราบสื่อสารก็ถูกปิดกั้นแล้วเช่นกัน

หลังจากเห็นพระหกรูปจากวัดเทียนหลงปรากฏตัว จิวหมัวจื้อกลับเอ่ยก่อนว่า “น่าเสียดายที่ไต้ซือคูหรงช้าไปก้าวหนึ่ง เจ้าหนุ่มนั่นเรียนตำรา ‘กระบี่จงชง’ ไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในมืออาตมา…

…ดูท่าแล้ว หากพวกเจ้าอยากจะตามตำรา’กระบี่จงชง’ กลับคืนมา ก็คงหมดหวังเสียแล้ว”

พูดจบก็คว้าตัวเยี่ยเว่ยหมิงหนีไปไกลแล้ว

ตอนนี้เหลือเพียงพวกคูหรงหกคน พวกเขาประนมมือและกล่าวนามพระพุทธเจ้าพร้อมกัน

[ติ๊ง! เนื่องจากคุณเรียน ‘กระบี่จงชง’ หนึ่งใน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่เป็นวิชาลับของวัดเทียนหลงด้วยตัวเอง ทำให้ค่าความรู้สึกดีของ NPC ฝ่ายสกุลต้วนต้าหลี่และวัดเทียนหลงลดลง 20 แต้ม]

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียวไปหมดแล้ว

จนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงได้เข้าใจว่าว่าภารกิจใหญ่ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ เป็นอย่างไรกันแน่

ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนรวมทั้งเยี่ยเว่ยหมิงได้รับภารกิจต่างก็คิดไปเองอย่างไรเดียงสาว่านี่เป็นภารกิจหาสมบัติธรรมดาๆ เท่านั้น

ขอเพียงผู้เล่นบุกไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ เด็ดศีรษะพระทิเบตท่ามกลางผู้คนมากมายและดรอปตำรากระบี่บนตัวอีกฝ่าย

หรือไม่ก็ทำเหมือนเยี่ยเว่ยหมิง ที่หลังจากไขปริศนาแล้วโจมตีสังหาร BOSS เงียบๆ

ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ถือว่าภารกิจสำเร็จแล้ว อย่างน้อยก็จะได้รับหนึ่งใน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’

จากนั้นค่อยหาสถานที่เพื่อเรียนกระบี่หนึ่งชีพจรที่ได้มาไว้ในมือ พัฒนาความสามารถของตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นอีกก้าว เสริมพื้นฐานให้มั่นคงเพื่อช่วงชิงดรรชนีกระบี่อีกหลายๆ ชีพจร

แต่พอมาดูตอนนี้แล้ว เกรงว่าเรื่องราวคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ตรงกันข้าม การได้ตำรากระบี่มาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ตำรากระบี่ จิวหมัวจื้อและกลุ่มพระวัดเทียนหลงที่เดิมทีไม่ควรจะปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้ต่างก็ทยอยกันมาถึง เรื่องนี้สรุปได้ไม่ยากเลย

การที่พระเหล่านี้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่ทุกครั้งที่มีผู้เล่นได้ตำรากระบี่ ก็จะเจอพระสองกลุ่มนี้ทันที

จากนั้น การเลือกทีมรบก็กลายเป็นปัญหาแล้ว

แต่ไม่ว่าผู้เล่นจะเลือกอยู่ฝ่ายไหน ก็ต้องส่งตำรากระบี่ที่เพิ่งได้ออกมาก่อน แต่อิงตามกฎความสมดุลระหว่างการทุ่มเทและผลตอบแทนของระบบ หลังจากส่งตำรากระบี่ออกมาแล้ว ก็จะได้รับการชดเชยที่สอดคล้องเช่นกัน

ฝั่งวัดเทียนหลง ขอเพียงได้ตำรากระบี่มา ก็ย่อมได้รางวัลภารกิจเพียงพอแล้ว

ซึ่งอิงตามคาแรกเตอร์ของจิวหมัวจื้อ ขอเพียงผู้เล่นยินดีมอบตำรากระบี่ให้ เขาก็ไม่ถือสาเรื่องที่ลูกศิษย์คนหนึ่งของตนตายด้วยน้ำมืออีกฝ่าย

แต่กรณีของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากได้ตำรากระบี่แล้วเรียนทันที จึงเจอทางเลือกที่สามซึ่งไม่ถือว่าเป็นความลับแล้ว

ซึ่งอิงตามที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดไว้ เกรงว่าทางเลือกที่สามคงเป็นทางที่ยากที่สุด

เพราะว่า…

[กระบี่จงชง (สุดยอดวิชา) (ไม่สมบูรณ์)]

หนึ่งชีพจรของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ วิทยายุทธ์ที่ใช้ปกป้องต้าหลี่ให้สงบสุข เป็นท่ากระบี่ที่มีลักษณะองอาจเกรียงไกร

เลเวล: 1

ค่าประสบการณ์: (สถานะปิดผนึก เพิ่มเลเวลไม่ได้)

โจมตี +100%, แม่นยำ +50%, ระยะยิง: 3.3333…เมตร

กำลังภายในที่ใช้: 3200

(เนื่องจากคุณยังไม่เติมเต็มเงื่อนไข ทำให้วิทยายุทธ์นี้อยู่ในสถานะปิดผนึก ไม่มีทางก้าวหน้าได้)

(เงื่อนไขการปลดล็อกสกิล 1: เลเวล ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ไม่ต่ำกว่า 6 กำลังภายในสูงสุดไม่ต่ำกว่า 30,000 แต้ม)

(เงื่อนไขการปลดล็อกสกิล 2: กำลังภายในสูงสุดเกิน 100,000 แต้ม)

(เติมเต็มเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น จะปลดล็อกสกิล ‘กระบี่จงชง’)

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ตอนนี้แม้เขาจะเรียนเคล็ดกระบี่นี้แล้ว แต่กลับใช้งานไม่ได้ เพิ่มเลเวลไม่ได้เช่นกัน

เงื่อนไขการเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์เหล่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่ตรงกับเงื่อนไขสักข้อ

ยังไม่ต้องพูดถึงกำลังภายในสูงสุดเกินหนึ่งแสนแต้ม ตอนนี้กำลังภายในสูงสุดของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ถึงสามหมื่นซึ่งเป็นเงื่อนไขขั้นต่ำด้วยซ้ำ

นี่เป็นผลพวงหลังจากที่เขาเพิ่มเลเวลวิชากำลังภายในสองวิชาจนถึงระดับสมบูรณ์

เชื่อว่าในเกมนี้ ผู้เล่นที่ค่าสเตตัสใกล้เคียงกับเยี่ยเว่ยหมิงมีน้อยจนนับนิ้วได้เช่นกัน

ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงยังเป็นแบบนี้ แล้วถ้าผู้เล่นคนอื่นเจอเงื่อนไขการพัฒนาทักษะยุทธ์แบบนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าสิ้นหวังขนาดไหน

ส่วนอีกเงื่อนไขก็คือเพิ่มเลเวล ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ให้ถึงเลเวลหก

การเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ไม่ได้ยากสำหรับเยี่ยเว่ยหมิง แต่จุดที่ยากก็คือ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ค่าความรู้สึกดีของ NPC ทั้งสกุลต้วนต้าหลี่และวัดเทียนหลงที่มีต่อเขาลดลงยี่สิบแต้ม เขาจะไปรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ที่ไหน

จะให้รับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ โดยไม่รับภารกิจ อย่าบอกนะว่าให้ไปฆ่า BOSS แล้วดรอปเอา

เกรงว่าต่อให้จะฆ่า แต่ก็ต้องฆ่าร่างแท้ของ BOSS โหมดปกติเท่านั้น ถึงจะมั่นใจเต็มร้อยว่าจะดรอปวิทยายุทธ์ระดับสูงวิชานี้กระมัง?

แต่ปัญหาก็คือคนของสกุลต้วนต้าหลี่ไม่ได้ยั่วโมโหหรือหาเรื่องเขา ในภารกิจก่อนหน้านี้ก็ถือว่าร่วมงานกันได้ดีเช่นกัน อีกฝ่ายให้รางวัลครบด้วย

ถ้าจะบอกว่าจะขัดแย้งกันให้ได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาเรียนวิชาลับของอีกฝ่ายแล้ว ถึงได้ทำให้ค่าความรู้สึกดีของ NPC ลดลงเร็วมาก

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วเขาจะอาศัยข้ออ้างอะไรไปฆ่าคนอื่น

เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็น NPC จึงสมควรตาย?

พูดตามตรง เข้ามาอยู่ในเกมนานขนาดนี้แล้ว ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ก็รู้เช่นกันว่าการกระทำของผู้เล่นที่อยู่ในเกมส่งผลต่อการแบ่งงานกันทำให้สังคมหลังจากยานอวกาศลงจอดไม่มากก็น้อย

คนที่ทำความชั่วทุกอย่างในเกม หลังจากยานอวกาศลงจอดแล้ว อาจจะถูกส่งตัวไปติดคุกเลยก็ได้ แต่การถูกลดความน่าเชื่อถือที่แฝงอยู่ภายในถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เกรงว่าคงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นเรื่องที่ทรยศต่อขีดศีลธรรม ไม่ว่าจะลับหลังหรือเปิดเผย เขาก็ไม่ทำทั้งนั้น

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพียง NPC ก็ตาม

ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดเรื่องดรรชนีกระบี่หกชีพจร เขายังม่รู้เลยว่าทางเลือกที่สามจะทำให้เขาเผชิญกับบททดสอบยากอะไร

……

จิวหมัวจื้อพาเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งตลอดทาง จนกระทั่งออกจากอาณาเขตต้าหลี่แล้ว ถึงได้หาป่าภูเขารกร้างและมัดเขาไว้กับต้นไม้ จากนั้นก็ล่าไก่ป่าหนึ่งตัวแล้วก่อไฟข้างๆ เขา

ขณะที่กำลังย่างไก่ จิวหมัวจื้อก็ชี้ผ่านอากาศ ในที่สุดก็คลายจุดตรงปากให้เยี่ยเว่ยหมิงแล้ว “เจ้าหนุ่ม อีกประเดี๋ยวหาร้านวาดภาพสักแห่ง แล้ววาดตำรา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่เจ้ารู้ออกมาให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป เป็นอย่างไร”

ในที่สุดก็ถึงเวลาหงายไพ่แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มแห้ง หลังจากลองส่งจดหมายแล้วล้มเหลวก็ถามทันทีว่า “มีรางวัลภารกิจหรือเปล่า”

“มี” จิวหมัวจื้อไม่อ้อมค้อม “เจ้าเลือกวิทยายุทธ์ระดับสูงของข้ามาหนึ่งวิชาได้เลย แลกกับตำรากระบี่ที่เจ้าเขียนให้ข้า แน่นอนว่าถ้าจะใช้เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน ตอนที่เจ้าเขียนตำรากระบี่ออกมา หนึ่งในดรรชนีกระบี่หกชีพจรที่เจ้าเรียนก่อนหน้านี้ก็จะหายไปจากคอลัมน์สกิลของเจ้าโดยสิ้นเชิง”

ว่าแล้วเชียว!

สำหรับผลลัพธ์นี้ เยี่ยเว่ยหมิงคิดออกตั้งแต่แรกแล้ว

อย่างไรเสีย สำหรับผู้เล่นแล้ว จิวหมัวจื้อจะเป็นวิชา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา

ตราบใดที่มีภารกิจเพียงพอ ผู้เล่นถึงขั้นไม่ถือสาที่จะนำทักษะยุทธ์ทั้งหมดที่มีไปแลกกับ NPC ที่เหมาะสมสักคน

แต่ถ้าราคาที่ต้องจ่ายไม่ใช่แค่คัดลอกและวาง แต่เป็นการตัดแปะ เช่นนั้นก็ต้องพิจารณาให้ละเอียดสักหน่อยแล้ว

หลังจากลังเลนิดหน่อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ แล้วถามกลับว่า “หากข้าไม่ตกลงล่ะ”

“เช่นนั้นข้าก็จะนำตัวเจ้าไปแลกกับตำราลับทักษะยุทธ์เล่มอื่น” จิวหมัวจื้อตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “ข้ากับมู่หรงปั๋วจากตระกูลมู่หรงแห่งกูซูเคยสัญญากันไว้ ว่าขอเพียงข้านำตำรา ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ไปให้เขา เขาก็จะอนุญาตให้ข้าอ่านตำราในศาลาริมน้ำหวนซือที่ตระกูลมู่หรงได้หลายวัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด