ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 560 รองเท้าบินจากฟากฟ้า

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 560 รองเท้าบินจากฟากฟ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 560 รองเท้าบินจากฟากฟ้า

นี่คือเตียงสำหรับสองคน!

เอ่อ…ไม่ถูกสิ ควรจะเรียกว่าเวอร์ชันอัปเกรดของเก้าอี้นอนที่เยี่ยเว่ยหมิงไหว้วานให้นางทำก่อนหน้านี้ เก้าอี้นอนสองแถวสำหรับการบิน แต่เป็นแบบสองแถวที่นั่งเคียงกัน

เพราะเบาะเอนของเก้าอี้นอนค่อนข้างเอนไปข้างหลัง ดูแล้วเหมือนนอนมากกว่านั่ง ดังนั้นเมื่อมองแวบแรกจึงให้ความรู้สึกว่าเป็นเตียงสำหรับสองคน

ดูจากงานฝีมือแล้ว เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ประณีตกว่าเตียงแบบใช้แล้วทิ้ง…ไม่ใช่สิ! ประณีตกว่าเก้าอี้นอนแบบบินสำหรับนั่งคนเดียว วัสดุที่ใช้ก็พิถีพิถันกว่า แต่ปัญหาก็คือ…

“เจ้าส่งให้ข้าทำไม”

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมีท่าทางสงสัย โหยวโหยวก็ยิ้มพร้อมอธิบาย “หลังจากทำภารกิจหลายครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าบางครั้งเวลามีคนบินได้แค่คนเดียวมันไม่สะดวกเอามากๆ แล้วจากที่ข้าสังเกตก็เห็นว่าความสามารถในการบินของเจ้าแดงก็แบกน้ำหนักของคนสองคนได้พร้อมกัน แถมไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วสักเท่าไร”

ขณะที่พูด โหยวโหยวก็เอนกายบนเก้าอี้คู่ที่นางเพิ่งประดิษฐ์เสร็จ พร้อมยื่นมือลูบผลงานของตัวเอง “เก้าอี้บินตัวนี้ข้าใช้วัสดุที่ดีกว่าและแพงกว่า ไม่ใช่แค่ทนทาน อีกทั้งตัวเก้าอี้ยังเบามากด้วย ถ้าใช้เจ้าแดงเป็นตัวขับเคลื่อน พาสามคนบินพร้อมกันก็ไม่เป็นปัญหาเลย เจ้าจะทดลองไหมล่ะ”

เยี่ยเว่ยหมิงเองก็สนใจเก้าอี้นอนคู่สำหรับการบินเวอร์ชันอัปเกรดตัวนี้เช่นกัน พอได้ยินก็พยักหน้าทันที “ข้าก็อยากทำอย่างนี้พอดีแต่ทดลองในห้องไม่เหมาะ พวกเราไปทดลองกันข้างนอกดีกว่า”

ขณะที่พูดก็เก็บเก้าอี้บินคู่เข้ากระเป๋าตัวเอง หลังจากพาโหยวโหยวออกจากห้อง ก็นำเก้าอี้ออกมากลางลานบ้านแล้วบอกโหยวโหยวให้ขึ้นไปนั่งด้วยกัน จากนั้นเรียกเจ้าแดงออกมา ควบคุมให้เจ้าแดงขยุ้มเก้าอี้บินทะยานขึ้นฟ้า แล้วปรับทิศทางให้มันบินออกไปนอกเมือง

เอนกายบนเก้าอี้นอนอย่างผ่อนคลาย สัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านข้างกาย โหยวโหยวอดกล่าวด้วยความทึ่งไม่ได้ “นอนเดินทางแบบนี้ สบายกว่านั่งขี่บนหลังอินทรีขาวตั้งเยอะ เจ้านี่ช่างรู้จักดื่มด่ำความสุขจริงๆ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม บอกว่า “ที่จริงแล้วเรื่องที่เจ้าแดงทำได้ เสี่ยวไป๋ก็ทำได้เช่นกัน เจ้ามีฝีมืออยู่กับตัว ทำให้ตัวเองได้ทุกเมื่อ”

“ข้ากังวลว่าชีวิตที่ฟุ่มเฟือยจะกัดกร่อนความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของข้า” โหยวโหยวส่ายหน้าเล็กน้อย “เหมือนกับตอนนี้ บางครั้งปล่อยตัวปล่อยใจกับเจ้าสักหน่อยก็ยังพอทำได้ แต่ถ้าให้ข้าทำไว้ให้ตัวเองเสพสุขโดยเฉพาะ ข้าว่าช่างมันดีกว่า ถ้าเทียบกันแล้ว เวลาอยู่คนเดียวข้ายอมขี่เสี่ยวไป๋เดินทางดีกว่าให้ตัวเองสุขสบายเกินไป”艾琳小說

แบบนี้นับว่านอนฟืน กลืนน้ำดีขม[1]หรือเปล่า

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่อยากเถียงกับอีกฝ่ายในเรื่องที่ตัวเองไม่คุ้นเคย เพียงหลับตาดื่มด่ำกับความสนุกสนานตอนบินบนฟ้าสูง พร้อมควบคุมเจ้าแดงให้บินต่อไปไกลแสนไกล

ต้องกล่าวว่าการบินโดยนั่งเก้าอี้นอนที่สุดแสนสบาย ทั้งยังมีสาวงามนั่งคุยพร้อมเดินทางอยู่ข้างกาย เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยจริงๆ

แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ การบินครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า สุดท้ายโหยวโหยวก็พบความผิดปกติบางอย่าง “จะว่าไปแล้ว นี่เจ้าเตรียมจะบินไปไหน”

“เมืองจยาซิ่งไง”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างสมเหตุสมผล “ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ผ่อนคลาย ทำไมไม่ใช้วิธีการแบบนี้เดินทางเสียเลยล่ะ ตรงไปยังเมืองจยาซิ่งเลยไม่ดีหรอกหรือ”

โหยวโหยวยักไหล่ สื่อว่าตามใจเขา

แต่ตอนนี้เอง จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกอะไรขึ้นได้ นั่งตัวตรงแล้วถามว่า “จะว่าไปแล้ว เจ้าเคยคิดจะใช้สิ่งที่เรียนรู้จาก ‘บันทึกลับหลี่ว์กง’ มาเพิ่มพลังต่อสู้ให้ตัวเองบ้างหรือเปล่า ต่อให้ตอนนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอาวุธหลักที่ใช้ต่อสู้ได้ แต่ถ้าคิดจะประดิษฐ์หน้าไม้ขนาดใหญ่สักคันสองคัน จากนั้นติดตั้งบนตัวเสี่ยวไป๋ แบบนี้ก็จะใช้หน้าไม้โจมตีศัตรูจากที่สูงได้แล้ว แบบนี้ยอดเยี่ยมมากไม่ใช่หรือ”

“มีหรือจะง่ายอย่างนั้น” โหยวโหยวยักไหล่ “ตอนนี้เลเวลงานช่างของข้ายังต่ำเกินไป ยุทโธปกรณ์มากมายที่บันทึกไว้ใน ‘บันทึกลับหลี่ว์กง’ ข้าไม่มีทางประดิษฐ์ได้เลย จนกระทั่งตอนนี้ ของสำเร็จรูปที่ทำออกมาได้ นอกจากเก้าอี้บินสองตัวที่ให้เจ้า ก็มีแค่อันนี้แล้ว”

ขณะที่พูด โหยวโหยวก็ส่งลิงก์ไอเทมให้

[รองเท้าเกี๊ยะ (สีฟ้า)] รองเท้าเกี๊ยะที่ทำจากไม้ต้นท้อ มีผลปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ป้องกัน +30 ท่าร่าง +50

“กาก!” หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้ว ก็วิจารณ์อย่างตรงจุดมาก

โหยวโหยวพยักหน้าเพราะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “กากจริงๆ ข้าก็เลยโยนให้ระบบ ให้ระบบรีเฟรชทิ้งก็พอ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ขณะที่พูด โหยวโหยวก็โยนของที่ประดิษฐ์เล่นๆ ก่อนหน้านี้ออกไป ปล่อยให้ตกลงพื้นอย่างอิสระโดยอาศัยความเร็วที่สะสมจากแรงโน้มถ่วง

ตอนนี้เอง จู่ๆ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงประกาศระบบดังขึ้นดฮณ๊ฯดฯฌซ,

[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักฉวนเจิน หนิวจื้อชุนอาศัยกำลังของตัวเองผ่านด่านแผนที่พิเศษ ‘ค่ายเฮยเฟิง’ สำเร็จ ตั้งแต่นี้ไป ค่ายเฮยเฟิงจะกลายเป็นดันเจี้ยนโฉมใหม่สำหรับให้ผู้เล่นท้าสู้ ผู้เล่นเลเวล 40-50 เข้าดันเจี้ยนนี้ได้ทางประตูใหญ่ค่ายเฮยเฟิงของเขาเฮยเฟิง (นี่คือดันเจี้ยนสำหรับคนเดียว ผู้เล่นโหมดทีมเข้าไม่ได้)]

[ประกาศระบบ…]

……

ท่ามกลางเสียงประกาศระบบต่อเนื่องสามรอบ หนิวจื้อชุนที่เพิ่งออกจาดันเจี้ยนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ไม่มีทางที่เขาจะไม่ภูมิใจ!

เนื่องจากเพิ่งกวาดล้างค่ายเฮยเฟิง เขายังถือโอกาสทำภารกิจสำนักที่ลงโทษคนชั่วยกย่องคนดีสำเร็จ รางวัลของภารกิจนี้นอกจากให้ค่าวีรบุรุษแก่เขาจำนวนมากแล้ว ยังทำให้วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาอย่าง ‘วิชาฟ้ากำเนิด’ เพิ่มจากเลเวลเจ็ดเป็นเลเวลแปด!

ต่อมาขอเพียงได้รับชัยชนะในประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ เขาก็จะใช้รางวัลภารกิจเพิ่มเลเวลของวิชานี้ให้ถึงเลเวลเก้า

ถ้าได้รับชัยชนะภายใต้ทีม เขาก็จะได้สามอันดับแรกในทีม และจะได้เพิ่มเลเวลวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาจนถึงระดับสมบูรณ์ในอึดใจเดียว!

วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาที่เลเวลเต็มจะทำให้เกิดฉากอย่างไรกันนะ?

เกรงว่าต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิง ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชากระมัง?

พอคิดว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ที่จะได้เพิ่มเลเวลวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาจนถึงระดับสมบูรณ์ ถึงขั้นอาจจะเก่งกว่าเยี่ยเว่ยหมิง กลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเกม หนิวจื้อชุนก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้!

เมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะข่มอารมณ์ไว้ในใจ เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดเสียเลย

เขาไม่สังเกตเห็นเลยว่าบนฟ้ามีรองเท้าเกี๊ยะคู่หนึ่งที่ถูกแรงโน้มถ่วงเร่งความเร็วจนกลายเป็นวัตถุอันตรายกำลังตกลงมาที่เขา

“ข้าหนิวจื้อชุน พลังฝีมือแข็งแกร่งขึ้นมา!…

…ข้ากำลังจะฝึกให้เป็นวิชาฟ้ากำเนิดศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์!…

…ข้ากำลังจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าแล้ว!…

…ฮ่าๆๆๆ…

…ไอ๊หยา!”

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เมื่อความสามารถของผู้เล่นเพิ่มขึ้น การมองเห็น การได้ยิน การได้ยินและประสาทสัมผัสอื่นๆ ของผู้เล่นก็จะเพิ่มตามไปด้วย

แม้ตัวจะอยู่บนฟ้าสูง แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวก็ได้ยินเสียงประกาศของคนป่วยโรคจูนิเบียวดังมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะเสียง ‘ไอ๊หยา’ ตอนสุดท้ายก็ขัดจังหวะเสียงหัวเราะอันไร้ยางอายของอีกฝ่าย ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวมองหน้ากันเลิกลั่ก

เหมือนว่า…

รองเท้าคู่นั้นที่โหยวโหยวโยนลงมาจากฟ้าจะก่อเรื่องแล้ว?

ขณะกำลังควบคุมเจ้าแดงให้ผ่อนความเร็วกระทั่งหยุดค้างอยู่บนฟ้า เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปถามโหยวโหยวว่า “ทำอย่างไรดี จะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินทางต่อไป หรือจะลงไปดูเขา”

“ลงไปแล้วกัน” โหยวโหยวจนใจนิดหน่อย “ถ้าชนแล้วหนีก็อาจไร้ความรับผิดชอบเกินไป”

“ได้!” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วควบคุมเจ้าแดงให้บินอ้อมรอบหนึ่ง ก่อนจะบินลงมาตามเสียงร้องด้านล่าง

[1] นอนฟืน กลืนน้ำดีขม 卧薪尝胆 หมายถึงคนเราต้องผ่านการเคี่ยวกรำตนเองเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังเอาไว้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด