ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ

[หวังชู่อี]

หนึ่งในเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจิน ฉายาพระอาทิตย์หยก นักพรตขาเหล็ก

เลเวล: 77

พลังชีวิต: 230000/230000

กำลังภายใน: 82000/82000

……

บัดซบ นี่ต่างหากตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง!

ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาถึงแน่ใจว่าหวังชู่อีคนนี้คือตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งน่ะหรือ

ก็เพราะวิธีการขึ้นเวทีของนักพรตเต๋าหวังก็คือหันหลังให้พวกเยี่ยเว่ยหมิง มาขวางการล้อมโจมตีจากซุปเปอร์ BOSS ห้าคนให้พวกเขา

ไม่เพียงเท่านี้ ถึงขนาดตอนที่หกยอดฝีมือเพิ่งประมือกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็แน่ใจจุดยืนของนักพรตเต๋าหวังชู่อีคนนี้ตามต้นฉบับเดิมแล้ว ดูจากอายุของเขาก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นตัวละครหลัก แต่เป็นตัวประกอบสำคัญคนหนึ่งแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นตัวประกอบของเนื้อเรื่องในเกมนี้!

สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เนื่องจากหวังชู่อีมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งที่ตัวประกอบสำคัญต้องมี

เขาสู้กับศัตรูด้วยความสามารถที่สูสีกันได้!

มีเพียงตัวประกอบแบบนี้ ถึงจะตรึงศัตรูที่แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวละครหลักเต็มไปด้วยพื้นที่ในการสร้างตัวตน ไม่ถึงขั้นต้องให้ตัวละครหลักเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงลำพังเร็วเกินไปจนทำลายกำลังของระบบ

ทั้งเนื้อเรื่องนี้ ทุกคนล้วนแสดงบทบาทสำคัญได้

แต่ปัญหาก็คือ หากหวังชู่อีเป็นตัวละครประกอบของเนื้อเรื่อง เช่นนั้นใครกันแน่ที่เป็นตัวละครหลัก

ตอนนี้ฝั่งพวกเขาเหลืออยู่เพียงสามคน เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฐานะผู้เล่นอย่างพวกเขาเป็นตัวละครหลักไม่ได้อยู่แล้ว

เช่นนั้นในบรรดาสูตรคณิตศาสตร์ขั้นสูง หากใช้สูตรการตัดออกในตำนานที่เลิกใช้กันไปนานแล้วมาคำนวณ…

อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าคนซื่อบื้อที่ยืนอยู่ข้างกายพวกเขา กัวจิ้ง?

ดูจากสติปัญญาแล้ว เหมือนไม่ใช่นะ!

หรือว่าเขายังมีวิชาคาถาอะไรที่เก็บงำไว้ ไม่ได้เปิดเผยออกมา

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงจินตนาการไปต่างๆ นานานี้เอง กัวจิ้งก็เร่งเท้าเดินมาถึงตรงหน้าหวันเหยียนคังแล้ว ขณะที่เดินยังพูดว่า “คุณชาย รีบบอกให้คนของเจ้าหยุดเถอะ แล้วก็คืนรองเท้าปักลายให้แม่นางมู่ แค่นี้ทุกคนก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าคนของเจ้าจะทำร้ายนักพรตเต๋าท่านนี้บาดเจ็บ หรือนักพรตเต๋าท่านนี้จะทำร้ายคนของเจ้าจนบาดเจ็บ สุดท้ายก็ไม่ดีทั้งนั้น”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขีดดำขึ้นหน้า นี่จะใช้วาจาท่องคาถาจริงๆ หรือ

สำหรับคำพูดโน้มน้าวของกัวจิ้ง หวันเหยียนคังตอบเพียงคำว่า “ไสหัวไป!”

สกิลที่ใช้หลบเลี่ยงคาถาปากได้อย่างนี้ หรือว่านี่จะเป็นวิชาตอแหลในตำนาน

กัวจิ้งยังคงใช้คาถาปากต่อไป…เอ่อ พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลต่อไป แต่ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ กลับค้นพบแล้วว่าฝั่งนี้มีปลาตัวใหญ่ที่สู้กับคนอื่นไม่ไหว

เมื่อเจอ BOSS ที่อยู่ในโหมดบาดเจ็บสาหัส ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ

คำตอบ: ฆ่าให้ตาย! รีบฆ่าให้ตาย! ใครไปก่อนก็ได้ก่อน!

โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นหลายทีมที่ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดต่อสู้ ตอนนี้ทยอยกันล้อมเข้ามาแล้ว เตรียมจะฉวยโอกาสตอนที่ห้ายอดฝีมือถูกหวังชู่อีตรึงไว้ ชิงเอาศีรษะของหวันเหยียนคังมาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ถึงขนาดไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น

แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบเตรียมพร้อมอย่างแนบเนียนแล้วเช่นกัน นิ้วหัวแม้มือและนิ้วกลางข้างขวาของเขากักไว้ด้วยกัน ระหว่างสองนิ้วนั้นมีลูกดีดเหล็กขนาดเท่าลูกแก้วอยู่ลูกหนึ่ง

ส่วนมือซ้ายก็ไม่ได้ว่าง กำลังงอนิ้วนับอย่างรวดเร็วเหมือนซินแสกำลังตรวจดวงชะตา

เปิดใช้งานไท้ซัวเป็นไฉน!

ลูกพลับ[1]น่ะ ต้องเลือกผลนิ่มๆ มาบีบ!

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าพวกที่ฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ต่างหาก ถึงจะนับว่าฉวยโอกาสตอนคนอื่นลำบาก แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่นับ เพราะสถานะด้านลบที่เกือบพิการของหวันเหยียนคังตอนนี้ ก็เป็นเขาที่โจมตีเองกับมือ

ดังนั้นจากมุมมองของเขา ศีรษะของหวันเหยียนคังควรจะเป็นของเขามากกว่า

วิชา ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่หวันเหยียนคังใช้ก่อนหน้านี้ดูเหมือนร้ายกาจไร้ที่เปรียบ หากเจ้าทำให้อีกฝ่ายดรอปสิ่งนี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะเรียนเอง หรือนำไปแลกเป็นของอย่างอื่นก็คุ้มค่าทั้งนั้น

และการสังหารหวันเหยียนคังในโหมดธรรมดาคนนี้ อีกฝ่ายจะต้องดรอปวิชากรงเล็บนั่นแน่นอน!

เพื่อรับประกันไม่ให้แผนการชิงศีรษะผิดพลาด เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นอัปสุดยอดทักษะไม้ตายอย่าง ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ หนึ่งเลเวลก่อนที่จะลงมือต่อสู้

[ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ (ระดับสูง)]

หนึ่งในสุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของมารบูรพาหวงเย่าซือ

เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 0/50000

โจมตี +300%

แม่นยำ +300%

กำลังภายในที่ใช้: 300 แต้ม

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เมื่อเทียบระหว่างวิทยายุทธ์เลเวลเดียวกัน ค่าสเตตัสก็ต่างกันสุดๆ

เป็นวิทยายุทธ์ขั้นสูงที่มีเพียงกระบวนท่าเดียวเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพของ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘คนผีร่วมวิถี’ ที่อัปจนเลเวลเต็มแล้ว

อีกทั้งมันยังแข็งแกร่งขึ้นตามเลเวลที่สูงขึ้นด้วย!

คิดไปคิดมา หากไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชานี้มีเพียงกระบวนท่าเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ให้สู้ตัวต่อตัวกับศัตรูได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นรู้สึกว่ามันมีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดวิชาของยุทธภพเลย!

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงงอนิ้วคำนวณ หวันเหยียนคังก็รู้สึกขนลุกซู่ทันที

เขาลุกขึ้นจากพื้น คิดจะใช้แผนหลบหนี แต่กลับเจอทีมของผู้เล่นที่ดุร้ายราวกับเสือเข้ามาขวางหน้า

“สหายทั้งหลาย ฆ่าเขาซะ”

“พวกเราไม่ต้องโจมตี ทุกคนอาศัยความสามารถไปช่วงชิง ใครเก่งกว่าก็ถือเป็นของคนนั้น!”

“ดี!”

เมื่อผู้เล่นแต่ละทีมปรึกษากัน ก็ถือว่าตัดสินชะตาชีวิตของหวันเหยียนคังแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ต่างคนต่างหยิบอาวุธขึ้นมา แย่งกันเข้าไปล้อมโจมตีหวันเหยียนคัง

หวันเหยียนคัง เจ้าหนีไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราไล่ตามเจ้าเอง พอตามทันแล้ว พวกเราก็จะ…

สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด

เดิมทีหวันเหยียนคังก็ถูกเขาโจมตีจนเกือบพิการไปแล้ว ขณะที่ระบบตัดสินว่าเขามีสิทธิพิเศษมากกว่า ตราบใดที่โจมตีหวันเหยียนคังเป็นคนสุดท้ายได้ ไอเทมดรอปพวกนั้นก็มีโอกาสเป็นของเขาร้อยเปอร์เซนต์ คนอื่นแย่งไปไม่ได้เลย

ด้วยพลังโจมตีจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกของเขา หากคิดจะแย่งผู้เล่นทั่วไปกลุ่มนี้โจมตีหวันเหยียนคังเป็นครั้งสุดท้าย ก็ไม่มีความยากลำบากอะไรเลย

ตอนที่เห็นหวันเหยียนคังจนตรอกไร้หนทาง เยี่ยเว่ยหมิงกลับพลันขมวดคิ้ว เพราะในระหว่างที่เขางอนิ้วคำนวณ จู่ๆ ก็มีโจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อนสิบเท่าโผล่มา!

ในขณะเดียวกันนี้เอง ทุกคนพลันเห็นเงาสีขาวแวบผ่านตรงหน้า จากนั้นผู้เล่นกลุ่มที่หมายจะล้อมสังหารหวันเหยียนคังก็ทยอยกันถูกโจมตีกระเด็นออกไปราวกับเปิดโหมดไร้เทียมทาน

หลังจากตกลงพื้น ค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของคนพวกนี้ก็กลายเป็นสีเขียวเข้มพร้อมกัน ยังไม่ทันรอให้พวกเขารู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ก็ทยอยกันตายเพราะถูกพิษ ไปรายงานตัวตรงจุดคืนชีพแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ค่อนข้างไกลแม้จะรอดหายนะนี้ไปได้ แต่กลับตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวที่กะทันหันของเจ้าหมอนี่แล้ว

[โอวหยางเค่อ]

ประมุขน้อยแห่งเขาอูฐขาว หัวหน้าของห้ายอดฝีมือในจวนอ๋องจ้าว

เลเวล: 75

พลังชีวิต: 215000/215000

กำลังภายใน: 80000/80000

……

เมื่อเห็นโอวหยางเค่อปรากฏตัวกะทันหัน เยี่ยเว่ยหมิงที่สองมือกำลังรวบรวมวิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ กับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

การประลองยุทธ์เลือกคู่สังเวียน ในสายตาเขาเดิมทีเป็นเพียงกิจกรรมรูปแบบใหม่ของระบบเท่านั้น มาดูเอาสนุกเฉยๆ โดยคิดว่า ‘ดีกว่าอยู่ว่างๆ’ ยังได้เลย

ต่อให้เป็นหลังจากที่หวันเหยียนคังปรากฏตัวแล้ว ก็คิดว่าเป็นภารกิจเนื้อเรื่องขนาดเล็กที่น่าสนใจเท่านั้น มาเล่นขำๆ ก็พอ ดังนั้นเนื้อเรื่องที่หักมุมล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเขาคาดเดาได้ จึงไม่เคยคิดจะไปถามอินปู้คุยเลย

อย่างไรเสีย สองสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีกับน้ำใจมนุษย์ ขอเพียงยามปกติใช้น้อยๆ เมื่อถึงเวลาสำคัญถึงจะใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องนำปัญหาที่ตัวเองแก้ไขได้อย่างง่ายดายไปถามอินปู้คุยเสียทุกอย่าง

จนกระทั่งหวันเหยียนคังถูกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง แล้วห้ายอดฝีมือปรากฏตัว เขาถึงตระหนักได้ว่าความสำคัญของภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้เหมือนจะผิดไปจากที่เขาคาดไว้แล้ว

ทว่าเมื่อคิดจะถามอีกครั้ง ฉากใหญ่ของเนื้อเรื่องก็เปิดม่านอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งอาณาเขตกลายเป็นแผนที่พิเศษ พิราบสื่อสารของพวกเขาส่งออกไปไม่ได้แล้ว

เพียงแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะผ่านภารกิจครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่น ทั้งยังตักตวงผลประโยชน์จากภารกิจนี้ได้เต็มที่ด้วย

แต่เมื่อบอสที่เลเวลแบบหวังชู่อี โอวหยางเค่อปรากฏตัวออกมาคนแล้วคนเล่า ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สถานการณ์ยิ่งไม่อยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว

อย่างไรเสีย ยิ่งเลเวล NPC ของทั้งสองฝั่งยิ่งสูง พื้นที่ที่เหลือไว้ให้ผู้เล่นควบคุมก็ยิ่งน้อย

ตอนนี้มี BOSS เลเวลเจ็ดสิบกว่ากระโดดออกมาแสดงตัวแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมี BOSS ใหญ่เลเวลร้อยกว่ากระโดดออกมาคุมทุกอย่างหรอกนะ

หากเป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนอยู่ในสนามต่อสู้ นอกจากเขาจะแวะมาซื้อซีอิ๊ว[2]เหมือนผู้เล่นคนอื่นแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะทำอะไรได้มากกว่านี้

ตอนนี้เอง ตรงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากข้างกายก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น “เฮ้! เจ้ามือปราบหน้าด้านใจดำ สนใจร่วมงานกันไหม ไปปล้นทรัพย์ด้วยกันสักครั้ง”

เมื่อมองไปตามเสียง ก็พบว่าผู้พูดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวน้อยชุดแดงที่ตายเพราะแผนชั่วของเขาก่อนหน้านี้ หนึ่งดาบสามเฉือน!

ส่วนข้างหลังนาง ก็เป็นสองใบหน้าที่คุ้นเคย

คนหนึ่งคือคู่ต่อสู้คนแรกที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอในแข่งรอบน็อกเอาท์ ศิษย์พรรคกระยาจก เซียวเหยาถอนใจ

ส่วนอีกคนก็เป็นคนรู้จักเก่าของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน จอมยุทธ์ไก่อ่อนแห่งอู่ตัง เสวียนเสี่ยวปี่

ไม่น่าเชื่อว่าตอนที่ผู้เล่นทุกคนกำลังตีมอนสเตอร์สะสมคะแนน หนึ่งดาบสามเฉือนก็หาผู้ล่นสองในแปดผู้แข็งแกร่งที่มีสุดยอดทักษะเจอในอึดใจเดียว แล้วตอนนี้ก็จะมาร่วมมือกับเยี่ยเว่ยหมิงและสะพานสวรรค์น้อยอีก

ดูท่าแล้ว สงสัยวันนี้น้องดาบคงเตรียมจะทำเรื่องยิ่งใหญ่!

[1] ลูกพลับนิ่ม 软柿子 เปรียบเปรยถึงคนอ่อนแอ รังแกง่าย

[2] แวะมาซื้อซีอิ๊ว 打酱油 หมายถึง คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 173 คำเชิญตั้งทีมจากน้องดาบ

[หวังชู่อี]

หนึ่งในเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจิน ฉายาพระอาทิตย์หยก นักพรตขาเหล็ก

เลเวล: 77

พลังชีวิต: 230000/230000

กำลังภายใน: 82000/82000

……

บัดซบ นี่ต่างหากตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง!

ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาถึงแน่ใจว่าหวังชู่อีคนนี้คือตัวซัพพอร์ตสุดแกร่ง แต่ไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งน่ะหรือ

ก็เพราะวิธีการขึ้นเวทีของนักพรตเต๋าหวังก็คือหันหลังให้พวกเยี่ยเว่ยหมิง มาขวางการล้อมโจมตีจากซุปเปอร์ BOSS ห้าคนให้พวกเขา

ไม่เพียงเท่านี้ ถึงขนาดตอนที่หกยอดฝีมือเพิ่งประมือกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็แน่ใจจุดยืนของนักพรตเต๋าหวังชู่อีคนนี้ตามต้นฉบับเดิมแล้ว ดูจากอายุของเขาก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นตัวละครหลัก แต่เป็นตัวประกอบสำคัญคนหนึ่งแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นตัวประกอบของเนื้อเรื่องในเกมนี้!

สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เนื่องจากหวังชู่อีมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งที่ตัวประกอบสำคัญต้องมี

เขาสู้กับศัตรูด้วยความสามารถที่สูสีกันได้!

มีเพียงตัวประกอบแบบนี้ ถึงจะตรึงศัตรูที่แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวละครหลักเต็มไปด้วยพื้นที่ในการสร้างตัวตน ไม่ถึงขั้นต้องให้ตัวละครหลักเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงลำพังเร็วเกินไปจนทำลายกำลังของระบบ

ทั้งเนื้อเรื่องนี้ ทุกคนล้วนแสดงบทบาทสำคัญได้

แต่ปัญหาก็คือ หากหวังชู่อีเป็นตัวละครประกอบของเนื้อเรื่อง เช่นนั้นใครกันแน่ที่เป็นตัวละครหลัก

ตอนนี้ฝั่งพวกเขาเหลืออยู่เพียงสามคน เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฐานะผู้เล่นอย่างพวกเขาเป็นตัวละครหลักไม่ได้อยู่แล้ว

เช่นนั้นในบรรดาสูตรคณิตศาสตร์ขั้นสูง หากใช้สูตรการตัดออกในตำนานที่เลิกใช้กันไปนานแล้วมาคำนวณ…

อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าคนซื่อบื้อที่ยืนอยู่ข้างกายพวกเขา กัวจิ้ง?

ดูจากสติปัญญาแล้ว เหมือนไม่ใช่นะ!

หรือว่าเขายังมีวิชาคาถาอะไรที่เก็บงำไว้ ไม่ได้เปิดเผยออกมา

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงจินตนาการไปต่างๆ นานานี้เอง กัวจิ้งก็เร่งเท้าเดินมาถึงตรงหน้าหวันเหยียนคังแล้ว ขณะที่เดินยังพูดว่า “คุณชาย รีบบอกให้คนของเจ้าหยุดเถอะ แล้วก็คืนรองเท้าปักลายให้แม่นางมู่ แค่นี้ทุกคนก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าคนของเจ้าจะทำร้ายนักพรตเต๋าท่านนี้บาดเจ็บ หรือนักพรตเต๋าท่านนี้จะทำร้ายคนของเจ้าจนบาดเจ็บ สุดท้ายก็ไม่ดีทั้งนั้น”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขีดดำขึ้นหน้า นี่จะใช้วาจาท่องคาถาจริงๆ หรือ

สำหรับคำพูดโน้มน้าวของกัวจิ้ง หวันเหยียนคังตอบเพียงคำว่า “ไสหัวไป!”

สกิลที่ใช้หลบเลี่ยงคาถาปากได้อย่างนี้ หรือว่านี่จะเป็นวิชาตอแหลในตำนาน

กัวจิ้งยังคงใช้คาถาปากต่อไป…เอ่อ พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลต่อไป แต่ผู้เล่นที่อยู่รอบๆ กลับค้นพบแล้วว่าฝั่งนี้มีปลาตัวใหญ่ที่สู้กับคนอื่นไม่ไหว

เมื่อเจอ BOSS ที่อยู่ในโหมดบาดเจ็บสาหัส ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ

คำตอบ: ฆ่าให้ตาย! รีบฆ่าให้ตาย! ใครไปก่อนก็ได้ก่อน!

โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นหลายทีมที่ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดต่อสู้ ตอนนี้ทยอยกันล้อมเข้ามาแล้ว เตรียมจะฉวยโอกาสตอนที่ห้ายอดฝีมือถูกหวังชู่อีตรึงไว้ ชิงเอาศีรษะของหวันเหยียนคังมาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ถึงขนาดไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น

แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบเตรียมพร้อมอย่างแนบเนียนแล้วเช่นกัน นิ้วหัวแม้มือและนิ้วกลางข้างขวาของเขากักไว้ด้วยกัน ระหว่างสองนิ้วนั้นมีลูกดีดเหล็กขนาดเท่าลูกแก้วอยู่ลูกหนึ่ง

ส่วนมือซ้ายก็ไม่ได้ว่าง กำลังงอนิ้วนับอย่างรวดเร็วเหมือนซินแสกำลังตรวจดวงชะตา

เปิดใช้งานไท้ซัวเป็นไฉน!

ลูกพลับ[1]น่ะ ต้องเลือกผลนิ่มๆ มาบีบ!

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าพวกที่ฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์ต่างหาก ถึงจะนับว่าฉวยโอกาสตอนคนอื่นลำบาก แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่นับ เพราะสถานะด้านลบที่เกือบพิการของหวันเหยียนคังตอนนี้ ก็เป็นเขาที่โจมตีเองกับมือ

ดังนั้นจากมุมมองของเขา ศีรษะของหวันเหยียนคังควรจะเป็นของเขามากกว่า

วิชา ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่หวันเหยียนคังใช้ก่อนหน้านี้ดูเหมือนร้ายกาจไร้ที่เปรียบ หากเจ้าทำให้อีกฝ่ายดรอปสิ่งนี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะเรียนเอง หรือนำไปแลกเป็นของอย่างอื่นก็คุ้มค่าทั้งนั้น

และการสังหารหวันเหยียนคังในโหมดธรรมดาคนนี้ อีกฝ่ายจะต้องดรอปวิชากรงเล็บนั่นแน่นอน!

เพื่อรับประกันไม่ให้แผนการชิงศีรษะผิดพลาด เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นอัปสุดยอดทักษะไม้ตายอย่าง ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ หนึ่งเลเวลก่อนที่จะลงมือต่อสู้

[ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ (ระดับสูง)]

หนึ่งในสุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของมารบูรพาหวงเย่าซือ

เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 0/50000

โจมตี +300%

แม่นยำ +300%

กำลังภายในที่ใช้: 300 แต้ม

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เมื่อเทียบระหว่างวิทยายุทธ์เลเวลเดียวกัน ค่าสเตตัสก็ต่างกันสุดๆ

เป็นวิทยายุทธ์ขั้นสูงที่มีเพียงกระบวนท่าเดียวเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพของ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘คนผีร่วมวิถี’ ที่อัปจนเลเวลเต็มแล้ว

อีกทั้งมันยังแข็งแกร่งขึ้นตามเลเวลที่สูงขึ้นด้วย!

คิดไปคิดมา หากไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชานี้มีเพียงกระบวนท่าเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ให้สู้ตัวต่อตัวกับศัตรูได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นรู้สึกว่ามันมีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดวิชาของยุทธภพเลย!

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงงอนิ้วคำนวณ หวันเหยียนคังก็รู้สึกขนลุกซู่ทันที

เขาลุกขึ้นจากพื้น คิดจะใช้แผนหลบหนี แต่กลับเจอทีมของผู้เล่นที่ดุร้ายราวกับเสือเข้ามาขวางหน้า

“สหายทั้งหลาย ฆ่าเขาซะ”

“พวกเราไม่ต้องโจมตี ทุกคนอาศัยความสามารถไปช่วงชิง ใครเก่งกว่าก็ถือเป็นของคนนั้น!”

“ดี!”

เมื่อผู้เล่นแต่ละทีมปรึกษากัน ก็ถือว่าตัดสินชะตาชีวิตของหวันเหยียนคังแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ต่างคนต่างหยิบอาวุธขึ้นมา แย่งกันเข้าไปล้อมโจมตีหวันเหยียนคัง

หวันเหยียนคัง เจ้าหนีไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราไล่ตามเจ้าเอง พอตามทันแล้ว พวกเราก็จะ…

สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด

เดิมทีหวันเหยียนคังก็ถูกเขาโจมตีจนเกือบพิการไปแล้ว ขณะที่ระบบตัดสินว่าเขามีสิทธิพิเศษมากกว่า ตราบใดที่โจมตีหวันเหยียนคังเป็นคนสุดท้ายได้ ไอเทมดรอปพวกนั้นก็มีโอกาสเป็นของเขาร้อยเปอร์เซนต์ คนอื่นแย่งไปไม่ได้เลย

ด้วยพลังโจมตีจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เลเวลหกของเขา หากคิดจะแย่งผู้เล่นทั่วไปกลุ่มนี้โจมตีหวันเหยียนคังเป็นครั้งสุดท้าย ก็ไม่มีความยากลำบากอะไรเลย

ตอนที่เห็นหวันเหยียนคังจนตรอกไร้หนทาง เยี่ยเว่ยหมิงกลับพลันขมวดคิ้ว เพราะในระหว่างที่เขางอนิ้วคำนวณ จู่ๆ ก็มีโจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อนสิบเท่าโผล่มา!

ในขณะเดียวกันนี้เอง ทุกคนพลันเห็นเงาสีขาวแวบผ่านตรงหน้า จากนั้นผู้เล่นกลุ่มที่หมายจะล้อมสังหารหวันเหยียนคังก็ทยอยกันถูกโจมตีกระเด็นออกไปราวกับเปิดโหมดไร้เทียมทาน

หลังจากตกลงพื้น ค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของคนพวกนี้ก็กลายเป็นสีเขียวเข้มพร้อมกัน ยังไม่ทันรอให้พวกเขารู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ก็ทยอยกันตายเพราะถูกพิษ ไปรายงานตัวตรงจุดคืนชีพแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ค่อนข้างไกลแม้จะรอดหายนะนี้ไปได้ แต่กลับตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวที่กะทันหันของเจ้าหมอนี่แล้ว

[โอวหยางเค่อ]

ประมุขน้อยแห่งเขาอูฐขาว หัวหน้าของห้ายอดฝีมือในจวนอ๋องจ้าว

เลเวล: 75

พลังชีวิต: 215000/215000

กำลังภายใน: 80000/80000

……

เมื่อเห็นโอวหยางเค่อปรากฏตัวกะทันหัน เยี่ยเว่ยหมิงที่สองมือกำลังรวบรวมวิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ กับ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

การประลองยุทธ์เลือกคู่สังเวียน ในสายตาเขาเดิมทีเป็นเพียงกิจกรรมรูปแบบใหม่ของระบบเท่านั้น มาดูเอาสนุกเฉยๆ โดยคิดว่า ‘ดีกว่าอยู่ว่างๆ’ ยังได้เลย

ต่อให้เป็นหลังจากที่หวันเหยียนคังปรากฏตัวแล้ว ก็คิดว่าเป็นภารกิจเนื้อเรื่องขนาดเล็กที่น่าสนใจเท่านั้น มาเล่นขำๆ ก็พอ ดังนั้นเนื้อเรื่องที่หักมุมล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเขาคาดเดาได้ จึงไม่เคยคิดจะไปถามอินปู้คุยเลย

อย่างไรเสีย สองสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีกับน้ำใจมนุษย์ ขอเพียงยามปกติใช้น้อยๆ เมื่อถึงเวลาสำคัญถึงจะใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องนำปัญหาที่ตัวเองแก้ไขได้อย่างง่ายดายไปถามอินปู้คุยเสียทุกอย่าง

จนกระทั่งหวันเหยียนคังถูกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง แล้วห้ายอดฝีมือปรากฏตัว เขาถึงตระหนักได้ว่าความสำคัญของภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้เหมือนจะผิดไปจากที่เขาคาดไว้แล้ว

ทว่าเมื่อคิดจะถามอีกครั้ง ฉากใหญ่ของเนื้อเรื่องก็เปิดม่านอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งอาณาเขตกลายเป็นแผนที่พิเศษ พิราบสื่อสารของพวกเขาส่งออกไปไม่ได้แล้ว

เพียงแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะผ่านภารกิจครั้งนี้ไปได้อย่างราบรื่น ทั้งยังตักตวงผลประโยชน์จากภารกิจนี้ได้เต็มที่ด้วย

แต่เมื่อบอสที่เลเวลแบบหวังชู่อี โอวหยางเค่อปรากฏตัวออกมาคนแล้วคนเล่า ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ค้นพบอย่างจนใจว่า สถานการณ์ยิ่งไม่อยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว

อย่างไรเสีย ยิ่งเลเวล NPC ของทั้งสองฝั่งยิ่งสูง พื้นที่ที่เหลือไว้ให้ผู้เล่นควบคุมก็ยิ่งน้อย

ตอนนี้มี BOSS เลเวลเจ็ดสิบกว่ากระโดดออกมาแสดงตัวแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมี BOSS ใหญ่เลเวลร้อยกว่ากระโดดออกมาคุมทุกอย่างหรอกนะ

หากเป็นอย่างนี้จริงๆ ตอนอยู่ในสนามต่อสู้ นอกจากเขาจะแวะมาซื้อซีอิ๊ว[2]เหมือนผู้เล่นคนอื่นแล้ว เกรงว่าคงยากที่จะทำอะไรได้มากกว่านี้

ตอนนี้เอง ตรงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากข้างกายก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น “เฮ้! เจ้ามือปราบหน้าด้านใจดำ สนใจร่วมงานกันไหม ไปปล้นทรัพย์ด้วยกันสักครั้ง”

เมื่อมองไปตามเสียง ก็พบว่าผู้พูดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวน้อยชุดแดงที่ตายเพราะแผนชั่วของเขาก่อนหน้านี้ หนึ่งดาบสามเฉือน!

ส่วนข้างหลังนาง ก็เป็นสองใบหน้าที่คุ้นเคย

คนหนึ่งคือคู่ต่อสู้คนแรกที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอในแข่งรอบน็อกเอาท์ ศิษย์พรรคกระยาจก เซียวเหยาถอนใจ

ส่วนอีกคนก็เป็นคนรู้จักเก่าของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน จอมยุทธ์ไก่อ่อนแห่งอู่ตัง เสวียนเสี่ยวปี่

ไม่น่าเชื่อว่าตอนที่ผู้เล่นทุกคนกำลังตีมอนสเตอร์สะสมคะแนน หนึ่งดาบสามเฉือนก็หาผู้ล่นสองในแปดผู้แข็งแกร่งที่มีสุดยอดทักษะเจอในอึดใจเดียว แล้วตอนนี้ก็จะมาร่วมมือกับเยี่ยเว่ยหมิงและสะพานสวรรค์น้อยอีก

ดูท่าแล้ว สงสัยวันนี้น้องดาบคงเตรียมจะทำเรื่องยิ่งใหญ่!

[1] ลูกพลับนิ่ม 软柿子 เปรียบเปรยถึงคนอ่อนแอ รังแกง่าย

[2] แวะมาซื้อซีอิ๊ว 打酱油 หมายถึง คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+