ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง!

เดิมพันถูกแล้วจริงๆ!

ที่จริงหากต้องการรับมือกับชวีหลิงเฟิง ก็มีสามวิธีการที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงมาตั้งแต่แรกแล้ว

1. จับลูกสาวเป็นตัวประกัน บีบให้ชวีหลิงเฟิงเลิกขัดขืนและยอมให้จับแต่โดยดี

วิธีการนี้เรียบง่ายและได้ประสิทธิภาพสูง ทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำแลกกับผลประโยชน์สูงสุดได้

แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าวิธีการนี้ไม่น่าเชื่อถือ

หาก BOSS เลเวลสูงล้วนรับมือด้วยได้ง่ายขนาดนั้นกันหมด นั่นจะไม่แย่หรอกหรือ!

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้หากวิเคราะห์ในมุมของชวีหลิงเฟิง การเลิกขัดขืนต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ระดับล่าง

เพราะหากทำอย่างนั้น เขาก็จะไม่มีทางสร้างภัยคุกคามใดๆ ต่อผู้เล่นได้อีก และจะสูญเสียแต้มต่อในการเจรจากับอีกฝ่ายด้วย

ดังนั้น ทางเลือกที่ดูเหมือนดีที่สุดนี้ มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะให้ผลตรงกันข้าม ดีไม่ดีอาจจะต้องถูกหักค่าวีรบุรุษก่อน จากนั้นก็ถูกชวีหลิงเฟิงที่เสียสติกำจัดทิ้งทั้งทีม

2. จับลูกสาวเป็นตัวประกันเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องบังคับชวีหลิงเฟิงมากเกินไป เพียงใช้ประโยชน์จากลูกสาวเพื่อล่อให้ชวีหลิงเฟิงไปอยู่ในวงกับดักที่โหยวจิ้นวางไว้ล่วงหน้าแล้ว

จากนั้นก็ปิดประตู ปล่อยให้โหยวจิ้นจัดการ

วิธีการนี้ต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด และน่าจะเป็นเส้นทางดั้งเดิมที่สมบูรณ์ของภารกิจนี้ด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลงานหลักก็จะต้องนับไปเป็นของโหยวจิ้นแน่นอน กำลังของพวกเยี่ยเว่ยหมิงนับเป็นผลงานที่ล่อศัตรูเข้ามาเท่านั้น

ดังนั้นโอกาสที่จะได้รางวัลภารกิจเพิ่มก็มีไม่มาก

ตัวแปรน้อยที่สุด ก็จะได้รับประโยชน์น้อยสุดเหมือนกัน

รางวัลพื้นฐานเหล่านั้นที่เขียนไว้บนหน้าแนะนำข้อมูลภารกิจ ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับวิธีการนี้โดยเฉพาะ

3. เป็นวิธีการที่เยี่ยเว่ยหมิงเลือก เขาคาดการณ์ไว้แม่นยำว่าชวีหลิงเฟิงจะใช้ห้องลับนี้ฆ่าพวกเขาทั้งหมด เยี่ยเว่ยหมิงจึงใช้แผนซ้อนแผน ใช้พิษสายลมโศกาจัดการชวีหลิงเฟิงในคราเดียว

ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากวิธีการนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก การจับเป็น BOSS เลเวลหกสิบห้าโดยไม่อาศัยกำลังของ NPC สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นภารกิจที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้

แต่หากทำสำเร็จเมื่อไร รางวัลภารกิจก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่หนึ่งเท่าแน่นอน

สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงกล้าแล่นแบบนี้ ก็เพราะในมือเขามีพิษสายลมโศกา!

ส่วนข้อเสียหรือความเสี่ยงก็คือ ยอดฝีมือที่มีศักยภาพแข็งแกร่งอย่างชวีหลิงเฟิง จะต้านทานพิษสายลมโศกาได้มากแค่ไหนกันแน่

แม้เหยียนจีจะเคยบอกไว้ว่าพิษสายลมโศกานี้คือสิ่งที่เขาเตรียมไว้ใช้กับเหมียวเหรินเฟิ่งที่เลเวลแปดสิบ ตามทฤษฎีแล้วก็น่าจะรับมือกับชวีหลิงเฟิงเลเวลหกสิบห้าได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็ยังต้องพิสูจน์ความจริงก่อนถึงจะรู้

หากสำเร็จ ก็ถือว่าลงทุนน้อยกำไรเยอะ

หากไม่สำเร็จ ได้โปรดดูข้อที่สองประกอบการพิจารณา

ในเมื่อไม่ว่ากรณีใดก็ไม่ขาดทุน เยี่ยเว่ยหมิงย่อมต้องเดิมพันดูสักครั้ง

ส่วนสาเหตุว่าทำไมจึงไม่บอกแผนนี้ให้ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยรู้ล่วงหน้า

เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่ไม่อยากให้เกิดช่องโหว่หลังจากพวกนางรู้แผนการ ไม่อยากให้ชวีหลิงเฟิงพบพิรุธก็เท่านั้นเอง

และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าชวีหลิงเฟิงคนนี้สู้พิษสายลมโศกาไม่ไหวจริงๆ

ความหวาดเสียวเดียวก็คือ พิษสายลมโศกาออกฤทธิ์ค่อนข้างช้า เขาเปิดขวดที่ใส่พิษทันทีที่ชวีหลิงเฟิงปรากฏตัว แล้วปล่อยให้มันออกฤทธิ์อย่างอิสระ นึกไม่ถึงว่าสองสาวจะยืนหยัดอยู่ไม่ถึงตอนที่พิษออกฤทธิ์ ถึงขนาดว่าแม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อาจจะอยู่ไม่ถึงตอนนั้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่นึกถึงเรื่องที่ชวีหลิงเฟิงฆ่าสหายร่วมทีมของตัวเองตายต่อเนื่องสองคน อีกทั้งตอนนี้ยังยกฝ่ามือเตรียมจะตบตัวเองอีก เยี่ยเว่ยหมิงจึงยกขาขวาขึ้นมาเตะอย่างไม่เกรงใจเสียเลย

ตุ้บ!

โครม!

ไม้เท้าเหล็กที่เหลืออยู่ตกลงไปอีกด้าน ชวีหลิงเฟิงเองก็ถูกเตะจนหงายหลังเช่นกัน

หึหึ!

สังเวยสาวงามให้สวรรค์ พลังอัศจรรย์ไร้ที่เปรียบ!

ข้าสังเวยสาวงามสองคนในรวดเดียว อย่างเจ้าจะอาศัยอะไรมาสู้กับข้า

ขณะที่เร่งฝีเท้าพุ่งไปข้างหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็หยิบเชือกที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมามัด BOSS เลเวลหกสิบห้าคนนี้เอาไว้อย่างแน่นหนาเสียเลย

อิงตามความคิดเดิมของเยี่ยเว่ยหมิง เขาเตรียมจะมัดให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากภาพยนตร์ต่างประเทศที่ไม่มีซับไตเติ้ล

ทว่าเมื่อลงมือจริงถึงได้พบว่า นั่นก็เป็นงานทางด้านเทคนิคเช่นกัน!

คนที่ไม่เคยเรียนแม้กระทั่งทฤษฎีอย่างเยี่ยเว่ยหมิง หากอยากจะสร้างผลงานการมัดให้มีกลิ่นอายทางศิลปะสักครั้ง จะทำได้ง่ายอย่างที่พูดเชียวหรือ

สุดท้าย ด้วยความคิดที่ว่าความขยันชดเชยความไม่เก่งได้ ชวีหลิงเฟิงจึงถูกเขามัดจนกลายเป็นบ๊ะจ่างก้อนหนึ่งแล้ว

หลังจากปิดหีบเหล็กใหญ่ที่ชวีหลิงเฟิงใช้บรรจุของโจรแล้ว เขาก็เก็บเข้ากระเป๋าสะพายหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจะกินพื้นที่ว่างไปเพียงช่องเดียว จากนั้นก็หิ้วบ๊ะจ่างเดินมาถึงปากทางลับชั้นล่าง

เขาโคจรกำลังภายในไปที่สองเท้า แล้วพุ่งตัวขึ้นเหมือนถอนต้นหอมขึ้นจากดิน

พรึ่บ! เยี่ยเว่ยหมิงพุ่งขึ้นกลางอากาศอย่างสง่างาม!

ตุ้บ! เยี่ยเว่ยหมิงเหยียบลงพื้นที่เดิมอีกครั้งอย่างสง่างาม

ทางลับชั้นสองอยู่สูงจากพื้นมาก เกินขีดจำกัดความสูงที่เขากระโดดได้

เมื่อได้เห็นฉากนี้ ชวีหลิงเฟิงที่ถูกเขาหิ้วก็อดยิ้มเย้ยไม่ได้ “ทางลับนี้ข้าเป็นคนออกแบบเอง นึกไม่ถึงว่ามือปราบกระจอกอย่างเจ้าจะไร้ประโยชน์เช่นนี้ วิชาตัวเบาเทียบคนขาพิการอย่างข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

สำหรับคำเสียดสีของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะเถียงกลับ

เขาเพียงคลายมือออกอย่างใจเย็น

ตุ้บ! ชวีหลิงเฟิงที่ถูกเขาหิ้วอยู่ ตอนนี้ถูกปล่อยให้ตกลงพื้นทันที หน้ากระแทกพื้นก่อน

เมื่อปลดภาระแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ลองกระโดดอีกครั้ง

ผลลัพธ์ในครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนเยอะมาก เหลืออีกเพียงครึ่งฉื่อมือของเขาก็จะถึงขอบทางเข้าชั้นใต้ดินได้แล้ว!

แต่ความหมายของคำว่าเหลืออีกนิดเดียวก็คือ ยังเอื้อมไม่ถึง

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงตกลงมาที่เดิมอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆ…” เมื่อได้เห็นเจ้ามือปราบกระจอกที่ใช้วิธีการต่ำช้าจับตัวเองทำล้มเหลวสองรอบ ชวีหลิงเฟิงที่เคลื่อนไหวไม่ได้เพราะถูกพิษและถูกมัดก็แค่หันหน้ามาเล็กน้อย แล้วเริ่มหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงกลัว

เขาหัวเราะอย่างเบิกบานใจขนาดนั้น และเศร้าโศกขนาดนั้น…

นึกไม่ถึงว่าวีรบุรุษแห่งยุคอย่างข้าชวีหลิงเฟิง จะมาจบเห่ด้วยน้ำมือคนประเภทนี้!

o(╥﹏╥)o

อดทนไว้ ต้องอดทนไว้ ห้ามร้องไห้!

จะให้มือปราบต่ำช้าไร้ยางอายคนนี้มาเห็นด้านที่อ่อนแอของข้าไม่ได้!

สำหรับการหัวเราะเยาะของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงยังคงไม่มีอะไรจะเถียงเหมือนเดิม

เพราะสำหรับนักโทษคนหนึ่ง เขาไม่มีอะไรให้คุยด้วยจริงๆ

เขาเพียงดึงเศษผ้าลงมาจากม่านของห้องใต้ดิน แล้วมัดขมวดเป็นปมยัดเข้าปากชวีหลิงเฟิง

ตอนนี้ก็หัวเราะไม่ออกแล้ว ทำได้เพียงร้องเสียงอู้อี้ออกมา

โลกนี้เงียบสงบแล้ว!

หลังจากหูสงบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเชือกอีกเส้นที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา มัดอีกฝั่งที่เอวของชวีหลิงเฟิง ส่วนอีกฝั่งมัดบนแขนตัวเอง

จากนั้นก็ถอยหลังสามก้าวเพื่อเตรียมวิ่งกระโดดไกล เขาเหยียบบนหลังชวีหลิงเฟิง แล้วออกแรงกระโดดขึ้นมา

แปะ!

ในที่สุดครั้งนี้ก็จับบนขอบของทางลับได้แล้ว

ไม่ง่ายเลย!

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าครั้งแรกยากเสมอ หลังจากก้าวแรกสำเร็จ เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว ขณะที่จับขอบทางลับ สองแขนของเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันออกแรงมากขึ้น อาศัยพลังแขนที่แข็งแกร่งของเขาทะยานขึ้นมาจากทางลับก้นลึกแห่งนี้

เขาหันกลับมา ดึงปลายเชือกอีกครั้ง ค่อยๆ ดึงชวีหลิงเฟิงขึ้นมาจากด้านล่าง

เรียบร้อย!

เขาแบก BOSS เลเวลหกสิบห้าที่ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยหัวใจอันอิ่มเอม ความรู้สึกประสบความสำเร็จเพราะมุมานะบากบั่นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ในขณะที่ถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกประสบความสำเร็จนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นหูแว่วแล้ว

เขารู้สึกเหมือนมีเสียงดนตรีที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวแผ่วฟังรื่นหูดังขึ้นข้างหู…

ในเสียงดนตรีประกอบฉากของข้า ไม่มีใครเอาชนะข้าได้!

และในเสียงดนตรีประกอบฉากของข้าก็เป็นเสียงขลุ่ย

เสียงขลุ่ยนี้นุ่มนวลแผ่วเบา แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าภายใต้ผิวทะเลที่สงบนิ่งมีคลื่นใต้น้ำขนาดมหึมาที่ดูดกลืนทุกอย่างได้ซ่อนอยู่ อีกทั้งเมื่อท่วงทำนองเพลงมีการเปลี่ยนแปลง คลื่นใต้น้ำนี้ก็เริ่มลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำแล้วด้วย

ราวกับถูกเสียงดนตรีกระตุ้น เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่ากำลังภายในตรงจุดตันเถียนของตัวเองเริ่มพรั่งพรูขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สูงขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

แทบจะฝ่าออกมาจากร่างกาย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 จับเป็นชวีหลิงเฟิง!

เดิมพันถูกแล้วจริงๆ!

ที่จริงหากต้องการรับมือกับชวีหลิงเฟิง ก็มีสามวิธีการที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงมาตั้งแต่แรกแล้ว

1. จับลูกสาวเป็นตัวประกัน บีบให้ชวีหลิงเฟิงเลิกขัดขืนและยอมให้จับแต่โดยดี

วิธีการนี้เรียบง่ายและได้ประสิทธิภาพสูง ทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำแลกกับผลประโยชน์สูงสุดได้

แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าวิธีการนี้ไม่น่าเชื่อถือ

หาก BOSS เลเวลสูงล้วนรับมือด้วยได้ง่ายขนาดนั้นกันหมด นั่นจะไม่แย่หรอกหรือ!

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้หากวิเคราะห์ในมุมของชวีหลิงเฟิง การเลิกขัดขืนต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ระดับล่าง

เพราะหากทำอย่างนั้น เขาก็จะไม่มีทางสร้างภัยคุกคามใดๆ ต่อผู้เล่นได้อีก และจะสูญเสียแต้มต่อในการเจรจากับอีกฝ่ายด้วย

ดังนั้น ทางเลือกที่ดูเหมือนดีที่สุดนี้ มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะให้ผลตรงกันข้าม ดีไม่ดีอาจจะต้องถูกหักค่าวีรบุรุษก่อน จากนั้นก็ถูกชวีหลิงเฟิงที่เสียสติกำจัดทิ้งทั้งทีม

2. จับลูกสาวเป็นตัวประกันเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องบังคับชวีหลิงเฟิงมากเกินไป เพียงใช้ประโยชน์จากลูกสาวเพื่อล่อให้ชวีหลิงเฟิงไปอยู่ในวงกับดักที่โหยวจิ้นวางไว้ล่วงหน้าแล้ว

จากนั้นก็ปิดประตู ปล่อยให้โหยวจิ้นจัดการ

วิธีการนี้ต่างหากที่เป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด และน่าจะเป็นเส้นทางดั้งเดิมที่สมบูรณ์ของภารกิจนี้ด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลงานหลักก็จะต้องนับไปเป็นของโหยวจิ้นแน่นอน กำลังของพวกเยี่ยเว่ยหมิงนับเป็นผลงานที่ล่อศัตรูเข้ามาเท่านั้น

ดังนั้นโอกาสที่จะได้รางวัลภารกิจเพิ่มก็มีไม่มาก

ตัวแปรน้อยที่สุด ก็จะได้รับประโยชน์น้อยสุดเหมือนกัน

รางวัลพื้นฐานเหล่านั้นที่เขียนไว้บนหน้าแนะนำข้อมูลภารกิจ ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับวิธีการนี้โดยเฉพาะ

3. เป็นวิธีการที่เยี่ยเว่ยหมิงเลือก เขาคาดการณ์ไว้แม่นยำว่าชวีหลิงเฟิงจะใช้ห้องลับนี้ฆ่าพวกเขาทั้งหมด เยี่ยเว่ยหมิงจึงใช้แผนซ้อนแผน ใช้พิษสายลมโศกาจัดการชวีหลิงเฟิงในคราเดียว

ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากวิธีการนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก การจับเป็น BOSS เลเวลหกสิบห้าโดยไม่อาศัยกำลังของ NPC สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นภารกิจที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้

แต่หากทำสำเร็จเมื่อไร รางวัลภารกิจก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่หนึ่งเท่าแน่นอน

สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงกล้าแล่นแบบนี้ ก็เพราะในมือเขามีพิษสายลมโศกา!

ส่วนข้อเสียหรือความเสี่ยงก็คือ ยอดฝีมือที่มีศักยภาพแข็งแกร่งอย่างชวีหลิงเฟิง จะต้านทานพิษสายลมโศกาได้มากแค่ไหนกันแน่

แม้เหยียนจีจะเคยบอกไว้ว่าพิษสายลมโศกานี้คือสิ่งที่เขาเตรียมไว้ใช้กับเหมียวเหรินเฟิ่งที่เลเวลแปดสิบ ตามทฤษฎีแล้วก็น่าจะรับมือกับชวีหลิงเฟิงเลเวลหกสิบห้าได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็ยังต้องพิสูจน์ความจริงก่อนถึงจะรู้

หากสำเร็จ ก็ถือว่าลงทุนน้อยกำไรเยอะ

หากไม่สำเร็จ ได้โปรดดูข้อที่สองประกอบการพิจารณา

ในเมื่อไม่ว่ากรณีใดก็ไม่ขาดทุน เยี่ยเว่ยหมิงย่อมต้องเดิมพันดูสักครั้ง

ส่วนสาเหตุว่าทำไมจึงไม่บอกแผนนี้ให้ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยรู้ล่วงหน้า

เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่ไม่อยากให้เกิดช่องโหว่หลังจากพวกนางรู้แผนการ ไม่อยากให้ชวีหลิงเฟิงพบพิรุธก็เท่านั้นเอง

และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าชวีหลิงเฟิงคนนี้สู้พิษสายลมโศกาไม่ไหวจริงๆ

ความหวาดเสียวเดียวก็คือ พิษสายลมโศกาออกฤทธิ์ค่อนข้างช้า เขาเปิดขวดที่ใส่พิษทันทีที่ชวีหลิงเฟิงปรากฏตัว แล้วปล่อยให้มันออกฤทธิ์อย่างอิสระ นึกไม่ถึงว่าสองสาวจะยืนหยัดอยู่ไม่ถึงตอนที่พิษออกฤทธิ์ ถึงขนาดว่าแม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็อาจจะอยู่ไม่ถึงตอนนั้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่นึกถึงเรื่องที่ชวีหลิงเฟิงฆ่าสหายร่วมทีมของตัวเองตายต่อเนื่องสองคน อีกทั้งตอนนี้ยังยกฝ่ามือเตรียมจะตบตัวเองอีก เยี่ยเว่ยหมิงจึงยกขาขวาขึ้นมาเตะอย่างไม่เกรงใจเสียเลย

ตุ้บ!

โครม!

ไม้เท้าเหล็กที่เหลืออยู่ตกลงไปอีกด้าน ชวีหลิงเฟิงเองก็ถูกเตะจนหงายหลังเช่นกัน

หึหึ!

สังเวยสาวงามให้สวรรค์ พลังอัศจรรย์ไร้ที่เปรียบ!

ข้าสังเวยสาวงามสองคนในรวดเดียว อย่างเจ้าจะอาศัยอะไรมาสู้กับข้า

ขณะที่เร่งฝีเท้าพุ่งไปข้างหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็หยิบเชือกที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมามัด BOSS เลเวลหกสิบห้าคนนี้เอาไว้อย่างแน่นหนาเสียเลย

อิงตามความคิดเดิมของเยี่ยเว่ยหมิง เขาเตรียมจะมัดให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากภาพยนตร์ต่างประเทศที่ไม่มีซับไตเติ้ล

ทว่าเมื่อลงมือจริงถึงได้พบว่า นั่นก็เป็นงานทางด้านเทคนิคเช่นกัน!

คนที่ไม่เคยเรียนแม้กระทั่งทฤษฎีอย่างเยี่ยเว่ยหมิง หากอยากจะสร้างผลงานการมัดให้มีกลิ่นอายทางศิลปะสักครั้ง จะทำได้ง่ายอย่างที่พูดเชียวหรือ

สุดท้าย ด้วยความคิดที่ว่าความขยันชดเชยความไม่เก่งได้ ชวีหลิงเฟิงจึงถูกเขามัดจนกลายเป็นบ๊ะจ่างก้อนหนึ่งแล้ว

หลังจากปิดหีบเหล็กใหญ่ที่ชวีหลิงเฟิงใช้บรรจุของโจรแล้ว เขาก็เก็บเข้ากระเป๋าสะพายหลัง ไม่น่าเชื่อว่าจะกินพื้นที่ว่างไปเพียงช่องเดียว จากนั้นก็หิ้วบ๊ะจ่างเดินมาถึงปากทางลับชั้นล่าง

เขาโคจรกำลังภายในไปที่สองเท้า แล้วพุ่งตัวขึ้นเหมือนถอนต้นหอมขึ้นจากดิน

พรึ่บ! เยี่ยเว่ยหมิงพุ่งขึ้นกลางอากาศอย่างสง่างาม!

ตุ้บ! เยี่ยเว่ยหมิงเหยียบลงพื้นที่เดิมอีกครั้งอย่างสง่างาม

ทางลับชั้นสองอยู่สูงจากพื้นมาก เกินขีดจำกัดความสูงที่เขากระโดดได้

เมื่อได้เห็นฉากนี้ ชวีหลิงเฟิงที่ถูกเขาหิ้วก็อดยิ้มเย้ยไม่ได้ “ทางลับนี้ข้าเป็นคนออกแบบเอง นึกไม่ถึงว่ามือปราบกระจอกอย่างเจ้าจะไร้ประโยชน์เช่นนี้ วิชาตัวเบาเทียบคนขาพิการอย่างข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

สำหรับคำเสียดสีของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะเถียงกลับ

เขาเพียงคลายมือออกอย่างใจเย็น

ตุ้บ! ชวีหลิงเฟิงที่ถูกเขาหิ้วอยู่ ตอนนี้ถูกปล่อยให้ตกลงพื้นทันที หน้ากระแทกพื้นก่อน

เมื่อปลดภาระแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ลองกระโดดอีกครั้ง

ผลลัพธ์ในครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนเยอะมาก เหลืออีกเพียงครึ่งฉื่อมือของเขาก็จะถึงขอบทางเข้าชั้นใต้ดินได้แล้ว!

แต่ความหมายของคำว่าเหลืออีกนิดเดียวก็คือ ยังเอื้อมไม่ถึง

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงตกลงมาที่เดิมอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆ…” เมื่อได้เห็นเจ้ามือปราบกระจอกที่ใช้วิธีการต่ำช้าจับตัวเองทำล้มเหลวสองรอบ ชวีหลิงเฟิงที่เคลื่อนไหวไม่ได้เพราะถูกพิษและถูกมัดก็แค่หันหน้ามาเล็กน้อย แล้วเริ่มหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงกลัว

เขาหัวเราะอย่างเบิกบานใจขนาดนั้น และเศร้าโศกขนาดนั้น…

นึกไม่ถึงว่าวีรบุรุษแห่งยุคอย่างข้าชวีหลิงเฟิง จะมาจบเห่ด้วยน้ำมือคนประเภทนี้!

o(╥﹏╥)o

อดทนไว้ ต้องอดทนไว้ ห้ามร้องไห้!

จะให้มือปราบต่ำช้าไร้ยางอายคนนี้มาเห็นด้านที่อ่อนแอของข้าไม่ได้!

สำหรับการหัวเราะเยาะของชวีหลิงเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงยังคงไม่มีอะไรจะเถียงเหมือนเดิม

เพราะสำหรับนักโทษคนหนึ่ง เขาไม่มีอะไรให้คุยด้วยจริงๆ

เขาเพียงดึงเศษผ้าลงมาจากม่านของห้องใต้ดิน แล้วมัดขมวดเป็นปมยัดเข้าปากชวีหลิงเฟิง

ตอนนี้ก็หัวเราะไม่ออกแล้ว ทำได้เพียงร้องเสียงอู้อี้ออกมา

โลกนี้เงียบสงบแล้ว!

หลังจากหูสงบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเชือกอีกเส้นที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา มัดอีกฝั่งที่เอวของชวีหลิงเฟิง ส่วนอีกฝั่งมัดบนแขนตัวเอง

จากนั้นก็ถอยหลังสามก้าวเพื่อเตรียมวิ่งกระโดดไกล เขาเหยียบบนหลังชวีหลิงเฟิง แล้วออกแรงกระโดดขึ้นมา

แปะ!

ในที่สุดครั้งนี้ก็จับบนขอบของทางลับได้แล้ว

ไม่ง่ายเลย!

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าครั้งแรกยากเสมอ หลังจากก้าวแรกสำเร็จ เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว ขณะที่จับขอบทางลับ สองแขนของเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันออกแรงมากขึ้น อาศัยพลังแขนที่แข็งแกร่งของเขาทะยานขึ้นมาจากทางลับก้นลึกแห่งนี้

เขาหันกลับมา ดึงปลายเชือกอีกครั้ง ค่อยๆ ดึงชวีหลิงเฟิงขึ้นมาจากด้านล่าง

เรียบร้อย!

เขาแบก BOSS เลเวลหกสิบห้าที่ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยหัวใจอันอิ่มเอม ความรู้สึกประสบความสำเร็จเพราะมุมานะบากบั่นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ในขณะที่ถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกประสบความสำเร็จนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นหูแว่วแล้ว

เขารู้สึกเหมือนมีเสียงดนตรีที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวแผ่วฟังรื่นหูดังขึ้นข้างหู…

ในเสียงดนตรีประกอบฉากของข้า ไม่มีใครเอาชนะข้าได้!

และในเสียงดนตรีประกอบฉากของข้าก็เป็นเสียงขลุ่ย

เสียงขลุ่ยนี้นุ่มนวลแผ่วเบา แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าภายใต้ผิวทะเลที่สงบนิ่งมีคลื่นใต้น้ำขนาดมหึมาที่ดูดกลืนทุกอย่างได้ซ่อนอยู่ อีกทั้งเมื่อท่วงทำนองเพลงมีการเปลี่ยนแปลง คลื่นใต้น้ำนี้ก็เริ่มลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำแล้วด้วย

ราวกับถูกเสียงดนตรีกระตุ้น เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่ากำลังภายในตรงจุดตันเถียนของตัวเองเริ่มพรั่งพรูขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สูงขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า

แทบจะฝ่าออกมาจากร่างกาย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+