ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 69 ไซซีกุมต่อมฮา

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 69 ไซซีกุมต่อมฮา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69 ไซซีกุมต่อมฮา

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าสามนาทีพูดหยอก เจ็ดนาทีพูดเสริมในการแสดงตลก…แค่กๆ เยี่ยเว่ยหมิงที่ฉวยโอกาสตอนโหวเหรินอิงไม่ได้รวบรวมกำลัง หมุนกระบี่ชิงจู๋ปาดบนข้อมือของอีกฝ่ายทันที

ในขณะที่เจ็บปวด แม้แต่อาวุธในมือโหวเหรินอิงก็จับไม่ไหว ‘แกร๊ง!’ กระบี่ล้ำค่าร่วงลงพื้น

ในตอนนี้เอง หัวหน้าของกลุ่มสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงถูกเยี่ยเว่ยหมิงเล่นงานจนกลายเป็นเนื้อบนเขียงโดยสิ้นเชิงแล้ว ได้แต่ปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ!

ในเมื่อโหวเหรินอิงให้ความร่วมมือขนาดนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ฉวยโอกาสทำอะไรสักหน่อย ก็ถือว่ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นเกินไปแล้ว เขาจึงรวบรวมพลังภายในไว้บนกระบี่ชิงจู๋ในมือทันที แล้วใช้ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ โจมตีอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

ปากก็ยังท่องบทของตัวประกอบ “ใช่แล้ว! ไม่ผิดหรอก! ไปตามทางของเจ้าเถอะ!…”

โหวเหรินอิง “อ๋า!”

……

[ติ๊ง! คุณสังหารโหวเหรินอิง BOSS เลเวล 25 สำเร็จ ได้รับ:

ค่าประสบการณ์ +4000 แต้ม

ค่าตบะ +400 แต้ม!]

หลังจากกำจัดโหวเหรินอิงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ใส่ยาเม็ดฟื้นฟูกำลังภายในเข้าปากเม็ดหนึ่ง ไม่สนใจการคลำศพแล้วเช่นกัน เขาหันตัวไป สายตาไปหยุดอยู่บนสนามรบอีกสามจุด

สรุปได้ว่าทีมเล็กๆ ของสำนักมือปราบเทพที่สู้แบบสองรุมหนึ่งยังคงสู้อย่างมั่นคง กลุ่มของโหยวโหยวและสะพานสวรรค์คริสตัลได้เปรียบอย่างมั่นคง ทีมของซานเย่ว์ราบรื่นจนแทบจะบินได้ พวกเขาล้วนอาศัยความได้เปรียบจากการโจมตีระยะไกลบวกโจมตีระยะประชิดเพื่อรับมือกับศัตรูได้ ตอนนี้แต่ละทีมต่างก็กำลังบดขยี้ค่าพลังชีวิตของ BOSS ไปแล้วไม่น้อย

ส่วนสถานการณ์ทางด้านเฟยอวี๋ก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไร

ต้องทราบไว้ว่าเขากับเยี่ยเว่ยหมิงได้สู้ตัวต่อตัวกับ BOSS เหมือนกัน แต่เขากลับไม่มีค่าสเตตัสร้ายกาจกับเนื้อหมาป่าย่างเหมือนเยี่ยเหวยหมิง แม้ในด้านกระบวนท่าจะยังรับมือไหว แต่ค่าสเตตัสที่ไม่ได้เรื่องก็ทำให้โดน BOSS กดโดยสิ้นเชิงอยู่ดี

ภายในเวลาสั้นๆ ยังพอไหว แต่เมื่อเวลานานไป ก็มีหลายจุดที่รับมือไม่ทั่วถึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เขาถูกหลัวเหรินเจี๋ยโจมตีจนเสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งในสามส่วน

ส่วนพลังชีวิตสองในสามส่วนที่เหลือแม้จะดูเหมือนไม่น้อย แต่ถ้า BOSS หาโอกาสเจอเมื่อไร แค่ใช้สามกระบี่ก็จัดการเขาได้แล้ว แต่ตอนนี้นับว่าอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแล้ว

ไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงชี้กระบี่ชิงจู๋ในมือไปที่หลัวเหรินเจี๋ย “เจ้า เข้ามา!”

เมื่อเสียงเรียกของเยี่ยเว่ยหมิงเงียบลง หลัวเหรินเจี๋ยที่กำลังโจมตีเฟยอวี๋อย่างดุเดือดก็ตัวสั่นทันที หมุนกระบี่ล้ำค่าในมืออย่างรวดเร็ว ลมกระบี่กระพือฝุ่นดินขึ้นมาและพัดม้วนไปรอบๆ ขณะเดียวกันเขาก็พุ่งตัวไปตามกระบี่ ตรงไปยังเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ห่างออกไปสามจั้ง

ซานเย่ว์ “???”

สะพานสวรรค์คริสตัล “???”

เฟยอวี๋ “???”

โหยวโหยวโค้งยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“เอาอีกแล้วหรือ” ถังซานไฉ่พึมพำเสียงต่ำ

เสียงแบบนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือสกิลการล่อมอนสเตอร์ ต่อให้ไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ถังซานไฉ่ก็ยังแสดงความอิจฉาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

เพียงแต่ทุกคนในทีมสำนักมือปราบเทพ ต่างก็นับว่าเป็นยอดฝีมือในเกมทั้งนั้น ไม่ถึงขั้นให้ปล่อยให้สิ่งนี้กระทบกับการต่อสู้ของตัวเอง ขณะกำลังตื่นตะลึงกับสิ่งนี้ การต่อสู้ของแต่ละคนก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเฟยอวี๋ ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่โดนหลัวเหรินเจี๋ยโจมตีจนกลัดกลุ้ม ในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสหอบหายใจแล้ว แต่เขากลับไม่ได้หายใจดีๆ พุ่งเข้าไปแทงข้างหลังหลัวเหรินเจี๋ยหนึ่งดาบ

ทว่าหลัวเหรินเจี๋ยไม่ได้สนใจเขาเลย โดนแทงไปหนึ่งดาบแต่กลับไม่แม้แต่จะหันกลับมา กระบี่ที่โจมตีไปทางเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งไม่ได้สับสนแม้แต่น้อยเช่นกัน

เฟยอวี๋ยังคิดจะฟันอีกดาบ แต่ดาบปักวสันต์ในมือที่ชูขึ้นมากลับถูกวางลงอีก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฟันต่อ แต่เป็นเพราะทำไม่ได้แล้ว

หลัวเหรินเจี๋ยแม้จะไม่ใช่โกลดีโรเจอร์ในการ์ตูนวันพีซ ไม่รู้จักหกวิชาลับ สู้กับใครทั้งวันไม่ได้ แต่จะดีจะร้ายเจ้าตัวก็ยังเป็น BOSS คนหนึ่ง!

ในฐานะที่เป็น BOSS คนหนึ่ง ท่าร่างของหลัวเหรินเจี๋ยต้องเหนือกว่าเฟยอวี๋อยู่แล้ว!

หลังจากโดนโจมตีไปหนึ่งดาบ หลัวเหรินเจี๋ยก็พุ่งออกจากขอบเขตการโจมตีด้วยวิชาดาบของเขาแล้ว เฟยอวี๋ที่มือสั้นเท้าสั้นตามไม่ทันและไปไม่ถึง ไม่มีทางทำอะไร BOSS ที่ปั่นหัวเขาเล่นแล้วทิ้งเขาไปได้เลย

ขณะมอง BOSS เริ่มออกไปไกล เฟยอวี๋ก็ได้แต่รู้สึกจนใจ

แม้สติปัญญาจะบอกเขาว่าเขาสู้ BOSS ตัวนี้ไม่ไหว แต่จิตใต้สำนึกก็ยังเหยียดหยามสกิลที่เหมือนใช้สูตรโกงของเยี่ยเว่ยหมิงไม่หยุด

ขอร้องล่ะ นี่เรากำลังเล่นเกมเดียวกันจริงๆ หรือเปล่า

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เป็นเกมแนวจอมยุทธ์คุณธรรม?

แล้วการยั่วยุที่ทำให้ศัตรูติดสถานะถูกควบคุมนี่มันอะไรกันแน่ นี่เป็นสกิลที่โผล่มาในเกมออนไลน์แนวแฟนตาซีเท่านั้นไม่ใช่หรือ

ไม่รอให้เขามากไปกว่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็สู้กับศัตรูแล้ว อิงตามหลักการ ‘ยามผู้เชี่ยวชาญลงมือ ก็รู้แล้วว่าใช่หรือไม่’ ทันทีที่ประมือกัน เขาก็แน่ใจในความสามารถของหลัวเหรินเจี๋ยคนนี้แล้ว…ควรจะอธิบายอย่างไรดีล่ะ

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่า ค่าสเตตัส…เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นรู้สึกว่าแม้แต่อุปกรณ์ ศัตรูคนนี้ก็ไม่ได้ต่างกับโหวเหรินอิงที่สู้ด้วยก่อนหน้านี้เลย สองคนนี้เหมือนออกมาจากเบ้าหลอมเดียวกันจริงๆ

ไม่รู้ว่าที่สองคนนี้ความสามารถใกล้เคียงกันขนาดนี้ เป็นเพราะผู้ออกแบบเกมขี้เกียจหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลังจากมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว การรับมือกับศัตรูแบบนี้ก็ยิ่งไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลังจากทั้งสองประมือกันสามกระบวนท่า ในที่สุดเฟยอวี๋ที่ถูกหลัวเหรินเจี๋ยทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ก็ตามทันแล้ว ในระหว่างนั้นเขาถือโอกาสยัดยาฟื้นฟูพลังชีวิตเข้าปากไปเม็ดหนึ่ง ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์จนถึงที่สุด เขาก็เริ่มใช้วิชาดาบเข้าร่วมการต่อสู้ที่เดิมทีเป็นของเขาแล้ว

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่สู้กันตัวต่อตัว ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็ยังต้องใช้เวลาเลย เฟยอวี๋ก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวเหรินเจี๋ยอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์สองรุมหนึ่ง แม้แต่เฟยอวี๋ก็ไม่มีความกดดันทางจิตใจใดๆ

เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว!

หลังจากผ่านไปอีกสามกระบวนท่า ภายใต้การร่วมมือโจมตีของทั้งสอง หลัวเหรินเจี๋ยก็เปิดเผยจุดอ่อนแล้ว บนตัวโดนเฟยอวี๋โจมตีหนึ่งดาบ โดนเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีหนึ่งกระบี่

โดนดาบแรกนั่นไปก็ยังดีหน่อย โดนฟันจนเสียค่าพลังชีวิตไปนิดหน่อยเท่านั้น ทว่ากระบี่ชิงจู๋ที่ทำจากเหล็กพิษของเยี่ยเว่ยหมิงกลับบ้าระห่ำสุดๆ ออกกระบี่ครั้งเดียวไม่เพียงแค่พรากพลังชีวิตของเขาไปห้าร้อยแต้ม ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เขาโดนพิษติดสถานะลบด้วย สเตตัสข้างเคียงลบฮวบไปห้าเปอร์เซ็นต์

หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ก็เหมือนลอกเลียนแบบการต่อสู้ก่อนหน้านี้มา

สิ่งที่แตกต่างก็คือ หลัวเหรินเจี๋ยที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งสองคนพร้อมกันแพ้เร็วกว่าเดิม ตายไวกว่าเดิม

บวกเวลาตอนแรกและตอนหลังใช้ไม่ถึงหนึ่งนาที ตอนที่ดาบและกระบี่โจมตีบนร่างกายพร้อมกัน สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงสุดท้ายก็กลายเป็นค่าประสบการณ์และค่าตบะร่วมให้กับทีมสำนักมือปราบเทพ

ถึงขนาดว่าแม้แต่คำสั่งเสียสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับโหวเหรินอิง เรียบง่ายชัดเจนเหมือนกัน

มีเพียงคำเดียวที่หลุดจากปาก “อ๋า!”

แม้จะรู้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอาศัยเคล็ดกระบี่ที่ยอดเยี่ยมกว่าของเขา ชิง BOSS จากมือเฟยอวี๋มาโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากจัดการหลัวเหรินเจี๋ยได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋ก็สบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็แยกกันไปสนับสนุนทีมอีกสองจุดต่อสู้ ช่วยอีกสองทีมย่อยที่เดิมทีก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้วให้จัดการศัตรูได้เร็วขึ้น

หลังจากนั้นอีกสิบวินาที ด้วยความช่วยเหลือของเยี่ยเว่ยหมิง หงเหรินสยงนอนตายโหงอยู่บนถนนแล้ว ตอนหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นเฟยอวี๋ช่วยทีมของซานเย่ว์ล้อมปราบอวี๋เหรินหาวสำเร็จแล้วเช่นกัน

ตอนนี้สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงนอนตายอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

หลังจากคลำศพ ทั้งสี่ก็ได้รับ

[‘เคล็ดกระบี่กระบี่ลมสน’ (ไม่สมบูรณ์) ×4

กระบี่ลายสน x4

เงิน: 36 เหรียญทอง]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 69 ไซซีกุมต่อมฮา

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 69 ไซซีกุมต่อมฮา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 69 ไซซีกุมต่อมฮา

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าสามนาทีพูดหยอก เจ็ดนาทีพูดเสริมในการแสดงตลก…แค่กๆ เยี่ยเว่ยหมิงที่ฉวยโอกาสตอนโหวเหรินอิงไม่ได้รวบรวมกำลัง หมุนกระบี่ชิงจู๋ปาดบนข้อมือของอีกฝ่ายทันที

ในขณะที่เจ็บปวด แม้แต่อาวุธในมือโหวเหรินอิงก็จับไม่ไหว ‘แกร๊ง!’ กระบี่ล้ำค่าร่วงลงพื้น

ในตอนนี้เอง หัวหน้าของกลุ่มสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงถูกเยี่ยเว่ยหมิงเล่นงานจนกลายเป็นเนื้อบนเขียงโดยสิ้นเชิงแล้ว ได้แต่ปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ!

ในเมื่อโหวเหรินอิงให้ความร่วมมือขนาดนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ฉวยโอกาสทำอะไรสักหน่อย ก็ถือว่ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นเกินไปแล้ว เขาจึงรวบรวมพลังภายในไว้บนกระบี่ชิงจู๋ในมือทันที แล้วใช้ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ โจมตีอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

ปากก็ยังท่องบทของตัวประกอบ “ใช่แล้ว! ไม่ผิดหรอก! ไปตามทางของเจ้าเถอะ!…”

โหวเหรินอิง “อ๋า!”

……

[ติ๊ง! คุณสังหารโหวเหรินอิง BOSS เลเวล 25 สำเร็จ ได้รับ:

ค่าประสบการณ์ +4000 แต้ม

ค่าตบะ +400 แต้ม!]

หลังจากกำจัดโหวเหรินอิงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ใส่ยาเม็ดฟื้นฟูกำลังภายในเข้าปากเม็ดหนึ่ง ไม่สนใจการคลำศพแล้วเช่นกัน เขาหันตัวไป สายตาไปหยุดอยู่บนสนามรบอีกสามจุด

สรุปได้ว่าทีมเล็กๆ ของสำนักมือปราบเทพที่สู้แบบสองรุมหนึ่งยังคงสู้อย่างมั่นคง กลุ่มของโหยวโหยวและสะพานสวรรค์คริสตัลได้เปรียบอย่างมั่นคง ทีมของซานเย่ว์ราบรื่นจนแทบจะบินได้ พวกเขาล้วนอาศัยความได้เปรียบจากการโจมตีระยะไกลบวกโจมตีระยะประชิดเพื่อรับมือกับศัตรูได้ ตอนนี้แต่ละทีมต่างก็กำลังบดขยี้ค่าพลังชีวิตของ BOSS ไปแล้วไม่น้อย

ส่วนสถานการณ์ทางด้านเฟยอวี๋ก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไร

ต้องทราบไว้ว่าเขากับเยี่ยเว่ยหมิงได้สู้ตัวต่อตัวกับ BOSS เหมือนกัน แต่เขากลับไม่มีค่าสเตตัสร้ายกาจกับเนื้อหมาป่าย่างเหมือนเยี่ยเหวยหมิง แม้ในด้านกระบวนท่าจะยังรับมือไหว แต่ค่าสเตตัสที่ไม่ได้เรื่องก็ทำให้โดน BOSS กดโดยสิ้นเชิงอยู่ดี

ภายในเวลาสั้นๆ ยังพอไหว แต่เมื่อเวลานานไป ก็มีหลายจุดที่รับมือไม่ทั่วถึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เขาถูกหลัวเหรินเจี๋ยโจมตีจนเสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งในสามส่วน

ส่วนพลังชีวิตสองในสามส่วนที่เหลือแม้จะดูเหมือนไม่น้อย แต่ถ้า BOSS หาโอกาสเจอเมื่อไร แค่ใช้สามกระบี่ก็จัดการเขาได้แล้ว แต่ตอนนี้นับว่าอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแล้ว

ไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงชี้กระบี่ชิงจู๋ในมือไปที่หลัวเหรินเจี๋ย “เจ้า เข้ามา!”

เมื่อเสียงเรียกของเยี่ยเว่ยหมิงเงียบลง หลัวเหรินเจี๋ยที่กำลังโจมตีเฟยอวี๋อย่างดุเดือดก็ตัวสั่นทันที หมุนกระบี่ล้ำค่าในมืออย่างรวดเร็ว ลมกระบี่กระพือฝุ่นดินขึ้นมาและพัดม้วนไปรอบๆ ขณะเดียวกันเขาก็พุ่งตัวไปตามกระบี่ ตรงไปยังเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ห่างออกไปสามจั้ง

ซานเย่ว์ “???”

สะพานสวรรค์คริสตัล “???”

เฟยอวี๋ “???”

โหยวโหยวโค้งยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“เอาอีกแล้วหรือ” ถังซานไฉ่พึมพำเสียงต่ำ

เสียงแบบนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือสกิลการล่อมอนสเตอร์ ต่อให้ไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ถังซานไฉ่ก็ยังแสดงความอิจฉาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

เพียงแต่ทุกคนในทีมสำนักมือปราบเทพ ต่างก็นับว่าเป็นยอดฝีมือในเกมทั้งนั้น ไม่ถึงขั้นให้ปล่อยให้สิ่งนี้กระทบกับการต่อสู้ของตัวเอง ขณะกำลังตื่นตะลึงกับสิ่งนี้ การต่อสู้ของแต่ละคนก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเฟยอวี๋ ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่โดนหลัวเหรินเจี๋ยโจมตีจนกลัดกลุ้ม ในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสหอบหายใจแล้ว แต่เขากลับไม่ได้หายใจดีๆ พุ่งเข้าไปแทงข้างหลังหลัวเหรินเจี๋ยหนึ่งดาบ

ทว่าหลัวเหรินเจี๋ยไม่ได้สนใจเขาเลย โดนแทงไปหนึ่งดาบแต่กลับไม่แม้แต่จะหันกลับมา กระบี่ที่โจมตีไปทางเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งไม่ได้สับสนแม้แต่น้อยเช่นกัน

เฟยอวี๋ยังคิดจะฟันอีกดาบ แต่ดาบปักวสันต์ในมือที่ชูขึ้นมากลับถูกวางลงอีก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฟันต่อ แต่เป็นเพราะทำไม่ได้แล้ว

หลัวเหรินเจี๋ยแม้จะไม่ใช่โกลดีโรเจอร์ในการ์ตูนวันพีซ ไม่รู้จักหกวิชาลับ สู้กับใครทั้งวันไม่ได้ แต่จะดีจะร้ายเจ้าตัวก็ยังเป็น BOSS คนหนึ่ง!

ในฐานะที่เป็น BOSS คนหนึ่ง ท่าร่างของหลัวเหรินเจี๋ยต้องเหนือกว่าเฟยอวี๋อยู่แล้ว!

หลังจากโดนโจมตีไปหนึ่งดาบ หลัวเหรินเจี๋ยก็พุ่งออกจากขอบเขตการโจมตีด้วยวิชาดาบของเขาแล้ว เฟยอวี๋ที่มือสั้นเท้าสั้นตามไม่ทันและไปไม่ถึง ไม่มีทางทำอะไร BOSS ที่ปั่นหัวเขาเล่นแล้วทิ้งเขาไปได้เลย

ขณะมอง BOSS เริ่มออกไปไกล เฟยอวี๋ก็ได้แต่รู้สึกจนใจ

แม้สติปัญญาจะบอกเขาว่าเขาสู้ BOSS ตัวนี้ไม่ไหว แต่จิตใต้สำนึกก็ยังเหยียดหยามสกิลที่เหมือนใช้สูตรโกงของเยี่ยเว่ยหมิงไม่หยุด

ขอร้องล่ะ นี่เรากำลังเล่นเกมเดียวกันจริงๆ หรือเปล่า

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เป็นเกมแนวจอมยุทธ์คุณธรรม?

แล้วการยั่วยุที่ทำให้ศัตรูติดสถานะถูกควบคุมนี่มันอะไรกันแน่ นี่เป็นสกิลที่โผล่มาในเกมออนไลน์แนวแฟนตาซีเท่านั้นไม่ใช่หรือ

ไม่รอให้เขามากไปกว่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็สู้กับศัตรูแล้ว อิงตามหลักการ ‘ยามผู้เชี่ยวชาญลงมือ ก็รู้แล้วว่าใช่หรือไม่’ ทันทีที่ประมือกัน เขาก็แน่ใจในความสามารถของหลัวเหรินเจี๋ยคนนี้แล้ว…ควรจะอธิบายอย่างไรดีล่ะ

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่า ค่าสเตตัส…เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นรู้สึกว่าแม้แต่อุปกรณ์ ศัตรูคนนี้ก็ไม่ได้ต่างกับโหวเหรินอิงที่สู้ด้วยก่อนหน้านี้เลย สองคนนี้เหมือนออกมาจากเบ้าหลอมเดียวกันจริงๆ

ไม่รู้ว่าที่สองคนนี้ความสามารถใกล้เคียงกันขนาดนี้ เป็นเพราะผู้ออกแบบเกมขี้เกียจหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลังจากมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว การรับมือกับศัตรูแบบนี้ก็ยิ่งไม่มีความกดดันเลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลังจากทั้งสองประมือกันสามกระบวนท่า ในที่สุดเฟยอวี๋ที่ถูกหลัวเหรินเจี๋ยทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ก็ตามทันแล้ว ในระหว่างนั้นเขาถือโอกาสยัดยาฟื้นฟูพลังชีวิตเข้าปากไปเม็ดหนึ่ง ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์จนถึงที่สุด เขาก็เริ่มใช้วิชาดาบเข้าร่วมการต่อสู้ที่เดิมทีเป็นของเขาแล้ว

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่สู้กันตัวต่อตัว ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายก็ยังต้องใช้เวลาเลย เฟยอวี๋ก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวเหรินเจี๋ยอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์สองรุมหนึ่ง แม้แต่เฟยอวี๋ก็ไม่มีความกดดันทางจิตใจใดๆ

เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว!

หลังจากผ่านไปอีกสามกระบวนท่า ภายใต้การร่วมมือโจมตีของทั้งสอง หลัวเหรินเจี๋ยก็เปิดเผยจุดอ่อนแล้ว บนตัวโดนเฟยอวี๋โจมตีหนึ่งดาบ โดนเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีหนึ่งกระบี่

โดนดาบแรกนั่นไปก็ยังดีหน่อย โดนฟันจนเสียค่าพลังชีวิตไปนิดหน่อยเท่านั้น ทว่ากระบี่ชิงจู๋ที่ทำจากเหล็กพิษของเยี่ยเว่ยหมิงกลับบ้าระห่ำสุดๆ ออกกระบี่ครั้งเดียวไม่เพียงแค่พรากพลังชีวิตของเขาไปห้าร้อยแต้ม ยิ่งกว่านั้นยังทำให้เขาโดนพิษติดสถานะลบด้วย สเตตัสข้างเคียงลบฮวบไปห้าเปอร์เซ็นต์

หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ก็เหมือนลอกเลียนแบบการต่อสู้ก่อนหน้านี้มา

สิ่งที่แตกต่างก็คือ หลัวเหรินเจี๋ยที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งสองคนพร้อมกันแพ้เร็วกว่าเดิม ตายไวกว่าเดิม

บวกเวลาตอนแรกและตอนหลังใช้ไม่ถึงหนึ่งนาที ตอนที่ดาบและกระบี่โจมตีบนร่างกายพร้อมกัน สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงสุดท้ายก็กลายเป็นค่าประสบการณ์และค่าตบะร่วมให้กับทีมสำนักมือปราบเทพ

ถึงขนาดว่าแม้แต่คำสั่งเสียสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับโหวเหรินอิง เรียบง่ายชัดเจนเหมือนกัน

มีเพียงคำเดียวที่หลุดจากปาก “อ๋า!”

แม้จะรู้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอาศัยเคล็ดกระบี่ที่ยอดเยี่ยมกว่าของเขา ชิง BOSS จากมือเฟยอวี๋มาโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากจัดการหลัวเหรินเจี๋ยได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกับเฟยอวี๋ก็สบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็แยกกันไปสนับสนุนทีมอีกสองจุดต่อสู้ ช่วยอีกสองทีมย่อยที่เดิมทีก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้วให้จัดการศัตรูได้เร็วขึ้น

หลังจากนั้นอีกสิบวินาที ด้วยความช่วยเหลือของเยี่ยเว่ยหมิง หงเหรินสยงนอนตายโหงอยู่บนถนนแล้ว ตอนหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นเฟยอวี๋ช่วยทีมของซานเย่ว์ล้อมปราบอวี๋เหรินหาวสำเร็จแล้วเช่นกัน

ตอนนี้สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงนอนตายอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

หลังจากคลำศพ ทั้งสี่ก็ได้รับ

[‘เคล็ดกระบี่กระบี่ลมสน’ (ไม่สมบูรณ์) ×4

กระบี่ลายสน x4

เงิน: 36 เหรียญทอง]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+