ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก

“แล้วถ้าข้าไม่ส่งให้ล่ะ”

หลวงจีนหลิงจื้อหัวเราะหึหึ “แม้ภายในหนึ่งชั่วโมงนี้พวกเราจะต้องเจ้าไม่ได้ แต่รอหลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมง เจ้าอาจจะถูกยอดฝีมือทุกคนของจวนอ๋องจ้าวไล่สังหาร พ่อหนุ่ม ทางที่ดีเจ้าคิดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ อย่าทำให้ตัวเองเสียใจทีหลังเด็ดขาด”

“อย่างนั้นหรือ…” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “เช่นหนังเจ้าก็รอให้พวกเราปรึกษากันสักหน่อย”

เมื่อพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ดึงสะพานสวรรค์น้อยเดินไปอีกฝั่ง พร้อมทั้งถามในช่องทีมว่า “ยาตัดวิญญาณของเจ้ายังใช้งานได้อีกกี่ครั้ง”

สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็ยังตอบตามความจริง “นอกจากที่เคยใช้ไปแล้วสองครั้งก่อน ก็ยังเหลือใช้ได้อีกห้าครั้ง”

“เช่นนั้นก็ดี ช่วยข้าสักครั้ง แล้วหนี้ที่ติดค้างระหว่างพวกเราจะหายไป”

“ถ้าได้ออกทีวี ก็ไม่ต้องหักหนี้ทิ้งก็ได้”

“เช่นนั้นก็ดี…”

……

หลังจากนั้นหนึ่งนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือรองเท้าปักลายกลับมาอีกครั้ง แล้วส่งไปตรงหน้าหลวงจีนหลิงจื้อทันที “เจ้าหมายถึงของสิ่งนี้ใช่หรือไม่”

“นับว่าเจ้าอ่านสถานการณ์ออก!”

หลวงจีนหลิงจื้อยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่กลับไม่ได้ยื่นมือไปรับ แล้วหยิบกล่องผ้าแพรออกมาแทน ให้เยี่ยเว่ยหมิงวางรองเท้าปักลายลงในกล่องผ้าแพร จากนั้นก็หันกายเดินจากไป

มองเห็นอยู่ไกลๆ ว่าหลังจากหวันเหยียนคังที่นอนอยู่บนเปลหามรับกล่องผ้าแพรไปแล้ว ก็ยังไม่ลืมหยิบรองเท้าปักลายออกมาจากกล่อง เขาหยิบมาเล่นในมือพร้อมสูดดมเป็นระยะ ทำสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังเสพสุข ดูโรคจิตมากทีเดียว

เพียงแต่ผู้ติดตามจากจวนอ๋องจ้าว ไม่มีคนไหนที่ไร้กาลเทศะจนตำหนิติเตียนพฤติกรรมของเจ้านาย

สำหรับความหลงใหลหมกมุ่นของหวันเหยียนคัง พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น หามเปลของหวันเหยียนคังเดินตามหลังเกี้ยวของหวังเฟยไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มองจากทิศทางที่พวกเขาไป ตอนที่พวกเขาเดินออกจากถนนสายนี้ เพิ่งจะออกจากเขตปลอดภัยที่ถูกปกป้องโดยระบบ จู่ๆ ก็มีผู้เล่นจำนวนมากโผล่มาจากสองฝั่ง พุ่งเข้ามาโจมตีสังหารหยางคัง

เนื่องจากคืนชีพได้ไม่จำกัด ในบรรดาผู้เล่นย่อมมีคนที่ชอบแสวงหาความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอ

เมื่อเห็น BOSS โหมดปกติเลเวลสี่สิบห้าที่เหลือค่าเลือดอยู่ขีดเดียวถูกคนหามไป ก็ย่อมมีคนครุ่นคิดจินตนาการถึงช่องโหว่ของระบบที่ปกป้องเขาอยู่แล้ว

ช่องโหว่นั้นก็คือ ในเมื่ออยู่ในเขตนี้จะได้รับการปกป้องจากระบบ เช่นนั้นถ้าออกจากเขตนี้ไปแล้ว ทำไมไม่ลองสังหาร BOSS ที่เหลือค่าเลือดนิดเดียวดูล่ะ

ตอนที่องครักษ์ของจวนท่านอ๋องยังไม่ทันไหวตัว ขอเพียงฉวยโอกาสไปสังหารหวันเหยียนคังให้ตายก่อนก็พอ

ต่อให้ไม่ทันได้คลำศพ ลำพังแค่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่ได้หลังจากฆ่าบอสตาย ก็เพียงพอที่จะทำให้คนหน้าเลือดอย่างพวกเขาไม่ขาดทุนแล้ว

ต่อให้แย่งหัวบอสมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขาดทุนก็ขาดทุนไป ถึงอย่างไรก็เสียค่าประสบการณ์กับค่าตบะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานก็ฝึกกลับมาใหม่ได้

เรื่องที่เร้าใจขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะเจอได้ตลอดเวลา

จากนั้นก็สมปรารถนา พวกเขาได้เสพสุขกับการได้กลับเมืองเป็นหมู่คณะโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเดินทาง

ต้องทราบไว้ว่า ต่อให้โอวหยางเฟิงจะนำหน้าออกไปก่อนแล้วก้าวหนึ่ง แต่คนที่ห้อมล้อมหวันเหยียนคังอยู่ก็ยังเป็นสี่ BOSS ใหญ่เลเวลห้าสิบห้าขึ้นไปทั้งนั้น ถ้าคิดจะสังหารหวันเหยียนคังขณะที่อยู่ใต้หนังตาของพวกเขา ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบยังคิดว่าตัวเองทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น

ยามเผชิญหน้ากับการดักสังหารกลางทางของคนพวกนี้ หวันเหยียนคังถึงขั้นไม่เหลือบตาขึ้นมองเลยด้วยซ้ำ เอาแต่เล่นรองเท้าปักลายในมือด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ

พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ! ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังมองสี่ยอดฝีมือของจวนอ๋องจ้าวโจมตีกลุ่มผู้เล่นเหมือนฟันหญ้าข้างทาง จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งโผล่มาจากที่ไกลๆ มาเกาะอยู่บนบ่าของเขาแล้วหายไป

[บัดซบ! ได้อยู่นะน้องชาย นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะซุ่มเงียบไปทำภารกิจ ‘ยิงอินทรี’ แล้ว นอกจากสังหารบอสโหมดปกติอย่างโหวทงไห่ แม้แต่หวันเหยียนคังก็เกือบตายด้วยน้ำมือเจ้า นี่เจ้าคิดจะบินขึ้นฟ้าแล้วหรือ]…อินปู้คุย

หลังจากได้เห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อึ้งไปก่อน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าหลังจากภารกิจจบแล้ว บรรดาผู้เล่นก็จะกลับมาใช้งานพิราบสื่อสารได้ตามปกติ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองยังไม่ทันถามสถานการณ์กับอินปู้คุย เจ้าหมอนั่นก็แสดงความยินดีก่อนแล้ว

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายติดต่อมาเองแล้ว เขาก็ย่อมไม่มีเหตุผลให้ปล่อยไปเฉยๆ จึงได้โอกาสถามเรื่องบางอย่างกับเขาพอดี

[ก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง แต่จะว่าไปแล้ว หวันเหยียนคังนั่นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ข้าเปลืองแรงไปตั้งเยอะแต่ยังทำให้เขาตายไม่ได้ เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา แม้แต่พิษประจิมโอวหยางเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้าก็ยังกระโดดออกมาแล้ว]…เยี่ยเว่ยหมิง

[หึหึ เจ้าไม่รู้แล้วสินะ หยางคังนั่นเดิมทีก็เป็นพระรองเรื่อง ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ อยู่แล้ว มีฐานะที่สำคัญมากในเรื่อง มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเนื้อเรื่อง ถ้าเขาตายไป ภารกิจเนื้อเรื่องมากมายก็ต้องถูกเขียนขึ้นใหม่ ระบบจะยอมให้ตัวละครตัวนี้ตายง่ายๆ ได้อย่างไร]…อินปู้คุย

แค่เพราะอย่างนี้น่ะหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงถามด้วยความเหลือเชื่อ

[เป็นแค่พระรองเองหรือ แค่ดูจากระดับการปกป้องเขา ถ้าเจ้าบอกว่าเขาเป็นพระเอก หรือนางเอกข้าก็เชื่อ!]…เยี่ยเว่ยหมิง

[เจ้าเดาถูกแล้วจริงๆ!]…อินปู้คุย

ดูจากตัวอักษรในประโยคนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนได้เห็นความรู้สึกภาคภูมิใจของเจ้าหมอนี่

ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อ อินปู้คุยส่งข้อความมาติดๆ กันอีก

[ที่จริงแล้ว แม้หยางคังจะเป็นตัวละครในเรื่อง ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ แต่ก็ยังมีอีกฐานะที่ยอดเยี่ยมกว่า นั่นก็คือในภาคต่อของ ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ เขาคือบิดาของหยางกั้ว[1]พระเอกเรื่อง ‘จอมยุทธ์เทพอินทรี’!…

…ดังนั้น ก่อนที่เขาจะทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำเร็จ ระบบจะให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด เจ้าปฏิบัติภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ของมู่เนี่ยนฉือ ต่อให้เหนื่อยตายก็ไม่มีทางฆ่าเขาได้…

ข้าบอกแล้ว!]…อินปู้คุย

[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารหวันเหยียนคัง BOSS โหมดปกติเลเวล 45 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 50000 แต้ม ค่าตบะ 10000 แต้ม!]

[ติ๊ง! เนื่องจากทีมของคุณสังหารหวันเหยียนคัง BOSS โหมดปกติเลเวล 45 ซึ่งจัดเป็น NPC ของเนื้อเรื่องพิเศษ ขั้นตอนการเก็บอุปกรณ์จะข้ามไปโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่ BOSS ดรอปจะถูกแบ่งไปที่แถบอุปกรณ์ของสมาชิกในทีมอัตโนมัติโดยอิงตามโหมดแบ่งไอเทมตามค่าผลงาน ตรวจดูเองได้]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ สะพานสวรรค์คริสตัล สังหารหวันเหยียนคัง BOSS เลเวล 45]

[เนื่องจากหวันเหยียนคังเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากถูกสังหารครั้งนี้จะรีเฟรชไม่ได้อีก หลังจากนี้ไป ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่มีหวันเหยียนคังอีก!]

[ผู้เล่นสองคนที่เข้าร่วมการโจมตีสังหาร จะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก: ค่าชื่อเสียงยุทธภพ 50000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 13000 แต้ม!]

ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเยี่ยเว่ยหมิง…

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบและประกาศจากระบบอย่างกะทันหัน แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็งุนงงไปพักหนึ่ง

เมื่อได้ยินอินปู้คุยบอกว่าหวันเหยียนคังเป็นบิดาของพระเอกภาคต่อไป เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นเตรียมใจไว้แล้วว่าภารกิจนี้คงล้มเหลว ต้องขาดทุนบ้างไม่มากก็น้อย

แต่กลับคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะหักมุม นึกไม่ถึงว่าระบบจะมอบเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้เขา!

กำลังคิดจะหยอกล้ออินปู้คุยที่เพิ่งเล่าเหตุการณ์สำคัญสักหน่อย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะส่งข้อความมาก่อนแล้ว

[เพื่อเป็นการขอบคุณที่ครั้งก่อนเจ้าช่วยข้าทำภารกิจสำนักจนสำเร็จ ข้าตัดสินใจจะเก็บตัวเพื่อร่างกลยุทธ์ภารกิจเกี่ยวกับ ‘ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี’ ให้ครอบคลุมทุกด้าน ประกอบไปด้วยแนวเรื่องหลัก บทบาทตัวละครในภารกิจเนื้อเรื่อง ข้อมูลอาวุธที่สำคัญรวมทั้งทักษะยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างนี้งดการติดต่อพูดคุย ลาก่อน!]…อินปู้คุย

[1] หยางกั้ว 杨过 หรือเอี้ยก้วยจากเรื่องจอมยุทธ์เทพอินทรี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 181 หยางคังตายแล้ว มีธุระอะไรก็เผากระดาษไปบอก

“แล้วถ้าข้าไม่ส่งให้ล่ะ”

หลวงจีนหลิงจื้อหัวเราะหึหึ “แม้ภายในหนึ่งชั่วโมงนี้พวกเราจะต้องเจ้าไม่ได้ แต่รอหลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมง เจ้าอาจจะถูกยอดฝีมือทุกคนของจวนอ๋องจ้าวไล่สังหาร พ่อหนุ่ม ทางที่ดีเจ้าคิดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ อย่าทำให้ตัวเองเสียใจทีหลังเด็ดขาด”

“อย่างนั้นหรือ…” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “เช่นหนังเจ้าก็รอให้พวกเราปรึกษากันสักหน่อย”

เมื่อพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ดึงสะพานสวรรค์น้อยเดินไปอีกฝั่ง พร้อมทั้งถามในช่องทีมว่า “ยาตัดวิญญาณของเจ้ายังใช้งานได้อีกกี่ครั้ง”

สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็ยังตอบตามความจริง “นอกจากที่เคยใช้ไปแล้วสองครั้งก่อน ก็ยังเหลือใช้ได้อีกห้าครั้ง”

“เช่นนั้นก็ดี ช่วยข้าสักครั้ง แล้วหนี้ที่ติดค้างระหว่างพวกเราจะหายไป”

“ถ้าได้ออกทีวี ก็ไม่ต้องหักหนี้ทิ้งก็ได้”

“เช่นนั้นก็ดี…”

……

หลังจากนั้นหนึ่งนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือรองเท้าปักลายกลับมาอีกครั้ง แล้วส่งไปตรงหน้าหลวงจีนหลิงจื้อทันที “เจ้าหมายถึงของสิ่งนี้ใช่หรือไม่”

“นับว่าเจ้าอ่านสถานการณ์ออก!”

หลวงจีนหลิงจื้อยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่กลับไม่ได้ยื่นมือไปรับ แล้วหยิบกล่องผ้าแพรออกมาแทน ให้เยี่ยเว่ยหมิงวางรองเท้าปักลายลงในกล่องผ้าแพร จากนั้นก็หันกายเดินจากไป

มองเห็นอยู่ไกลๆ ว่าหลังจากหวันเหยียนคังที่นอนอยู่บนเปลหามรับกล่องผ้าแพรไปแล้ว ก็ยังไม่ลืมหยิบรองเท้าปักลายออกมาจากกล่อง เขาหยิบมาเล่นในมือพร้อมสูดดมเป็นระยะ ทำสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังเสพสุข ดูโรคจิตมากทีเดียว

เพียงแต่ผู้ติดตามจากจวนอ๋องจ้าว ไม่มีคนไหนที่ไร้กาลเทศะจนตำหนิติเตียนพฤติกรรมของเจ้านาย

สำหรับความหลงใหลหมกมุ่นของหวันเหยียนคัง พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น หามเปลของหวันเหยียนคังเดินตามหลังเกี้ยวของหวังเฟยไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มองจากทิศทางที่พวกเขาไป ตอนที่พวกเขาเดินออกจากถนนสายนี้ เพิ่งจะออกจากเขตปลอดภัยที่ถูกปกป้องโดยระบบ จู่ๆ ก็มีผู้เล่นจำนวนมากโผล่มาจากสองฝั่ง พุ่งเข้ามาโจมตีสังหารหยางคัง

เนื่องจากคืนชีพได้ไม่จำกัด ในบรรดาผู้เล่นย่อมมีคนที่ชอบแสวงหาความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอ

เมื่อเห็น BOSS โหมดปกติเลเวลสี่สิบห้าที่เหลือค่าเลือดอยู่ขีดเดียวถูกคนหามไป ก็ย่อมมีคนครุ่นคิดจินตนาการถึงช่องโหว่ของระบบที่ปกป้องเขาอยู่แล้ว

ช่องโหว่นั้นก็คือ ในเมื่ออยู่ในเขตนี้จะได้รับการปกป้องจากระบบ เช่นนั้นถ้าออกจากเขตนี้ไปแล้ว ทำไมไม่ลองสังหาร BOSS ที่เหลือค่าเลือดนิดเดียวดูล่ะ

ตอนที่องครักษ์ของจวนท่านอ๋องยังไม่ทันไหวตัว ขอเพียงฉวยโอกาสไปสังหารหวันเหยียนคังให้ตายก่อนก็พอ

ต่อให้ไม่ทันได้คลำศพ ลำพังแค่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่ได้หลังจากฆ่าบอสตาย ก็เพียงพอที่จะทำให้คนหน้าเลือดอย่างพวกเขาไม่ขาดทุนแล้ว

ต่อให้แย่งหัวบอสมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขาดทุนก็ขาดทุนไป ถึงอย่างไรก็เสียค่าประสบการณ์กับค่าตบะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานก็ฝึกกลับมาใหม่ได้

เรื่องที่เร้าใจขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะเจอได้ตลอดเวลา

จากนั้นก็สมปรารถนา พวกเขาได้เสพสุขกับการได้กลับเมืองเป็นหมู่คณะโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเดินทาง

ต้องทราบไว้ว่า ต่อให้โอวหยางเฟิงจะนำหน้าออกไปก่อนแล้วก้าวหนึ่ง แต่คนที่ห้อมล้อมหวันเหยียนคังอยู่ก็ยังเป็นสี่ BOSS ใหญ่เลเวลห้าสิบห้าขึ้นไปทั้งนั้น ถ้าคิดจะสังหารหวันเหยียนคังขณะที่อยู่ใต้หนังตาของพวกเขา ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบยังคิดว่าตัวเองทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น

ยามเผชิญหน้ากับการดักสังหารกลางทางของคนพวกนี้ หวันเหยียนคังถึงขั้นไม่เหลือบตาขึ้นมองเลยด้วยซ้ำ เอาแต่เล่นรองเท้าปักลายในมือด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ

พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ! ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังมองสี่ยอดฝีมือของจวนอ๋องจ้าวโจมตีกลุ่มผู้เล่นเหมือนฟันหญ้าข้างทาง จู่ๆ ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งโผล่มาจากที่ไกลๆ มาเกาะอยู่บนบ่าของเขาแล้วหายไป

[บัดซบ! ได้อยู่นะน้องชาย นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะซุ่มเงียบไปทำภารกิจ ‘ยิงอินทรี’ แล้ว นอกจากสังหารบอสโหมดปกติอย่างโหวทงไห่ แม้แต่หวันเหยียนคังก็เกือบตายด้วยน้ำมือเจ้า นี่เจ้าคิดจะบินขึ้นฟ้าแล้วหรือ]…อินปู้คุย

หลังจากได้เห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อึ้งไปก่อน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าหลังจากภารกิจจบแล้ว บรรดาผู้เล่นก็จะกลับมาใช้งานพิราบสื่อสารได้ตามปกติ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองยังไม่ทันถามสถานการณ์กับอินปู้คุย เจ้าหมอนั่นก็แสดงความยินดีก่อนแล้ว

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายติดต่อมาเองแล้ว เขาก็ย่อมไม่มีเหตุผลให้ปล่อยไปเฉยๆ จึงได้โอกาสถามเรื่องบางอย่างกับเขาพอดี

[ก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง แต่จะว่าไปแล้ว หวันเหยียนคังนั่นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ข้าเปลืองแรงไปตั้งเยอะแต่ยังทำให้เขาตายไม่ได้ เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา แม้แต่พิษประจิมโอวหยางเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้าก็ยังกระโดดออกมาแล้ว]…เยี่ยเว่ยหมิง

[หึหึ เจ้าไม่รู้แล้วสินะ หยางคังนั่นเดิมทีก็เป็นพระรองเรื่อง ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ อยู่แล้ว มีฐานะที่สำคัญมากในเรื่อง มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเนื้อเรื่อง ถ้าเขาตายไป ภารกิจเนื้อเรื่องมากมายก็ต้องถูกเขียนขึ้นใหม่ ระบบจะยอมให้ตัวละครตัวนี้ตายง่ายๆ ได้อย่างไร]…อินปู้คุย

แค่เพราะอย่างนี้น่ะหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงถามด้วยความเหลือเชื่อ

[เป็นแค่พระรองเองหรือ แค่ดูจากระดับการปกป้องเขา ถ้าเจ้าบอกว่าเขาเป็นพระเอก หรือนางเอกข้าก็เชื่อ!]…เยี่ยเว่ยหมิง

[เจ้าเดาถูกแล้วจริงๆ!]…อินปู้คุย

ดูจากตัวอักษรในประโยคนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนได้เห็นความรู้สึกภาคภูมิใจของเจ้าหมอนี่

ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อ อินปู้คุยส่งข้อความมาติดๆ กันอีก

[ที่จริงแล้ว แม้หยางคังจะเป็นตัวละครในเรื่อง ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ แต่ก็ยังมีอีกฐานะที่ยอดเยี่ยมกว่า นั่นก็คือในภาคต่อของ ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ เขาคือบิดาของหยางกั้ว[1]พระเอกเรื่อง ‘จอมยุทธ์เทพอินทรี’!…

…ดังนั้น ก่อนที่เขาจะทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำเร็จ ระบบจะให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด เจ้าปฏิบัติภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ของมู่เนี่ยนฉือ ต่อให้เหนื่อยตายก็ไม่มีทางฆ่าเขาได้…

ข้าบอกแล้ว!]…อินปู้คุย

[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารหวันเหยียนคัง BOSS โหมดปกติเลเวล 45 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 50000 แต้ม ค่าตบะ 10000 แต้ม!]

[ติ๊ง! เนื่องจากทีมของคุณสังหารหวันเหยียนคัง BOSS โหมดปกติเลเวล 45 ซึ่งจัดเป็น NPC ของเนื้อเรื่องพิเศษ ขั้นตอนการเก็บอุปกรณ์จะข้ามไปโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่ BOSS ดรอปจะถูกแบ่งไปที่แถบอุปกรณ์ของสมาชิกในทีมอัตโนมัติโดยอิงตามโหมดแบ่งไอเทมตามค่าผลงาน ตรวจดูเองได้]

[ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ สะพานสวรรค์คริสตัล สังหารหวันเหยียนคัง BOSS เลเวล 45]

[เนื่องจากหวันเหยียนคังเป็น BOSS โหมดปกติ หลังจากถูกสังหารครั้งนี้จะรีเฟรชไม่ได้อีก หลังจากนี้ไป ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะไม่มีหวันเหยียนคังอีก!]

[ผู้เล่นสองคนที่เข้าร่วมการโจมตีสังหาร จะได้รับรางวัลสังหารสิ้นซาก: ค่าชื่อเสียงยุทธภพ 50000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 13000 แต้ม!]

ประกาศจากระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเยี่ยเว่ยหมิง…

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบและประกาศจากระบบอย่างกะทันหัน แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็งุนงงไปพักหนึ่ง

เมื่อได้ยินอินปู้คุยบอกว่าหวันเหยียนคังเป็นบิดาของพระเอกภาคต่อไป เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นเตรียมใจไว้แล้วว่าภารกิจนี้คงล้มเหลว ต้องขาดทุนบ้างไม่มากก็น้อย

แต่กลับคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะหักมุม นึกไม่ถึงว่าระบบจะมอบเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้เขา!

กำลังคิดจะหยอกล้ออินปู้คุยที่เพิ่งเล่าเหตุการณ์สำคัญสักหน่อย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะส่งข้อความมาก่อนแล้ว

[เพื่อเป็นการขอบคุณที่ครั้งก่อนเจ้าช่วยข้าทำภารกิจสำนักจนสำเร็จ ข้าตัดสินใจจะเก็บตัวเพื่อร่างกลยุทธ์ภารกิจเกี่ยวกับ ‘ตำนานวีรบุรุษยิงอินทรี’ ให้ครอบคลุมทุกด้าน ประกอบไปด้วยแนวเรื่องหลัก บทบาทตัวละครในภารกิจเนื้อเรื่อง ข้อมูลอาวุธที่สำคัญรวมทั้งทักษะยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างนี้งดการติดต่อพูดคุย ลาก่อน!]…อินปู้คุย

[1] หยางกั้ว 杨过 หรือเอี้ยก้วยจากเรื่องจอมยุทธ์เทพอินทรี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด