ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 548 จุดประสงค์ของศัตรู

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 548 จุดประสงค์ของศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 548 จุดประสงค์ของศัตรู

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว ผู้เล่นหกคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดก็ยืนขึ้นก่อน ส่วนพวกผู้เล่นที่กำลังพูดคุย เล่นไพ่และกินอาหารกันอยู่ข้างหลังก็ต่างคนต่างหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วลุกขึ้นยืนตามอย่างไม่รีบร้อน มองไปยังมือปราบสุดหล่อพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

หนึ่งในนั้นเห็นว่าตัวเองกำลังจะเล่นไพ่แพ้ก็สอดไพ่ในมือเข้าสำรับทันที จากนั้นยืนขึ้นชักกระบี่ออกมา ทำท่าเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ แต่ในใจกลับคิดว่าโชคดีที่เยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดี!

ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางยอดฝีมือหกคนแถวหน้าสุด บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้านเพราะมั่นใจในชัยชนะ เขาเอ่ยถามก่อนว่า “เจ้าเองหรือเยี่ยเว่ยหมิง”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ กวาาดสายตามองบนตัวกลุ่มคนที่รวมตัวกันหนาแน่นอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขายังคงผ่อนคลาย แต่ในใจกลับแอบเครียดแล้ว

ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิง แต่ก็ไม่กล้าปะทะซึ่งๆ หน้ากับกลุ่มผู้เล่นร้อยคนที่มียอดฝีมือใหญ่หกคนมาคุมสถานการณ์อยู่ดี!

ต้องเน้นกลยุทธ์เท่านั้น

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงไม่ตอบ คนที่เป็นผู้นำของฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มเผยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย “เยี่ยเว่ยหมิง ข้านับถือเจ้าจริงๆ ตัวคนเดียวก็กล้าสู้กับพวกเราร้อยกว่าคน ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าออกมาหล่นหาที่ตายคนเดียว ช่างเด็ดเดี่ยว!”

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วพูดราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตา “โจมตีซึ่งกันและกันกับโอ้อวดตัวเองเป็นเรื่องที่ไร้ความหมาย ก่อนจะลงมือ ข้ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่สงสัยมาก สงสัยถึงขั้นที่ถ้าไม่พูดออกมาคงอึดอัด”

“อ้อ?” ผู้นำฝ่ายตรงข้ามเลิกคิ้ว ถามด้วยท่าทางสนใจว่า “เจ้าสงสัยอะไร”

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงสังเกตทุกคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงได้ย้ายสายตากลับไปบนตัวเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วถามอย่างใจเย็น “เป้าหมายของพวกเจ้าคืออะไรกันแน่”

หลังจากได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง หกคนที่อยู่ตรงข้ามก็อึ้งพร้อมกัน จากนั้นผู้เล่นร้อยกว่าคนที่อยู่ข้างหลังก็เผยสีหน้าแตกต่างกันไป แต่กลับไม่มีใครรีบตอบ

สุดท้ายก็ยังเป็นผู้นำกลุ่มที่น้ำเสียงเหิมเกริมไร้ขอบเขตตอบว่า “ก่อนหน้านี้ต้วนอาทิตย์อัสดงกับเมฆเคลื่อนต่างก็บอกว่าเจ้าฉลาดอย่างไร รับมือลำบากอย่างไร ตอนนี้ได้เจอตัวจริงแล้วก็แค่เท่านี้เอง นึกไม่ถึงว่าคำถามง่ายๆ แค่นี้ก็ยังคิดไม่ออก”

บนใบหน้าของผู้นำเต็มไปด้วยความลำพองใจ เชิดหน้าพูดจาเหมือนใช้รูจมูกมองคน “แต่ในเมื่อเจ้าเอ่ยถามอย่างจริงใจแล้ว ข้าก็จะเมตตาตอบเจ้าแล้วกัน ที่พวกเราทำแบบนี้ ที่จริงก็เพราะได้รับภารกิจมาจากจั่วเหลิ่งฉานซึ่งเป็นเจ้าสำนักซงซานและประมุขสมาพันธ์ห้าขุนเขาว่าอย่าปล่อยให้หลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางมีชีวิตรอดจนภารกิจนี้สิ้นสุดลงเด็ดขาด”

สุดท้ายก็ยังเป็นผู้นำกลุ่มที่น้ำเสียงเหิมเกริมไร้ขอบเขตตอบว่า “ก่อนหน้านี้ต้วนอาทิตย์อัสดงกับเมฆเคลื่อนต่างก็บอกว่าเจ้าฉลาดอย่างไร รับมือลำบากอย่างไร ตอนนี้ได้เจอตัวจริงแล้วก็แค่เท่านี้เอง นึกไม่ถึงว่าคำถามง่ายๆ แค่นี้ก็ยังคิดไม่ออก”

บนใบหน้าของผู้นำเต็มไปด้วยความลำพองใจ เชิดหน้าพูดจาเหมือนใช้รูจมูกมองคน “แต่ในเมื่อเจ้าเอ่ยถามอย่างจริงใจแล้ว ข้าก็จะเมตตาตอบเจ้าแล้วกัน ที่พวกเราทำแบบนี้ ที่จริงก็เพราะได้รับภารกิจมาจากจั่วเหลิ่งฉานซึ่งเป็นเจ้าสำนักซงซานและประมุขสมาพันธ์ห้าขุนเขาว่าอย่าปล่อยให้หลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางมีชีวิตรอดจนภารกิจนี้สิ้นสุดลงเด็ดขาด”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามกลับอีก “เผชิญหน้ากับพวกเราเยอะขนาดนี้ เจ้าคิดว่าตัวเองจะมีความสามารถปกป้องพวกเขาสองคนได้หรือ”艾琳小說

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นถามกลับอย่างรังเกียจ “ตกลงว่าเจ้าโง่ หรือเจ้าคิดว่าข้าโง่กันแน่”

ผู้นำของฝ่ายตรงข้ามสีหน้าเยียบเย็นทันที ถามเสียงเย็นว่า “หมายความว่าอย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ตอบเขา แต่ถามอีกคำถามแทน “เจ้าชื่อแซ่อะไร”

อีกฝ่ายตอบพร้อมสีหน้าภาคภูมิใจ “หัวซาน เลี้ยงบาสลงห่วง! ”

“เป็นแฟนบาสเกตบอลนี่เอง” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ ตอนนี้ถึงได้วิจารณ์คำตอบของเขาก่อนหน้านี้อย่างไม่รีบร้อน “เริ่มจากปฏิบัติการของพวกเจ้าก่อนหน้านี้ เริ่มจากใช้กลยุทธ์คนเยอะโจมตีบ้านตระกูลหลิว ทำท่าเหมือนล้อมโจมตีหลิวเจิ้งเฟิงโดยไม่กลัวขาดทุน ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็นล้อมโจมตีฉวี่หยาง ไม่คำนึงถึงความเสียหาย ไม่กลัวขาดทุนเช่นกัน…

…และที่น่าสนใจกว่านั้น หลังจากหลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางออกไปแล้ว ก็ยังมีคนไม่น้อยอยู่โจมตีคนในตระกูลของหลิวเจิ้งเฟิงต่อ”

หลังจากหยุดพักครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อ “ดูจากสถานการณ์ตอนนั้น หากพวกเจ้าโจมตีหลิวเจิ้งเฟิง บางทีอาจจะยังมีเหตุผลที่พอฟังขึ้นของชาวยุทธ์ แต่เจ้าไปโจมตีคนในครอบครัวของเขา NPC คนอื่นก็มีเหตุผลในการลงมือกับพวกเจ้าแน่นอน…

…การโจมตีแบบนั้น ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!…

…นอกจากจะทำให้คนในครอบครัวหลิวเจิ้งเฟิงบาดเจ็บจริงๆ ได้ไม่เท่าไรแล้ว กลับมีโอกาสถูก NPC ระดับสูงสังหารเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์!…

…พอคำนวณแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าโจมตีเพื่อฆ่าตัวตาย ก็ถือว่าประเมินพฤติกรรมของคนพวกนี้สูงไปหน่อย พฤติกรรมของพวกเขาเหมือนจงใจพุ่งเข้าไปตีป้อมแบบไร้สมองมากกว่า!…

…ต่อให้ภารกิจที่จั่วเหลิ่งฉานมอบหมายจะเป็นการฆ่าล้างตระกูลหลิว แต่รางวัลที่แลกมาด้วยชีวิตของเด็กสตรีและคนชราอ่อนแอเหล่านั้น เกรงว่าคงจะน้อยจนน่าสงสารเช่นกันสินะ…

…เพื่อรางวัลที่เล็กน้อยจนไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง คุ้มแล้วหรือที่จะให้ผู้เล่นอย่างเราไปตีป้อมแล้วรับบทลงโทษเป็นความตาย”

เลี้ยงบาสลงห่วงแสยะยิ้ม “ไม่ว่าจะเมื่อใด ไม่ว่าจะที่ไหน ไม่ขาดคนหัวร้อนหรือคนที่คิดว่าตัวเองจะโชคดีรอดชีวิตหรอก ก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ”

“หัวร้อน?” เยี่ยเว่ยหมิงแสยะยิ้มต่อ “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าสำนักมือปราบเทพของพวกเราไม่มีความสามารถในการรวบรวมข่าวกรอง…

…ที่จริงแล้ว ตอนที่ปฏิบัติภารกิจขนาดใหญ่ พวกเราล้วนมีแหล่งข่าวเป็นของตัวเอง…

…ทว่าก่อนที่ผู้เล่นกลุ่มนั้นจะจู่โจมตระกูลหลิวกะทันหัน พวกเรากลับไม่ได้รับข่าวใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ถึงขั้นไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ ราวกับพวกเขาโผล่ออกมากลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น!”

เยี่ยเว่ยหมิงหยุดพักครู่เดียว แล้วถามกลับด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ถามหน่อยว่าพวกที่หัวร้อนไปตีป้อมรนหาที่ตายพวกนั้น ทำได้ถึงขั้นที่ไม่มีข่าวรั่วไหลล่วงหน้าเลยได้อย่างไร อีกทั้งจุดที่แปลกไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ…”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดได้แพรวพราวขนาดนี้ กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครนำโต้กลับ แต่ละคนฟังเงียบๆ เตรียมจะลองฟังเพื่อดูว่าเขาจะเพราะเรื่องราวไปถึงระดับไหน

ตอนนี้เอง กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่ออีก “แล้วอีกอย่าง คนหลายสิบคนที่เฝ้าอยู่นอกถ้ำก่อนหน้านี้ ถ้าจะบอกว่าดักรอกระต่ายหน้าโพรง ไม่สู้บอกว่ารอให้พวกเรามาฆ่าโดยเฉพาะดีกว่า คนตั้งสี่สิบหกคน ไม่มีใครสู้ชนะข้าสักคน! ถูกพวกเราสามคนสังหารเกลี้ยงแบบไม่ตกใจเลย จากนั้นก็เข้าถ้ำชิงอินได้สบายๆ เหมือนเข้ามาในสถานที่ไร้คน”

เขากวาดสายตามองบนตัวทั้งหกทีละคน “ตอนนั้น ยอดฝีมืออย่างพวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน”

เลี้ยงบาสลงห่วงได้ยินแล้วไม่อธิบาย เพียงยิ้มจืดๆ พร้อมถามเหมือนไม่ใส่ใจ “นอกจากนี้ล่ะ ยังมีอะไรอีกไหม”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “สรุปจากข้างบน คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการล่วงหน้าของพวกเจ้า!…

…ตอนที่พวกเจ้าโจมตีตระกูลหลิวก่อนหน้านี้ ก็แค่ต้องการบีบให้หลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางหนีออกมาเท่านั้น ทั้งยังมีพวกซานเย่ว์ เฟยอวี๋หนีออกมาด้วยเช่นกัน ส่วนพวกที่ฆ่าตัวตายโดยโจมตีจวนตระกูลหลิว ที่จริงแล้วคือการไปรนหาที่ตาย…

…จุดประสงค์ก็คือกำจัดเรื่องกวนใจของพวกซานเย่ว์ ทำให้พวกเขาคิดว่าศัตรูส่วนใหญ่ถูกตีกระจัดกระจายไปแล้ว ในภารกิจตอนหลังจะได้ไม่ต้องระวังตัวมากเกินไป…

…ตอนโจมตีที่จวนตระกูลหลิวก่อนหน้านี้ หรือทันทีที่บุกเข้ามาในหุบเขาชิงอิน หากพวกเจ้าจัดกระบวนทัพแบบนี้ บางทีพวกซานเย่ว์อาจจะฝ่าวงล้อมได้ แต่ถ้าต้องการจะรักษาความปลอดภัยให้หลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยาง กลับเป็นไปไม่ได้แน่นอน”

…ส่วนภารกิจของจั่วเหลิ่งฉาน นั่นก็เป็นเพียงข้ออ้างที่น่าขำเท่านั้น” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจ “เพราะพฤติกรรมของพวกเจ้าเป็นเพียงการรวมกลุ่มครั้งเดียว เป็นปฏิบัติการที่วางแผนล่วงหน้า ซึ่งความเสียหายที่พวกเจ้าต้องแบกรับในปฏิบัติการครั้งนี้ ก็เยอะเกินกว่าขีดจำกัดรางวัลภารกิจที่จั่วเหลิ่งฉานจะให้ได้!…

…ดังนั้น เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเจ้า ก็คือขังพวกเราไว้ที่นี่ชั่วคราว เพื่อสิ่งนี้ พวกเจ้าก็ไม่เสียดายที่จะจ่ายโดยการเสียเวลามหาศาลและส่งคนมากมายไปตายใต้ป้อม!”

เยี่ยเว่ยหมิงพูดพลางสังเกตอาการของแต่ละคน โดยเฉพาะการตอบสนองทางสีหน้าของทั้งหกคน พร้อมกล่าวเสียงต่ำว่า “แบบนี้จะไม่ให้ข้าสงสัยได้อย่างไร ว่าเป้าหมายของพวกเจ้าคืออะไรกันแน่…

…ขังพวกเราไว้ที่นี่ มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเจ้า คุ้มค่าที่จะให้พวกเจ้ายอมจ่ายมหาศาลขนาดนี้ด้วยหรือ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด