ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 514 จางซาน หลี่ซื่อ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 514 จางซาน หลี่ซื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 514 จางซาน หลี่ซื่อ

เมื่อมองไปตามเสียง กลับเห็นเงาร่างสีดำและสีทองพอดี อีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาใกล้ทั้งสี่จากที่ไกลๆ ท่าร่างของพวกเขาล่องลอยสง่างามและรวดเร็วสุดขีด ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงข้างกองไฟที่อยู่ตรงหน้าทั้งสี่แล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินทั้งสองคนคุยกัน เยี่ยเว่ยหมิงยังรู้สึกว่าน้ำเสียงของพวกเขาคล้ายกับโต้วเกิ๋นและเผิงเกิ๋นในละครพูดเซี่ยงเซิง

ตอนนี้พอได้เห็นรูปร่างหน้าตาของทั้งสอง ก็รู้สึกทันทีว่า…

แม่งโคตรเหมือน!

ผู้ที่สวมชุดสีเหลืองทองเป็นคนอ้วนคนหนึ่ง ดูแล้วน่ารักไร้เดียงสาเหมือนพระสังกัจจายน์ในวัด ยิ้มตาหยีเหมือนเข้ากับคนง่าย

ส่วนผู้ที่สวมชุดสีดำก็รูปร่างผอมลีบ สีหน้าเย็นชาเหมือนผีดิบ

ตอนที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกที่แตกต่างชัดเจนทำให้คนอดมองบนตัวพวกเขาสองคนหลายครั้งไม่ได้

พูดง่ายๆ ก็คือดึงดูดสายตามาก

หลังจากมายืนข้างกองไฟแล้ว เจ้าอ้วนนั่นก็เอ่ยปากก่อนว่า “ได้กลิ่นตั้งแต่ไกลๆ ข้าก็รู้สึกได้ว่าเนื้อตรงนี้หอมเข้มข้น พอเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็รู้สึกว่าหอมกว่าที่จินตนาการไว้ตั้งเยอะ”

“จริงๆ!” คนผอมชุดดำพูดไปอย่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

นี่คือบทพูดของเผิงเกิ๋น…

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นทั้งสองพูดส่งบทกันก็อดขำไม่ได้ ประกอบกับตอนที่เขาปรุงเนื้อย่างพวกนี้ก็ใช้กฎว่าจะไม่สิ้นเปลืองวัตถุดิบเดิมเลย ย่างหมูที่น้องดาบซื้อกลับมาทั้งตัวเสียเลย ต่อให้กินไม่หมด แต่ก็เก็บไว้เป็นเสบียงเพื่อกินในภายหลังได้

เมื่อเห็นทั้งสองมีท่าทางเหมือนลิงหิวโหย เขาก็เรียกทันที “วันนี้ข้าย่างหมูทั้งตัว ต่อให้กินสิบคนก็กินไม่หมดภายในมื้อเดียว ถ้าพี่ชายทั้งสองไม่รังเกียจก็นั่งกินด้วยกันสักมื้อสิ”

เจ้าอ้วนได้ยินแล้วดีใจมาก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณน้องชายคนนี้แล้ว”

“ขอบคุณนะ!” คนผอมพูดส่งบท

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยปากแนะนำเนื้อย่างที่อยู่ตรงหน้าให้พวกเขาฟัง “วันนี้แม้ข้าจะใช้ถ่านไฟกองเดียวกันย่างเนื้อหมูทั้งตัว แต่เนื้อแต่ละส่วนบนตัวหมูรสชาติต่างกัน…

…ส่วนที่สวยและอ้วนที่สุดก็คือเนื้อหมูสันนอกที่ติดกับกระดูก ข้าใช้วิธีการปรุงแบบพิเศษเลยนะ ย่อมสดนุ่มสบายปากกว่าเนื้อย่างที่อื่นอยู่แล้ว”

ขณะที่พูดอธิบาย เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเนื้อหมูสันนอกย่างสิบส่วนมาไว้ในมือ จากนั้นยัดใส่มือสามสาวทั้งหมด ในจำนวนนั้นให้สะพานสวรรค์น้อยสี่ส่วน น้องดาบกับมั่วหรานคนละสามส่วน ยุติธรรมสมเหตุสมผล

จากนั้นถึงได้ทำสัญญาณมือเชิญสองนักแสดงตลกที่มาร่วมวงกินข้าว “พี่ชายทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ ที่นี่ยังมีเนื้อย่างเยอะมาก หากทั้งสองชอบชิ้นไหนก็หยิบไปได้เลย”

ส่วนสองนักแสดงตลกตรงหน้าก็หลงใหลการกระทำที่คาดไม่ถึงของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

เจ้าคุยโอ้อวดอยู่ตรงนั้นตั้งนาน แต่ไม่ได้จะให้เนื้อหมูสันนอกที่อร่อยที่สุดกับพวกเราอย่างนั้นหรือ

แต่ถึงอย่างไรเดิมทีพวกเขาก็มาเพื่อขออาศัยกินด้วย ย่อมเลือกเยอะไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าอ้วนเพียงส่ายหน้าถอนหายใจ แต่ยังกล่าวพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า “น้องชายคนนี้รู้จักทะนุถนอมสาวงาม นำของที่อร่อยที่สุดให้พวกแม่นางหมดเลย ไม่เก็บไว้ที่ตัวเองเลยสักชิ้น”

“สง่างาม!” คนผอมรับบทเผิงเกิ๋น

เยี่ยเว่ยหมิงแบมืออย่างถ่อมตัว “สง่างามอะไรกัน ข้ามีฝีมือทำครัวติดตัว อยากกินอะไรก็ทำได้ทุกเมื่อ แต่พวกนางไม่เหมือนข้า”

สองนักแสดงเซี่ยงเซิง “…”

สำหรับการกระทำที่คาดไม่ถึงของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยที่เห็นมาจนชินก็แค่ยิ้มหวานเท่านั้น จากนั้นก็เก็บเนื้อไว้สามส่วน ถือไว้เพียงหนึ่งส่วนแล้วค่อยๆ ชิมรสชาติ

น้องดาบกับมั่วหรานสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็เก็บเนื้อย่างส่วนที่เหลือไว้เช่นกัน เหลือไว้เพียงชิ้นเดียวแล้วกินคำใหญ่

ขณะที่กำลังกินเนื้อ น้องดาบกลับส่งข้อความในช่องทีม [เจ้ามือปราบหน้าเหม็น เจ้าสังเกตเห็นหรือเปล่า รูปร่างหน้าตาของสองคนนี้เหมือนกับที่อยู่ในกลยุทธ์เลย…]

ไม่รอให้นางพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตอบกลับทันทีว่า [ทูตบำเหน็จลงทัณฑ์ จางซาน หลี่ซื่อ]

น้องดาบอึ้ง [รู้แล้วเจ้ายังล่วงเกินเขาแบบนี้อีกหรือ]

ไม่ว่าจะในกลยุทธ์ของเจ้าอ้วนชนะฟ้าหรืออินปู้คุย ก็แบ่งยุทธภพของโลก ‘มังกรทลายฟ้า’ ออกเป็นสองส่วน

ยุทธภพภาคกลางและเกาะวีรบุรุษ

นอกจากคนบนเกาะวีรบุรุษแล้ว คนอื่นก็นับเป็นคนธรรมดาในยุทธภพหมด จัดเป็นระดับที่ฝีมือค่อนข้างต่ำ ในจำนวนนั้นยอดฝีมือระดับสูงส่วนใหญ่เป็น BOSS เล็กๆ ที่เลเวลไม่เกินร้อย เช่นพวกจอมกระบี่ขาวดำ ไป๋วั่นเจี้ยน ล้วนจัดเป็นผู้ที่มีฝีมือโดดเด่นกว่าใคร

ส่วนพวกที่เลเวลเกินร้อยก็ขึ้นเกาะวีรบุรุษไปเกือบหมดแล้ว หรือไม่ก็เป็นยอดฝีมือที่เกิดและเติบโตอยู่ที่เกาะวีรบุรุษมาตั้งแต่แรก

ถ้าแบ่งโดยใช้โหมดฉากหลังแนวเทพเซียน ยุทธภพภาคกลางก็นับเป็นแดนของผู้ฝึกตน ส่วนเกาะวีรบุรุษคือแดนเซียน!

ระหว่างสองแห่งต่างกันเหมือนคนละโลก!

ในจำนวนนั้น ไป๋จื้อไจ้กับเซี่ยเยียนเค่อค่อนข้างพิเศษ หนึ่งคนเป็นยอดฝีมือระดับมหายานที่ผ่านด่านเคราะห์เทียนเซียน[1]แล้ว ส่วนอีกคนเป็นตี้เซียน[2]ที่ไม่ยอมเหาะเหิน ล้วนเป็นประเภทที่ไร้เทียมทานเมื่ออยู่ในยุทธภพภาคกลาง แต่เมื่อมาถึงเกาะวีรบุรุษก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นเช่นกัน

ส่วนสองคนที่อยู่ตรงหน้า ก็คือทูตที่มาจาก ‘แดนเซียน’!

น้องดาบไม่เข้าใจเรื่องราว เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยอะไรถึงกล้าทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าพวกเขาขนาดนี้

สำหรับคำถามของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงกลับตอบอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ “พวกเขาจะสังหารข้าเชียวหรือ”

สามสาวได้ยินแล้วรู้สึกว่าที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดก็มีเหตุผล แต่ก็รู้สึกเหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง ส่วนรายละเอียดว่าไม่ถูกต้องตรงไหน พวกนางกลับบอกไม่ถูก

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงส่งข้อความอีกครั้ง [ต่อให้ได้ค่าความรู้สึกดีจากพวกเขาสองคนเต็มแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรสินะ…

…ในเมื่อบังเอิญเจอตอนกินอาหารพอดี ชวนพวกเขามากกินด้วยสักมื้อก็ถือว่าผูกสัมพันธ์ทางบุญวาสนากันแล้ว…

…ส่วนพวกเขาจะรับน้ำใจหรือไม่ ข้าก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด…

…อย่างไรเสีย ข้าวก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรจากตัวพวกเขา]

เอ่อ…

จู่ๆ น้องดาบก็รู้สึกว่า บางทีการที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้สนใจสองคนนี้เป็นพิเศษ ก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ

ในต้นฉบับเดิม อาจ่งกับสองคนนี้สาบานเป็นพี่น้องต่างบิดามารดากันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรที่จับต้องได้จากพวกเขาเช่นกัน

ส่วนที่บอกว่ารู้ทันแผนชั่วของเป้ยไห่สือกับสิอจงอวี้ นั่นก็ไม่ใช่งานของพวกเขาเลย

ถ้าถูกคนอย่างเป้ยไห่สือกับสิอจงอวี้ตบตาได้ง่ายๆ ขนาดนั้น แล้วความมีระดับของของเกาะวีรบุรุษยังจะเหลืออยู่ไหม

แม้จะมองออกว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอบอุ่นแต่อย่างใด แต่จางซานกับหลี่ซื่อก็ไม่ได้สนใจ ต่างคนต่างหยิบหมูสามชั้นย่างมาเริ่มกินคำใหญ่แล้ว

ขณะที่กำลังกิน จางซานก็ยังปรบมือชมไม่หยุด ส่วนหลี่ซื่อก็คอยรับมุขอยู่ข้างๆ นอกจากขาดเสียงโห่ร้องจากผู้ชม ก็แทบจะเรียกว่าเป็นเวทีแสดงได้แล้ว

หลังจากกินเนื้อย่างไปหลายคำ อาจเพราะรู้สึกเลี่ยน จางซานถอดน้ำเต้าสุราสีแดงที่เอวออกมา ดื่มจากปากน้ำเต้าคำหนึ่งทันที จากนั้นก็เผยสีหน้าเสพสุข กล่าวชมว่า “สุราดี!”

หลี่ซื่อก็เอาเยี่ยงอย่างเช่นกัน ถอดน้ำเต้าสีดำที่ห้อยตรงเอวออกมา เปิดจุกออกแล้วดื่มคำหนึ่ง ก่อนจะกล่าวชมด้วยบสีหน้าไร้อารมณ์ “สุราดี!”

เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มดื่มสุรา เยี่ยเว่ยหมิงก็นำสุราไหเล็กออกมาเช่นกัน เขายิ้มพร้อมบอกสามสาวว่า “มีเนื้อแต่ไม่มีสุราก็เหมือนขาดอะไรไป ข้ามีสุราหยกราชสำนักที่หมักเองอยู่ไหหนึ่งพอดี พวกเรามาดื่มกันเถอะ”

“แบบนี้ไม่ดีมั้ง” ตอนนี้เอง สะพานสวรรค์น้อยกลอกตา แต่กลับจ้องน้ำเต้าสุราในมือจางซาน หลี่ซื่อ “พวกเราเชิญให้พวกเขากินเนื้อแล้ว บนตัวพวกเขามีสุราดี ก็ควรจะนำมาแบ่งปันกับทุกคนสิถึงจะถูก พวกเราผู้หญิงสามคนไม่ชอบดื่มสุราก็แล้วไป แต่เจ้าก็ดื่มกับพวกเขาได้นะอาหมิง”

[1] เทียนเซียน 天仙 เซียนที่เป็นวิญญาณอมตะ ไปมาระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ได้

[2] ตี้เซียน 地仙 เซียนที่ยังอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ อยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด