ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 66 นี่คืออุบาย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 66 นี่คืออุบาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 66 นี่คืออุบาย

เมื่อเจรจาเงื่อนไขกับหลินเจิ้นหนานเสร็จ หกคนของทีมมือปราบเทพก็เริ่มรวมตัวประชุมเร่งด่วนก่อนต่อสู้กันทันที

ในสายตาของ NPC เหล่านั้น ผู้เล่นกลุ่มนี้ก็เหมือนมนุษย์หน้าโง่หกคนที่นั่งล้อมวงกันเงียบๆ บางครั้งก็เพียงยักคิ้วหลิ่วตาสื่อสารกันเท่านั้น

ที่จริงแล้วพวกเขากลับอยู่ในช่องทีม กำลังเจรจากันอย่างตึงเครียด

สะพานสวรรค์คริสตัล [จนป่านนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แล้วก็หลินผิงจือนั่นอีก เขาสำคัญมากหรือ ทำไมต้องพาเขากลับสำนักมือปราบเทพให้ได้]

เฟยอวี๋ [แน่นอนว่าหลินผิงจือต้องสำคัญอยู่แล้ว ตามที่พวกหลินเจิ้นหนานบรรยายไว้ก่อนหน้านี้ คดีนี้เกิดขึ้นเพราะหลินผิงจือฆ่าผู้ชายหน้าหม้อนั่น เขาถึงเป็นตัวละครสำคัญของคดี]

ซานเย่ว์ [ข้าเข้าใจความสำคัญของหลินผิงจือคนนี้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมไม่หาข้ออ้างสักอย่างเพื่อพาหลินเจิ้นหนานกับฮูหยินไปสำนักมือปราบเทพด้วยกัน]

เฟยอวี๋ [อันนี้ก็ต้องถามสหายเยี่ยแล้ว ƪ(˘⌣˘)ʃ]

เยี่ยเว่ยหมิง [เฮ้อ…ฝ่ายเรากับฝ่ายศัตรูมีศักยภาพต่างกันเกินไป ข้าเองก็ทำไปเพื่อกระจายกำลังของศัตรู ถึงได้เกิดแผนการระดับต่ำนี้ขึ้น อิงจากข้อมูลที่แสดง ตระกูลหลินมีเพลงกระบี่ประจำตระกูลที่เป็นระดับสุดยอดวิชา พวกเขาถึงได้ถูกอำนาจหลายฝ่ายในยุทธภพจับจ้อง หากแยกกันปฏิบัติการ หลินเจิ้นหนานที่กุมความลับเพลงกระบี่ไว้จะช่วยกระจายกำลังของฝ่ายศัตรูไปได้เยอะมากแน่นอน]

สะพานสวรรค์คริสตัล [นี่เป็นความคิดที่ดีชัดๆ ทำไมถึงเรียกว่าแผนการระดับต่ำล่ะ]

เยี่ยเว่ยหมิง [พูดถึงจุดนี้น่ะหรือ ถ้าเป็นคนทั่วไปข้าไม่บอกหรอก]

ทุกคน [ชูนิ้วกลาง]

เยี่ยเว่ยหมิง [(。•ᴗ-) เอาละๆ อย่าตื่นเต้นไป]

[ที่จริงเป็นเพราะตอนที่ทำภารกิจ ข้าคนพบเคล็ดลับบางอย่าง นั่นก็คือในภารกิจเขียนรายการรางวัลเอาไว้ชัดเจน เป็นเพียงรางวัลพื้นฐานของภารกิจหนึ่งเท่านั้น หากมีระดับความสำเร็จที่ดีกว่าเดิม จะต้องได้รางวัลมากกว่าเดิมแน่นอน…

…ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายภารกิจครั้งนี้ของพวกเราก็คือสืบความจริงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสำนักคุ้มภัยฝูเวย ถ้าดูจากภายนอก ขอเพียงพวกเราไขคดีได้ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่าสำนักคุ้มภัยฝูเวยจะมีคนตายเท่าไร หรือหลังจากพวกเรามาถึงที่นี่แล้วจะมีคนตายเพิ่มอีกเท่าไร…

…พวกเราเพียงแค่ต้องสืบหาตัวคนร้าย รายงานรายละเอียดของคดีขึ้นไปก็พอ ศัตรูที่ร้ายกาจเหล่านั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือ…

…แต่ในความเป็นจริง หากพวกเราทำได้ดีกว่าเดิม รางวัลก็จะเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วยแน่นอน…

…หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ข้าก็แค่พบว่าแผนนี้เป็นความเสี่ยงต่ำที่ได้ผลตอบแทนสูงจริงๆ ข้าถึงได้ยอมถอยจากสิ่งที่ดีที่สุด แล้วมาเลือกสิ่งที่มีหลักประกันขั้นต่ำ…

…ดังนั้น ข้าถึงได้บอกว่านี่คือแผนการระดับต่ำ…]

ให้เวลาทุกคนเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อย่อยสิ่งที่อธิบายไปก่อนหน้านี้ แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อว่า [จะว่าไปแล้วก็โชคดีที่หลินผิงจือนั่นเอ่ยถึงสำนักคุ้มภัยทงเทียน ไม่อย่างนั้นข้าก็คิดวิธีการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำสุดอย่างนี้ไม่ออก…]

ตอนนี้ เฟยอวี๋ที่อยู่อีกด้านส่งข้อความมาพูดต่อจากเขาได้อย่างถูกจังหวะ [หากหลินเจิ้นหนานอยากรับประกันความสงบสุขของทุกคนในครอบครัว ก็ต้องควักเงินค่าจ้างคุ้มภัยจ่ายแต่โดยดี พวกเราก็จะได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มากที่สุดอย่างหลินผิงจือกลับสำนักมือปราบเทพโดยตรง ถึงตอนนั้นจะมี NPC ระดับสูงในสำนักคอยคุมพยานปากสำคัญคนนี้ แล้วพวกเราก็จะสืบหาความจริงได้เต็มที่แล้วเช่นกัน]

เจ้าหมอนี่ จนป่านนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะแสดงถึงการมีอยู่ของตัวเอง มาแย่งซีนเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

จะว่าไปแล้ว ชื่อเสียงอันจอมปลอมของศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ สำคัญสำหรับเจ้าหมอนี่ขนาดนั้นเชียวหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงมองสำรวจเจ้าหนุ่มที่ตั้งใจแข่งกับตัวเองปราดหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นสนทนา [ที่จริงแม้ข้าจะเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยอยู่ดี…

…นึกไม่ถึงว่าศัตรูจะกล้าทิ้งอักษรเลือดไว้ด้านนอกว่า ‘ออกจากประตูสิบก้าว ตาย’ ในเมื่อศัตรูไม่ปล่อยให้พวกเราพาสามคนของตระกูลหลินไปส่งให้สำนักคุ้มภัยทงเทียนอย่างปลอดภัย…

…ถ้าอย่างนั้น ต่อไปคงต้องเกิดศึกเดือดอีกไม่น้อย หากทุกคนมีอุปกรณ์อะไรที่ไม่ได้ใช้ก็นำออกมา แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองไม่มีกันสักหน่อย จะได้เพิ่มพลังรบให้ทั้งทีมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้]

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งหัวเราะหึๆ ในใจ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งค่าสเตตัสของปลอกข้อมือสีน้ำเงิน ปลอกข้อมือหนังกบและตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ ออกมาที่ช่องทีม [ใครต้องการอันไหน ตอนนี้เสนอราคามาได้เลย ขอเพียงราคาเหมาะสม พวกเราก็ตกลงซื้อขายกันตรงนี้ได้]

เฟยอวี๋ที่เดิมทีเตรียมจะเมินเฉย ตอนนี้ยิ้มไม่ออกแล้ว

ก่อนหน้านี้เขายังนึกว่าการที่เยี่ยเว่ยหมิงเสนอแบบนี้ เป็นเพราะอยากจะเอาเปรียบคนอื่น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะนำของออกมาแล้วจริงๆ ทั้งยังนำออกมาสามอย่างในรวดเดียวด้วย แบ่งเป็นอุปกรณ์สีฟ้าหนึ่งชิ้น อุปกรณ์สี่เขียวหนึ่งชิ้น กับตำราลับหนึ่งเล่ม!

ปล่อยของออกมาอย่างง่ายดายขนาดนี้…ดีนะที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้พูดแขวะ ไม่อย่างนั้นคงเท่ากับตบหน้าตัวเองดังเพี้ยะ!

ในตอนที่หลังจากค่าสเตตัสของอุปกรณ์และตำราลับปรากฏขึ้น กลุ่มปรึกษากลยุทธ์ก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มประมูลขายทันที

ถังซานไฉ่ [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 20 เหรียญทอง ตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ 10 เหรียญทอง!]

ซานเย่ว์ [‘ขว้างดาราเหิน’ 35 เหรียญทอง ปลอกข้อมือหนังกบ 25 เหรียญทอง! แต่ตอนนี้บนตัวข้าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ให้เจ้าได้แค่ 50 เหรียญทองก่อน ส่วนที่เหลืออีก 10 เหรียญทองเขียนใบติดหนี้ไว้ก่อนได้]

โหยวโหยว [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 30 เหรียญทอง!]

ถังซานไฉ่ [ก็ได้ ข้ายอมแพ้…]

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง [สหายถังเหมือนจะไม่ค่อยสนใจของที่ข้านำออกมาเท่าไร]

ถังซานไฉ่อธิบายว่า [ปลอกข้อมือสีน้ำเงินก็เพิ่มพลังรบของข้าได้นิดหน่อย แต่ก็เพิ่มแบบมีขีดจำกัด สิ่งที่ข้าต้องการมากกว่าก็คือของที่เพิ่มประสิทธิภาพอาวุธลับ หรือไม่ก็ทำให้อาวุธลับเร็วขึ้น ปลอกข้อมือนี้เพิ่มความเร็วในการลงมือ ไม่ส่งผลลัพธ์แท้จริงต่อข้ามากนัก…

…ส่วน ‘ขว้างดาราเหิน’ นั่น ก็เหมือนที่บอกไว้ในข้อมูลแนะนำของมัน นี่คือสุดยอดทักษะมวยซั่นโส่วฉบับไม่สมบูรณ์ที่สำนักถังเหมินเผยแพร่ออกมาเท่านั้นเอง ข้าน่าจะเรียนมวยซั่นโส่วฉบับสมบูรณ์ของสำนักถังเหมินได้ ถึงตอนนั้นแม้จะรวมค่าประสบการณ์กันได้ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายมากนัก]

ดังนั้น…

ถังซานไฉ่ยักไหล่ สื่อว่าตัวเองไม่ได้ต้องการของสองสิ่งนี้มากขนาดนั้น

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วแบ่งอุปกรณ์กับตำราลับมาขายให้ซานเย่ว์กับโหยวโหยว และบอกกับซานเย่ว์ว่า “ใบแสดงหนี้น่ะไม่ต้องแล้ว ของสองชิ้นนี้ต่อให้นำไปประมูลขาย สุดท้ายราคาซื้อขายก็เท่ากับที่เจ้าบอกอยู่ดี แต่การประมูลขายต้องโดนหัก พอมาถึงมือข้า ได้ราคาห้าสิบเหรียญทองก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เราเป็นคนกันเองทั้งนั้น ของสองชิ้นนี้ข้าคิดราคากับเจ้าแค่ห้าสิบเหรียญทองแล้วกัน”

“ขอบคุณอาหมิง!”

หลังจากยิ้มบางๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวไปถามคนอื่น “การตกลงซื้อขายจบแล้ว ยังมีใครจะนำของออกมาประมูลขายอีกไหม”

จากการสาธิตของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่การให้เปล่า เป็นการเปลี่ยนวิธีการขายของที่ตัวเองไม่ได้ใช้ทิ้งไปก็เท่านั้น แม้จะไมได้ราคาสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ขาดทุน

จากนั้น ถังซานไฉ่ โหยวโหยวและซานเย่ว์ก็ต่างคนต่างนำอุปกรณ์ที่ตัวเองไม่ได้ใช้ออกมาประมูลขาย บรรยากาศในทีมเปลี่ยนเป็นปรองดองอยู่พักหนึ่ง

เมื่อได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศในทีม สหายเฟยอวี๋ที่ลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายก็หยิบของออกมาชิ้นหนึ่งเช่นกัน

[แหวนกระบี่อวิ๋นไถ (สีเขียว): แหวนที่มีตราประทับรูปกระบี่

โจมตี +30

ป้องกัน +30

ความเร็วโจมตีอาวุธประเภทกระบี่ +1%!]

เมื่อเห็นค่าสเตตัสนี้ ก็รู้แล้วว่าเป็นชุดอุปกรณ์ของมือกระบี่ โดยเฉพาะรายการที่บอกความเร็วโจมตีอาวุธ ดูแล้วเอฟเฟ็กต์น่าจะไม่เลวเลย

ใจเต้นไม่สู้ปฏิบัติจริง เยี่ยเว่ยหมิงเสนอราคาผ่านช่องทีมจำนวนสามสิบเหรียญทองทันที

หลังจากได้เห็นราคาแล้ว สะพานสวรรค์คริสตัลที่ยืนกดอักษรอยู่เงียบๆ เพิ่งจะพิมพ์คำว่า ‘สิบห้าเหรียญทอง’ เสร็จก็ต้องลบแล้ว ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้น แหวนคุณภาพสีเขียวที่ค่าสเตตัสไม่เลววงนี้ ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไว้ด้วยราคาปกติ

หลังจากซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เฟยอวี๋ก็มองเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นมาสามสิบเหรียญทองบนหน้าบัญชีของตัวเอง พร้อมเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว

ราวกับว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ของที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมามีแต่เหมาะสมกับสาวที่สนิทที่สุดอย่างซานเย่ว์กับโหยวโหยวเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่น ต่อให้จะบอกว่าไม่เหมาะกับถังซานไฉ่เหมือนกัน เขาก็แค่ประมูลขายไอเทมให้สำเร็จผ่านวิธีการประกาศแบบนี้ก็เท่านั้นเอง แต่แหวนวงนี้ที่เดิมทีตัวเองเตรียมจะขายทิ้งในงานประมูล สุดท้ายกลับยกประโยชน์ให้เจ้าหลานคนนี้เสียแล้ว?

นี่คืออุบายชัดๆ!

คนฉลาดอย่างฉัน ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกเจ้าหมอนี่วางอุบายใส่แล้ว!

น่าโมโหโว้ย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 66 นี่คืออุบาย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 66 นี่คืออุบาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 66 นี่คืออุบาย

เมื่อเจรจาเงื่อนไขกับหลินเจิ้นหนานเสร็จ หกคนของทีมมือปราบเทพก็เริ่มรวมตัวประชุมเร่งด่วนก่อนต่อสู้กันทันที

ในสายตาของ NPC เหล่านั้น ผู้เล่นกลุ่มนี้ก็เหมือนมนุษย์หน้าโง่หกคนที่นั่งล้อมวงกันเงียบๆ บางครั้งก็เพียงยักคิ้วหลิ่วตาสื่อสารกันเท่านั้น

ที่จริงแล้วพวกเขากลับอยู่ในช่องทีม กำลังเจรจากันอย่างตึงเครียด

สะพานสวรรค์คริสตัล [จนป่านนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แล้วก็หลินผิงจือนั่นอีก เขาสำคัญมากหรือ ทำไมต้องพาเขากลับสำนักมือปราบเทพให้ได้]

เฟยอวี๋ [แน่นอนว่าหลินผิงจือต้องสำคัญอยู่แล้ว ตามที่พวกหลินเจิ้นหนานบรรยายไว้ก่อนหน้านี้ คดีนี้เกิดขึ้นเพราะหลินผิงจือฆ่าผู้ชายหน้าหม้อนั่น เขาถึงเป็นตัวละครสำคัญของคดี]

ซานเย่ว์ [ข้าเข้าใจความสำคัญของหลินผิงจือคนนี้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมไม่หาข้ออ้างสักอย่างเพื่อพาหลินเจิ้นหนานกับฮูหยินไปสำนักมือปราบเทพด้วยกัน]

เฟยอวี๋ [อันนี้ก็ต้องถามสหายเยี่ยแล้ว ƪ(˘⌣˘)ʃ]

เยี่ยเว่ยหมิง [เฮ้อ…ฝ่ายเรากับฝ่ายศัตรูมีศักยภาพต่างกันเกินไป ข้าเองก็ทำไปเพื่อกระจายกำลังของศัตรู ถึงได้เกิดแผนการระดับต่ำนี้ขึ้น อิงจากข้อมูลที่แสดง ตระกูลหลินมีเพลงกระบี่ประจำตระกูลที่เป็นระดับสุดยอดวิชา พวกเขาถึงได้ถูกอำนาจหลายฝ่ายในยุทธภพจับจ้อง หากแยกกันปฏิบัติการ หลินเจิ้นหนานที่กุมความลับเพลงกระบี่ไว้จะช่วยกระจายกำลังของฝ่ายศัตรูไปได้เยอะมากแน่นอน]

สะพานสวรรค์คริสตัล [นี่เป็นความคิดที่ดีชัดๆ ทำไมถึงเรียกว่าแผนการระดับต่ำล่ะ]

เยี่ยเว่ยหมิง [พูดถึงจุดนี้น่ะหรือ ถ้าเป็นคนทั่วไปข้าไม่บอกหรอก]

ทุกคน [ชูนิ้วกลาง]

เยี่ยเว่ยหมิง [(。•ᴗ-) เอาละๆ อย่าตื่นเต้นไป]

[ที่จริงเป็นเพราะตอนที่ทำภารกิจ ข้าคนพบเคล็ดลับบางอย่าง นั่นก็คือในภารกิจเขียนรายการรางวัลเอาไว้ชัดเจน เป็นเพียงรางวัลพื้นฐานของภารกิจหนึ่งเท่านั้น หากมีระดับความสำเร็จที่ดีกว่าเดิม จะต้องได้รางวัลมากกว่าเดิมแน่นอน…

…ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายภารกิจครั้งนี้ของพวกเราก็คือสืบความจริงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสำนักคุ้มภัยฝูเวย ถ้าดูจากภายนอก ขอเพียงพวกเราไขคดีได้ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่าสำนักคุ้มภัยฝูเวยจะมีคนตายเท่าไร หรือหลังจากพวกเรามาถึงที่นี่แล้วจะมีคนตายเพิ่มอีกเท่าไร…

…พวกเราเพียงแค่ต้องสืบหาตัวคนร้าย รายงานรายละเอียดของคดีขึ้นไปก็พอ ศัตรูที่ร้ายกาจเหล่านั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือ…

…แต่ในความเป็นจริง หากพวกเราทำได้ดีกว่าเดิม รางวัลก็จะเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วยแน่นอน…

…หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ข้าก็แค่พบว่าแผนนี้เป็นความเสี่ยงต่ำที่ได้ผลตอบแทนสูงจริงๆ ข้าถึงได้ยอมถอยจากสิ่งที่ดีที่สุด แล้วมาเลือกสิ่งที่มีหลักประกันขั้นต่ำ…

…ดังนั้น ข้าถึงได้บอกว่านี่คือแผนการระดับต่ำ…]

ให้เวลาทุกคนเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อย่อยสิ่งที่อธิบายไปก่อนหน้านี้ แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อว่า [จะว่าไปแล้วก็โชคดีที่หลินผิงจือนั่นเอ่ยถึงสำนักคุ้มภัยทงเทียน ไม่อย่างนั้นข้าก็คิดวิธีการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำสุดอย่างนี้ไม่ออก…]

ตอนนี้ เฟยอวี๋ที่อยู่อีกด้านส่งข้อความมาพูดต่อจากเขาได้อย่างถูกจังหวะ [หากหลินเจิ้นหนานอยากรับประกันความสงบสุขของทุกคนในครอบครัว ก็ต้องควักเงินค่าจ้างคุ้มภัยจ่ายแต่โดยดี พวกเราก็จะได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มากที่สุดอย่างหลินผิงจือกลับสำนักมือปราบเทพโดยตรง ถึงตอนนั้นจะมี NPC ระดับสูงในสำนักคอยคุมพยานปากสำคัญคนนี้ แล้วพวกเราก็จะสืบหาความจริงได้เต็มที่แล้วเช่นกัน]

เจ้าหมอนี่ จนป่านนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะแสดงถึงการมีอยู่ของตัวเอง มาแย่งซีนเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

จะว่าไปแล้ว ชื่อเสียงอันจอมปลอมของศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ สำคัญสำหรับเจ้าหมอนี่ขนาดนั้นเชียวหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงมองสำรวจเจ้าหนุ่มที่ตั้งใจแข่งกับตัวเองปราดหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นสนทนา [ที่จริงแม้ข้าจะเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยอยู่ดี…

…นึกไม่ถึงว่าศัตรูจะกล้าทิ้งอักษรเลือดไว้ด้านนอกว่า ‘ออกจากประตูสิบก้าว ตาย’ ในเมื่อศัตรูไม่ปล่อยให้พวกเราพาสามคนของตระกูลหลินไปส่งให้สำนักคุ้มภัยทงเทียนอย่างปลอดภัย…

…ถ้าอย่างนั้น ต่อไปคงต้องเกิดศึกเดือดอีกไม่น้อย หากทุกคนมีอุปกรณ์อะไรที่ไม่ได้ใช้ก็นำออกมา แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองไม่มีกันสักหน่อย จะได้เพิ่มพลังรบให้ทั้งทีมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้]

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งหัวเราะหึๆ ในใจ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งค่าสเตตัสของปลอกข้อมือสีน้ำเงิน ปลอกข้อมือหนังกบและตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ ออกมาที่ช่องทีม [ใครต้องการอันไหน ตอนนี้เสนอราคามาได้เลย ขอเพียงราคาเหมาะสม พวกเราก็ตกลงซื้อขายกันตรงนี้ได้]

เฟยอวี๋ที่เดิมทีเตรียมจะเมินเฉย ตอนนี้ยิ้มไม่ออกแล้ว

ก่อนหน้านี้เขายังนึกว่าการที่เยี่ยเว่ยหมิงเสนอแบบนี้ เป็นเพราะอยากจะเอาเปรียบคนอื่น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะนำของออกมาแล้วจริงๆ ทั้งยังนำออกมาสามอย่างในรวดเดียวด้วย แบ่งเป็นอุปกรณ์สีฟ้าหนึ่งชิ้น อุปกรณ์สี่เขียวหนึ่งชิ้น กับตำราลับหนึ่งเล่ม!

ปล่อยของออกมาอย่างง่ายดายขนาดนี้…ดีนะที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้พูดแขวะ ไม่อย่างนั้นคงเท่ากับตบหน้าตัวเองดังเพี้ยะ!

ในตอนที่หลังจากค่าสเตตัสของอุปกรณ์และตำราลับปรากฏขึ้น กลุ่มปรึกษากลยุทธ์ก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มประมูลขายทันที

ถังซานไฉ่ [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 20 เหรียญทอง ตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ 10 เหรียญทอง!]

ซานเย่ว์ [‘ขว้างดาราเหิน’ 35 เหรียญทอง ปลอกข้อมือหนังกบ 25 เหรียญทอง! แต่ตอนนี้บนตัวข้าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ให้เจ้าได้แค่ 50 เหรียญทองก่อน ส่วนที่เหลืออีก 10 เหรียญทองเขียนใบติดหนี้ไว้ก่อนได้]

โหยวโหยว [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 30 เหรียญทอง!]

ถังซานไฉ่ [ก็ได้ ข้ายอมแพ้…]

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง [สหายถังเหมือนจะไม่ค่อยสนใจของที่ข้านำออกมาเท่าไร]

ถังซานไฉ่อธิบายว่า [ปลอกข้อมือสีน้ำเงินก็เพิ่มพลังรบของข้าได้นิดหน่อย แต่ก็เพิ่มแบบมีขีดจำกัด สิ่งที่ข้าต้องการมากกว่าก็คือของที่เพิ่มประสิทธิภาพอาวุธลับ หรือไม่ก็ทำให้อาวุธลับเร็วขึ้น ปลอกข้อมือนี้เพิ่มความเร็วในการลงมือ ไม่ส่งผลลัพธ์แท้จริงต่อข้ามากนัก…

…ส่วน ‘ขว้างดาราเหิน’ นั่น ก็เหมือนที่บอกไว้ในข้อมูลแนะนำของมัน นี่คือสุดยอดทักษะมวยซั่นโส่วฉบับไม่สมบูรณ์ที่สำนักถังเหมินเผยแพร่ออกมาเท่านั้นเอง ข้าน่าจะเรียนมวยซั่นโส่วฉบับสมบูรณ์ของสำนักถังเหมินได้ ถึงตอนนั้นแม้จะรวมค่าประสบการณ์กันได้ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายมากนัก]

ดังนั้น…

ถังซานไฉ่ยักไหล่ สื่อว่าตัวเองไม่ได้ต้องการของสองสิ่งนี้มากขนาดนั้น

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วแบ่งอุปกรณ์กับตำราลับมาขายให้ซานเย่ว์กับโหยวโหยว และบอกกับซานเย่ว์ว่า “ใบแสดงหนี้น่ะไม่ต้องแล้ว ของสองชิ้นนี้ต่อให้นำไปประมูลขาย สุดท้ายราคาซื้อขายก็เท่ากับที่เจ้าบอกอยู่ดี แต่การประมูลขายต้องโดนหัก พอมาถึงมือข้า ได้ราคาห้าสิบเหรียญทองก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เราเป็นคนกันเองทั้งนั้น ของสองชิ้นนี้ข้าคิดราคากับเจ้าแค่ห้าสิบเหรียญทองแล้วกัน”

“ขอบคุณอาหมิง!”

หลังจากยิ้มบางๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวไปถามคนอื่น “การตกลงซื้อขายจบแล้ว ยังมีใครจะนำของออกมาประมูลขายอีกไหม”

จากการสาธิตของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่การให้เปล่า เป็นการเปลี่ยนวิธีการขายของที่ตัวเองไม่ได้ใช้ทิ้งไปก็เท่านั้น แม้จะไมได้ราคาสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ขาดทุน

จากนั้น ถังซานไฉ่ โหยวโหยวและซานเย่ว์ก็ต่างคนต่างนำอุปกรณ์ที่ตัวเองไม่ได้ใช้ออกมาประมูลขาย บรรยากาศในทีมเปลี่ยนเป็นปรองดองอยู่พักหนึ่ง

เมื่อได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศในทีม สหายเฟยอวี๋ที่ลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายก็หยิบของออกมาชิ้นหนึ่งเช่นกัน

[แหวนกระบี่อวิ๋นไถ (สีเขียว): แหวนที่มีตราประทับรูปกระบี่

โจมตี +30

ป้องกัน +30

ความเร็วโจมตีอาวุธประเภทกระบี่ +1%!]

เมื่อเห็นค่าสเตตัสนี้ ก็รู้แล้วว่าเป็นชุดอุปกรณ์ของมือกระบี่ โดยเฉพาะรายการที่บอกความเร็วโจมตีอาวุธ ดูแล้วเอฟเฟ็กต์น่าจะไม่เลวเลย

ใจเต้นไม่สู้ปฏิบัติจริง เยี่ยเว่ยหมิงเสนอราคาผ่านช่องทีมจำนวนสามสิบเหรียญทองทันที

หลังจากได้เห็นราคาแล้ว สะพานสวรรค์คริสตัลที่ยืนกดอักษรอยู่เงียบๆ เพิ่งจะพิมพ์คำว่า ‘สิบห้าเหรียญทอง’ เสร็จก็ต้องลบแล้ว ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้น แหวนคุณภาพสีเขียวที่ค่าสเตตัสไม่เลววงนี้ ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไว้ด้วยราคาปกติ

หลังจากซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เฟยอวี๋ก็มองเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นมาสามสิบเหรียญทองบนหน้าบัญชีของตัวเอง พร้อมเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว

ราวกับว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ของที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมามีแต่เหมาะสมกับสาวที่สนิทที่สุดอย่างซานเย่ว์กับโหยวโหยวเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่น ต่อให้จะบอกว่าไม่เหมาะกับถังซานไฉ่เหมือนกัน เขาก็แค่ประมูลขายไอเทมให้สำเร็จผ่านวิธีการประกาศแบบนี้ก็เท่านั้นเอง แต่แหวนวงนี้ที่เดิมทีตัวเองเตรียมจะขายทิ้งในงานประมูล สุดท้ายกลับยกประโยชน์ให้เจ้าหลานคนนี้เสียแล้ว?

นี่คืออุบายชัดๆ!

คนฉลาดอย่างฉัน ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกเจ้าหมอนี่วางอุบายใส่แล้ว!

น่าโมโหโว้ย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+