ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 392 หลี่มั่วโฉวมีไหวพริบ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 392 หลี่มั่วโฉวมีไหวพริบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 392 หลี่มั่วโฉวมีไหวพริบ

เมื่อเกิดเจตนาสังหารขึ้นในใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับแสร้งทำเหมือนกลัวมาก ขณะรับมือกับเงานิ้วที่บินว่อนเต็มฟ้าของหลี่มั่วโฉว เขาก็ผลักฝ่ามือที่ไร้อันตรายออกมาหนึ่งทีท่ามกลางความลนลาน

เป็นสุดยอดทักษะเจ้าเล่ห์ที่หน้าเนื้อใจเสือที่สุดในโลก เป็นทักษะที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ไม่เคยพลาด…มังกรซ่อนกบดาน!

ตอนที่เห็นฝ่ามือนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง หลี่มั่วโฉวกลับขมวดคิ้วทันที จากนั้นก็เปลี่ยนกระบวนท่าโดยไม่ลังเล ครั้งนี้นางไม่ตีจุดเลือดลมอีกแล้ว แต่หดร่างกายให้เปลี่ยนเป็นท่ากึ่งนั่งยองๆ ทำให้หัวไหล่ขวาของตัวเองยื่นออกมา ปล่อยให้เยี่ยเว่ยหมิงใช้ฝ่ามือตบ ส่วนมือซ้ายของนางก็ตบแบ็คแฮนด์ออกมาหนึ่งทีเช่นกัน ถูกอวัยวะเพศของเยี่ยเว่ยหมิงโดยตรง!

กระบวนท่าของมือสามไร้สามไม่…ไร้เรื่องที่ไม่ทำ!

เมื่อเห็นวิธีการนี้ของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินได้ทันทีว่าหลี่มั่วโฉวคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ BOSS เวอร์ชั่นถูกตอนโหมดภารกิจแน่นอน แต่เป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติที่ยังเติบโตไม่เต็มที่!

นางไม่เพียงแค่ท่องยุทธภพมานาน ประสบการณ์ความรู้กว้างขวางเท่านั้น ทั้งยังมองออกด้วยว่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงร้ายกาจขนาดไหน

ที่น่ากลัวว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่านางจะรู้จักใช้ประโยชน์จากกติกาของเกมด้วย!

ตอนนี้ หากทั้งสองคนไม่เปลี่ยนกระบวนท่าเลย ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะโจมตีให้นางบาดเจ็บได้ ถึงขั้นอาจสร้างผลกระดูกแตกได้ด้วย แต่ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวของเลเวลเก้าสิบของนาง หากถูกฝ่ามือนี้ของนางโจมตีจุดสำคัญ ต่อให้เป็นคนที่ค่าพลังชีวิตสูงอย่างเยี่ยเว่ยหมิงก็เจอชะตากรรมถูกปลิดชีพคาที่อยู่ดี

ส่วนพวกสหายร่วมทีมที่อยู่ข้างหลัง ถึงตอนนั้นต่อให้พวกเขาอยากฉวยโอกาสที่หลี่มั่วโฉวบาดเจ็บและติดสถานะด้านลบล้อมโจมตีนางจนตาย แต่ก็อาจจะไล่ตามนางไม่ทัน

ขอเพียงนางหลุดจากสถานะนี้แล้ว ด้วยความสามารถในการฟื้นตัวของ BOSS เลเวลเก้าสิบ การรักษาผลกระดูกแตกก็ใช่เวลาแค่ไม่กี่นาทีเองไม่ใช่หรอกหรือ

ถึงตอนนั้นถ้านางเลี้ยวกลับมาโจมตีพวกเขา…

กรร!

พลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าใสส่งเสียงคำราม บีบให้หลี่มั่วโฉวจำต้องถอยหลังก่อน

แต่หลังจากถอยไปแล้ว หลี่มั่วโฉวกลับรังแกซ้ำทันที สองมือผลักไปตรงหัวใจของเยี่ยเว่ยหมิง

ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้นางจะเลิกใช้กระบวนท่าอันแยบยล แล้วเลือกใช้การปะทะซึ่งๆ หน้า ซึ่งเป็นวิธีการที่เรียบง่ายธรรมดาแต่ก็ทำให้คนปวดหัวที่สุดเช่นกัน!

เยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจจะทดสอบความแตกต่างระหว่างตัวเองกับ BOSS เลเวลเก้าสิบ โบกฝ่ามือสองข้างออกมารับการโจมตีเช่นกัน

สะท้านขวัญร้อยลี้ VS ฝ่ามือเบญจพิษ!

เสียงมังกรคำรามดังทะลุฟ้า เยี่ยเว่ยหมิงกับหลี่มั่วโฉวสะเทือนจนถอยหลังหลายก้าวพร้อมกัน

-1314

-3653

ถูกพิษ!

ตัวเลขดาเมจสองกลุ่มลอยขึ้นเหนือศีรษะทั้งสองพร้อมกัน ที่ต่างกันก็คือดาเมจของหลี่มั่วโฉวน้อยกว่า ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงได้รับบาดเจ็บมากกว่า ถูกโจมตีจนติดสถานะถูกพิษ

ตอนนี้เอง ความดุร้ายของหลี่มั่วโฉวในฐานะ BOSS ที่เป็นจุดเด่นของเนื้อเรื่องก็สะท้อนออกมาให้เห็นแล้ว

ถ้าเปลี่ยนเป็น BOSS ทั่วไป เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพักหายใจก่อน แต่หลังจากที่นางเพิ่งจะทรงตัวได้ นางก็แสดงประสิทธิภาพท่าร่างอันยอดเยี่ยมของสำนักสุสานโบราณออกมาถึงขีดสุดอีกครั้ง พร้อมตบฝ่ามือเบญจพิษตรงมายังหน้าผากของเยี่ยเว่ยหมิง

จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดนางก็เจอวิธีการที่ถูกต้องในการรับมือกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

ใช้วิธีการเปลี่ยนกระบวนท่าอะไรนั่น เห็นได้ชัดว่าสร้างภัยคุกคามให้เจ้าเด็กนี่ได้ไม่มากพอ ยังต้องอาศัยความได้เปรียบด้านค่าสเตตัสของ BOSS เลเวลสูงบดขยี้ นั่นถึงจะเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้ที่สุด

ยามเผชิญหน้ากับวิธีการโจมตีที่แทบจะไร้เหตุผลของหลี่มั่วโฉว เยี่ยเว่ยหมิงนอกจากแอบยิ้มเจื่อนให้ตัวเองแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก

เขาถึงขั้นไม่ได้เรียกสหายร่วมทีมมาช่วยเหลือ ตอนที่ฝ่ามือพิษของหลี่มั่วโฉวโผมาตรงหน้าพร้อมกลิ่นหอม เขาได้แต่ยื่นมือซ้ายออกไปอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีลูกหนึ่งก็คีบอยู่ระหว่างนิ้วแล้ว จากนั้นก็โคจรพลังสิบส่วนดีดออกไปหนึ่งที

แกร๊ง!

-35314

ภายใต้การโจมตีครั้งเดียว ลูกดีดเจ็ดสีระเบิดอยู่ในฝ่ามือของหลี่มั่วโฉวทันที ทำให้นิ้วหยกเรียวสวยของนางระเบิดจนเลือดเนื้อปนกันเละเทะ เห็นแล้วน่าสงสาร

วิชาพังทลาย!

หมดแรง!

ถูกพิษ!

อิงตามที่อินปู้คุยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเกาะดอกท้อคือดาวคู่อริของ ‘ฝ่ามือเบญจพิษ’ หวงเย่าซือบอกมาแบบนี้!

แน่นอน สิ่งที่เรียกว่าดาวคู่อริก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้หมดโดยไร้เงื่อนไข

แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ คือวิชาที่ดีที่สุดสำหรับรับมือกับ ‘ฝ่ามือเบญจพิษ’ จริงๆ

ทฤษฎีการเพิ่มพลังอะไรนั่นก็ไม่ต้องพูดเยอะแล้ว ยังใช้อาวุธลับโจมตีแทนนิ้วด้วย หลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายสัมผัสกับพิษบนฝ่ามือของอีกฝ่ายโดยตรง ประกอบกับทั้งสองอยู่ค่อนข้างใกล้กัน หลี่มั่วโฉวที่ป้องกันไม่ทันจึงได้แต่รับท่าไม้ตายนี้ไปกิน!

หลังจากโจมตีหนึ่งครั้ง มือซ้ายของหลี่มั่วโฉวก็พิการชั่วคราวแล้ว

แต่นางก็ยังไม่ตื่นตระหนก ถึงขั้นไม่ร้องออกมาสักแอะ เพียงลอยถอยหลังออกไปสามจั้งเท่านั้น ดึงระยะห่างให้พ้นจากเยี่ยเว่ยหมิง เมื่ออยู่ในระยะเท่านี้ แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ อีกครั้ง แต่นางก็หลบได้สบายมาก

หลังจากยืนทรงตัวได้แล้ว หลี่มั่วโฉวและเยี่ยเว่ยหมิงกลับต่างคนต่างหยิบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งออกมากินพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ถอนพิษของฝ่ามือเบญจพิษ ยังดีที่ตัวเขาเองต้านพิษได้สูงมากอยู่แล้ว ประกอบกับ พลังฝ่ามือ ‘สะท้านขวัญร้อยลี้’ ต้านพิษส่วนใหญ่แทนเขาแล้ว เขาจึงไม่ได้ถูกพิษรุนแรงมาก เพียงยาถอนพิษธรรมดาก็รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้แล้ว

ส่วนหลี่มั่วโฉวเมื่อถูก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ก่อนหน้านี้โจมตี ก็ทำให้นางถูกวิชาพิษของตัวเองย้อนกลับ นางถึงรีบกลืนยาถอนพิษเพื่อแก้พิษ

พอยาเข้าปาก หลี่มั่วโฉวก็ดึงแส้ปัดที่นางเสียบไว้ตรงเอวก่อนหน้านี้ออกมา แล้วมองไปทางเยี่ยเว่ยหมิงอย่างระแวดระวัง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็กวักมือเรียกกระบี่ชิงชัยออกมา แล้วชี้ไปยังหลี่มั่วโฉวไกลๆ!

หลังจากนั้นห้าวินาที แถบค่าพลังชีวิตเหนือศีรษะของทั้งสองก็กลับมาเป็นสีเดิมอีกครั้ง ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ใช้วิชาหมัดเท้าสู้กันก่อนหน้านี้อาจตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ พวกเราลองใช้อาวุธมีคมสู้กันอีกเป็นอย่างไร”

ตอนนี้หลี่มั่วโฉวแม้มือซ้ายบาดเจ็บ แต่พลังต่อสู้ก็ยังอยู่ โดยเฉพาะสองเท้าที่ยังว่องไว ถ้านางตั้งใจจะหนี ต่อให้พวกเขาร่วมแรงกันก็คงรั้งนางไว้ไม่ได้อยู่ดี

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ใช้คำพูดกระตุ้น เตรียมจะใช้ประโยชน์จาก ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ขยายผลการรบให้ใหญ่ขึ้น จากนั้นค่อยเรียกเพื่อนในทีมมาช่วยกันล้อมนางไว้

เพื่อลดความระวังตัวของอีกฝ่าย ท่าทางตอนเขากุมกระบี่ถึงขั้นเป็นท่าเดียวกับตอนถือ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ซึ่งเป็นทักษะยุทธ์ที่สำนักสุสานโบราณเอาชนะได้ ทั้งยังทำได้ตรงตามมาตรฐานมาก

ทว่า ยามเผชิญกับการล่อลวงเช่นนี้ หลี่มั่วโฉวกลับไม่สะทกสะท้านเลย ใช้เพียงน้ำเสียงนุ่มนวลมีเสน่ห์ของนางกล่าวอย่างเยียบเย็นว่า “ในเมื่อเจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ก็แสดงว่าเจ้ากับข้ามีสิทธิ์คุยกันแล้ว…

…พวกเจ้ามาพร้อมภารกิจไม่ใช่หรือ… …มีอะไรก็พูดมาตอนนี้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด