ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขั้นตอนที่ทุกคนตรวจสอบภารกิจ ฟังดูค่อนข้างซับซ้อน แต่ความจริงไม่ได้มีอะไรวกวน หากใช้ภาษาที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดมาอธิบายก็คือ…

เฟยอวี๋ที่รับปากว่าจะช่วยก่อนหน้านี้ สะพานสวรรค์น้อยที่อยากเห็นว่าตัวเองจะมีโอกาสออกทีวีหรือไม่ รวมทั้งถังซานไฉ่ที่อยากมาร่วมสนุกด้วยเฉยๆ เยี่ยเว่ยหมิงพาพวกเขาเลี้ยวจากเขาเล่อซานกลับไปเมืองเทียนอิน แล้วนั่งรถม้าจากเมืองเทียนอินกลับไปที่เมืองเปี้ยนเหลียง

หลังจากกลับมาถึงเมืองเปี้ยนเหลียงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำทั้งสองมาที่จวนลู่ติ่งกงทันที จุดประสงค์ก็คือจะขอให้เหวยเสี่ยวเป่านำทางเข้าพระราชวังเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่สอง ระหว่างทางเจอซานเย่ว์ที่ทำภารกิจอยู่ในเมืองพอดี นางหนูคนนี้จึงเข้ามาประสมโรงด้วยเสียเลย

ทว่าเห็นได้ชัดว่าสหายเสี่ยวเป่าผู้นี้เข้าใจโลกมากกว่าเจ้าคนฮุบของรางวัล…แค่กๆ เหมียวเหรินเฟิ่ง เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะมาช่วยไขคดีด้วยกัน ก็ถึงขั้นที่ไม่ต้องรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายขอเอง เขาแจกภารกิจให้โดยทันที

[ช่วยไขคดี]

ระดับภารกิจ: 4 ดาว

ช่วยเยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพไขคดีขโมยของในพระราชวัง

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ 10000

ค่าตบะ 3000

เงิน 200 เหรียญทอง!

…..

ค่าประสบการณ์และค่าตบะที่เป็นรางวัลของพวกเขา ส่วนใหญ่เหมือนกับของเยี่ยเว่ยหมิง มีเพียงอุปกรณ์ลับรายการสุดท้ายที่เปลี่ยนเป็นเงินแทน แต่ระดับภารกิจกลับลดลงหนึ่งระดับแล้ว

จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า เหวยเสี่ยวเป่าเตรียมรางวัลลับไว้ในเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว แล้วยังเป็นของรางวัลมูลค่าสองร้อยเหรียญทองขึ้นไปด้วย!

สามคนที่ได้รับภารกิจก็ย่อมพึงพอใจอยู่แล้ว จากนั้นพวกเขาก็เข้าพระราชวังไปด้วยการนำทางของเหวยเสี่ยวเป่า

หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุดูคร่าวๆ เฟยอวี๋ก็ยืนยันทิศทางที่หัวขโมยหลบหนีไปได้ทันที

การไล่ตามนี้ใช้เวลาเจ็ดวันเต็มๆ เนื่องจากในขั้นตอนการสะกดรอยตามไม่อนุญาตให้ใช้รถม้า ทุกคนทำได้เพียงเดินเท้าจากพระราชวังในเมืองเปี้ยนเหลียงมาจนถึงหมู่บ้านมือใหม่ที่ชื่อว่าหมู่บ้านหนิวเจียซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหังโจว ทำให้พวกเขาอดทึ่งในการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ของ NPC ในเกมนี้ไม่ได้

หมู่บ้านมือใหม่คืออะไร

ก็คือหมู่บ้านธรรมดาที่หลังจากเปิดเซิร์ฟไปได้สิบวันก็หาผู้เล่นสักคนหนึ่งได้ยากมาก

พวกเขาเพิ่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รับพิราบสื่อสารจากหนิวจื้อชุนแล้ว

[สหายเยี่ย อยู่ที่ไหน] หนิวจื้อชุน

ตอนนี้ทุกคนผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงแล้ว เฟยอวี๋ที่เป็นผู้นำสะกดรอยตาม ตอนนี้กำลังหาเบาะแสพร้อมนำทางไปข้างหน้า ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจ ตอบกลับข้อความหนิวจื้อชุน [หมู่บ้านหนิวเจีย มีอะไรหรือ]

[หมู่บ้านหนิวเจีย! หมู่บ้านมือใหม่ที่ข้าเกิดก็คือหมู่บ้านหนิวเจีย เจ้าไปที่นั่นทำไม] หนิวจื้อชุน

[บังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ] เยี่ยเว่ยหมิง

[เหอะๆ อาจะเป็นเพราะ ID ของข้าแซ่หนิวกระมัง] หนิวจื้อชุน

[ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล! ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีพระราชวังถูกขโมยของ ในเมื่อเจ้าเกิดที่หมู่บ้านหนิวเจีย เช่นนั้นเจ้ารู้หรือเปล่าว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมียอดฝีมือร้ายกาจอะไรไหม] เยี่ยเว่ยหมิง

[ข้ารู้เพียงว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมีสองทายาทของตระกูลผู้จงรักภักดี คนหนึ่งชื่อหยางเถี่ยซิน บอกว่าตัวเองเป็นทายาทของหยางไจ้ซิง ส่วนอีกคนชื่อกัวเสี้ยวเทียน ว่ากันว่าเป็นทายาทของหลู่ฟางกัวเซิ่ง ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน] หนิวจื้อชุน

[ตกลงว่าเป็นหลู่ฟางโหวผู้อ่อนโยน หรือเป็นกัวเซิ่งผู้ที่เอาชนะเซวียเหรินกุ้ยได้กันแน่ (o__)ノ] เยี่ยเว่ยหมิง

[เป็นกัวเซิ่ง! ข้าจำฉายาผิดเอง แต่ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้วกลับมาหมู่บ้านหนิวเจีย ก็พบว่าสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว คงจะไม่เกี่ยวข้องกับหัวขโมยที่เจ้ากำลังตามหากระมัง] หนิวจื้อชุน

[เช่นนั้นจู่ๆ เจ้าติดต่อข้ามาเพราะเรื่องอะไรกันแน่] เยี่ยเว่ยหมิง

[สหายเยี่ย ไม่รู้ว่าเจ้ารู้จักคนที่ชื่อวั่งเหยียนหรือเปล่า เขายังรู้จักสิ่งของแบบเดียวกับที่อยู่ในมือของเจ้าด้วย ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’] หนิวจื้อชุน

เมื่อเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักทันที หลังจากถามอีกถึงได้รู้ว่าที่แท้หลังจากทั้งสามคนร่วมงานกันที่หมู่บ้านชื่อสยาแล้ว ก็มีคนไม่น้อยเห็นหนิวจื้อชุนกับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ด้วยกัน ส่วนวั่งเหยียนก็ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายมาหาหนิวจื้อชุนก่อน ออกเงินทุนห้าสิบเหรียญทอง ให้ช่วยหากระสอบข้าวสารที่อยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิง

แต่หนิวจื้อชุนเป็นใครกัน

เขาเป็นคนที่จะทรยศสหายเพียงเพราะเงินแค่ห้าสิบเหรียญทองอย่างนั้นหรือ

ก็อย่างที่เขาบอก ถ้าไม่ถึงห้าร้อยเหรียญทอง ก็อย่าแม้แต่จะคิด!

ดังนั้น หนิวจื้อชุนจึงตอบรับคำขอของอีกฝ่ายไปเพื่อบังหน้า แต่กลับเล่าที่มาที่ไปทั้งหมดของเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนเฝ้าคิดถึง ‘กระสอบข้าว’ ของเขาอยู่ตลอด แม้เขาจะรู้สึกมาตลอดว่าสิ่งนี้เป็นตัวถ่วงที่กินพื้นที่ในกระเป๋า แต่ก็ยังเลือกปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แล้วก็กล่าวขอบคุณหนิวจื้อชุนที่ยึดหลักคุณธรรม

ด้วยการนำทางของเฟยอวี๋ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าโรงเตี๊ยมชวีซาน

พอหยุดฝีเท้าแล้ว เฟยอวี๋ก็หันกลับมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตามข้อความที่ทักษะของข้าแจ้งเตือน หัวขโมยน่าจะซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ศัตรูตัวใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้าควรจะหยุดแชทก่อนหรือเปล่า”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “คุยกันเสร็จแล้ว”

“หากคุยเสร็จแล้ว พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”

“ช้าก่อน” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำถุงผ้าไหมที่โหยวจิ้นมอบให้เขาตอนแรกออกมา อีกฝ่ายกำชับว่าหลังจากเจอผู้ร้ายตัวจริงแล้วถึงจะเปิดได้

เมื่อเปิดถุงผ้าไหมออกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตัวอักษรแถวหนึ่งออกมาต่อหน้าทุกคน พอคลี่ออกกลับพบว่าบนนั้นเขียนไว้หกตัวอักษร

จับเป็นที่วัดถู่ตี้

ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นแล้ว

[ติ๊ง! ปลดล็อกภารกิจลับ จับเป็นหัวขโมย!]

[จับเป็นหัวขโมย]

ระดับภารกิจ: 5 ดาว

หัวหน้าโหยวจิ้นแห่งสำนักมือปราบเทพได้กระจายกำลังล้อมวัดถูตี้ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหนิวเจียสิบลี้ไว้อย่างหนาแน่นแล้ว หาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่น และช่วยหัวหน้าโหยวจับเป็น

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม

ค่าตบะ 2000 แต้ม

อุปกรณ์ทองคำ 1 ชิ้น

……

หลังจากอ่านข้อความจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกในช่องทีมว่า [ดูท่าแล้ว ครั้งนี้ศัตรูคงจะโหดเหี้ยมมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าโหยวจิ้นจะออกปฏิบัติการด้วยตัวเอง ทั้งยังซุ่มกำลังไว้ตรงวัดถู่ตี้ที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้อีก พวกเราแค่ต้องคิดหาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่นก็พอ]

……

ในขณะเดียวกัน ตรงริมทางขึ้นเขาจงหนาน ร่างสูงใหญ่ของหนิวจื้อชุนนั่งพิงอยู่บนแผ่นศิลารูปทรงยาวแผ่นหนึ่ง ท่าทางดูขี้เกียจมาก

ตรงหน้าเขามีผู้เล่นที่แต่งกายเหมือนศิษย์สำนักหัวซานคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นวั่งเหยียนนั่นเอง

หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิงเสร็จ หนิวจื้อชุนก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วบอกว่า “ขออภัยจริงๆ สหายวั่งเหยียน เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะสังเกตอะไรได้ ไม่ยอมรับเลยว่าในมือเขามีของสิ่งนี้อยู่ ข้าคงไร้วาสนากับสองร้อยเหรียญทองนั่นของเจ้าแล้ว”

“น่าเสียดายเกินไปแล้ว” หลังจากวั่งเหยียนได้ยินคำตอบนี้ ก็กุมหมัดคารวะหนิวจื้อชุนด้วยความเสียดาย จากนั้นใช้ท่าร่างเหาะลงเขาไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา ยังออกไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากตัวเขาแล้ว ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว

หนิวจื้อชุนที่ได้เห็นฉากนี้กลับยิงฟันยิ้ม แล้วพึมพำกับตัวเอง “เพราะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรจากข้า ก็เลยส่งพิราบสื่อสารออกไปทันที ดูท่าแล้ว วั่งเหยียนก็เป็นเพียงคนทรยศเท่านั้นเอง แต่คนทรยศเสนอราคามาตั้งสองร้อยเหรียญทอง เช่นนั้นคนที่อยากได้ข้าวนั่นเป็นเทพปราชญ์มาจากที่ไหนกันแน่ แล้ว ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ เป็นสมบัติล้ำค่าที่วิเศษวิโสอะไรนักหนา”

“น่าสนใจ น่าสนใจเกินไปแล้ว”

“เจ้ากำลังบอกว่าอะไรน่าสนใจ” จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทำให้หนิวจื้อชุนตกใจ พอหันกลับมา ก็พบว่าเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน กำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้ กำลังมองเขาด้วยความสนใจ

เมื่อเห็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน หนิวจื้อชุนก็หุบรอยยิ้มไม่สงบเสงี่ยมทันที “ท่านอาจารย์”

ที่แท้นักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้นี้ก็คืออาจารย์หนิวจื้อชุน นักพรตฉางชุนชิวชู่จีแห่งสำนักฉวนเจิน

ชิวชู่จีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วบอกหนิวจื้อชุนว่า “การลงเขาครั้งก่อน ทำให้ความสามารถของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย อาจารย์มีหนึ่งภารกิจต้องมอบหมายให้เจ้า คิดว่าความสามารถของเจ้าน่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว”

หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วตาเป็นประหาย “ภารกิจอะไรขอรับ”

ชิวชู่จีหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก “ข้ามีจดหมายฉบับหนึ่ง เจ้าส่งมันไปที่ทะเลทราย ส่งให้ถึงมือจอมยุทธ์เคอ หนึ่งในเจ็ดจอมยุทธ์เจียงหนานด้วยตัวเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขั้นตอนที่ทุกคนตรวจสอบภารกิจ ฟังดูค่อนข้างซับซ้อน แต่ความจริงไม่ได้มีอะไรวกวน หากใช้ภาษาที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดมาอธิบายก็คือ…

เฟยอวี๋ที่รับปากว่าจะช่วยก่อนหน้านี้ สะพานสวรรค์น้อยที่อยากเห็นว่าตัวเองจะมีโอกาสออกทีวีหรือไม่ รวมทั้งถังซานไฉ่ที่อยากมาร่วมสนุกด้วยเฉยๆ เยี่ยเว่ยหมิงพาพวกเขาเลี้ยวจากเขาเล่อซานกลับไปเมืองเทียนอิน แล้วนั่งรถม้าจากเมืองเทียนอินกลับไปที่เมืองเปี้ยนเหลียง

หลังจากกลับมาถึงเมืองเปี้ยนเหลียงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำทั้งสองมาที่จวนลู่ติ่งกงทันที จุดประสงค์ก็คือจะขอให้เหวยเสี่ยวเป่านำทางเข้าพระราชวังเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่สอง ระหว่างทางเจอซานเย่ว์ที่ทำภารกิจอยู่ในเมืองพอดี นางหนูคนนี้จึงเข้ามาประสมโรงด้วยเสียเลย

ทว่าเห็นได้ชัดว่าสหายเสี่ยวเป่าผู้นี้เข้าใจโลกมากกว่าเจ้าคนฮุบของรางวัล…แค่กๆ เหมียวเหรินเฟิ่ง เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะมาช่วยไขคดีด้วยกัน ก็ถึงขั้นที่ไม่ต้องรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายขอเอง เขาแจกภารกิจให้โดยทันที

[ช่วยไขคดี]

ระดับภารกิจ: 4 ดาว

ช่วยเยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพไขคดีขโมยของในพระราชวัง

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ 10000

ค่าตบะ 3000

เงิน 200 เหรียญทอง!

…..

ค่าประสบการณ์และค่าตบะที่เป็นรางวัลของพวกเขา ส่วนใหญ่เหมือนกับของเยี่ยเว่ยหมิง มีเพียงอุปกรณ์ลับรายการสุดท้ายที่เปลี่ยนเป็นเงินแทน แต่ระดับภารกิจกลับลดลงหนึ่งระดับแล้ว

จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า เหวยเสี่ยวเป่าเตรียมรางวัลลับไว้ในเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว แล้วยังเป็นของรางวัลมูลค่าสองร้อยเหรียญทองขึ้นไปด้วย!

สามคนที่ได้รับภารกิจก็ย่อมพึงพอใจอยู่แล้ว จากนั้นพวกเขาก็เข้าพระราชวังไปด้วยการนำทางของเหวยเสี่ยวเป่า

หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุดูคร่าวๆ เฟยอวี๋ก็ยืนยันทิศทางที่หัวขโมยหลบหนีไปได้ทันที

การไล่ตามนี้ใช้เวลาเจ็ดวันเต็มๆ เนื่องจากในขั้นตอนการสะกดรอยตามไม่อนุญาตให้ใช้รถม้า ทุกคนทำได้เพียงเดินเท้าจากพระราชวังในเมืองเปี้ยนเหลียงมาจนถึงหมู่บ้านมือใหม่ที่ชื่อว่าหมู่บ้านหนิวเจียซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหังโจว ทำให้พวกเขาอดทึ่งในการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ของ NPC ในเกมนี้ไม่ได้

หมู่บ้านมือใหม่คืออะไร

ก็คือหมู่บ้านธรรมดาที่หลังจากเปิดเซิร์ฟไปได้สิบวันก็หาผู้เล่นสักคนหนึ่งได้ยากมาก

พวกเขาเพิ่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รับพิราบสื่อสารจากหนิวจื้อชุนแล้ว

[สหายเยี่ย อยู่ที่ไหน] หนิวจื้อชุน

ตอนนี้ทุกคนผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงแล้ว เฟยอวี๋ที่เป็นผู้นำสะกดรอยตาม ตอนนี้กำลังหาเบาะแสพร้อมนำทางไปข้างหน้า ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจ ตอบกลับข้อความหนิวจื้อชุน [หมู่บ้านหนิวเจีย มีอะไรหรือ]

[หมู่บ้านหนิวเจีย! หมู่บ้านมือใหม่ที่ข้าเกิดก็คือหมู่บ้านหนิวเจีย เจ้าไปที่นั่นทำไม] หนิวจื้อชุน

[บังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ] เยี่ยเว่ยหมิง

[เหอะๆ อาจะเป็นเพราะ ID ของข้าแซ่หนิวกระมัง] หนิวจื้อชุน

[ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล! ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีพระราชวังถูกขโมยของ ในเมื่อเจ้าเกิดที่หมู่บ้านหนิวเจีย เช่นนั้นเจ้ารู้หรือเปล่าว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมียอดฝีมือร้ายกาจอะไรไหม] เยี่ยเว่ยหมิง

[ข้ารู้เพียงว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมีสองทายาทของตระกูลผู้จงรักภักดี คนหนึ่งชื่อหยางเถี่ยซิน บอกว่าตัวเองเป็นทายาทของหยางไจ้ซิง ส่วนอีกคนชื่อกัวเสี้ยวเทียน ว่ากันว่าเป็นทายาทของหลู่ฟางกัวเซิ่ง ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน] หนิวจื้อชุน

[ตกลงว่าเป็นหลู่ฟางโหวผู้อ่อนโยน หรือเป็นกัวเซิ่งผู้ที่เอาชนะเซวียเหรินกุ้ยได้กันแน่ (o__)ノ] เยี่ยเว่ยหมิง

[เป็นกัวเซิ่ง! ข้าจำฉายาผิดเอง แต่ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้วกลับมาหมู่บ้านหนิวเจีย ก็พบว่าสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว คงจะไม่เกี่ยวข้องกับหัวขโมยที่เจ้ากำลังตามหากระมัง] หนิวจื้อชุน

[เช่นนั้นจู่ๆ เจ้าติดต่อข้ามาเพราะเรื่องอะไรกันแน่] เยี่ยเว่ยหมิง

[สหายเยี่ย ไม่รู้ว่าเจ้ารู้จักคนที่ชื่อวั่งเหยียนหรือเปล่า เขายังรู้จักสิ่งของแบบเดียวกับที่อยู่ในมือของเจ้าด้วย ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’] หนิวจื้อชุน

เมื่อเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักทันที หลังจากถามอีกถึงได้รู้ว่าที่แท้หลังจากทั้งสามคนร่วมงานกันที่หมู่บ้านชื่อสยาแล้ว ก็มีคนไม่น้อยเห็นหนิวจื้อชุนกับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ด้วยกัน ส่วนวั่งเหยียนก็ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายมาหาหนิวจื้อชุนก่อน ออกเงินทุนห้าสิบเหรียญทอง ให้ช่วยหากระสอบข้าวสารที่อยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิง

แต่หนิวจื้อชุนเป็นใครกัน

เขาเป็นคนที่จะทรยศสหายเพียงเพราะเงินแค่ห้าสิบเหรียญทองอย่างนั้นหรือ

ก็อย่างที่เขาบอก ถ้าไม่ถึงห้าร้อยเหรียญทอง ก็อย่าแม้แต่จะคิด!

ดังนั้น หนิวจื้อชุนจึงตอบรับคำขอของอีกฝ่ายไปเพื่อบังหน้า แต่กลับเล่าที่มาที่ไปทั้งหมดของเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนเฝ้าคิดถึง ‘กระสอบข้าว’ ของเขาอยู่ตลอด แม้เขาจะรู้สึกมาตลอดว่าสิ่งนี้เป็นตัวถ่วงที่กินพื้นที่ในกระเป๋า แต่ก็ยังเลือกปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แล้วก็กล่าวขอบคุณหนิวจื้อชุนที่ยึดหลักคุณธรรม

ด้วยการนำทางของเฟยอวี๋ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าโรงเตี๊ยมชวีซาน

พอหยุดฝีเท้าแล้ว เฟยอวี๋ก็หันกลับมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตามข้อความที่ทักษะของข้าแจ้งเตือน หัวขโมยน่าจะซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ศัตรูตัวใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้าควรจะหยุดแชทก่อนหรือเปล่า”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “คุยกันเสร็จแล้ว”

“หากคุยเสร็จแล้ว พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”

“ช้าก่อน” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำถุงผ้าไหมที่โหยวจิ้นมอบให้เขาตอนแรกออกมา อีกฝ่ายกำชับว่าหลังจากเจอผู้ร้ายตัวจริงแล้วถึงจะเปิดได้

เมื่อเปิดถุงผ้าไหมออกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตัวอักษรแถวหนึ่งออกมาต่อหน้าทุกคน พอคลี่ออกกลับพบว่าบนนั้นเขียนไว้หกตัวอักษร

จับเป็นที่วัดถู่ตี้

ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นแล้ว

[ติ๊ง! ปลดล็อกภารกิจลับ จับเป็นหัวขโมย!]

[จับเป็นหัวขโมย]

ระดับภารกิจ: 5 ดาว

หัวหน้าโหยวจิ้นแห่งสำนักมือปราบเทพได้กระจายกำลังล้อมวัดถูตี้ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหนิวเจียสิบลี้ไว้อย่างหนาแน่นแล้ว หาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่น และช่วยหัวหน้าโหยวจับเป็น

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม

ค่าตบะ 2000 แต้ม

อุปกรณ์ทองคำ 1 ชิ้น

……

หลังจากอ่านข้อความจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกในช่องทีมว่า [ดูท่าแล้ว ครั้งนี้ศัตรูคงจะโหดเหี้ยมมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าโหยวจิ้นจะออกปฏิบัติการด้วยตัวเอง ทั้งยังซุ่มกำลังไว้ตรงวัดถู่ตี้ที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้อีก พวกเราแค่ต้องคิดหาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่นก็พอ]

……

ในขณะเดียวกัน ตรงริมทางขึ้นเขาจงหนาน ร่างสูงใหญ่ของหนิวจื้อชุนนั่งพิงอยู่บนแผ่นศิลารูปทรงยาวแผ่นหนึ่ง ท่าทางดูขี้เกียจมาก

ตรงหน้าเขามีผู้เล่นที่แต่งกายเหมือนศิษย์สำนักหัวซานคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นวั่งเหยียนนั่นเอง

หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิงเสร็จ หนิวจื้อชุนก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วบอกว่า “ขออภัยจริงๆ สหายวั่งเหยียน เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะสังเกตอะไรได้ ไม่ยอมรับเลยว่าในมือเขามีของสิ่งนี้อยู่ ข้าคงไร้วาสนากับสองร้อยเหรียญทองนั่นของเจ้าแล้ว”

“น่าเสียดายเกินไปแล้ว” หลังจากวั่งเหยียนได้ยินคำตอบนี้ ก็กุมหมัดคารวะหนิวจื้อชุนด้วยความเสียดาย จากนั้นใช้ท่าร่างเหาะลงเขาไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา ยังออกไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากตัวเขาแล้ว ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว

หนิวจื้อชุนที่ได้เห็นฉากนี้กลับยิงฟันยิ้ม แล้วพึมพำกับตัวเอง “เพราะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรจากข้า ก็เลยส่งพิราบสื่อสารออกไปทันที ดูท่าแล้ว วั่งเหยียนก็เป็นเพียงคนทรยศเท่านั้นเอง แต่คนทรยศเสนอราคามาตั้งสองร้อยเหรียญทอง เช่นนั้นคนที่อยากได้ข้าวนั่นเป็นเทพปราชญ์มาจากที่ไหนกันแน่ แล้ว ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ เป็นสมบัติล้ำค่าที่วิเศษวิโสอะไรนักหนา”

“น่าสนใจ น่าสนใจเกินไปแล้ว”

“เจ้ากำลังบอกว่าอะไรน่าสนใจ” จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทำให้หนิวจื้อชุนตกใจ พอหันกลับมา ก็พบว่าเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน กำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้ กำลังมองเขาด้วยความสนใจ

เมื่อเห็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน หนิวจื้อชุนก็หุบรอยยิ้มไม่สงบเสงี่ยมทันที “ท่านอาจารย์”

ที่แท้นักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้นี้ก็คืออาจารย์หนิวจื้อชุน นักพรตฉางชุนชิวชู่จีแห่งสำนักฉวนเจิน

ชิวชู่จีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วบอกหนิวจื้อชุนว่า “การลงเขาครั้งก่อน ทำให้ความสามารถของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย อาจารย์มีหนึ่งภารกิจต้องมอบหมายให้เจ้า คิดว่าความสามารถของเจ้าน่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว”

หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วตาเป็นประหาย “ภารกิจอะไรขอรับ”

ชิวชู่จีหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก “ข้ามีจดหมายฉบับหนึ่ง เจ้าส่งมันไปที่ทะเลทราย ส่งให้ถึงมือจอมยุทธ์เคอ หนึ่งในเจ็ดจอมยุทธ์เจียงหนานด้วยตัวเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+