ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 610 คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 610 คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 610 คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า!

‘กรงเล็บมังกรเส้าหลิน’ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองสุดยอดทักษะของเส้าหลิน เดิมทีก็เป็นวิชามือคว้าจับที่ร้ายกาจมากอยู่แล้ว

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เยี่ยเว่ยหมิงสังหารต่อเนื่องสองคน แล้วถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมโดยไม่ทันได้ป้องกัน สิ่งที่รอต้อนรับเขาอยู่มีเพียงการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตของเลี้ยงบาสลงห่วงกับเครื่องสังหารรุ่นสามพัน!

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ อวิ๋นเหมี่ยน อินปู้คุยและคนอื่นๆ ที่กำลังดูการต่อสู้ก็ปาดเหงื่อแทนเขา

แม้แต่จางชุ่ยซานที่เพิ่งรับเขาเป็นสหายเมื่อครู่นี้ก็ยังอดใจไม่ไหว อยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับถูกสายตาของจางซานเฟิงห้ามไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอก สีหน้ากลับยังเหมือนบ่อน้ำที่ไร้คลื่น ทั้งร่างกายปะทุกำลังภายในที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งออกมา ฝ่าทะลวงจุดลมปราณที่ถูกควบคุมได้ทั้งหมดในอึดใจเดียว แม้แต่เซี่ยวเฉินที่จับอยู่บนบ่า จุดมิ่งเหมินกลางหลังและจุดลมปราณอีกสองจุดก็สะเทือนจนกระเด็นออกไปเช่นกัน

จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันออกแรงที่สองเท้า ชนเข้าไปในอกของเซี่ยวเฉิน อาศัยค่าสเตตัสพละกำลังและท่าร่างที่แข็งแกร่งกว่า จากนั้นใช้แผ่นหลังดันร่างเขาให้ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลบท่าไม้ตายจากยอดฝีมือเคล็ดกระบี่สองคนได้ก็ชูกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงในมือขึ้นพลันแทงเข้าท้องน้อยของตัวเอง

ตราบชั่วฟ้าดิน!

-6337

-114885!

ปลิดชีพได้อย่างราบรื่นรวดเร็วอีกแล้ว!

ขณะที่ชักกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงออกมาจากท้องน้อยอย่างช้าๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองเลี้ยงบาสลงห่วงกับเครื่องสังหารรุ่นสามพันที่สีหน้าจริงจังหนักแน่น แต่มุมปากกลับยกยิ้มเหมือนกำลังครุ่นคิด “หากไม่ใช่เพราะข้าจงใจ เจ้าคิดว่าอาศัยพวกเจ้าสองคนจะมีโอกาสสกัดจุดข้าได้หรือ”

“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า” เลี้ยงบาสลงห่วงได้ยินแล้วแสยะยิ้ม “พวกเขาสามคนก็แค่ฝีมืออ่อนด้อยที่สุดในบรรดาพวกเรา ทำให้พลังชีวิตของเจ้าหายไปสองหมื่นกว่าได้ ก็นับว่าแสดงฝีมือได้ไม่เลวแล้ว”

เครื่องสังหารรุ่นสามพันก็กวาดกระบี่ในมือออกมาเช่นกัน เขากล่าวอย่างอวดดี “เช่นนั้นต่อไป คนที่ค่าสเตตัสไม่เต็มอย่างเจ้า เจอท่าไม้ตายของพวกเราสองคนพร้อมกัน อย่าบอกนะว่ายังคิดว่ามีโอกาสชนะจริงๆ”

“ท่าไม้ตายของพวกเจ้า หากเทียบกับวิธีการโจมตีของข้าแล้ว จะนับเป็นอะไรได้” ระหว่างที่พูด มือขวาของเยี่ยเว่ยหมิงที่จับกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงพลันคลายออก แต่กระบี่ที่ไร้การควบคุมแล้วกลับยังไม่ตกลงพื้น กลับถูกพลังบางอย่างดึงขึ้นมากลางอากาศ

ไม่รู้ว่าครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงกำลังจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีก ทั้งสองถอยหลังโดยสัญชาตญาณ คนหนึ่งพลันเงยหน้าจ้องกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงที่พุ่งขึ้นฟ้า ส่วนอีกคนจ้องที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิงโดยไม่ละสายตา

ไม่ว่าเขาจะควบคุมกระบี่กลางอากาศเพื่อเล่นลูกไม้อะไรที่คาดไม่ถึง หรือจะฉวยโอกาสใช้เคล็ดฝ่ามือจู่โจม พวกเขาล้วนเตือนสหายได้ในทันที เตรียมตัวรับมืออย่างดีที่สุด

ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงควบคุมให้กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงลอยขึ้นฟ้าแล้ว กลับไม่ได้โจมตีทันทีเหมือนที่พวกเขาคิดไว้ แต่เปลี่ยนเป็นพลิกข้อมือเรียกกระบี่ระดับอาวุธล้ำค่าออกมาไว้ในฝ่ามือ

ครั้งนี้เป็นกระบี่แสงทอง!

ครู่ต่อมาหลังจากกระบี่แสงทองปรากฏอยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิง เหตุการณ์ก็เหมือนกับกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงก่อนหน้านี้ มันกลับสู้สภาพเดิมทันที จากนั้นก็บินขึ้นฟ้า

จากนั้น ทุกคนก็เห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะเปลี่ยนวิธีการเล่น พอเขาพลิกข้อมือ กระบี่ล้ำค่าเล่มหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือของเขา จากนั้นก็บินไปเรียงแถวร่วมกับอาวุธชิ้นอื่นบนฟ้า…

กระบี่ทองปัวสวิน!

กระบี่รอยมังกร!

เยี่ยเว่ยหมิงยังใช้วิธีการเดิม กระบี่ล้ำค่าสี่เล่มทยอยพุ่งขึ้นฟ้า จากนั้นเมื่อเขาสลับใช้ดรรชนีกระบี่ กระบี่สี่เล่มก็หมุนวนอยู่เหนือศีรษะของเขา ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกไม่มีเสียงอะไร ตอนนี้เริ่มมีเสียงกระบี่อันไพเราะแล้ว

ทุกคนเคยเห็นวิธีการระดับนี้เสียที่ไหนกัน แต่ละคนตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว

ทว่าตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยบางอย่างที่ฟังดูหลงตัวเองสุดๆ “วันนี้นับว่าพวกเจ้าสองคนโชคดี ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาว่าท่าไม้ตายที่แท้จริงคืออะไร สิ่งใดคือพลังที่ไร้เทียมทาน!”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มกระตุ้นกำลังภายใน เป่าจนเสื้อผ้าหน้าผมของตนเองปลิวสะบัด ดูจากภายนอกอย่างเดียวก็รู้สึกว่าเหมือนฉากที่เตรียมจะปล่อยท่าไม้ตายทำลายฟ้าดินได้ทุกเมื่อ

จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเขาท่องอะไรบางอย่างเบาๆ

“มิใช่ทองแดงเหล็กโลหะ เคยซ่อนอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ…

…แม้ไร้การชุบหลอมต่อเนื่องทุกวันคืน แต่หลอมคมอาวุธผ่านน้ำไฟได้…

…คมกระบี่จูเซียน เซียนอมตะหลีกหนี ค่ายกลกระบี่หลั่งโลหิตเทพเซียน…

…กระบี่เจวี๋ยเซียนเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ ต้าหลัวเซียนอาภรณ์เปื้อนเลือด”

เยี่ยเว่ยหมิงท่องคาถาช้ามาก กล่าวได้ว่าชะงักทุกตัวอักษร แม้จะเป็นเพียงคาถาเพียงห้าสิบห้าตัว เขากลับใช้เวลาอ่านไปแล้วหนึ่งนาทีกว่า

ซึ่งบรรดาผู้เล่นเมื่อเห็นเขาแสดงเช่นนี้ แต่ละคนก็อึ้งไปตามๆ กัน

จะว่าไปแล้ว นี่พวกเราเล่นเกมเดียวกันอยู่หรือเปล่า

ตอนนี้ฝั่งพวกเรายังคิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สุดยอดวิชาบู๊ลิ้มมาสักวิชาหนึ่ง แต่ฝั่งพวกเจ้าเริ่มเล่นค่ายกลกระบี่กันแล้วหรือ

ทั้งยังเป็นค่ายกลกระบี่เทพสังหารอีก มารดาเจ้าเถอะ!

ต่อให้ใช้ระบบโกง แต่ก็คงไม่มีใครทำได้แบบเจ้าหรอกมั้ง

หากนี่คือค่ายกลกระบี่เทพสังหารจริง ก็ถือว่าไม่ใช่การใช้ระบบโกงแล้ว แต่เป็นการอาศัยความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ต่างหาก

“ค่ายกลกระบี่เทพสังหาร สำเร็จ!”

ขณะที่ทุกคนยังตกใจไม่หาย กระบี่สี่เล่มที่เยี่ยเว่ยหมิงควบคุมให้หมุนวนรอบๆ ก็ตกลงมาอย่างเชื่องช้า จากที่หมุนวนอยู่เหนือศีรษะเขา ก็กลายเป็นหมุนวนอยู่รอบกายเขาแทน

เมื่อได้เห็นฉากนี้ เลี้ยงบาสลงห่วงกับเครื่องสังหารรุ่นสามพันก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรวู่วาม

แต่ละคนสีหน้าแข็งค้างโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงรอรับท่าไม้ตายครั้งต่อไปของเยี่ยเว่ยหมิง

ทว่าตอนที่ทุกคนคิดว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะควบคุมกระบี่สี่เล่มนี้ให้โจมตีด้วยกระบวนท่าที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เขากลับกวักมืออย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นกระบี่ทองปัวสวิน กระบี่รอยมังกรและกระบี่แสงทองก็ทยอยตกกลับเข้ามาในมือเขา แล้วเขาก็เก็บเข้ากระเป๋าอีกครั้ง ในมือเหลือเพียงกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงเท่านั้น เขาใช้มันชี้ไปหาคู่ต่อสู้ทั้งสองคน

“ข้าว่านะ” เมื่อเห็นสีหน้าตะลึงงันของทั้งสอง เยี่ยเว่ยหมิงก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ “พวกเจ้าสองคนคงคิดจริงๆ สินะว่าข้าจะใช้ ‘ค่ายกลเทพสังหาร’ โธ่ ขอร้องล่ะ! ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เป็นเกมที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพ จะมีวิธีการสมัยบรรพกาลเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเจ้าจินตนาการเก่งเกินไปจริงๆ!”

อืม หลังจากทำการแสดงอยู่ตั้งนาน ในที่สุด ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ ก็ทำให้พลังชีวิตของเขากลับมาเต็มแล้ว!

แม้แต่กำลังภายในที่ใช้ต่อเนื่องไม่หยุด ก็ยังเหลือแปดส่วนขึ้นไปเหมือนเดิม

ผลของการโอ้อวดครั้งนี้ กล่าวได้ว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ!

“นี่เจ้ากำลังปั่นหัวพวกเราเล่น!” เครื่องสังหารรุ่นสามพันเดือดดาล ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว พลันพุ่งตัวมาข้างหน้า ใช้กระบี่ล้ำค่าในมือโจมตีท่าไม้ตายต่อเนื่องเจ็ดกระบวนท่า

การโจมตีของเขา บางครั้งก็ดุดันรวดเร็ว บางครั้งก็เปลี่ยนแปลงเดายาก บางครั้งก็ทั้งแข็งแกร่งทั้งนุ่มนวล เชื่อมต่อหยินหยาง กล่าวได้ว่าอัศจรรย์มาก!

ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงอาศัยค่าสเตตัสความว่องไวที่เหนือกว่าของตนเอง ใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ แก้ท่าไม้ตายของอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า

อวิ๋นเหมี่ยนที่อยู่ฝั่งสำนักอู่ตังกลับขมวดคิ้ว “ทักษะยุทธ์ที่เจ้าเครื่องสังหารรุ่นสามพันนั่นใช้ เหมือนจะเป็นวิชาดาบก็ไม่ใช่ เหมือนจะเป็นวิชากระบี่ก็เชิง ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าจะใช้ดาบหรือกระบี่ก็แสดงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของท่าไม้ตายได้ทั้งนั้น! แต่หากเปลี่ยนมาใช้ดาบ ก็จะได้ทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง” ไอรีนโนเวล

“ที่เจ้าพูดไม่ผิดเลยสักนิด” จางซานเฟิงได้ยินแล้วพยักหน้าเบาๆ แล้วอธิบายว่า “เคล็ดวิชานี้ข้าเองก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่กลับเดาออกว่ามีที่มาอย่างไร”

“อืม?” เมื่อได้ยินจางซานเฟิงกล่าวเช่นนี้ อินหลีถิงที่อยู่ข้างๆ ก็ซักไซ้ต่อ “เคล็ดวิชานี้มีที่มาอย่างไรหรือขอรับ”

สำหรับคำถามของลูกศิษย์ จางซานเฟิงก็ยินดีให้ความรู้เช่นกัน กล่าวอธิบายอย่างเนิบช้าว่า “ในศิษย์รุ่นสองของสำนักเอ๋อเหมย เคยปรากฏวิทยายุทธ์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน คนคนนี้มีวิชาติดตัวมาตั้งแต่ก่อนคำนับตัวเป็นศิษย์ ก่อนเข้าสำนักก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธภพอยู่แล้ว หลังจากได้เรียนเคล็ดกระบี่อันยอดเยี่ยมของสำนักเอ๋อเหมย ก็นำวิชาดาบที่ตนเองเคยเรียนมารวมกับเคล็ดกระบี่ สร้าง ‘ดาบกระบี่ คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า’ ที่มีพลังทำลายล้างน่าทึ่ง!”

ซ่งหย่วนเฉียวที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วอดอึ้งไม่ได้ “สำนักเอ๋อเหมยยังมียอดฝีมือระดับนี้อยู่ด้วยหรือ เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”

จางซานเฟิงส่ายหน้า “หลังจากคำนับตัวเป็นศิษย์เอ๋อเหมยแล้ว คนผู้นั้นก็ไม่เคยท่องยุทธภพอีกเลย เจ้าย่อมไม่เคยได้ยินชื่อเขาอยู่แล้ว แม้แต่ข้าเอง ก็เคยได้ยินจอมยุทธ์หญิงกัวเซียงเอ่ยถึงเพียงครั้งเดียว”

จางซานเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสริม “วิทยายุทธ์ประหลาดนั่นของสำนักเอ๋อเหมยชื่อว่าตู๋กูอี้เหอ ตอนนี้ตายไปแล้ว เดิมทีนึกว่า ‘คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า’ จะหายสาบสูญไปแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะอยู่กันคนละยุค นับเป็นวาสนาของเอ๋อเหมยเช่นกัน”

ตอนที่จางซานเฟิงให้ความรู้เรื่องวิทยายุทธ์กับลูกศิษย์ เยี่ยเว่ยหมิงก็ต้านการโจมตีโหดของอีกฝ่ายได้ต่อเนื่องเจ็ดกระบวนท่า ตอนนี้เพิ่งจะเจอโอกาส จึงใช้ท่า ‘กวาดหิมะต้มชา’ ใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ พร้อมเสริมด้วย ‘หนึ่งปราณแปรสาม’ โจมตีจนอีกฝ่ายถอยออกไป

ขณะเดียวกันนี้เอง ในกลุ่มของสำนักหัวซาน จู่ๆ ก็ได้ยินเซียนอวี๋ทงตะโกน “ระวัง!”

ทว่า เขาเตือนช้าเกินไปแล้ว!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้กำลังทั้งหมดโจมตีเครื่องสังหารรุ่นสามพัน เลี้ยงบาสลงห่วงก็ได้โอกาสเช่นกัน ใช้ท่าทลายกระบี่แทงไปยังหัวใจของเยี่ยเว่ยหมิง แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่กวาดเข้ามาต้านไว้

จากนั้น ก็ได้ยินเสียง ฉึก ปลายกระบี่กึ่งโปร่งแสงโผล่ออกมาจากหัวใจเขา

-103264!

กระบี่ไร้ลักษณ์!

ท่ากระบี่แยกจาก!

ที่แท้ ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยเว่ยหมิงแสร้งทำตัวเหมือนใช้ ‘ค่ายกลกระบี่เทพสังหาร’ ก็เพียงเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้นเอง

ตอนที่กำลังแสดงฝีมือ เขายังแอบปล่อยกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เพิ่งฝึกมาใหม่ออกไปด้วย เพราะพลานุภาพของ ‘ค่ายกลกระบี่เทพสังหาร’ น่าตกตะลึงเกินไป จึงไม่มีใครสังเกตเห็นกระบี่ยาวโปร่งแสงเล่มนี้

แล้วก็กลายเป็นอย่างนี้ กระบี่เล่มนี้กลายเป็นไพ่ลับอีกใบของเยี่ยเว่ยหมิง พอเผยไพ่ออกมากะทันหัน ก็ปลิดชีพศัตรูที่ค่าพลังชีวิตไม่เต็มได้ในชั่วพริบตาเดียว!

พอเก็บกระบี่ไร้ลักษณ์ เยี่ยเว่ยหมิงก็หันกลับไปมองเครื่องสังหารรุ่นสามพันแล้วอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “ที่เจ้าโจมตีเมื่อครู่นี้ ทำไมเจ้าหยุดกลางคัน ถ้าเจ้าใช้เคล็ดกระบี่นี้ต่อไป ตอนนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครจะชนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เครื่องสังหารรุ่นสามพันก็ทำเสียงฮึดฮัด แล้วถามอย่างกลุ้มใจ “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำอย่างนั้นหรือ”

ตอนนี้สุดยอดวิชาส่วนใหญ่เป็นฉบับไม่สมบูรณ์ ‘คู่สังหารดาบกระบี่สี่สิบเก้าท่า’ ที่เครื่องสังหารรุ่นสามพันเรียนมาก็ไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์เช่นกัน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงขออภัยก็แล้วกัน” ระหว่างที่คุยกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็เหยียดกระบี่ออกมาอีกครั้ง

เครื่องสังหารรุ่นสามพันที่ไม่มีไพ่ลับเหลืออยู่แล้ว หลังจากพยายามต้านสามกระบวนท่า สุดท้ายก็เหมือนกับเพื่อนอีกสี่คนที่เหลือ กลับไปรายงานตัวที่จุดฟื้นชีพแล้ว

Penta Kill!

Nice!

สุดยอด!

[ติ๊ง! คุณทำภารกิจ ‘Penta Kill’ สำเร็จ ได้รับรางวัลภารกิจ: เลเวลกฎเต๋า +1!]

[ติ๊ง! เลเวลกฎเต๋าของคุณเพิ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้เลเวลกฎเต๋าของคุณคือ 9!]

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเอาชนะทั้งหมดได้แล้ว ยังไม่ทันได้ดูค่าสเตตัสกฎเต๋าหลังจากเพิ่มเลเวลแล้ว ในบรรดากลุ่มคนที่มามุงดู จู่ๆ ก็มีเสียงเด็กชายตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด