ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 290 แหวนหยกดำเทียนขุย

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 290 แหวนหยกดำเทียนขุย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 290 แหวนหยกดำเทียนขุย

ตอนแรกที่อยู่หุบเขาน้ำเต้าโลหิต เยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจขอเข็มพิษที่ชุบ ‘ยาตัดวิญญาณ’ เล่มนี้มาจากสะพานสวรรค์น้อยเพื่อรับมือกับกระบี่อิงฟ้าของอาต้า

เพียงแต่ตอนนั้นมีหลายสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้ใช้งานมัน ตอนหลังก็ไม่มีโอกาสเหมาะให้ใช้งานเลยเช่นกัน

อย่างไรเสีย สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ค่าสเตตัสลดพลังชีวิตคู่ต่อสู้หกหมื่นแต้มภายในสามนาทีของยาตัดวิญญาณก็ค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพียงแต่จะทิ้งก็เสียดาย

BOSS ที่ตายเพราะถูกพิษแบบนี้ได้ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช้วิธีการนี้ก็บุกเดี่ยวสังหารได้อยู่ดี

แต่ถ้าเป็น BOSS ที่เยี่ยเว่ยหมิงสู้ไม่ชนะ ต่อให้หักค่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายไปหกหมื่นแต้ม แต่ก็ยังสู้ไม่ชนะอยู่ดี

เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษอย่างวันนี้ เข็มพิษที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ก็สร้างผลงานใหญ่ได้พอดี

การต่อสู้หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเอ่ยถึงแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงนอกจากค่าพลังชีวิตไม่เยอะเท่า BOSS แต่ค่าสเตตัสอย่างอื่นก็พอใช้สู้กับ BOSS เลเวลหกสิบห้าอย่างหลี่เปียวได้ ในสถานการณ์ที่ค่าสเตตัสของเขาถูกหักสิบเปอร์เซ็นต์ และค่าสเตตัสของอีกฝ่ายถูกหักสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เขาก็มีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์!

ตอนนี้กลยุทธ์อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว

ขอเพียงฉวยโอกาสเอาชีวิตหลี่เปียวตอนป่วย โจมตีให้ถึงตายก็ถูกต้องแล้ว

[ติ๊ง! คุณโจมตีสังหารหลี่เปียว BOSS โหมดปกติ เลเวลหกสิบห้าสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 500000 แต้ม ค่าตบะ 120000 แต้ม!]

[ประกาศกิจกรรม: ในการประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เข้าร่วมประลองสังกัดกระบี่วีรสตรีใช้เวลาในระหว่างกิจกรรมโจมตีหลี่เปียว BOSS โหมดปกติเลเวลหกสิบห้าสำเร็จเพียงลำพัง ได้รับคะแนนสะสมกิจกรรม 100000 แต้ม!]

[ประกาศระบบ: เยี่ยเว่ยหมิงผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ โจมตีสังหารหลี่เปียว BOSS โหมดปกติเลเวลหกสิบห้า…]

เรื่องที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าหลี่เปียวคนนี้จะเป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติคนหนึ่ง

แต่เขานึกได้ว่าเจ้าหมอนี่ไม่เคยโผล่มาในกลยุทธ์ที่อินปู้คุยเขียนให้เขาเลย คงจะเป็นตัวละครที่นักออกแบบเกมแต่งขึ้นมาชั่วคราวในเนื้อเรื่อง เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจแล้ว

อย่างไรเสีย BOSS แบบนี้ ระบบที่มีความสามารถในการสร้างตัวละครอยากจะสร้างขึ้นมาเท่าไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ต่อให้ตอนหลังจัดการประลองยุทธ์เจ็ดสังกัดเป็นครั้งที่สอง แต่ก็มี BOSS คนใหม่มาแทนที่หลี่เปียวได้เช่นเดิม

เมื่อไม่มีหลี่เปียว ก็เปลี่ยนเป็นหลิวหงได้อยู่แล้ว หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นจีนกินเนื้อร่ำสุราก็ได้เช่นกัน

ออกแบบไปเรื่อยเปื่อยละมั้ง ทำให้เรื่องราวให้โตขึ้นหน่อย?

ประกาศกิจกรรมกับกับประกาศระบบดังขึ้นต่อเนื่องสามครั้ง ประกาศบุกเดี่ยวสังหารแบบนี้ย่อมเรียกเสียงฮือฮาจากคนในเกมไม่น้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นที่เข้าร่วมการประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด

เยี่ยเว่ยหมิงแค่ใช้เท้าเตะศพหลี่เปียวหนึ่งทีก็จบขั้นตอนการคลำศพแล้ว

[ฝ่ามือทรายพิษ (ระดับกลาง) วิชาฝ่ามือพิษร้ายที่่แพร่หลายในยุทธภพแต่มีคนฝึกน้อยมาก เงื่อนไขการฝึก: พละกำลัง 80 ความแข็งแกร่ง 80 กำลังภายในสูงสุด 1000]

[รองเท้าจอมยุทธ์ (ทองคำ) รองเท้าของยอดฝีมือบู๊ลิ้ม แข็งแรงทนทาน ทั้งยังว่องไวมาก ท่าร่าง +100 ความว่องไว +30]

[นวมหวั่งเหลี่ยง (ทองคำ) นวมที่ทำจากสูตรลับของเผ่าม้ง พิษร้ายแรงไร้ที่เปรียบ โจมตี +360 ป้องกัน +100 โจมตีติดดาเมจธาตุพิษ 100 แต้ม! ]

[แหวนหยกดำเทียนขุย ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซานเทียนขุยซิง หรือซ่งเจียง ฉายา ‘ซานหลางผู้เที่ยงธรรม พิรุณทันกาล ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม’ ทักษะประเภทความคิด +1 ค่าความรู้สึกดีของ NPC +10! ]

ไอเทมดรอปของหลี่เปียวก็นับว่าได้มาตรฐานเช่นกัน แม้จะไม่ได้ดรอปวิทยายุทธ์ระดับสูง แต่ด้วยฐานะตัวประกอบของเขา เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่เขาดรอปอาวุธล้ำค่าได้หนึ่งชิ้น ทั้งยังมีไอเทมประเภทเครื่องประดับหายาก เท่านี้ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงดีใจเหนือความคาดหมายแล้ว

แม้อุปกรณ์ชิ้นนี้จะดูเหมือนไม่ได้ช่วยเพิ่มทักษะต่อสู้ได้จริง แต่ทักษะประเภทความคิดประจำตัวเยี่ยเว่ยหมิงอย่าง ‘คำนวณ’ กับ ‘กฎเต๋า’ ก็ล้วนมีผลช่วยเสริมพลังต่อสู้ได้

อย่างน้อยก็ดีกว่า ‘แหวนกระบี่อวิ๋นไถ’ ที่เป็นอุปกรณ์สีเขียวพวกนั้น

ส่วนค่าสเตตัสค่าความรู้สึกดีของ NPC +10 ก็ยิ่งดูคล้ายกับ BUG เปรียบเสมือนเครื่องมือชั้นดีในการทำภารกิจ!

เมื่อพกสิ่งนี้ติดตัว แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้ NPC เห็นเขาแล้วก้มหน้าคำนับ แต่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเขาจะต้องดีกว่าปฏิบัติกับคนเดินถนนทั่วไปแน่นอน

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ NPC ในความหมายนี้ไม่ได้จำกัดเพียงสำนักฝ่ายธรรมะ หรือสำนักฝ่ายอธรรมเท่านั้น หรือพูดได้อีกอย่างว่าค่าสเตตัสรายการนี้ใช้ได้กับ NPC ทุกคน!

ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ใส่อุปกรณ์เดี๋ยวนี้

ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือก็ดีไม่เท่าอุปกรณ์ที่อยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงสักชิ้น เขาเองก็ไม่ได้ดูอย่างละเอียดอีก นำของทั้งหมดใส่ในกระเป๋าสัมภาระในรวดเดียว วางแผนว่ากลับไปค่อยจัดการพร้อมกันทีเดียว

เยี่ยเว่ยหมิงมองศพหลี่เปียวที่อยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วก็มองฉินหนานฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ไกล เยี่ยเว่ยหมิงตกอยู่ในความลังเลอีกครั้ง

BOSS เลเวลหกสิบห้าคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นศพ BOSS ร่างแท้โหมดปกติ คุณภาพของตำราลับตระหนักรู้ที่ได้มาก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว อิงตามวิธีคิดปกติ ศพนี้ควรบรรจุลงโลงไม้หนานมู่ลวดทองถึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด

แต่ปัญหาก็คือ ตอนที่เก็บศพผู้เฒ่าฉินก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงใช้เพียงโลงไม้หวงฮว่าเท่านั้น อีกทั้งศพพร้อมโลงใบนี้ก็ล้วนมอบให้ฉินหนานฉินเพื่อแสดงน้ำใจทั้งนั้น

ตอนนี้ถ้าให้นางเห็นว่าตนใช้โลงศพที่ประณีตกว่ามาเก็บศพเจ้าไข่เน่าที่ก่อกรรมทำชั่ว เช่นนั้นน้ำใจที่เขาเก็บศพผู้เฒ่าฉินก่อนหน้านี้ก็จะถูกหักคะแนนไปเยอะมากแน่นอน

ไม่ต้องกังวลว่าจะละเลยหรือไม่ กังวลว่าจะเท่าเทียมหรือไม่ดีกว่า!

หลังจากลังเลอยู่สองวินาทีเต็มๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังนำโลงไม้หวงฮว่ามาใช้เก็บศพของหลี่เปียวแล้ว

แม้ผลตอบแทนสิบเปอร์เซ็นต์จากการเก็บศพบอสโหมดปกติเลเวลหกสิบห้าจะสำคัญ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็เชื่อว่าความซาบซึ้งใจของฉินหนานฉินมีค่ากว่าสิ่งนี้

สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เป็นเพราะนางคือมารดาของหยางกั้ว!

ต่อให้ผลตอบแทนชั่วคราวนี้จะยังใช้งานจริงตอนนี้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะต้องได้รับการชดเชยที่น่าพอใจแน่นอน

ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ ×1!

ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาพิษ’ ×1!

ได้รับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ×1!

ได้ตำราลับตระหนักรู้เข้ากระเป๋าอีกสามเล่ม เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยู่ต่อแล้ว พาฉินหนานฉินออกจากศาลาว่าการอำเภอทันที

ตอนนี้ ดวงอาทิตย์ทางฝั่งตะวันตกลับขอบภูเขาแล้ว แสงสีเพลิงปกคลุมขอบฟ้า

……

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงสังหารร่างแท้ของหลี่เปียวแล้ว คะแนนสะสมก็เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งแสนแต้ม ทำลายความคิดที่จะช่วงชิงรางวัลชนะเลิศและสิทธิ์การประลองของคนอื่นๆ ทั้งสังกัดกระบี่วีรสตรีโดยสิ้นเชิงแล้ว

ตอนนี้ ถ้ามีใครสังหารลูกสมุนกับหัวโจกบนเขาทรายพิษที่เหลืออยู่ทั้งหมด บางทีอาจมีโกาสช่วงชิงอันดับคะแนนสะสมกับเขาได้บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

เพราะมอนสเตอร์ที่นั่นมีคนเกือบหนึ่งพันกำลังแย่งกัน!

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่กุมชัยชนะไว้ได้อย่างมั่นคง ก็ไม่มีความคิดจะกลับไปแย่งซดน้ำแกงกับคนพวกนั้นอีก

เขาที่รู้เนื้อเรื่องของสตรีมีครรภ์อย่างฉินหนานฉิน ยังเลือกส่งนางกลับบ้านก่อน ทั้งยังร่วมฝังศพผู้เฒ่าฉินด้วยกันกับนาง ด้วยความที่ฝึกฝนจนชำนาญ ทักษะของเขาไม่ได้มีไว้อวดอย่างเดียว

เขาตกแต่งหลุมศพใหม่จนโอ่อ่าสง่างาม ทำให้มารดาของหยางกั้วพอใจมาก

“สหายเยี่ย” หลังจากผ่านบุญคุณช่วยชีวิตไปครั้งหนึ่ง กอปรกับโบนัสค่าสเตตัสของแหวนหยกดำเทียนขุย จากตอนแรกที่เรียกเยี่ยเว่ยหมิงว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ตอนนี้ฉินหนานฉินเปลี่ยนเป็นเรียกว่าสหายเยี่ยแล้ว นี่ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่

อย่างไรเสียสำหรับสตรีอย่างนาง คำว่าสหายนั้นไม่ได้เรียกกันส่งเดชได้เหมือนพวกผู้กล้าเขาเหลียงซาน

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงหันกลับมา ฉินหนานฉินก็ฝืนข่มความเศร้าโศก แล้วคลี่รอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านมีบุญคุณช่วยชีวิตอีกครั้งแล้ว ฉินหนานฉินไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ตำราอาหารนี้แม้จะไม่ใช่ของล้ำค่า แต่คือของที่ดีที่สุดที่ข้าจะนำออกมาได้แล้ว หวังว่าสหายเยี่ยจะไม่รังเกียจ”

เยี่ยเว่ยหมิงรับมาดู

[งานกินเลี้ยงงู บันทึกตำราอาหารจานร้อนและอาหารจานเย็นสิบแปดอย่างที่ปรุงโดยเนื้องู รวมทั้งสูตรสุราโอสถอย่างสุราเลือดงูกับสุราดีงู! ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด