ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเดินตามหลังทหารยามหมู่บ้านภูเขาเลเวลยี่สิบเข้ามาในหมู่บ้านรั่วหวา กลับเห็นทิวทัศน์ในหมู่บ้านงดงามเป็นพิเศษ ดอกเหมยเบ่งบานอยู่แทบทั่วทุกซอกทุกมุม

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ที่นี่ก็ไม่เหมือนถ้ำเสือบ่อมังกร[1] กลับเหมือนดินแดนในอุดมคติมากกว่า

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ประมาทเลยสักนิด แค่ประเมินจากภารกิจระดับหกดาวอย่างเดียว ก็เพียงพอจะอธิบายได้แล้วว่าสถานที่นี้ไม่เป็นมิตรแน่นอน!

เพื่อเพิ่มโอกาสชนะสูงสุดให้เขาในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนี้ ระหว่างที่เดินทางและอาหวงผ่อนความเร็ว เขาถือโอกาสใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดที่ได้จากซาทงเทียนและโหวทงไห่ก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว

ค่าประสบการณ์ของกำลังภายในที่ได้รับ ทำให้ค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเป็น 31500/32000 ในรวดเดียว

ได้ตัวเลขสูงขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เขาใช้ค่าตบะที่เหลือเติมเข้าไป อัปเลเวลมันให้ถึงหกเสียเลย

[เคล็ดวิชาจักรวาล (ระดับสูง)]

เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 0/64000

……

พลังชีวิต +1200

กำลังภายใน +3000

ความแข็งแกร่ง +180

พละกำลัง +180

ท่าร่าง +180

ความว่องไว +180

เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ชำระปราณ

……

ส่วนค่าประสบการณ์วิชาตัวเบา ก็นำมาใช้ได้กับ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เท่านั้น หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้หมดไปสองเล่ม ก็ทำให้วิชาตัวเบานี้เพิ่มถึงเลเวลเจ็ดทันที

[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)]

……

เลเวล: 7 (+1)

ค่าประสบการณ์: 0/32000

ท่าร่าง +140 (+20)

(ในวงเล็บเป็นเลเวลสกิลรวมทั้งโบนัสค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเพราะอาศัยอุปกรณ์)

……

ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ สองเล่ม หลังจากใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ก็แบ่งเพิ่มไปบนทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ กับ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ แล้ว

เล่มแรกทำให้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ทำให้ค่าสเตตัสเปลี่ยนเป็น…

[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)]

……

เลเวล: 4

ค่าประสบการณ์: 3350/10000

โจมตี +40%

แม่นยำ +40%

คริติคอลดาเมจ +40% โจมตีถูกจุดสำคัญมีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%!

มองจากภาพรวม ค่าสเตตัสของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ที่เพิ่มเป็นเลเวลสี่ ก็คือการเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนทีละเลเวล ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ

สิ่งที่สำคัญที่สุดในค่าสเตตัสก็คือตรงที่บอกว่า ‘มีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%’ ไม่ได้เพิ่มขึ้น

แต่การเพิ่มเลเวลของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ครั้งนี้ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงล้มเลิกแผนที่จะเรียนวิทยายุทธ์ ‘ทวนล่าชีพ’ และใช้งานดาบสองคมสามแฉกโดยสิ้นเชิงแล้ว

อย่างไรเสีย ทุกทักษะที่เขาเรียนเพิ่มขึ้นมา ก็ใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันกับตำราลับแทนได้ หากนำอาวุธทั้งหมดมาเรียน เช่นนั้นจะยังอัปเลเวล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ได้อย่างไรอีก

ยิ่งไปกว่ากัน หากอาศัยแค่ ‘ทวนล่าชีพ’ ระดับต้นเล่มเดียว ต่อให้เหมาะสมกับค่าสเตตัสโหดๆ ของดาบสองคมสามแฉก แต่ก็อาจจะไม่ทำให้เนื้อแท้ของความสามารถเขาเพิ่มขึ้นอยู่ดี

มีผลเสียมากกว่าผลดี!

พิจารณาขายสองสิ่งนี้ทิ้ง แลกเป็นเงินมาซื้อโลงศพเก็บไว้มากๆ ดีกว่า

ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ เล่มสุดท้าย หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์อาวุธยาว 12000 แต้ม เมื่อเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันแล้วก็กลายเป็นค่าประสบการณ์ 3750 แต้มของ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ หากเทียบกับค่าประประสบการณ์ 50000 แต้มที่ต้องใช้ในการอัปเลเวล ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ก็เปรียบเหมือนน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[2] ยังอยู่ห่างจากการอัปเลเวลอีกไกล

หลังจากใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดแล้ว ต่อให้ความสามารถโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้มีความมั่นใจกับภารกิจต่อไปมากขึ้น

……

ตลอดทางที่เดินตามหลังทหารยาม เยี่ยเว่ยหมิงแสร้งทำเป็นเหลียวซ้ายแลขวาชมทิวทัศน์ แต่ความจริงแล้วกำลังจดจำสภาพพื้นที่รอบข้างเงียบๆ อยู่ในใจ จะได้รับมือกับเหตุการณ์กะทันหันได้สะดวก

[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชิดมุมประตูหน้าต่างปิดสนิท ต้นเหมยหลายต้นที่อยู่รอบๆ เหี่ยวเฉาหมดแล้ว ดูวังเวงมืดครึ้ม แปลกประหลาดมาก]

สถานที่ที่ดูประหลาดชัดเจนขนาดนี้ ต่อให้ระบบไม่แจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็สังเกตได้อยู่ดีว่ามีปัญหา

ถึงขนาดว่านอกจากข้อสงสัยที่ระบบแจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังพบจุดที่น่าสงสัยอย่างอื่นด้วย

นั่นก็คือทหารยามหมู่บ้านภูเขาที่กำลังนำทางให้เขา ตอนเดินเข้าใกล้บ้านหลังนี้ เจ้าตัวตั้งใจกดเสียงลมหายใจให้เบาลง ร่างกายดูแข็งทื่อเล็กน้อย ก้าวเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ราวกับในบ้านนั้นซ่อนปีศาจร้ายกินคนเอาไว้ตนหนึ่ง พร้อมจะกระโจนออกมากินเขาทุกเมื่อ!

เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่างในใจ แล้วแสร้งถามเหมือนไม่ตั้งใจ “บ้านข้างหน้าดูแปลกมาก ในนั้น…”

“ชู่!” ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ ทหารยามที่นำทางรีบหันกลับมา ทำสัญญาณมือบอกให้เขาเงียบ จากนั้นข่มเสียงเบาพูดอย่างดุร้าย “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างจากบ้านหลังนั้นหน่อย อย่าเที่ยวสืบข่าวซี้ซั้ว แสร้งทำเป็นไม่เห็นก็พอ!”

เมื่อเห็นเขามีท่าทางระมัดระวังขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งแน่ใจว่าบ้านหลังนี้มีปัญหาแน่นอน!

แต่ถ้าอยากถามข่าวอะไรจากปากเจ้าหมอนี่ ดูท่าคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะล้วงข้อมูลจากปากอีกฝ่าย ได้แต่เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในจุดลึกของหมู่บ้านภูเขาเงียบๆ

หลังจากเดินผ่านเรือนขนาบข้างอีกหลังหนึ่ง ทหารยามร่างกำยำพาเยี่ยเว่ยหมิงไปหยุดอยู่หน้าตึกศาลาสองชั้นหลังหนึ่ง แล้วก้าวเข้าไปตะโกนเสียงดัง “แม่นางฉิน จวนท่านอ๋องน้อยส่งคนมาพบท่าน”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงอันเย็นชาดังมาจากข้างใน “เข้ามาเถอะ”

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้กลับเริ่มขมวดคิ้ว

ดูจากท่าทีที่ทหารยามมีต่อคนในบ้าน เหมือนอีกฝ่ายจะมีฐานะสูงมากในหมู่บ้านนี้

นางยังต้องการให้คนอื่นช่วยอีกหรือ

ตอนนี้ ทหารยามเปิดประตูออกมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างในด้วยความสงสัย จากนั้นก็เห็นสตรีชุดขาวผมยาวคลุมบ่ากำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เหมือนกำลังชมทิวทัศน์ด้านนอก

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสอง สตรีชุดขาวก็หันตัวกลับมา ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแอบกล่าวชมในใจ ช่างเป็นผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์!

อาภรณ์ขาว ตัวก็ยิ่งขาว!

ผิวกายของนางขาวหมดจดจนขาดเลือดฝาดอย่างที่ควรจะมี ทำให้คนรู้สึกว่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ด้วยเหตุนี้เอง จึงกระตุ้นให้ผู้ชายเกิดความรักและสงสารได้ง่าย

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอีกฝ่าย สายตาของสตรีชุดขาวผู้นี้ก็มองมาที่เขาเช่นกัน แต่กลับมองเขาอย่างเย็นชาแวบเดียว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย “มีเรื่องอะไรหรือ”

แม่สาวน้อยคนนี้อวดดีจริงๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่เพื่อไม่ให้ถูกทั้งบ้านหยางกั้วไล่สังหาร จึงอดทนถามว่า “ท่านคือแม่นางฉินหนานฉินหรือ”

สตรีชุดขาวได้ยินแล้วอดงุนงงไม่ได้ แต่ยังพยักหน้าตอบ “ไม่ผิดหรอก เป็นข้าเอง”

“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ท่านอ๋องน้อยสั่งให้ข้าคุยเรื่องบางอย่างกับแม่นางฉินเป็นการส่วนตัว พี่ใหญ่ท่านนี้ รบกวนออกไปก่อนได้หรือไม่”

“อะไรนะ!” เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ก็ไม่รอให้ฉินหนานฉินตอบ ทหารยามที่พาเขามาข้างในพลันเผยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ท่านอ๋องน้อยไม่มีทางยอมให้ชายอื่นอยู่กับแม่นางฉินตามลำพัง เจ้าโกหก!”

“อย่าอารมณ์ขึ้นสิ” เยี่ยเว่ยหมิงพูดพร้อมกวักมือเรียกอีกฝ่าย บอกใบ้ให้เขาเอาหูเข้ามาใกล้ๆ

ทหารยามคนนั้นแม้จะสงสัยในตัวเขา แต่พอนึกถึง ‘ของที่ระลึก’ ของหวันเหยียนคังที่อยู่ไม่ห่างจากมือเขา ก็ยังเข้าใกล้เยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าสงสัย

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ดีดบนขมับของอีกฝ่ายหนึ่งทีอย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย

-8211!

[1] ถ้ำเสือบ่อมังกร 龙潭虎穴 เปรียบเปรยถึงสถานที่อันตราย

[2] น้ำแก้วหนึ่งกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ 杯水车薪 หมายถึงสิ่งที่มีพละกำลังน้อยกว่ามักจะพ่ายแพ้สิ่งที่มีกำลังมากกว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเดินตามหลังทหารยามหมู่บ้านภูเขาเลเวลยี่สิบเข้ามาในหมู่บ้านรั่วหวา กลับเห็นทิวทัศน์ในหมู่บ้านงดงามเป็นพิเศษ ดอกเหมยเบ่งบานอยู่แทบทั่วทุกซอกทุกมุม

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ที่นี่ก็ไม่เหมือนถ้ำเสือบ่อมังกร[1] กลับเหมือนดินแดนในอุดมคติมากกว่า

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ประมาทเลยสักนิด แค่ประเมินจากภารกิจระดับหกดาวอย่างเดียว ก็เพียงพอจะอธิบายได้แล้วว่าสถานที่นี้ไม่เป็นมิตรแน่นอน!

เพื่อเพิ่มโอกาสชนะสูงสุดให้เขาในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนี้ ระหว่างที่เดินทางและอาหวงผ่อนความเร็ว เขาถือโอกาสใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดที่ได้จากซาทงเทียนและโหวทงไห่ก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว

ค่าประสบการณ์ของกำลังภายในที่ได้รับ ทำให้ค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเป็น 31500/32000 ในรวดเดียว

ได้ตัวเลขสูงขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เขาใช้ค่าตบะที่เหลือเติมเข้าไป อัปเลเวลมันให้ถึงหกเสียเลย

[เคล็ดวิชาจักรวาล (ระดับสูง)]

เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 0/64000

……

พลังชีวิต +1200

กำลังภายใน +3000

ความแข็งแกร่ง +180

พละกำลัง +180

ท่าร่าง +180

ความว่องไว +180

เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ชำระปราณ

……

ส่วนค่าประสบการณ์วิชาตัวเบา ก็นำมาใช้ได้กับ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เท่านั้น หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้หมดไปสองเล่ม ก็ทำให้วิชาตัวเบานี้เพิ่มถึงเลเวลเจ็ดทันที

[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)]

……

เลเวล: 7 (+1)

ค่าประสบการณ์: 0/32000

ท่าร่าง +140 (+20)

(ในวงเล็บเป็นเลเวลสกิลรวมทั้งโบนัสค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเพราะอาศัยอุปกรณ์)

……

ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ สองเล่ม หลังจากใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ก็แบ่งเพิ่มไปบนทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ กับ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ แล้ว

เล่มแรกทำให้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ทำให้ค่าสเตตัสเปลี่ยนเป็น…

[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)]

……

เลเวล: 4

ค่าประสบการณ์: 3350/10000

โจมตี +40%

แม่นยำ +40%

คริติคอลดาเมจ +40% โจมตีถูกจุดสำคัญมีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%!

มองจากภาพรวม ค่าสเตตัสของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ที่เพิ่มเป็นเลเวลสี่ ก็คือการเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนทีละเลเวล ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ

สิ่งที่สำคัญที่สุดในค่าสเตตัสก็คือตรงที่บอกว่า ‘มีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%’ ไม่ได้เพิ่มขึ้น

แต่การเพิ่มเลเวลของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ครั้งนี้ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงล้มเลิกแผนที่จะเรียนวิทยายุทธ์ ‘ทวนล่าชีพ’ และใช้งานดาบสองคมสามแฉกโดยสิ้นเชิงแล้ว

อย่างไรเสีย ทุกทักษะที่เขาเรียนเพิ่มขึ้นมา ก็ใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันกับตำราลับแทนได้ หากนำอาวุธทั้งหมดมาเรียน เช่นนั้นจะยังอัปเลเวล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ได้อย่างไรอีก

ยิ่งไปกว่ากัน หากอาศัยแค่ ‘ทวนล่าชีพ’ ระดับต้นเล่มเดียว ต่อให้เหมาะสมกับค่าสเตตัสโหดๆ ของดาบสองคมสามแฉก แต่ก็อาจจะไม่ทำให้เนื้อแท้ของความสามารถเขาเพิ่มขึ้นอยู่ดี

มีผลเสียมากกว่าผลดี!

พิจารณาขายสองสิ่งนี้ทิ้ง แลกเป็นเงินมาซื้อโลงศพเก็บไว้มากๆ ดีกว่า

ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ เล่มสุดท้าย หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์อาวุธยาว 12000 แต้ม เมื่อเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันแล้วก็กลายเป็นค่าประสบการณ์ 3750 แต้มของ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ หากเทียบกับค่าประประสบการณ์ 50000 แต้มที่ต้องใช้ในการอัปเลเวล ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ก็เปรียบเหมือนน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[2] ยังอยู่ห่างจากการอัปเลเวลอีกไกล

หลังจากใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดแล้ว ต่อให้ความสามารถโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้มีความมั่นใจกับภารกิจต่อไปมากขึ้น

……

ตลอดทางที่เดินตามหลังทหารยาม เยี่ยเว่ยหมิงแสร้งทำเป็นเหลียวซ้ายแลขวาชมทิวทัศน์ แต่ความจริงแล้วกำลังจดจำสภาพพื้นที่รอบข้างเงียบๆ อยู่ในใจ จะได้รับมือกับเหตุการณ์กะทันหันได้สะดวก

[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชิดมุมประตูหน้าต่างปิดสนิท ต้นเหมยหลายต้นที่อยู่รอบๆ เหี่ยวเฉาหมดแล้ว ดูวังเวงมืดครึ้ม แปลกประหลาดมาก]

สถานที่ที่ดูประหลาดชัดเจนขนาดนี้ ต่อให้ระบบไม่แจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็สังเกตได้อยู่ดีว่ามีปัญหา

ถึงขนาดว่านอกจากข้อสงสัยที่ระบบแจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังพบจุดที่น่าสงสัยอย่างอื่นด้วย

นั่นก็คือทหารยามหมู่บ้านภูเขาที่กำลังนำทางให้เขา ตอนเดินเข้าใกล้บ้านหลังนี้ เจ้าตัวตั้งใจกดเสียงลมหายใจให้เบาลง ร่างกายดูแข็งทื่อเล็กน้อย ก้าวเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ราวกับในบ้านนั้นซ่อนปีศาจร้ายกินคนเอาไว้ตนหนึ่ง พร้อมจะกระโจนออกมากินเขาทุกเมื่อ!

เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่างในใจ แล้วแสร้งถามเหมือนไม่ตั้งใจ “บ้านข้างหน้าดูแปลกมาก ในนั้น…”

“ชู่!” ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ ทหารยามที่นำทางรีบหันกลับมา ทำสัญญาณมือบอกให้เขาเงียบ จากนั้นข่มเสียงเบาพูดอย่างดุร้าย “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างจากบ้านหลังนั้นหน่อย อย่าเที่ยวสืบข่าวซี้ซั้ว แสร้งทำเป็นไม่เห็นก็พอ!”

เมื่อเห็นเขามีท่าทางระมัดระวังขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งแน่ใจว่าบ้านหลังนี้มีปัญหาแน่นอน!

แต่ถ้าอยากถามข่าวอะไรจากปากเจ้าหมอนี่ ดูท่าคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะล้วงข้อมูลจากปากอีกฝ่าย ได้แต่เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในจุดลึกของหมู่บ้านภูเขาเงียบๆ

หลังจากเดินผ่านเรือนขนาบข้างอีกหลังหนึ่ง ทหารยามร่างกำยำพาเยี่ยเว่ยหมิงไปหยุดอยู่หน้าตึกศาลาสองชั้นหลังหนึ่ง แล้วก้าวเข้าไปตะโกนเสียงดัง “แม่นางฉิน จวนท่านอ๋องน้อยส่งคนมาพบท่าน”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงอันเย็นชาดังมาจากข้างใน “เข้ามาเถอะ”

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้กลับเริ่มขมวดคิ้ว

ดูจากท่าทีที่ทหารยามมีต่อคนในบ้าน เหมือนอีกฝ่ายจะมีฐานะสูงมากในหมู่บ้านนี้

นางยังต้องการให้คนอื่นช่วยอีกหรือ

ตอนนี้ ทหารยามเปิดประตูออกมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างในด้วยความสงสัย จากนั้นก็เห็นสตรีชุดขาวผมยาวคลุมบ่ากำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เหมือนกำลังชมทิวทัศน์ด้านนอก

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสอง สตรีชุดขาวก็หันตัวกลับมา ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแอบกล่าวชมในใจ ช่างเป็นผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์!

อาภรณ์ขาว ตัวก็ยิ่งขาว!

ผิวกายของนางขาวหมดจดจนขาดเลือดฝาดอย่างที่ควรจะมี ทำให้คนรู้สึกว่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ด้วยเหตุนี้เอง จึงกระตุ้นให้ผู้ชายเกิดความรักและสงสารได้ง่าย

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอีกฝ่าย สายตาของสตรีชุดขาวผู้นี้ก็มองมาที่เขาเช่นกัน แต่กลับมองเขาอย่างเย็นชาแวบเดียว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย “มีเรื่องอะไรหรือ”

แม่สาวน้อยคนนี้อวดดีจริงๆ!

เยี่ยเว่ยหมิงหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่เพื่อไม่ให้ถูกทั้งบ้านหยางกั้วไล่สังหาร จึงอดทนถามว่า “ท่านคือแม่นางฉินหนานฉินหรือ”

สตรีชุดขาวได้ยินแล้วอดงุนงงไม่ได้ แต่ยังพยักหน้าตอบ “ไม่ผิดหรอก เป็นข้าเอง”

“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ท่านอ๋องน้อยสั่งให้ข้าคุยเรื่องบางอย่างกับแม่นางฉินเป็นการส่วนตัว พี่ใหญ่ท่านนี้ รบกวนออกไปก่อนได้หรือไม่”

“อะไรนะ!” เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ก็ไม่รอให้ฉินหนานฉินตอบ ทหารยามที่พาเขามาข้างในพลันเผยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ท่านอ๋องน้อยไม่มีทางยอมให้ชายอื่นอยู่กับแม่นางฉินตามลำพัง เจ้าโกหก!”

“อย่าอารมณ์ขึ้นสิ” เยี่ยเว่ยหมิงพูดพร้อมกวักมือเรียกอีกฝ่าย บอกใบ้ให้เขาเอาหูเข้ามาใกล้ๆ

ทหารยามคนนั้นแม้จะสงสัยในตัวเขา แต่พอนึกถึง ‘ของที่ระลึก’ ของหวันเหยียนคังที่อยู่ไม่ห่างจากมือเขา ก็ยังเข้าใกล้เยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าสงสัย

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ดีดบนขมับของอีกฝ่ายหนึ่งทีอย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย

-8211!

[1] ถ้ำเสือบ่อมังกร 龙潭虎穴 เปรียบเปรยถึงสถานที่อันตราย

[2] น้ำแก้วหนึ่งกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ 杯水车薪 หมายถึงสิ่งที่มีพละกำลังน้อยกว่ามักจะพ่ายแพ้สิ่งที่มีกำลังมากกว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด