ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 499 จอมกระบี่ขาวดำ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 499 จอมกระบี่ขาวดำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 499 จอมกระบี่ขาวดำ

พอฟังถึงตรงนี้ น้องดาบถึงได้เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเยียนเค่อถึงบ่นจอมกระบี่ขาวดำว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน

เขาทนรับสองฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิง วางกับดักให้เยี่ยเว่ยหมิงทำให้เขาตาย แต่เป็นเพราะจอมกระบี่ขาวดำโผล่มากะทันหันจนทำเสียเรื่อง

เช่นนั้นสองฝ่ามือที่เขาทนรับก่อนหน้านี้ก็นับว่าสูญเปล่าแล้ว!

เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เซี่ยเยียนเค่อก็แค่บ่นสองสามคำ เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาใจกว้างขนาดไหน

แต่ทำไมจอมกระบี่ขาวดำต้องจับตัวเยี่ยเว่ยหมิงด้วยล่ะ

ในใจคิดแบบนี้ น้องดาบกลับไม่คิดจะถามอะไรเซี่ยเยียนเค่อจนเกินความจำเป็น

อย่างไรเสีย นางก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะรับสามฝ่ามือของเซี่ยเยียนเค่อได้

ดังนั้น นางจึงถามคำถามเดิมตรงๆ ว่า “โก่วจ๋าจ่งไปไหนแล้ว”

เซี่ยเยียนเค่อได้ยินแล้วตอบอย่างใจเย็น “เขาถูกคนของพรรคสุขนิรันดร์จับตัวไปแล้ว”

น้องดาบได้ยินแล้วตกใจ “ข้าก็รู้จักพรรคสุขนิรันดร์เช่นกัน ในนั้นเหมือนจะไม่มียอดฝีมือที่ร้ายกาจเท่าไรเลยนะ…

…อย่าบอกนะว่าในพรรคธรรมดาแบบนั้น ซ่อนยอดฝีมือที่มาชิงตัวคนไปได้แม้จะอยู่ใต้หนังตาท่าน”

เซี่ยเยียนเค่อได้ยินแล้วหน้าแดงด้วยความอับอายทันที ถามกลับว่า “นี่คือคำถามที่สอง เจ้าแน่ใจนะว่าจะถาม”

ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไร ว่าข้าคึกคะนองฝึกวิชาจนวิชาสลาย ถึงได้ถูกเจ้าเด็กเปรตพรรคสุขนิรันดร์เอาเปรียบ

“คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน ผู้น้อยขอตัวก่อน!”

พอพูดจบ น้องดาบก็กุมหมัดคารวะเซี่ยเยียนเค่อ แล้ใช้ท่าร่างเทพท่องร้อยแปรเปลี่ยนกระโดดลงหน้าผาหมัวเทียนไป

ขณะมองเงาร่างของน้องดาบหายไปจากสายตา เซี่ยเยียนเค่อก็ยื่นมือออกมากุมตรงหน้าอกที่เจ็บทะลุใจของตัวเอง

สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร มารดาเจ้าเถอะ โหดจริงๆ!

ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่าฝีมือของเจ้าเด็กนั่นจะเพิ่มขึ้นสูงมาก!

ถ้าความสามารถเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วแบบนี้ต่อไป ครั้งหน้าที่เจอกันตนคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเด็กนี่แล้วกระมัง

ทันใดนั้น เซี่ยเยียนเค่อก็รู้สึกได้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณจอมกระบี่ขาวดำ

ถ้าไม่ใช่พวกเขาสองคนจับตัวเยี่ยเว่ยหมิงไป แล้วปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นถูกตนวางกับดักจนตายสักครั้ง ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของเจ้าเด็กนั่น วันไหนที่เขาเติบโตขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว เกรงว่าวันนั้นคงเป็นวันตายของเซี่ยเยียนเค่อ!

….

ข้างป่าเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากหน้าผาหมัวเทียนสามสิบลี้ เยี่ยเว่ยหมิงถูกจอมกระบี่ขาวดำโยนไว้ใต้ต้นสนต้นหนึ่ง ทำเอาล้มคะมำไม่เป็นท่า

แกร๊ง! จากนั้นสาวงามวัยกลางคนที่สวมชุดสีขาวและถือกระบี่สีขาวก็ชักกระบี่ออกมาจากเอวด้วยแววตาแฝงความชั่วร้าย นางกล่าวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าว่า “โจรชั่ว คืนอวี้เอ๋อร์มาให้ข้า!”

เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกอับจนหนทางอยู่พักหนึ่ง

ดูท่าแล้ว การปะทุพลังสร้างดาเมจซ้ำกับเซี่ยเยียนเค่อวันนี้ นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว กลับเสียยาลูกกลอนโชคลาภอมตะเม็ดสุดท้ายกว่าจะรอดออกมาได้

รู้สึกเหมือนเสียทั้งฮูหยินและไพร่พล!

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกคับข้องใจ คับข้องใจมาก!

เข้ามาอยู่ในเกมนานขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นฝ่ายที่สกิลเหนือกว่าตลอด เคยเสียเปรียบขนาดนี้เสียที่ไหนกัน

แต่ดูท่าทางคนตรงหน้าแล้ว เหมือนถ้าไม่อยากสิ้นเปลืองยาลูกกลอนโชคลาภอมตะหนึ่งเม็ด ก็ต้องตายหนึ่งครั้ง

ตกลงว่าจะกินยาหรือจะตายดีล่ะ

คำถามนี้…

ถึงแม้สติปัญญาจะบอกเขาว่า ถึงแม้ตายหนึ่งครั้งจะลดแค่ค่าประสบการณ์ผู้เล่นและค่าประสบการณ์ของทักษะยุทธ์บางรายการสิบเปอร์เซนต์ มูลค่าเทียบกับยาลูกกลอนโชคลาภอมตะไม่ติด

แต่เขาที่กำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของจอมกระบี่ขาว สัญชาตญาณก็ยังบอกให้เตรียมใช้ ‘ตราบชั่วฟ้าดิน’ คลายจุด จากนั้นก็กินยาลูกกลอนแล้วหนีทันที

ทว่ายังไม่ทันรอให้จอมกระบี่ขาวนั่นลงมือ จอมกระบี่ดำกลับก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อขวางนางไว้

จอมกระบี่ดำกับจอมกระบี่ขาวเป็นชายหญิงวัยกลางคนเหมือนกัน ลักษณะท่าทางดูฉลาดกว่าคนทั่วไป

ดูท่าแล้ว ชายหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าคงเป็นสามีภรรยากันกระมัง?

หลังจากขวางจอมกระบี่ขาวแล้ว จอมกระบี่ดำก็กล่าวเสียงต่ำว่า “หมิ่นโหรว เจ้าอย่างเพิ่งวู่วาม”

จากนั้นเขาก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง บอกว่า “คนกระบี่ ฉายาในยุทธภพของเยี่ยเว่ยหมิง หากพวกเราฆ่าเขาโดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุ จะต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่นอน”

จอมกระบี่ขาวได้ยินแล้วถามอย่างกระวนกระวาน “พี่ชิง ท่านกำลังบอกว่าพวกเราไม่ต้องล้างแค้นให้อวี้เอ๋อร์แล้วอย่างนั้นหรือ”

จอมกระบี่ดำส่ายหน้า “อย่างน้อยก็ถามให้ชัดเจนก่อน”

ขณะที่พูดอยู่นั้น จอมกระบี่ดำก็กุมกระบี่ล้ำค่าสีดำของตัวเองกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “ผู้น้อยเจ้าบ้านแห่งบ้านเสวียนซู่ สือชิง นี่คือหมิ่นโหรวภรรยาของผู้น้อย…

…วันนี้พวกเราเชิญจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมาที่นี่ ที่จริงเป็นเพราะมีเรื่องบางอย่างต้องหาหลักฐานพิสูจน์จากท่าน…

…จอมยุทธ์น้อยเยี่ยถูกคนในยุทธภพขนานนามว่าขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ คาดว่าคงจะไม่หลอกพวกเรา”

ที่แท้สองคนนี้ก็ชื่อสือชิงกับหมิ่นโหรว เยี่ยเว่ยหมิงจดจำชื่อของสองคนนี้เงียบๆ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่รีบลงมือฆ่าคน เขาก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องเปลืองยาลูกกลอนเช่นกัน

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่เล็กน้อย กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อทั้งสอง ‘เชิญ’ ข้ามาที่นี่ด้วยน้ำใจไมตรีที่เปี่ยมล้นขนาดนี้ คาดว่าคงสืบประวัติข้ามาชัดเจนแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่เสียเวลาแนะนำตัวแล้วกัน เจ้าบ้านสือมีอะไรจะถาม ตอนนี้ก็ถามมาได้เลย ด้วยสภาพของข้าตอนนี้ เหมือนทำได้เพียงตอบทุกอย่างที่รู้สินะ”

ไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเยี่ยเว่ยหมิง สือชิงยังอยู่ในท่ากุมหมัดคารวะต่อไป “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ช่วงนี้พวกเราได้ยินมาว่าลูกชายไปล่วงเกินจอมยุทธ์น้อยเยี่ย จึงตายด้วยน้ำมือจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ไม่ทราบว่ามีเรื่องเช่นนี้หรือไม่”

คำถามนี้ของเขา สอดคล้องกับคำพูดของหมิ่นโหรวก่อนหน้านี้ทุกอย่าง

เยี่ยเว่ยหมิงจึงขมวดคิ้วถามว่า “ลูกชายของท่านคือใคร”

“เจ้าลูกหมาน้อย สือจงอวี้” สือชิงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

เป็นเจ้าเด็กเปรตคนนั้นจริงๆ ด้วย!

ชั่วพริบตานั้น มีความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวเยี่ยเว่ยหมิง

ในเมื่ออีกฝ่ายสืบมาถึงตัวเขาแล้ว คาดว่าคงแก้ตัวเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ

อีกทั้งดูจากท่าทีของสือชิง ก็เหมือนว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ยังนับว่ามีเหตุผล?

เช่นนั้นก็ลองคุยกับพวกเขาสักหน่อย

หากพวกเขาเป็นจอมยุทธ์ที่ซื่อตรงจริงๆ เปิดเผยเรื่องนี้แล้วก็จะจบเรื่อง

แต่ถ้าพวกเขาดึงดันจะล้างแค้นให้สือจงอวี้ อย่างมากเขาก็เสียยาลูกกลอนโชคลาภอมตะหนึ่งเม็ดเพื่อหนีไป

ไม่ใช่ว่าขี้ขลาด แต่เมื่อตกอยู่ในที่นั่งเสียเปรียบ ชายชาตรีย่อมยอมถอยชั่วคราวได้

เดี๋ยวค่อยกลับไปรวบรวมกำลังคน แล้วกลับมาฆ่าพวกเขาอีกทีก็ได้

พอคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตอบตามความจริงเสียเลยว่า “แม้ข้าจะไม่ได้ฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง แต่ในบรรดาสองคนที่ดักฆ่าเขาตอนนั้น ข้าก็เป็นหัวหน้าทีมจริงๆ จะผลักความแค้นนี้มาที่ตัวข้าก็ไม่ผิด”

“เป็นเจ้าที่ฆ่าอวี้เอ๋อร์ของเราจริงๆ!”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงยอมรับความจริงว่าฆ่าสือจงอวี้ตาย จิตสังหารในแววตาหมิ่นโหรวก็เข้มข้นขึ้น นางชี้กระบี่ล้ำค่าที่เป็นสีขาวทั้งตัวกระบี่และฝักไปยังเยี่ยเว่ยหมิงแต่ยังไม่ได้ลงมือทันที เพียงตวาดถามเสียงแหลมว่า “อวี้เอ๋อร์ของข้าไปล่วงเกินอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้ฆ่าเขา”

“ลูกชายเจ้าล่วงเกินอะไรข้าน่ะหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงแสยะยิ้ม “คำถามนี้ถามได้ดี!”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบพลางสบตากับจอมกระบี่ขาวดำอย่างไม่ยอมถอย พร้อมตอบว่า “ว่ากันว่าไม่มีใครรู้จักลูกตัวเองดีไปกว่าพ่อแม่อีกแล้ว พวกเจ้าสองคนเป็นพ่อแม่ จะไม่กระจ่างเชียวหรือว่าสันดานของลูกชายตัวเองเป็นอย่างไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด