ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 273 ยุทธวิธีไม่เหมาะกับเจ้า

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 273 ยุทธวิธีไม่เหมาะกับเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 273 ยุทธวิธีไม่เหมาะกับเจ้า

ตอนที่เห็นอาจ่งกับเซี่ยเยียนเค่อพาอาหวงเดินจากไปไกลอย่างช้าๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัว

ในที่สุดตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าตอนถึงทางแยกก่อนหน้านี้อาหวงลังเลทำไม

สุนัขซื่อสัตย์ต่อเจ้าของไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เมื่อเทียบกับผู้เล่นที่รับภารกิจที่เกี่ยวข้องมาอย่างตน เกรงว่าอาจ่งต่างหากที่เป็นเจ้าของที่มันยอมรับอย่างแท้จริง

ในระหว่างที่ช่วยเยี่ยเว่ยหมิงสะกดรอยตามสือจงอวี้ จู่ๆ มันก็พบกลิ่นของอาจ่ง หลังจากลังเลครู่เดียว มันก็เลือกไปหาอาจ่งซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของมันโดยตรง เหมือนเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน

มองแป้งทอดเซาปิ่งในมืออย่างจนใจแวบหนึ่ง ในใจเยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

ไม่มีอีกแล้วอาหวงของข้า

อาหวงที่ข้าใช้งานมันเหมือนเป็นเฟยอวี๋เวอร์ชั่นถูก หายไปอย่างนี้แล้ว…

สิ่งที่แลกกลับมาได้กลับเป็นเพียงแป้งทอดเซาปิ่งเส็งเคร็งชิ้นหนึ่ง!

เพิ่มพละกำลัง 100 แต้มภายในหนึ่งชั่วโมง?

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ของที่มีค่าสเตตัสแบบนี้ถือเป็นของที่มีคุณภาพสูงจริงๆ แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้…

จะมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ!

ข้าจะเอาแป้งทอดเซาปิ่งนี้ไม่ทำประโยชน์อะไร ข้าได้พละกำลังนี้ไปแล้วอย่างไรล่ะ

มันนำมาใช้ทำอะไรได้

นำมาใช้เรียกอาหวงได้อย่างนั้นหรือ

เขาเก็บแป้งทอดเซาปิ่งเข้ากระเป๋าสัมภาระ แล้วส่งพิราบสื่อสารไปหาน้องดาบทันที

[เจ้าอยู่ที่ไหน ส่งตำแหน่งมา ข้าจะไปดักรอโจมตีศัตรูกับเจ้า!]…เยี่ยเว่ยหมิง

[มือปราบหน้าเหม็น เจ้ามีแผนชั่วอะไรอีก ก่อนหน้านี้บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะแบ่งกำลังเป็นสองสาย ข้าเป็นคนดักซุ่มโจมตี ส่วนเจ้ามีสุนัข ไล่ตามสังหารได้ไม่ใช่หรือ]…หนึ่งดาบสามเฉือน

[ไม่มีสุนัขแล้ว]…เยี่ยเว่ยหมิง

ไม่รอให้น้องดาบตอบ เขาส่งพิราบสื่อสารเพิ่มไปอีกหนึ่งตัวทันที

[อย่าถามเลย ส่งตำแหน่งมาให้ข้าเถอะ]…เยี่ยเว่ยหมิง

เป็นครั้งแรกที่เห็นเยี่ยเว่ยหมิงกลุ้มใจขนาดนี้ น้องดาบอยากฉวยโอกาสพูดทำร้ายจิตใจเขาสักสองสามประโยค แต่พอคิดได้ว่าตรงหน้ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ นางก็ได้แต่ข่มอารมณ์วู่วามเอาไว้ แล้วส่งตำแหน่งไปให้เยี่ยเว่ยหมิง

[2333:2333]…หนึ่งดาบสามเฉือน

……

นี่คือถนนสายเล็กที่อยู่ข้างถนนใหญ่สายหนึ่ง ห่างจากที่อยู่ของผู้นำสูงสุดของพรรคฉางเล่อไม่ถึงสามลี้ ด้านข้างเป็นป่าทึบ อีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำฉางเจียงที่ไหลไม่ขาดสาย

ตอนนี้น้องดาบนั่งอยู่บนพุ่มไม้ของต้นไม้หน้าตาอัปลักษณ์ต้นหนึ่ง ใบไม้เขียวชอุ่มบังชุดสีแดงเพลิงของนางไว้แปดเก้าส่วน ถือว่าซ่อนตัวได้ไม่เลวเลย

ทันใดนั้น เสียงผ้าฝ่าปะทะลมก็ดังขึ้นพักหนึ่ง พอหันกลับไปมอง เห็นเยี่ยเว่ยหมิงเหยียบกิ่งไม้ที่ลาดเอียงและพุ่งตัวขึ้นมาแล้ว ตอนที่หยุดอยู่ข้างกายนาง เขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมเจ้าเลือกสถานที่แบบนี้”

ในน้ำเสียงของเยี่ยเว่ยหมิงแสดงเจตนาตำหนิอย่างชัดเจน น้องดาบปุ้ยปากเล็กๆ อย่างไม่พอใจ แล้วเถียงกลับว่า “ตรงนี้สภาพแวดล้อมดีจะตาย อีกฝั่งหนึ่งอยู่ใกล้ป่าภูเขา ทำให้พวกเราซ่อนตัวได้ดีมาก ส่วนอีกฝั่งเป็นแม่น้ำ ต่อให้ศัตรูอยากหนีก็ไม่มีที่ให้หนี แบบนี้ถ้าอยู่บนสนามรบ ก็ถือเป็นชัยภูมิที่หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่านแน่นอน”

“หึหึ!”

สำหรับความสามารถในการใช้ยุทธวิธีของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตัวเองหมดแรงจะบ่นแล้ว

หลังจากเงียบไปสองวินาที เขาทำได้เพียงใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดบอกว่า “มีคนเคยบอกกับเจ้าหรือเปล่าว่าเจ้าไม่เหมาะจะเรียนยุทธวิธี”

“พี่ชายข้าก็พูดอย่างนี้เช่นกัน” น้องดาบน้ำเสียงฟังดูกลุ้มใจนิดหน่อย แต่ก็อดเถียงกลับไม่ได้ว่า “แต่ครั้งนี้ข้าเลือกสถานที่ได้เหมาะสมมากแท้ๆ ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่าตรงไหนกันแน่ที่ไม่ดี”

“ตอนที่กำหนดกลยุทธ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ พลิกแพลงตามสถานการณ์ กำหนดกลยุทธ์โดยอิงจากสถานการณ์ที่ต่างกัน หากทำจุดนี้ไม่ได้ ต่อให้เรียนมาเยอะอย่างไรก็ได้แค่วางแผนรบบนกระดาษ” เยี่ยเว่ยหมิงมองดูสภาพแวดล้อมด้วยความจนใจแล้วบอกว่า “ก็เหมือนกับที่นี่ เป็นจุดที่เหมาะสมกับการดักซุ่มโจมตีจริงๆ แต่กลับไม่เหมาะกับพวกเรา”

“เพราะอะไร”

เยี่ยเว่ยหมิงมองดวงตากลมโตที่แฝงด้วยความอยากรู้ของน้องดาบแล้วอธิบายอย่างจนใจ “ในสมัยโบราณเวลาจะทำศึก กองกำลังดักซุ่มมีไว้เพื่อจู่โจม ใช้กำลังที่อ่อนแอกว่าเอาชนะกำลังที่แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นจุดประสงค์ของพวกเขาก็เพื่อสู้ให้ชนะเท่านั้น การกำจัดศัตรูให้หมดทั้งกลุ่มอะไรนั่นไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องทำให้ได้เสมอไป แล้วสนามรบที่เจ้าเลือกก็เหมาะสมกับการซุ่มโจมตีแบบนั้นมากจริงๆ”

เขาชะงักไปครู่เดียวแล้วพูดเสริมอีกว่า “ด้วยศักยภาพของพวกเราสองคนตอนนี้ ถ้าอยากจะโจมตีให้ชนะเฉินชงจือ สือจงอวี้กับกลุ่มลูกสมุนขยะ ยังจำเป็นต้องเลือกสถานที่อยู่อีกหรือ…

…เป้าหมายที่เราเลือกสถานที่ดักซุ่มโจมตีก็เพื่อกำจัดศัตรูให้หมด…

…เจ้าเข้าใจคำว่ากำจัดให้หมดไหม…

…ดังนั้น สำหรับพวกเราแล้ว จุดดักซุ่มที่ดีที่สุดควรจะเป็นสถานที่กว้างโล่ง อย่างน้อยควรเป็นสถานที่ที่ทำให้เรามองปราดเดียวเห็นทุกอย่างชัดเจนภายในร้อยเมตร แบบนี้ถึงจะรับประกันได้ว่าไม่ว่าศัตรูจะหนีไปที่ไหน พวกเราก็จะไล่ตามไปสังหารได้ง่ายๆ…

…ส่วนจุดลับ ขอแค่เป็นจุดที่ซ่อนตัวพวกเราสองคนได้ก็พอแล้ว อุปสรรคที่เหลือล้วนมีไว้เพื่อศัตรูทั้งนั้น”

น้องดาบเงียบไปนานมาก ในที่สุดก็นึกถึงจุดแข็งของสถานที่นี้ได้แล้ว จึงชี้ไปยังกระแสน้ำไหลแรงในแม่น้ำที่อยู่ตรงข้ามพร้อมบอกเขาว่า “อย่างน้อยแม่น้ำก็กลายเป็นสถานที่อันตรายสำหรับการหลบหนีของศัตรู ขอเพียงพวกเราเฝ้าอยู่ที่ป่าภูเขาฝั่งนี้ ไม่ให้ศัตรูมีโอกาสทะลุเข้ามาในป่าก็พอแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับมองน้องดาบด้วยสายตาแปลกๆ “อย่าบอกนะว่าเจ้าหวังให้พวกที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำพวกนี้ไม่เข้าใจลักษณะของน้ำ”

น้องดาบ “…”

“หรือไม่อย่างนั้น พวกเราเปลี่ยนสถานที่กันดีไหม”

“ไม่ต้องแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเบาๆ “พวกเขามาแล้ว”

น้องดาบได้ยินแล้วโคจรวิชาไปที่หูสองข้างทันที ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจริงๆด้วย ในจำนวนนั้นปนด้วยเสียงร้องโอดครวญและด่าทอของสือจงอวี้ดังขึ้นเป็นพักๆ

หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง กลุ่มคนประมาณสิบคนของพรรคฉางเล่อก็ปรากฏตัวขึ้นใต้ร่มไม้ ใบหน้าของสือจงอวี้ยังเต็มไปด้วยเลือดสด ดูสะบักสะบอมเกินทน

ส่วนแขนซ้ายของเฉินชงจือกลับดามด้วยกระดานไม้และผูกผ้าพันแผลแล้ว ใช้ผ้าห้อยไว้บนบ่า ท่าทางเหมือนบาดเจ็บสาหัส บนแขนขวาของเขาก็มีผ้าพันแผลเช่นกัน แต่ดูจากท่าทางเหมือนเสียพลังต่อสู้โดยสิ้นเชิงแล้ว

เห็นได้ชัดว่าระบบออกแบบ NPC ในภารกิจครั้งนี้ได้ค่อนข้างสมจริง บางทีก่อนที่พวกเขาจะกลับพรรคฉางเล่อ อาจจะอยู่ในสถานะพิเศษโหมดภารกิจหมดเลยก็ได้ ไม่ได้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของพวกเขาเร็วขนาดนั้น

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนี้ น้องดาบก็อดหันหน้ามองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างฉงนใจไม่ได้ นางกดเสียงต่ำถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาการบาดเจ็บของพวกเขายังไม่ฟื้นตัว ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เจ้าอยู่ร้านเทพสุรา เจ้าไม่โจมตีสือจงอวี้ที่ปากดี แต่ดันไปโจมตีเฉินชงจือ ลูกน้องที่อยู่ข้างกายเขา เป็นเพราะสาเหตุนี้สินะ”

ที่จริงแล้ว สาเหตุที่ตอนนั้นเยี่ยเว่ยหมิงไม่โจมตีสือจงอวี้ ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายเหลือพลังชีวิตไม่ถึงหนึ่งในสามส่วน ถ้าวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์โจมตี ต่อให้ถูกแค่นิ้วเท้าของเขา แต่ก็เกรงว่าคงทำให้เด็กหนุ่มไม่เอาไหนคนนี้ตายคาที่อยู่ดี

กอปรกับเขาจงใจทดสอบประสิทธิภาพของลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสี ถึงได้ย้ายเป้าหมายไปยังเฉินชงจือผู้โชคร้าย

แต่เยี่ยเว่ยหมิงจะบอกความจริงกับน้องดาบได้อย่างไร

สำหรับสายตาประหลาดใจปนความเลื่อมใสเล็กน้อยของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงได้แต่แสร้งยิ้มเหมือนตัวเองมีความรู้ลึกล้ำ น้อมรับคำชมอย่างไร้ยางอายแบบนี้แล้ว

เมื่อเห็นกลุ่มคนมาอยู่ใกล้จุดที่ตัวเองซ่อนตัวไม่ถึงหนึ่งจั้ง สองขาก็พลันออกแรง ร่างกระโจนออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัวโดยฉับพลัน พุ่งลงไปหาเฉินชงจือที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แล้วใช้มังกรซ่อนกบดานที่เตรียมไว้นานแล้วตบลงไปบนกลางกะโหลกศีรษะของอีกฝ่าย เป็นการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนช้าแต่รวดเร็ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด