ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก

บนใบหน้าเจือรอยยิ้มเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง ชวีหลิงเฟิงยืนค้ำไม้เท้าคู่ เดินประชิดมาทางทั้งสามคนทีละก้าวจากประตูทางลับใต้ดิน

แกร๊ก! แกร๊ก!…

ไม้เท้าเหล็กเย็นเฉียบกระทบพื้นหินบลูสโตน ราวกับเป็นระฆังมรณะที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทั้งสามคนช้าๆ

ชวีหลิงเฟิงไม่ปิดบังตัวตนอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือ เพียงสร้างความกดดันให้ทั้งสามคนที่เดิมทีกำลังพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันเท่านั้น ทำให้พวกเขาหัวเราะไม่ออก!

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที เขามายืนเคียงข้างสะพานสวรรค์น้อยที่ค่อนข้างวิตกกังวล ช่วยคลายความกังวลให้นาง ส่วนซานเย่ว์ก็ปลีกตัวถอยหลังไปแล้ว พร้อมทั้งเรียกหินตั๊กแตนบินสามก้อนและเมล็ดโพธิ์ห้าเมล็ดมาไว้ในมือ

ตอนที่ผู้เล่นทั้งสามคนจัดตำแหน่งยืนสำหรับต่อสู้เรียบร้อย ร่างของชวีหลิงเฟิงก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน กำลังใช้สายตามืดครึ้มมองทั้งสามคน

เพียงแต่วินาทีถัดมา รอยยิ้มของผู้มั่นใจในชัยชนะบนใบหน้าเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความงุนงง

เห็นอยู่ชัดเจนว่าสุนัขรับใช้ที่มาหาเรื่องเขาก่อนหน้านี้มีกันห้าคน เหตุใดจึงอยู่ที่นี่เพียงสามคน

แล้วอีกสองคนล่ะ หนีไปไหนแล้ว?!

ขณะที่ในใจเกิดความฉงน ชวีหลิงเฟิงกลับแสร้งทำเหมือนไม่แยแส “สุนัขรับใช้ราชสำนักอย่างพวกเจ้าช่างระวังตัวดีจริง สมบัติวางอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ลืมที่จะสั่งให้อีกสองคนกลับไปแจ้งข่าว น่าสนใจจริงๆ!”

เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูด ซานเย่ว์ที่ถอยไปอยู่ข้างผนังแล้วกลับเอ่ยขึ้นว่า “ตอนที่พูดประโยคนี้ สายตาของเจ้าสั่นไหวเล็กน้อยสองครั้ง คิ้วกระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ดูจากการตอบสนองก็รู้แล้วว่าในใจเจ้าไม่ได้ไม่แยแสเหมือนที่แสดงออกมาเลย กลับเป็นกังวลมากด้วยซ้ำ…

…อาหมิงเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย ตราบใดที่หนึ่งในพวกเรารอดออกไปได้ เจ้าก็กินนอนอย่างไม่สงบสุขอยู่ดี!”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วร่างสั่นเทาทันที สง่าราศีที่พยายามสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังลงในชั่วพริบตาเดียว

สมควรตาย!

เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ว่าสุนัขรับใช้ของสำนักมือปราบเทพอย่างพวกเจ้าล้วนมีทักษะที่น่ารังเกียจสุดๆ อยู่ด้วย

หากใช้คำพูดจัดการกับพวกเขา เกรงว่าตัวเองยังไม่ทันได้คำตอบของสิ่งที่ต้องการรู้ ก็คงถูกอีกฝ่ายล้วงคำตอบของตัวเองไปก่อนแล้ว

เพียงแต่ว่า…

ข้ายังเหลืออะไรที่ถูกเปิดโปงไม่ได้อีกล่ะ

ขณะที่ชวีหลิงเฟิงกำลังคิดวนไปวนมาในใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ที่จริงหากเจ้าอยากรู้ว่าสองคนนั้นหนีไปไหน ข้าจะบอกให้ก็ได้”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วชะงัก ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างดูถูก “เจ้ามีเงื่อนไขอะไร”

“หากข้าบอกว่าต้องการให้เจ้ายอมถูกจับแต่โดยดี เจ้าจะตอบตกลงไหม” ไม่รอให้ชวีหลิงเฟิงโต้กลับ เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว บอกคำตอบให้เขารู้เสียเลย “พวกเขาไปจับตัวลูกสาวเจ้า หากตอนนี้เจ้าจะกลับไปช่วยนาง บางทีอาจจะยังทัน”

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ แม้แต่สองสาวที่เชื่อมั่นในตัวเขา ก็ยังอดด่าในใจไม่ได้ว่า เจ้าเวรนี่ต่ำช้าไร้ยางอาย

คำว่า ‘อาจจะ’ ที่เขาบอกช่างได้ผลจริงๆ!

โอกาสที่เกือบจะเป็นศูนย์ก็ถูกเขาพูดให้กลายเป็นคำว่า ‘อาจจะ’ ได้เหมือนกัน

ตามที่เขาเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่จะเริ่มลงมือหลังจากชวีหลิงเฟิงออกห่างจากลูกสาวไปห้าร้อยเมตร เมื่อลองคำนวณแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของชวีหลิงเฟิงคงจะถูกพวกเขาพาตัวไปถึงเขตการดักซุ่มตรงวัดถู่ตี้แล้ว

หากตอนนี้ชวีหลิงเฟิงเดินเข้าหากับดักเอง ก็ ‘อาจจะ’ ยังไปทันจริงๆ

เพียงแต่ในฐานะสหายร่วมทีม พวกนางย่อมไม่เปิดโปงคำโกหกของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว

แล้วพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใจด้วย กลับรู้สึกเบิกบานใจด้วยซ้ำ

BOSS เลเวล 65 แล้วอย่างไรล่ะ

ก็ยังถูกอาหมิงของพวกเราปั่นหัวเล่นอยู่ดีไม่ใช่หรอกหรือ

“ฮ่าๆ…” คาดไม่ถึงว่าพอชวีซานนั่นได้ยินคำตอบของเยี่ยเว่ยหมิง นอกจากจะไม่มีท่าทีรีบร้อนออกไปช่วยลูกสาวทันทีแล้ว ในดวงตาทั้งคู่ยังเผยแววมุ่งสังหารอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย “เจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าอยากให้ข้าออกไปช่วยลูกสาวทันทีแน่นอน พวกเจ้าสามคนจะได้หอบสมบัติพวกนี้หนีกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานได้สำเร็จใช่ไหม…

…ฝันไปเถอะ!”

เมื่อกล่าวคำว่า ‘ฝันไปเถอะ’ จบ ร่างของชวีหลิงเฟิงก็พุ่งเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่ยืนเป็นหนังหน้าไฟแล้ว

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น มุมปากกลับเผยยิ้มเข้าอกเข้าใจออกมา ตอนที่ตะคอกเสียงต่ำว่า “สวนหย่อมเก๊กฮวย!” กระบี่ชิงจู๋ในมือเขาก็ส่งออกมาพร้อมกับกระบี่จินสยาในมือสะพานสวรรค์น้อยแล้ว ในขณะที่สองปราณรวมเป็นหนึ่ง คมกระบี่ก็ครอบคลุมจุดสำคัญรอบตัวชวีหลิงเฟิงในชั่วพริบตาเดียว

ทั้งสองลงมืออีกครั้ง สะพานสวรรค์น้อยมีเนื้อหมาป่าย่างเพิ่มค่าสเตตัสกับประสิทธิภาพของกระบี่จินสยา ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้โบนัสสเตตัสจากหยกพกเฟยเทียน เรียกได้ว่าพลังเพิ่มขึ้นเยอะมากพร้อมกันทั้งคู่ และพลังที่เพิ่มขึ้นสูงมากนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกเมื่อใช้ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ทำให้สูงกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า!

ทว่ายามเผชิญหน้ากับพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ บนใบหน้าชวีหลิงเฟิงกลับแสยะยิ้มเหยียดหยาม

“ไม่เจียมตัว!”

ขณะที่พูด ก็เห็นไม้เท้าเหล็กในมือขวาของเขาตวัดขึ้นมาเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะโจมตีบนจุดเชื่อมต่อลมปราณสำคัญของทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ทำลายการเชื่อมต่อกำลังภายในของพวกเขาแล้ว

ที่จริงก็เป็นอย่างที่เหมียวเหรินเฟิ่งบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เคล็ดวิชา รายละเอียดภายใน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานทั้งสอง กระบี่คู่ผนึกรวมที่ผู้ใช้งานทั้งสองไม่ได้รู้ใจกันอย่างที่ควรจะเป็น ในสายตายอดฝีมือก็เปราะบางเช่นนี้เอง

ส่วนชวีหลิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มองปราดเดียวก็เห็นถึงจุดอ่อนในกระบี่คู่ผนึกรวมแล้ว

สาเหตุที่ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเผยออกมา สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อยากทำให้ผู้เล่นเหล่านี้ตกใจหนีไป

เหลือความหวังไว้ให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงสักหน่อย เขาเองก็จะมีโอกาสสังหารพวกเขาให้หมดด้วยเช่นกัน!

ต้องบอกเลยว่าความคิดของชวีหลิงเฟิงก็เจ้าเล่ห์โหดร้ายเช่นกัน

วินาทีถัดมา ไม้เท้าเหล็กกับกระบี่คู่ก็ปะทะกัน

แกร๊ง! แกร๊ง!

ท่ามกลางเสียงอาวุธกระทบกันดังสองครั้ง ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงสั่นสะเทือน ร่างบางของสะพานสวรรค์น้อยสั่นรุนแรง จากนั้นเหนือศีรษะของทั้งสองก็มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นมา นั่นก็คือ -1364 กับ -1665 ตัวของทั้งสองก็ลอยขึ้นมาเช่นกัน ต่างคนต่างกระเด็นถอยหลังออกไป

ผลบดขยี้ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ชวีหลิงเฟิงโจมตีจนเกิดผลนี้ได้อย่างง่ายดาย

จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้เขาออมมือขนาดไหน!

ส่วนชวีหลิงเฟิงก็โหดร้ายไม่ปรานี ไม้เท้าเหล็กในมือขวาพลันค้ำพื้น ออกตัวทีหลังแต่ไปถึงก่อนสองคนที่กระเด็นออกไป พอหมุนไม้เท้าเหล็กในมือขวา ก็โจมตีอาวุธลับที่ซานเย่ว์โปรยออกมาได้หมดอย่างสบายๆจากนั้นไม้เท้าเหล็กในมือซ้ายก็แทงออกมา เล็งตรงไปยังจุดซานจงเสว์ตรงหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วรีบควงกระบี่รับ กวาดกระบี่ชิงจู๋ฟันบนไม้เท้าเหล็ก

แกร๊ง!

-636!

เยี่ยเว่ยหมิงพยายามป้องกันเต็มที่ ประกอบกับโบนัสพลังป้องกันจาก ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ขั้นหก แต่ตอนที่อาวุธกันกระทบกันโดยตรง ก็ยังถูกบดขยี้จนเกิดดาเมจหกร้อยกว่าแต้ม!

แต่ก็ยังดีที่เมื่ออาศัยแรงสะท้อนกลับของการโจมตีนี้ เขาก็ยังขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายไล่ตามโจมตีสะพานสวรรค์น้อยต่อได้ ขณะเดียวกันยังทำให้เขาถอยหลังไปไกลด้วย

หลังจากโจมตีไปหนึ่งครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงหยุดการโจมตีนี้ไว้ได้ ชวีหลิงเฟิงทำได้เพียงเหยียบลงพื้นเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่หลังจากเขาเหยียบลงพื้นแล้ว กลับโยนไม้เท้าในมือขวาทันที พอไม้เท้าหลุดมือ ก็เกิดลมพายุหมุนที่เป็นเหมือนรถแข่งขนาดใหญ่คันหนึ่ง ขณะที่ชนอาวุธลับของซานเย่ว์อย่างต่อเนื่องจนร่วงหมด ก็กระแทกร่างบางของนางกระเด็นออกไปด้วย

ตอนนี้มือขวาของเขาว่างแล้ว จึงโจมตีผ่านอากาศออกมาหนึ่งฝ่ามือ ถูกตรงจุดที่อยู่ระหว่างท้องกับหน้าอกของสะพานสวรรค์น้อยที่เพิ่งรอดพ้นอันตราย!

ฝ่ามือตัดอากาศ!

พรึ่บ!

-3435!

หลังจากดาเมจจำนวนมหาศาลลอยขึ้นเหนือศีรษะ ร่างอรชรอ้อนแอ้นของสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกฝ่ามือนี้ตบจนกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว

กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลาย!

อื้ม ไปรอคืนชีพเลยแล้วกัน…

สะพานสวรรค์น้อยถูกสังหารตายแล้ว ซานเย่ว์ที่อยู่อีกด้านก็ตกอยู่ในวิกฤติใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน

ไม้เท้าเหล็กหมุนเป็นเกลียวราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างกดดันให้นางหายใจลำบาก อยากจะถอนตัวหลบ แต่กลับพบว่าตัวเองเคลื่อนไหวช้ากว่าที่สมองคิดตั้งครึ่งหนึ่ง เดิมทีที่หลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ แต่กลับทำได้เพียงปล่อยให้มันกระแทกบนตัวนาง

ขณะที่ซานเย่ว์พยายามหลบหลีกต่อไป นางกลับหลับตาลงโดยจิตใต้สำนึก กะว่ารอไปพบกับสะพานสวรรค์น้อยตรงจุดคืนชีพทีเดียวเลย

ทว่าการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้ สิ่งที่แทนที่เข้ามาคือเสียงอาวุธกระทบกันที่นางคุ้นเคย

ทีแรกนึกว่าจะหลบไม่พ้น แต่หลังจากหลบพ้นแล้ว ซานเย่ว์ก็หันกลับมาทันที นางเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถูกพลังมหาศาลที่มาพร้อมกับไม้เท้าทำให้สะเทือนถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมเห็นตัวเลขดาเมจ -586 ที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะเขาด้วย

ส่วนไม้เท้าที่อันตรายถึงชีวิตด้ามนั้นก็สะเทือนออกไปเพราะพลังป้องกันของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน มันกระเด็นไปชนกับอิฐเขียวบนผนังแล้วกระดอนตกลงพื้นอีกที ก่อนจะกลิ้งไปไกลพร้อมเสียงโลหะบาดหูอย่างต่อเนื่อง

เฮ้อ….

จนกระทั่งตอนนี้ ซานเย่ว์ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ทว่ายังไม่ทันรอให้นางปรับตำแหน่งยืนของตัวเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยี่ยเว่ยหมิงเตือน “ระวัง!”

ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าดำมืด ร่างของชวีหลิงเฟิงที่มาถึงตรงหน้าบังแสงโคมไฟไว้แล้ว

จากนั้นซานเย่ว์ก็เห็นฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงขยายจากเล็กเป็นใหญ่ขึ้นตรงหน้านาง ชั่วพริบตาเดียวก็บดบังสายตานางหมดแล้ว

พรึ่บ!

ฝ่ามือของ BOSS เลเวล 65 โจมตีสุดกำลังบนหน้าผาก ซานเย่ว์ถูกตบคาที่ กลายเป็นแสงสีขาวซึ่งเป็นตัวแทนของความตายและการเกิดใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลายอีกแล้ว!

จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าเคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิง เมื่อเทียบกับไม้เท้าเหล็กแล้วน่ากลัวกว่ากันมาก!

เมื่อตบสาวงามตายไปสองคนต่อเนื่องแล้ว ชวีหลิงเฟิงก็พลันหันตัวกลับมา ออกแรงใช้ไม้เท้ายันเพื่อพุ่งมาข้างหน้า แล้วโบกมือโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงอย่างต่อเนื่องเจ็ดฝ่ามือ

ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงและต่อเนื่องของ BOSS ที่น่ากลัว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกการโจมตีกลับทั้งหมด พยายามใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ อย่างสุดกำลัง ตั้งใจป้องกันอย่างเดียว

-312!

-286!

-321!

……

มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นบนศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงต่อเนื่องเจ็ดครั้ง ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว!

เพียงแต่หลังจากรับฝ่ามือของอีกฝ่ายไปเจ็ดครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ กลับถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งด้วยซ้ำ

ที่แท้เคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงแม้จะดุร้าย แต่เมื่อเจอดาเมจบดขยี้บนอาวุธข่ม กลับยังห่างไกลจากพลังไม้เท้าของเขามาก

มุมปากเผยรอยยิ้มปล่อยวาง เยี่ยเว่ยหมิงชูกระบี่ชิงจู๋ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วชี้ไปยังชวีหลิงเฟิงจากที่ไกลๆ

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังเข้าใกล้ความตาย แต่บนใบหน้ากลับยังเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา ในดวงตาชวีหลิงเฟิงก็มีน้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว!

การแสดงออกของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงใครกัน

ต้องมีประสบการณ์ทางจิตใจอย่างไรกัน BOSS เลเวลหกสิบห้าถึงร้องไห้ในระหว่างการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายได้

เบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ซ่อนเรื่องราวที่ซับซ้อนหักมุมอย่างไรไว้กันแน่

ที่จริงสิ่งนี้ก็ไม่ได้สำคัญ

เนื่องจากเขาถูกพิษ ‘สายลมโศกา’ เขาจึงต้องร้องไห้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 หลิงเฟิงน้ำตาตก

บนใบหน้าเจือรอยยิ้มเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง ชวีหลิงเฟิงยืนค้ำไม้เท้าคู่ เดินประชิดมาทางทั้งสามคนทีละก้าวจากประตูทางลับใต้ดิน

แกร๊ก! แกร๊ก!…

ไม้เท้าเหล็กเย็นเฉียบกระทบพื้นหินบลูสโตน ราวกับเป็นระฆังมรณะที่คืบคลานเข้ามาใกล้ทั้งสามคนช้าๆ

ชวีหลิงเฟิงไม่ปิดบังตัวตนอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือ เพียงสร้างความกดดันให้ทั้งสามคนที่เดิมทีกำลังพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันเท่านั้น ทำให้พวกเขาหัวเราะไม่ออก!

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที เขามายืนเคียงข้างสะพานสวรรค์น้อยที่ค่อนข้างวิตกกังวล ช่วยคลายความกังวลให้นาง ส่วนซานเย่ว์ก็ปลีกตัวถอยหลังไปแล้ว พร้อมทั้งเรียกหินตั๊กแตนบินสามก้อนและเมล็ดโพธิ์ห้าเมล็ดมาไว้ในมือ

ตอนที่ผู้เล่นทั้งสามคนจัดตำแหน่งยืนสำหรับต่อสู้เรียบร้อย ร่างของชวีหลิงเฟิงก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน กำลังใช้สายตามืดครึ้มมองทั้งสามคน

เพียงแต่วินาทีถัดมา รอยยิ้มของผู้มั่นใจในชัยชนะบนใบหน้าเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความงุนงง

เห็นอยู่ชัดเจนว่าสุนัขรับใช้ที่มาหาเรื่องเขาก่อนหน้านี้มีกันห้าคน เหตุใดจึงอยู่ที่นี่เพียงสามคน

แล้วอีกสองคนล่ะ หนีไปไหนแล้ว?!

ขณะที่ในใจเกิดความฉงน ชวีหลิงเฟิงกลับแสร้งทำเหมือนไม่แยแส “สุนัขรับใช้ราชสำนักอย่างพวกเจ้าช่างระวังตัวดีจริง สมบัติวางอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ลืมที่จะสั่งให้อีกสองคนกลับไปแจ้งข่าว น่าสนใจจริงๆ!”

เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูด ซานเย่ว์ที่ถอยไปอยู่ข้างผนังแล้วกลับเอ่ยขึ้นว่า “ตอนที่พูดประโยคนี้ สายตาของเจ้าสั่นไหวเล็กน้อยสองครั้ง คิ้วกระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ดูจากการตอบสนองก็รู้แล้วว่าในใจเจ้าไม่ได้ไม่แยแสเหมือนที่แสดงออกมาเลย กลับเป็นกังวลมากด้วยซ้ำ…

…อาหมิงเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย ตราบใดที่หนึ่งในพวกเรารอดออกไปได้ เจ้าก็กินนอนอย่างไม่สงบสุขอยู่ดี!”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วร่างสั่นเทาทันที สง่าราศีที่พยายามสร้างขึ้นอย่างยากลำบากพังลงในชั่วพริบตาเดียว

สมควรตาย!

เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ว่าสุนัขรับใช้ของสำนักมือปราบเทพอย่างพวกเจ้าล้วนมีทักษะที่น่ารังเกียจสุดๆ อยู่ด้วย

หากใช้คำพูดจัดการกับพวกเขา เกรงว่าตัวเองยังไม่ทันได้คำตอบของสิ่งที่ต้องการรู้ ก็คงถูกอีกฝ่ายล้วงคำตอบของตัวเองไปก่อนแล้ว

เพียงแต่ว่า…

ข้ายังเหลืออะไรที่ถูกเปิดโปงไม่ได้อีกล่ะ

ขณะที่ชวีหลิงเฟิงกำลังคิดวนไปวนมาในใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยขึ้นกะทันหันว่า “ที่จริงหากเจ้าอยากรู้ว่าสองคนนั้นหนีไปไหน ข้าจะบอกให้ก็ได้”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วชะงัก ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างดูถูก “เจ้ามีเงื่อนไขอะไร”

“หากข้าบอกว่าต้องการให้เจ้ายอมถูกจับแต่โดยดี เจ้าจะตอบตกลงไหม” ไม่รอให้ชวีหลิงเฟิงโต้กลับ เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว บอกคำตอบให้เขารู้เสียเลย “พวกเขาไปจับตัวลูกสาวเจ้า หากตอนนี้เจ้าจะกลับไปช่วยนาง บางทีอาจจะยังทัน”

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ แม้แต่สองสาวที่เชื่อมั่นในตัวเขา ก็ยังอดด่าในใจไม่ได้ว่า เจ้าเวรนี่ต่ำช้าไร้ยางอาย

คำว่า ‘อาจจะ’ ที่เขาบอกช่างได้ผลจริงๆ!

โอกาสที่เกือบจะเป็นศูนย์ก็ถูกเขาพูดให้กลายเป็นคำว่า ‘อาจจะ’ ได้เหมือนกัน

ตามที่เขาเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่จะเริ่มลงมือหลังจากชวีหลิงเฟิงออกห่างจากลูกสาวไปห้าร้อยเมตร เมื่อลองคำนวณแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของชวีหลิงเฟิงคงจะถูกพวกเขาพาตัวไปถึงเขตการดักซุ่มตรงวัดถู่ตี้แล้ว

หากตอนนี้ชวีหลิงเฟิงเดินเข้าหากับดักเอง ก็ ‘อาจจะ’ ยังไปทันจริงๆ

เพียงแต่ในฐานะสหายร่วมทีม พวกนางย่อมไม่เปิดโปงคำโกหกของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว

แล้วพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใจด้วย กลับรู้สึกเบิกบานใจด้วยซ้ำ

BOSS เลเวล 65 แล้วอย่างไรล่ะ

ก็ยังถูกอาหมิงของพวกเราปั่นหัวเล่นอยู่ดีไม่ใช่หรอกหรือ

“ฮ่าๆ…” คาดไม่ถึงว่าพอชวีซานนั่นได้ยินคำตอบของเยี่ยเว่ยหมิง นอกจากจะไม่มีท่าทีรีบร้อนออกไปช่วยลูกสาวทันทีแล้ว ในดวงตาทั้งคู่ยังเผยแววมุ่งสังหารอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย “เจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าอยากให้ข้าออกไปช่วยลูกสาวทันทีแน่นอน พวกเจ้าสามคนจะได้หอบสมบัติพวกนี้หนีกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานได้สำเร็จใช่ไหม…

…ฝันไปเถอะ!”

เมื่อกล่าวคำว่า ‘ฝันไปเถอะ’ จบ ร่างของชวีหลิงเฟิงก็พุ่งเข้ามาหาเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่ยืนเป็นหนังหน้าไฟแล้ว

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น มุมปากกลับเผยยิ้มเข้าอกเข้าใจออกมา ตอนที่ตะคอกเสียงต่ำว่า “สวนหย่อมเก๊กฮวย!” กระบี่ชิงจู๋ในมือเขาก็ส่งออกมาพร้อมกับกระบี่จินสยาในมือสะพานสวรรค์น้อยแล้ว ในขณะที่สองปราณรวมเป็นหนึ่ง คมกระบี่ก็ครอบคลุมจุดสำคัญรอบตัวชวีหลิงเฟิงในชั่วพริบตาเดียว

ทั้งสองลงมืออีกครั้ง สะพานสวรรค์น้อยมีเนื้อหมาป่าย่างเพิ่มค่าสเตตัสกับประสิทธิภาพของกระบี่จินสยา ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้โบนัสสเตตัสจากหยกพกเฟยเทียน เรียกได้ว่าพลังเพิ่มขึ้นเยอะมากพร้อมกันทั้งคู่ และพลังที่เพิ่มขึ้นสูงมากนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกเมื่อใช้ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ทำให้สูงกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า!

ทว่ายามเผชิญหน้ากับพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ บนใบหน้าชวีหลิงเฟิงกลับแสยะยิ้มเหยียดหยาม

“ไม่เจียมตัว!”

ขณะที่พูด ก็เห็นไม้เท้าเหล็กในมือขวาของเขาตวัดขึ้นมาเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะโจมตีบนจุดเชื่อมต่อลมปราณสำคัญของทั้งสองได้อย่างแม่นยำ ทำลายการเชื่อมต่อกำลังภายในของพวกเขาแล้ว

ที่จริงก็เป็นอย่างที่เหมียวเหรินเฟิ่งบอกไว้ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เคล็ดวิชา รายละเอียดภายใน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานทั้งสอง กระบี่คู่ผนึกรวมที่ผู้ใช้งานทั้งสองไม่ได้รู้ใจกันอย่างที่ควรจะเป็น ในสายตายอดฝีมือก็เปราะบางเช่นนี้เอง

ส่วนชวีหลิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มองปราดเดียวก็เห็นถึงจุดอ่อนในกระบี่คู่ผนึกรวมแล้ว

สาเหตุที่ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดเผยออกมา สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อยากทำให้ผู้เล่นเหล่านี้ตกใจหนีไป

เหลือความหวังไว้ให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงสักหน่อย เขาเองก็จะมีโอกาสสังหารพวกเขาให้หมดด้วยเช่นกัน!

ต้องบอกเลยว่าความคิดของชวีหลิงเฟิงก็เจ้าเล่ห์โหดร้ายเช่นกัน

วินาทีถัดมา ไม้เท้าเหล็กกับกระบี่คู่ก็ปะทะกัน

แกร๊ง! แกร๊ง!

ท่ามกลางเสียงอาวุธกระทบกันดังสองครั้ง ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงสั่นสะเทือน ร่างบางของสะพานสวรรค์น้อยสั่นรุนแรง จากนั้นเหนือศีรษะของทั้งสองก็มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นมา นั่นก็คือ -1364 กับ -1665 ตัวของทั้งสองก็ลอยขึ้นมาเช่นกัน ต่างคนต่างกระเด็นถอยหลังออกไป

ผลบดขยี้ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ชวีหลิงเฟิงโจมตีจนเกิดผลนี้ได้อย่างง่ายดาย

จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้เขาออมมือขนาดไหน!

ส่วนชวีหลิงเฟิงก็โหดร้ายไม่ปรานี ไม้เท้าเหล็กในมือขวาพลันค้ำพื้น ออกตัวทีหลังแต่ไปถึงก่อนสองคนที่กระเด็นออกไป พอหมุนไม้เท้าเหล็กในมือขวา ก็โจมตีอาวุธลับที่ซานเย่ว์โปรยออกมาได้หมดอย่างสบายๆจากนั้นไม้เท้าเหล็กในมือซ้ายก็แทงออกมา เล็งตรงไปยังจุดซานจงเสว์ตรงหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วรีบควงกระบี่รับ กวาดกระบี่ชิงจู๋ฟันบนไม้เท้าเหล็ก

แกร๊ง!

-636!

เยี่ยเว่ยหมิงพยายามป้องกันเต็มที่ ประกอบกับโบนัสพลังป้องกันจาก ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ขั้นหก แต่ตอนที่อาวุธกันกระทบกันโดยตรง ก็ยังถูกบดขยี้จนเกิดดาเมจหกร้อยกว่าแต้ม!

แต่ก็ยังดีที่เมื่ออาศัยแรงสะท้อนกลับของการโจมตีนี้ เขาก็ยังขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายไล่ตามโจมตีสะพานสวรรค์น้อยต่อได้ ขณะเดียวกันยังทำให้เขาถอยหลังไปไกลด้วย

หลังจากโจมตีไปหนึ่งครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงหยุดการโจมตีนี้ไว้ได้ ชวีหลิงเฟิงทำได้เพียงเหยียบลงพื้นเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่หลังจากเขาเหยียบลงพื้นแล้ว กลับโยนไม้เท้าในมือขวาทันที พอไม้เท้าหลุดมือ ก็เกิดลมพายุหมุนที่เป็นเหมือนรถแข่งขนาดใหญ่คันหนึ่ง ขณะที่ชนอาวุธลับของซานเย่ว์อย่างต่อเนื่องจนร่วงหมด ก็กระแทกร่างบางของนางกระเด็นออกไปด้วย

ตอนนี้มือขวาของเขาว่างแล้ว จึงโจมตีผ่านอากาศออกมาหนึ่งฝ่ามือ ถูกตรงจุดที่อยู่ระหว่างท้องกับหน้าอกของสะพานสวรรค์น้อยที่เพิ่งรอดพ้นอันตราย!

ฝ่ามือตัดอากาศ!

พรึ่บ!

-3435!

หลังจากดาเมจจำนวนมหาศาลลอยขึ้นเหนือศีรษะ ร่างอรชรอ้อนแอ้นของสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกฝ่ามือนี้ตบจนกลายเป็นแสงสีขาวหายไปแล้ว

กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลาย!

อื้ม ไปรอคืนชีพเลยแล้วกัน…

สะพานสวรรค์น้อยถูกสังหารตายแล้ว ซานเย่ว์ที่อยู่อีกด้านก็ตกอยู่ในวิกฤติใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน

ไม้เท้าเหล็กหมุนเป็นเกลียวราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างกดดันให้นางหายใจลำบาก อยากจะถอนตัวหลบ แต่กลับพบว่าตัวเองเคลื่อนไหวช้ากว่าที่สมองคิดตั้งครึ่งหนึ่ง เดิมทีที่หลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ แต่กลับทำได้เพียงปล่อยให้มันกระแทกบนตัวนาง

ขณะที่ซานเย่ว์พยายามหลบหลีกต่อไป นางกลับหลับตาลงโดยจิตใต้สำนึก กะว่ารอไปพบกับสะพานสวรรค์น้อยตรงจุดคืนชีพทีเดียวเลย

ทว่าการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้ สิ่งที่แทนที่เข้ามาคือเสียงอาวุธกระทบกันที่นางคุ้นเคย

ทีแรกนึกว่าจะหลบไม่พ้น แต่หลังจากหลบพ้นแล้ว ซานเย่ว์ก็หันกลับมาทันที นางเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถูกพลังมหาศาลที่มาพร้อมกับไม้เท้าทำให้สะเทือนถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมเห็นตัวเลขดาเมจ -586 ที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะเขาด้วย

ส่วนไม้เท้าที่อันตรายถึงชีวิตด้ามนั้นก็สะเทือนออกไปเพราะพลังป้องกันของเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน มันกระเด็นไปชนกับอิฐเขียวบนผนังแล้วกระดอนตกลงพื้นอีกที ก่อนจะกลิ้งไปไกลพร้อมเสียงโลหะบาดหูอย่างต่อเนื่อง

เฮ้อ….

จนกระทั่งตอนนี้ ซานเย่ว์ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ทว่ายังไม่ทันรอให้นางปรับตำแหน่งยืนของตัวเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยี่ยเว่ยหมิงเตือน “ระวัง!”

ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าดำมืด ร่างของชวีหลิงเฟิงที่มาถึงตรงหน้าบังแสงโคมไฟไว้แล้ว

จากนั้นซานเย่ว์ก็เห็นฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงขยายจากเล็กเป็นใหญ่ขึ้นตรงหน้านาง ชั่วพริบตาเดียวก็บดบังสายตานางหมดแล้ว

พรึ่บ!

ฝ่ามือของ BOSS เลเวล 65 โจมตีสุดกำลังบนหน้าผาก ซานเย่ว์ถูกตบคาที่ กลายเป็นแสงสีขาวซึ่งเป็นตัวแทนของความตายและการเกิดใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

กลิ่นหอมจางหาย ร่างหยกพลันสลายอีกแล้ว!

จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าเคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิง เมื่อเทียบกับไม้เท้าเหล็กแล้วน่ากลัวกว่ากันมาก!

เมื่อตบสาวงามตายไปสองคนต่อเนื่องแล้ว ชวีหลิงเฟิงก็พลันหันตัวกลับมา ออกแรงใช้ไม้เท้ายันเพื่อพุ่งมาข้างหน้า แล้วโบกมือโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงอย่างต่อเนื่องเจ็ดฝ่ามือ

ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงและต่อเนื่องของ BOSS ที่น่ากลัว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกการโจมตีกลับทั้งหมด พยายามใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ อย่างสุดกำลัง ตั้งใจป้องกันอย่างเดียว

-312!

-286!

-321!

……

มีตัวเลขดาเมจลอยขึ้นบนศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงต่อเนื่องเจ็ดครั้ง ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว!

เพียงแต่หลังจากรับฝ่ามือของอีกฝ่ายไปเจ็ดครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกหวาดกลัวใดๆ กลับถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งด้วยซ้ำ

ที่แท้เคล็ดฝ่ามือของชวีหลิงเฟิงแม้จะดุร้าย แต่เมื่อเจอดาเมจบดขยี้บนอาวุธข่ม กลับยังห่างไกลจากพลังไม้เท้าของเขามาก

มุมปากเผยรอยยิ้มปล่อยวาง เยี่ยเว่ยหมิงชูกระบี่ชิงจู๋ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วชี้ไปยังชวีหลิงเฟิงจากที่ไกลๆ

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังเข้าใกล้ความตาย แต่บนใบหน้ากลับยังเผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา ในดวงตาชวีหลิงเฟิงก็มีน้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว!

การแสดงออกของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ทำให้เขานึกถึงใครกัน

ต้องมีประสบการณ์ทางจิตใจอย่างไรกัน BOSS เลเวลหกสิบห้าถึงร้องไห้ในระหว่างการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายได้

เบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ซ่อนเรื่องราวที่ซับซ้อนหักมุมอย่างไรไว้กันแน่

ที่จริงสิ่งนี้ก็ไม่ได้สำคัญ

เนื่องจากเขาถูกพิษ ‘สายลมโศกา’ เขาจึงต้องร้องไห้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+