ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 359 ความก้าวหน้ากับความต่าง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 359 ความก้าวหน้ากับความต่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 359 ความก้าวหน้ากับความต่าง

ยามเผชิญหน้ากับท่ากระบี่ร่วงอันเขย่าขวัญของเยี่ยเว่ยหมิง วานรแขนยักษ์ก็ทำได้เพียงโบกไม้ไผ่หักต้านทานสุดกำลัง

ทุกครั้งที่ดันทุรังรับกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิง ล้วนถูกพลังอันน่าสะพรึงที่ถ่ายทอดออกจากคมกระบี่สะเทือนจนไม้ไผ่หักสั่น ทำให้ความถี่ในการโบกกระบี่ของมันช้าลงครึ่งหนึ่ง เมื่อถูกผลกระทบนี้สี่ครั้งสะสมกัน เมื่อมันรับกระบี่ที่ห้าจึงชะงักไปชั่วครู่ เพียงช้าไปนิดเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านกระบี่สุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แล้ว ถูกกระบี่ชิงชัยแทงเข้าบนจุดไป่หุ่ยกลางกระบาลทันที เกิดคริติคอลดาเมจตรงจุดอ่อนอีกครั้ง

-3087

-3165

-3146

-3237

-32356!

หากถามว่ากระบี่ล้ำค่าของเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีถูกวานรแขนยักษ์เพียงหนึ่งครั้ง แล้วเหตุใดจึงเกิดตัวเลขดาเมจลอยขึ้นห้าครั้ง ดาเมจสี่ครั้งแรกมาจากไหน

คำตอบก็คือเป็นดาเมจบดขยี้!

ไม่ใช่ดาเมจบดขยี้ที่เกิดขึ้นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีวานรแขนยักษ์ แต่เป็นวานรแขนยักษ์ที่มีค่าสเตตัสได้เปรียบกว่าโดยสมบูรณ์ต่างหากที่โจมตีเยี่ยเว่ยหมิง!

แค่ดาเมจบดขยี้สี่ครั้งนี้ วานรแขนยักษ์ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งหมื่นกว่าแต้ม ทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงเกินครึ่ง

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ดุดันเหมือนเสือทันที แค่สามกระบวนท่าก็ทำให้วานรแขนยักษ์เสียพลังชีวิตไปเกือบแสนแต้มแล้ว แต่เมื่อเทียบกับค่าพลังชีวิตสูงสุดหนึ่งล้านของมัน นี่กลับเป็นเพียงสิบส่วนร้อยเท่านั้น

เป็นเพราะความแตกต่างด้านค่าสเตตัสเช่นกัน ท่ากระบี่ร่วงของเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะทำคริติคอลดาเมจแล้ว แต่กลับไม่ได้ทำให้วานรแขนยักษ์สูญเสียความสามารถในการโต้ตอบ ตอนที่ร่างของเขากำลังจะเหยียบลงพื้น เจ้าลิงบ้าตัวนี้ก็โจมตีออกมาสองกระบี่ต่อเนื่อง บีบให้เยี่ยเว่ยหมิงรีบใช้ฝ่ามือ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ป้องกัน พร้อมทั้งลอยถอยหลังกลับไป

-2856

-2747

หลังจากถูกทำดาเมจโดยอาศัยค่าสเตตัสที่เหนือกว่าโดยสมบูรณ์ ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงก็เหลือไม่ถึงห้าพันแล้ว!

แต่พออาศัย ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ทรงตัวได้แล้ว ขณะกำลังมองวานรแขนยักษ์ที่โบกไม้ไผ่หักไล่ตามโจมตีอีกครั้ง ก็พลันใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ โจมตีออกมา พลังฝ่ามือสีฟ้าระยิบระยับแม้จะถูกไม้ไผ่หักของอีกฝ่ายตีแตก แต่อานุภาพอันทรงพลังของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ก็ทำให้ร่างของลิงตัวนี้หยุดชะงักสำเร็จแล้วเช่นกัน ไม้ไผ่หักในมือมันสะเทือนจนเบี่ยงออกไปเล็กน้อย

จากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือ ลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งยิงออกมา ฉวยโอกาสตอนที่ไม้ไผ่หักในมืออีกฝ่ายชนกับมังกรซ่อนกบดานจนเบี่ยงเบนทิศทางโจมตีบนคอของลิงตัวนี้ทันที

-70562!

‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ระดับสมบูรณ์ทำดาเมจได้เหนือกว่ามังกรซ่อนกบดานแล้ว กลายเป็นทักษะทำดาเมจเป้าหมายเดียวที่แข็งแกร่งที่ของเยี่ยเว่ยหมิงสุดในตอนนี้

อาศัยแค่ผลตัวแข็งเวลาสั้นๆ ของวานรแขนยักษ์ที่เกิดจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ฉวยโอกาสโจมตีต่อ แต่เริ่มโคจรกำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง ผิวกายกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตาเดียว ขณะเดียวกันมีไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาจากตัว

“เกียร์สอง!”

หลังจากปะทุสถานะ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ออกมา ลักษณะท่าทางของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นในชั่วพริบตาเดียว วานรแขนยักษ์ที่เพิ่งหลุดออกจากสถานะตัวแข็งถูกท่าปลุกปั่นกระบี่แทงตรงหว่างคิ้วในชั่วพริบตา จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่ากระเพื่อมกระบี่ ท่ากระบี่ร่วง มังกรร่อนล่อหงส์…

จากนั้นก็ไม่มีอะไรจากนั้นแล้ว

หลังจากเปิดใช้ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ค่าสเตตัสรายการต่างๆ ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เพิ่มขึ้น พลังโจมตีปะทุขึ้นอีกครั้ง ทว่าค่าสเตตัสแบบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าวานรแขนยักษ์เลเวลแปดสิบก็ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพออยู่ดี

ตอนที่ใช้ท่ากระบี่ร่วง แม้วานรแขนยักษ์จะต้านเพียงสามกระบี่ แต่ก็ถูกอีกสองกระบี่โจมตีแล้ว แต่สามครั้งนั้นเป็นการชนปะทะกันของอาวุธ เยี่ยเว่ยหมิงยังคงถูกอีกฝ่ายทำดาเมจมหาศาลสามครั้งอยู่ดี

ตัวเลขดาเมจแบบนี้ แม้เทียบกับก่อนปะทุพลังแล้วถือว่าน้อยกว่ามาก แต่ก็ทำให้ค่าพลังชีวิตของเขาที่เดิมทีก็น้อยอยู่แล้วลดลงจนเหลืออยู่ในระดับที่อันตราย

จากนั้น ตอนที่เขาจำเป็นต้องใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ป้องกันตอนร่างตกลงมา ก็ถูกลิงใช้สองกระบี่ทำดาเมจบดขยี้ กลายเป็นแสงสีขาวหายไปจากเขตลับไผ่เขียวทันที

การท้าสู้ล้มเหลว!

จิตสำนึกกลับเข้าร่างอีกครั้ง แต่ใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่แสดงความท้อใจเลยสักนิด กลับเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจสุดขีด

อย่างไรเสีย การที่เขาเลือกท้าสู้ที่เขตลับไผ่เขียวในเวลานี้ เดิมทีก็ไม่ได้หวังว่าจะผ่านแบบทดสอบด่านที่สองเสมอไปอยู่แล้ว เขาเพียงอยากทดสอบประสิทธิภาพของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ เท่านั้นเอง

และความจริงก็คือ สุดยอดวิชาเคล็ดกระบี่ที่หวงโส่วจุนสร้างขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ ก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง

สรุปการต่อสู้ของวันนี้ สองกระบวนท่าแรกของกระบี่เก้าสะท้านฟ้าล้วนทำให้วานรแขนยักษ์บาดเจ็บหนัก เพียงแต่วานรแขนยักษ์ฝีมือไม่ได้อ่อนด้อย ต่อให้ถูก ‘ท่าปลุกปั่นกระบี่’ ของเยี่ยเว่ยหมิงโจมตี แต่ก็ต้องรับมือกับ ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ ต่อทันทีถึงจะรับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่ถูกโจมตีอีก แต่หลังจากรับมือ ‘ท่ากระเพื่อมกระบี่’ แล้ว ก็ทำได้เพียงรับมือกับ ‘ท่ากระบี่ร่วง’ เพื่อเปลี่ยนจากฝ่ายถอยเป็นฝ่ายรุกอยู่ดี

แต่หลังจากใช้ ‘ท่ากระบี่ร่วง’ แล้ว กลับถูกลิงเวรตัวนั้นอาศัยค่าสเตตัสที่เหนือกว่าสร้างดาเมจบดขยี้

ไม่ใช่ว่า ‘ท่ากระบี่ร่วง’ ไม่เยี่ยมพอหรือเทียบกับสองท่าแรกของเคล็ดกระบี่ไม่ติด แต่เป็นเพราะแต่ละท่าของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกันหมดโดยสิ้นเชิง ‘ท่ากระบี่ร่วง’ เหมาะจะใช้บดขยี้คู่ต่อสู้เลเวลเดียวกันมากกว่า ไม่เหมาะให้ผู้เล่นใช้ต่อสู้กับ BOSS เลเวลห่างกันสามสิบหกเลเวล!

พูดให้ชัดก็คือ เป็นเพราะเลเวลและค่าสเตตัสของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากเกินไป ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย สามกระบวนท่าแรกของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อาจจะทำให้ความต่างนี้ลดลง แต่กลับไม่เพียงพอที่จะทำให้เสมอกัน

เมื่อเทียบกับการท้าสู้ครั้งก่อน ก็ถือว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว!

อย่างน้อยที่สุด ครั้งนี้ก่อนที่เยี่ยเว่ยหมิงจะตาย ก็ได้ทำให้วานรแขนยักษ์เสียพลังชีวิตไปเกือบสามแสนเช่นกัน!

เยี่ยเว่ยหมิงลองคำนวณอย่างง่าย ต่อให้เขาใช้วิธีดั้งเดิม เลือกใช้กระบี่แสงทองที่ครอบคลุมมากกว่ามารับมือกับศัตรู บางทีอาจทนได้อีกสักพัก แต่กลับไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

หากไม่ใช่เพื่อทดสอบวิชากระบี่แล้วเลือกใช้การปะทุพลังตั้งแต่แรก อาจจะโจมตีต่อเนื่องได้อย่างสมบูรณ์สองยกก็ได้

แต่หลังจากสองยกผ่านไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิต หรือเวลาแสดงผลของ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ ก็ล้วนถูกใช้จนหมดไป หลังจากตกอยู่ในสภาพอ่อนแอแล้ว ก็จะยิ่งกลายเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายฆ่าแกงตามอำเภอใจ

บางทีกินยาลูกกลอนโชคลาภอมตะสักเม็ดอาจทำให้เขาฟื้นฟูค่าพลังชีวิตจนเต็มในชั่วพริบตาและโจมตีต่อได้ แต่ไม่มีทางฆ่าวานรแขนยักษ์ให้ตายได้แน่นอน

ถ้าอยากสังหารศัตรู ด้วยค่าสเตตัสของเขาตอนนี้ อย่างน้อยก็ต้องกินยาลูกกลอนโชคลาภอมตะสามเม็ดถึงจะทำสำเร็จ

แต่การทำอย่างนั้นมีเวลาคูลดาวน์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมียาเม็ดเดียว ต่อให้บนตัวมีแปดเม็ดสิบเม็ด แต่ก็มีขีดจำกัดว่าให้กินได้วันละเม็ดเท่านั้น

ถ้าอยากอาศัยยาเพื่อให้ผ่านด่านสองของเขตลับไผ่เขียว ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ในจินตนาการเท่านั้น

บางทีถ้าเรียน ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อีกสักสองกระบวนท่า ก็อาจจะได้กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นกว่านี้ ทะลวงขีดจำกัดของเลเวลกับค่าสเตตัสได้?

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ตัดสินใจเลิกคิดถึงปัญหาที่คิดไม่ตกไปก่อนชั่วคราว

เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ อาศัยแค่อ่านหนังสือแล้วต่อสู้อยู่ในความคิด แต่ก็ยังสิ้นเปลืองพลังกายอยู่ดี ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มหิวแล้ว

ดังนั้น เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ก็คือ ทดลองว่าอาหารเลิศรสที่ทำขึ้นมาตอนฝีมือทำครัวอยู่เลเวลแปดนั้นแตกต่างกับก่อนหน้านี้อย่างไร

นอกจากนี้ เขายังถือโอกาสป้อนอาหารเจ้าแดงสัตว์เลี้ยงของเขาอีก ด้วยความช่วยเหลือจากตำรา ‘วิธีเลี้ยงสัตว์’ เขาเพิ่มค่าความจงรักภักดีของมันจนผ่านเกณฑ์ตั้งนานแล้ว

……

แล้วเวลาสามวันก็ผ่านไปอย่างนี้

ในที่สุดวันนี้ก็ได้จัดงานกินเลี้ยงงู ถึงเวลาสำคัญที่จะใช้อาหารเลิศรสต่างๆ เรียกตัวขอทานเฒ่าออกมาแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด