ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 463 ทำเฟิร์สคิลต้วนเจิ้งฉุน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 463 ทำเฟิร์สคิลต้วนเจิ้งฉุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 463 ทำเฟิร์สคิลต้วนเจิ้งฉุน

“อ้อ เรื่องรางวัลภารกิจเจรจากันได้…” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มพร้อมถามกลับ “เปลี่ยนเป็น ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ฉบับสมบูรณ์หรือไม่ก็ ‘ท่าเท้าท่องคลื่น’ ดีไหม”

ต้วนอวี้ส่ายหน้า “ระดับภารกิจยังไม่สูงพอ”

“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” เยี่ยเว่ยหมิงเห็นท่าทางคิดวนเวียนของต้วนอวี้ก็หลุดขำพร้อมตบบ่าเขา “ที่จริงถ้าเทียบกับสุดยอดวิชาฉบับไม่สมบูรณ์ที่เจ้าบอก ข้าชอบคางคกตัวนี้มากกว่า”

‘วิชาปราณภูตอุดร’ แม้จะทรงพลังมาก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในภารกิจนี้ต้วนอวี้นำออกมาได้เพียงฉบับไม่สมบูรณ์ แบบนั้นก็ค่อนข้างน่าลังเลแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็น ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ฉบับสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในกำลังภายในระดับสุดยอดในใต้หล้าเท่านั้น แค่ในกลยุทธ์สี่เรื่องที่อินปู้คุยให้เขามา ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ‘วีรบุรุษยิงอินทรี’ ‘กระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ‘แปดเทพอสูรมังกรฟ้า’ สุดยอดกำลังภายในที่สูสีกับ ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ก็มี ‘คัมภีร์เก้าอิม’ ‘คัมภีร์เก้าเอี้ยง’ ‘คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น’ ‘คัมภีร์ทานตะวัน’ ‘พลังหกบรรจบมีแต่เราเป็นเอกะ’ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ เป็นต้น…

ถ้าต้วนอวี้นำ ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ฉบับสมบูรณ์มาได้ บางทีเยี่ยเว่ยหมิงอาจจะลังเลอยู่บ้าง

แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชาเท่านั้น ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง คางคกตัวนี้ยังดีกว่านิดหน่อย

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงดึงดันขนาดนี้ ต้วนอวี้ก็ทำได้เพียงยอมแพ้ “จอมยุทธ์เยี่ยชอบก็ดีแล้ว แต่จะว่าไป คางคกตัวนี้แม้จะน่ารังเกียจไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ทำให้ร้อยพิษไม่กล้ำกราย กลับป้องกันคนอื่นลอบทำร้ายได้ ตรงกันข้าม ถ้าใช้ ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ดูดกำลังภายในของคนอื่น อาจจะพลาดทำร้ายตัวเองได้ ไม่เรียนก็ดีแล้ว”

ขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็เห็นเงาดำสองสายแวบผ่านตรงจุดที่ไม่ไกล พอหันไปมอง พบว่าเป็นฉินหงเหมียนกำลังพามู่หว่านชิงวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง

ต้วนอวี้เห็นแล้วร้อนใจมาก รีบไล่ตามไปแล้ว

บรรจงผู้เล่นก็ตระหนักได้เช่นกันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักจึงตามหลังไปด้วย

จากนั้น ทุกคนก็เห็นมู่หว่านชิงกับฉินหงเหมียนกระโดดขึ้นบนดาดฟ้าของบ้านหลังหนึ่งแล้วก็เจรจากับต้วนอวี้ที่ตามหลังมา

มู่หว่านชิงสื่อความหมายที่เข้าใจง่ายมาก ข้าไม่อยากได้พี่ชาย ข้าอยากได้สามี อยากจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กับข้าอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทางเสียหรอก!

ข้าอยากแต่งงาน!

ข้าแค่อยากแต่งงาน!

สำหรับคำขอที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ต้วนอวี้ย่อมไม่กล้ารับปาก ได้แต่ใช้ท่าร่างท่าเท้าท่องคลื่นเหยียบกำแพงไล่ตามไปอย่างนี้

เมื่อเห็นว่าต้วนอวี้ไล่ตามมา อีกทั้งมู่หว่านชิงก็เริ่มมีสีหน้าลังเล ฉินหงเหมียนก็ชักดาบออกมา พร้อมตวาดว่า “เจ้าเด็กเปรต ถ้าเจ้าเข้ามาอีกก้าว ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”

ต้วนอวี้เพิ่งจะก้าวขึ้นมาบนหลังคา ก็เห็นฉินหงเหมียนชักดาบออกมาแล้ว เขาตกใจทันที ลื่นตกลงมาจากหลังคาบ้านแล้ว

“พี่ต้วน!” ด้วยความร้อนอกร้อนใจ แม้แต่คำเรียกก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนคู่รักแล้ว มู่หว่านชิงตะโกนพร้อมรีบก้าวมาข้างหน้า คว้าสองมือของต้วนอวี้เอาไว้

จากนั้น…

พี่น้องต่างบิดามารดาคู่นี้ คนหนึ่งอยู่บนหลังคาบ้าน อีกคนห้อยอยู่กลางอากาศ แต่ร่างกายกลับสั่นสะท้านราวกับถูกกระแสไฟฟ้าโจมตี

“หว่านเอ๋อร์!” เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดของทั้งสอง ฉินหงเหมียนก็ตกใจจนรีบเก็บดาบเข้าฝัก แล้วก็คว้าบ่าของมู่หว่านชิง

จากนั้น…

สองคนที่ตัวสั่น ก็กลายเป็นสามคนที่ตัวสั่น!

พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมถามว่า “นี่คือ ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ฉบับไม่สมบูรณ์หรือ…

…ยังดีนะที่ข้าไม่รับมันไว้…

…ถ้าฝึกได้เหมือนต้วนอวี้ ทำไม่ได้แม้กระทั่งใช้ได้ตามใจ นั่นก็แย่เกินไปจริงๆ…”

แต่คาดไม่ถึงว่าพอเขาเพิ่งพูดจบก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่เหมือนจะฆ่าคนสองคู่ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

ซึ่งเจ้าของสายตาก็คือขุนเขาลำธารย่อมพานพบและเซียนสาวน้อยนักกิน สหายร่วมทีมของเขานั่นเอง

เซียนสาวน้อยนักกินกำลังเล่นพังพอนสายฟ้าในมือพร้อมบ่นอย่างโมโหว่า “เจ้าหมอนี่ ส่วนหนึ่งของสุดยอดวิชาที่คนอื่นใฝ่ฝันแต่ไกลเกินเอื้อมมาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับรังเกียจมัน…

…แค่รังเกียจก็ว่าหนักแล้ว เจ้ายังมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าพวกเราอีก…ความแค้นนี้ ข้าจดจำไว้แล้ว!”

ขุนเขาลำธารย่อมพานพบพยักหน้าทันที “ถ้าข้าสู้เจ้าได้ เราแตกคอกันไปนานแล้ว!”

สำหรับคำพูดค่อนขอดที่เจือด้วยความแค้นใจและอิจฉาริษยาปนกัน เยี่ยเว่ยหมิงได้แต่ยกมือยอมแพ้พร้อมรอยยิ้ม

ตอนนี้พลันมีเงาร่างของคนอีกหลายคนปรากฎตัว เป็นเตาไป๋เฟิ่งกับสี่องครักษของพระราชวัง พวกเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้ดึงดูดความสนใจ พอเห็นการตอบสนองประหลาดที่เหมือนถูกไฟดูดของพวกต้วนอวี้ก็รีบขึ้นไปช่วยทันที ผลปรากฏว่าตอนที่มือของพวกเขาสัมผัสตัวสามคนนั้น ก็ถูกไฟดูดเป็นทอดๆ กลายเป็นแปดคนที่ตัวสั่นเทิ้มและพูดไม่ออกพร้อมกัน เกิดเป็นฉากสุดอลังการในชั่วพริบตาเดียว

ทันใดนั้น เยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซาน สองในสี่คนโฉดก็ได้ยินข่าวและตามมาเช่นกัน

เย่ว์เหล่าซานนอกจากจะเป็นลูกศิษย์ของซานเย่ว์ ยังเคยคำนับต้วนอวี้เป็นอาจารย์เพราะคำสาบานด้วย เมื่อเห็นอาจารย์ลำบาก เจ้าทึ่มนี่ก็ก้าวเข้าไปช่วยทันที จากนั้นก็ไม่ผิดคาด เขาก็ตัวสั่นด้วยเช่นกัน

ตอนที่เยี่ยเอ้อร์เหนียงเห็นเย่ว์เหล่าซานเจอความลำบากและคิดยื่นมือช่วย ในที่สุดก็ทำให้คนบ้าที่โยกตัวครบจำนวนแล้ว

จนกระทั่งตอนนี้ ยอดฝีมือที่แท้จริงอย่างต้วนเจิ้งหมิงกับต้วนเหยียนชิ่งถึงได้ตามมาถึงอย่างเชื่องช้า

วิชาปราณภูตอุดรของต้วนอวี้กล่าวได้ว่าดูดพลังจากคนอื่นจนไร้แรงต้าน แต่กลับไม่ได้มีภัยคุกคามมากนักสำหรับพวกเขา ต้วนเจิ้งหมิงยื่นมือเข้าไปตรวจดูอาการ รู้สึกว่าพลังของตัวเองถูกคนดูดออกไป จึงปล่อยพลังฝ่ามือออกมาเบาๆ ทันที ดึงตัวเองออกจากโซ่ดูดพลังนี้

จากนั้นเขาก็กวาดลมฝ่ามือออกมาสายหนึ่ง แยกสิบคนที่ถูก ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ดูดออกจากกัน

กลุ่มยอดฝีมือบู๊ลิ้มที่สูญเสียพลังจึงพากันร่วงลงจากหลังคาเหมือนเกี๊ยว ล้มระเนระนาดไปคนละทาง

ต่อให้เป็นต้วนเหยียนชิ่งกับต้วนเจิ้งหมิง แต่ก็ช่วยทันแค่เตาไป๋เฟิ่ง ทำให้นางไม่ถึงขั้นหกคะเมน แต่กลับช่วยคนอื่นไม่ทันแล้ว

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น เจ้าอ้วนชนะฟ้าที่อยู่ข้างๆ ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ตามต้นฉบับเดิมก็มีฉากประมาณนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นสถานที่กับคนที่ถูกดูดพลังแตกต่างกันก็เท่านั้นเอง…

…ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด เกรงว่าเรื่องนี้คงเป็นเหตุการณ์เบื้องต้นก่อนมีภารกิจชิงคัมภีร์ที่วัดเทียนหลง เป็นอย่างไร ทุกคนสนใจจะไปประสมโรงด้วยกันไหม”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่ายหน้าแสดงท่าทีคนแรก “ระดับของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ คงเกินสุดยอดวิชาแล้ว นับเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานได้แล้ว ของประเภทนี้มีหรือที่จะได้มาไว้ในมือง่ายๆ…

…ถ้าไม่มีผู้เล่นคนอื่นเข้าร่วมด้วยก็ยังดีหน่อย ตอนนี้รู้อยู่ชัดเจนว่าตรงหน้ามีผู้เล่นสามคนคอยก่อเรื่อง ถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะต้องสู้กับพวกเชิญร่ำสุราก็ได้ แล้วผลที่ได้จากการลงแรงลงใจกลับเป็นเพียงรางวัลปลอบใจอย่างค่าประสบการณ์กับค่าตบะเท่านั้น ข้ารู้สึกว่าไม่คุ้ม”

เยี่ยเว่ยหมิงแสดงท่าทีเช่นนี้ ทำให้หลายคนที่เดิมทีตื่นเต้นอยากลองสงบลงแล้ว พากันบอกว่าตัวเองไม่อยากเข้าร่วมแล้ว

มีเพียงหลิวอวิ๋นที่สนใจพุทธธรรมของพวกพระชั้นสูงของวัดเทียนหลงมาก ตัดสินใจถือโอกาสนี้ไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย

ซึ่งตอนนี้เอง ซานเย่ว์กลับรู้สึกว่าฉากตรงหน้าเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป หลังจากนางมองซ้ายมองขวา ในที่สุดก็เอ่ยถามว่า “ต้วนเจิ้งฉุนล่ะ ทำไมยังไม่โผล่มา”

ก่อนหน้านี้ทุกคนถูกดึงดูดความสนใจเพราะปฏิกิริยาไฟดูดต่อเนื่องที่เกิดจาก ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนหายไปคนหนึ่ง ตอนนี้พอได้ยินซานเย่ว์ถามขึ้น ถึงได้พบว่าพอเกิดเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนี้ ยอดฝีมือที่ควรจะเฝ้าอยู่ทั้งในและนอกพระราชวังก็มาที่นี่หมด ไม่เห็นเพียงเงาของต้วนเจิ้งฉุน ‘อาวุธแห่งเหตุปัจจัย’ ที่เปลี่ยนฉากยอดฝีมือ ‘วิชาปราณภูตอุดร’ ให้กลายเป็นละครแนวจอมยุทธ์คุณธรรมฟอร์มยักษ์ ซึ่งเขาคือคนที่ควรจะมาโผล่อยู่ตรงนี้ที่สุด

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย เสียงประกาศระบบที่ไม่มีเค้าลางเตือนล่วงหน้ากลับดังขึ้นข้างหูทุกคนพร้อมกัน

[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักดาวดึงส์ เชิญร่ำสุรา ผู้เล่นเขาอูฐขาว เมฆเคลื่อนเดียวดาย ผู้เล่นสกุลมู่หรง ข้ากำลังหาของ สังหาร BOSS เลเวล 92 องค์ชายฝั่งใต้แห่งต้าหลี่ ต้วนเจิ้งฉุน ทำเฟิร์สคิลสำเร็จ!]

[ผู้เล่นสามคนที่เข้าร่วมการสังหาร…]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด