ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร

ฟังก์ชันรถม้าในเกมทรงพลังมาก ไม่ว่าจะไปไกลขนาดไหน เพียงชั่วหลับตาแล้วลืมตาก็ถึงแล้ว

ถ้าวันไหนหลับตาแล้วตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความจริง ก็แสดงว่ายานอวกาศที่พวกเขาขึ้นมาถึงที่หมายแล้ว

หลังจากทั้งหกหลับตาและลืมตาแล้ว ก็พบว่าตัวเองออกจากเมืองสวรรค์แห่งอาณาจักรมาถึงทุ่งหญ้านอกแคว้นแล้ว แต่จุดที่พวกเขาไปถึงไม่ใช่ทุ่งหญ้า แต่เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า…เมืองหลวง

เมืองหลวงในโลกแห่งความจริงไม่ได้อยู่บนทุ่งหญ้านอกแคว้นแน่นอน แต่แผ่นดินภาคกลางในเกมมั่นคงเหมือนถังเหล็ก ราชสำนักที่ถูกตั้งขึ้นโดยชนกลุ่มน้อยในเนื้อเรื่องหลัก ทั้งหมดถูกย้ายไปอยู่นอกแคว้นหมดแล้ว ในจำนวนนั้นแคว้นเหลียว แคว้นจิน แคว้นมองโกลล้วนถูกส่งไปอยู่บนทุ่งหญ้าที่ด่านหนานเหมินทางทิศเหนือ

ตำแหน่งของมองโกลเอียงไปทางทิศตะวันตก อยู่ใกล้กับซีอวี้และเทือกเขาคุนหลุน ดังนั้นจึงตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรคจรัสที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่นเช่นกัน

ใช่แล้ว ในเกมตั้งค่าไว้อย่างนี้

ส่วนที่ตั้งค่าไว้จะสอดคล้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การทหารและวิทยาศาสตร์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเกมเกมหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังเป็นเกมที่มีฉากหลังเป็นนิยายจอมยุทธ์คุณธรรมด้วย

ในโลกของเกมที่เดิมทีก็มีฉากหลังไม่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์มากเท่าไรอยู่แล้ว การหลับหูหลับตาใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์บางอย่างนั้นไม่มีความหมายเลยสักนิด

ยกตัวอย่างเช่นวิชาตัวเบาทะยานบันไดเมฆาของสำนักอู่ตัง เท้าซ้ายเหยียบแล้วเท้าขวาก็เตะเดินขึ้นไป แบบนั้นไอแซก นิวตันจะไม่ว่าอะไรหรอกหรือ

จากสถานที่ที่เฉินโหย่วเหลียงให้มา หกคนนี้ต้องไปหาหลวงจีนวัดเส้าหลินคนหนึ่งนามหยวนเจินที่วัดร้างแห่งหนึ่ง

หลังจากหยวนเจินได้อ่านจดหมายแนะนำที่พวกเขานำมาแล้ว ในที่สุดก็เริ่มแจกภารกิจ เล่าประมาณว่าเดิมทีเขามาที่เมืองหลวงเพื่อสืบดูสถานการณ์ของศัตรู หวังว่าจะช่วยเหลือแคว้นได้ เมื่อครึ่งวันก่อนจู่ๆ ก็ถูกลอบสังหาร ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หวังว่าพวกเขาจะหาตัวคนที่ลอบสังหารตนแล้วก็กำจัดทิ้ง

เพื่อให้สะดวกในการตามหา หยวนเจินยังให้เบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย รวมทั้งเศษผ้าบางส่วนที่ฉีกขาดออกมาตอนสู้กันก่อนหน้านี้

จะว่าไปแล้วฝีปากของเขาก็สุดยอดเช่นกัน เป็นฉากหลังภารกิจที่ธรรมดาเรียบง่ายแท้ๆ แต่เจ้าหมอนี่กลับพูดโยงไปถึงระดับความแค้นของแคว้น จากนั้นก็พูดเรื่องความแตกต่างด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพื้นที่ ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เหมือนอยากจะเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่โลกถือกำเนิดขึ้นมาเลย

ผ่านไปอย่างนี้ ไต้ซือหยวนเจินพูดกับทั้งหกอยู่ชั่วโมงกว่า ทั้งยังพูดพล่ามต่อไปอีก ไม่แจกภารกิจให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงเสียที

เยี่ยเว่ยหมิงกับเพื่อนร่วมทีมอีกห้าคน ตอนแรกก็ยังฟังอย่างตั้งใจ แต่ตอนหลังยิ่งพูดยิ่งออกทะเล แต่ละคนจึงเริ่มง่วงนอนโดยไม่รู้ตัว

จะว่าไปแล้ว หลวงจีนหยวนเจินคนนี้คงไม่ได้ถอดแบบมาจากพระถังซัมจั๋งหรอกใช่ไหม

อย่างไรเสียก่อนที่จะแจกภารกิจก็เป็นฝ่ายขอตัวจากไปก่อนไม่ได้ ทุกคนจึงพูดคุยกันช่องทีมเสียเลย

[เบาะแสพวกนี้ชัดเจนมาก ขอเพียงค้นหาไปเรื่อยๆ ตามเบาะแส ก็จะเจอมือสังหารนั่นที่วัดร้างอีกแห่งในเมืองแล้ว เขาก็คือหลวงจีนไว้ผมที่ข้าเอ่ยถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง]

ขณะที่ทุกคนกำลังฟังหยวนเจินพูดพล่าม ฉางซิงอวี่ในฐานะ ‘ผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ ก็ย่อข้อมูลเป็นเวอร์ชั่นอ่านง่ายให้ทุกคนในทีมอ่าน

หากเทียบคำพูดของเขากับคำบรรยายที่สมจริงของหยวนเจิน ก็ทำให้คนรู้สึกว่าเกมกำลังร้องงิ้ว แต่ของฉางซิงอวี่กลับประหยัดแรงไปเยอะมากเพราะเลือกพูดเฉพาะข้อมูลสำคัญท่ามกลางคำพูดไร้สาระมากมาย [ที่จริงแล้ว ในฐานะที่เป็นภารกิจหมุนเวียน การหาเบาะแสอะไรนั่นไม่ใช่กุญแจสำคัญของภารกิจนี้เลย วิธีการที่สะดวกที่สุดก็คือ ไปซื้อสุนัขล่าสัตว์ตัวหนึ่งที่ตลาดนัดฝั่งตะวันออก แล้วให้มันดมกลิ่นจากเศษผ้าที่ได้มา]

[แต่พวกเราไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้ว ข้ารู้ว่าหลวงจีนไว้ผมอยู่ที่ไหน ไปที่นั่นทันทีเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจของทีมละกี่คน แต่ที่ซ่อนตัวของเจ้านั่นก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย]

หนิวจื้อชุนที่อยู่อีกฝั่งพูดต่อจากเขาทันที [ถึงอย่างไรก็เป็นเกมยอดยุทธ์คุณธรรม จุดที่ยากและจุดที่สำคัญของภารกิจไม่ได้อยู่ที่การไขปริศนาและการตามหาคนแน่นอน การต่อสู้ต่างหากที่เป็นหัวข้อสำคัญที่แท้จริง]

ฉางซิงอวี่พยักหน้า [แม้จะไม่รู้ขั้นตอนของภารกิจโดยละเอียด แต่ข้าก็ได้ยินว่าขั้นตอนภารกิจทางฝั่งหลวงจีนไว้ผมง่ายกว่านิดหน่อย เพียงแต่ในระหว่างนั้นถ้าเป็นช่วงที่เกี่ยวกับการต่อสู้จะค่อนข้างยาก ยกตัวอย่างเช่นภารกิจในช่วงสุดท้าย เขาก็จะบอกผู้เล่นโดยตรงเลยว่าคนที่ต้องการสังหารก็คือหยวนเจิน ทั้งยังให้ตำแหน่งที่อยู่ของหยวนเจินมาด้วย นอกจากการต่อสู้แล้ว ขั้นตอนที่เหลือก็เป็นโหมดคนโง่หมด]

[ติ๊ง! ทีมของคุณได้รับภารกิจ ‘ลงโทษมือสังหาร’ เรียบร้อยแล้ว กรุณาตามหามือสังหารที่มีเจตนาลอบสังหารไต้ซือหยวนเจิน]

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ชัดเจนของระบบ ทุกคนก็ดึงความสนใจกลับมาอยู่กับความจริงทันที ต่างคนต่างรีบเปิดหน้าภารกิจของตัวเองเพื่อดูข้อมูลตัวละคร

[ลงโทษมือสังหาร]

ไต้ซือหยวนเจินที่มาสืบข่าวของศัตรูแคว้นที่มองโกลถูกคนชั่วลอบสังหาร ในฐานะวีรบุรุษ ได้เวลาลงโทษคนชั่วกำจัดคนร้ายแล้ว!

กรุณารีบหาเบาะแส เมื่อหาพบแล้วกำจัดมือสังหารที่มีเจตนาสังหารไต้ซือหยวนเจิน

ระดับภารกิจ: 7 ดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 ชั่วยาม (1:58:21)

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 500000 แต้ม ค่าตบะ 100000 แต้ม ทักษะยุทธ์ที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ดจะได้เพิ่มเลเวลหนึ่งเลเวล!

(หมายเหตุ: มือสังหารคนนี้ทักษะยุทธ์สูงส่งทรงพลัง ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังอันตรายถึงขีดสุด โปรดทำงานอย่างระมัดระวัง)

เมื่อเห็นคำแนะนำของภารกิจ ทุกคนก็หันไปมองฉางซิงอวี่พร้อมกัน เหมือนกำลังถามว่า นี่น่ะหรือที่เจ้าบอกว่าระดับภารกิจอาจจะสูงถึงห้าดาว หรือ ‘ถึงขั้น’ หกดาว

ฉางซิงอวี่ถูกทุกคนมองจนหน้าแดงเรื่อ อธิบายอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า “ถ้าเองก็วิเคราะห์จากข้อมูลที่รู้มาไม่เยอะ ข้าว่าข้อมูลภารกิจแม่นยำกว่า”

“อมิตตาพุทธ!” ตอนนี้หยวนเจินที่เป็นคนแจกภารกิจประนมมือแล้ว จากนั้นโน้มน้าวพวกเขาอย่างเป็นทางการว่า “การเดินทางครั้งนี้อันตราย หวังว่าจอมยุทธ์น้อยทุกท่านจะระวังตัวเอาไว้ อาตมาร่างกายบาดเจ็บ ทำได้เพียงอวยพรให้จอมยุทธ์น้อยทั้งหกมีโชคในการรบ ความสำเร็จมาเยือนโดยเร็ว!”

ตอนทุกคนออกจากวัดร้าง ถังซานไฉ่กลับยิ้มเจื่อน เตะก้อนหินที่อยู่ข้างเท้าไปไกลแล้วกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ภารกิจที่คนอื่นได้คือสามดาว สี่ดาว พอมาถึงพวกเราก็กลายเป็นเจ็ดดาวเลย ขอถามหน่อย ในบรรดาพวกเจ้ามีใครเคยทำภารกิจเจ็ดดาวหรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าศัตรูที่พวกเรากำลังจะเผชิญหน้ามีเลเวลอย่างน้อยเท่าไร”

“ภารกิจเจ็ดดาวข้าไม่เคยทำ เคยทำแค่ภารกิจหกดาว” น้องดาบที่ตามอยู่ข้างหลังเดินออกมาแล้วบอกว่า “ภารกิจสั่งให้ข้าท้าสู้ตัวต่อตัวกับบอสโหมดภารกิจเลเวลสามสิบ”

ทุกคนได้ยินแล้วโล่งอกพร้อมกัน แล้วก็ได้ยินน้องดาบพูดต่อว่า “จำได้ว่าตอนนั้นข้าเพิ่งออกจากหมู่บ้านมือใหม่ได้ไม่นาน เลเวลแค่สิบหกเอง ทักษะก็มีนิดเดียว ทั้งยังเลเวลต่ำมากด้วย ตอนเผชิญหน้ากับบอสเลเวลสามสิบ สู้กันขึ้นมาก็เปลืองแรงมาก! สู้กับเจ้าหมอนั่นไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงได้ดันทุรังทำให้เขาตายได้”

พอพูดถึงตรงนี้ น้องดาบก็ยักไหล่ “เพราะภารกิจนั้นค่อนข้างยากลำบาก ตอนนี้ข้าก็เลยยังจดจำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ บอสนั่นชื่อว่าเถียนกุยหนง”

เดิมทีถังซานไฉ่ก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าในทีมจะมีคนให้คำตอบได้จริงๆ

เพียงแต่คำตอบนี้สู้ไม่ฟังยังดีกว่า เพราะมีแต่จะทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

ให้ผู้เล่นเลเวลสิบหกไปท้าสู้บอสเลเวลสามสิบ นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ทำไหวหรือ

ถังซานไฉ่หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง หวังว่าจะได้รับคำปลอบโยนจากสหายที่มีความสามารถรอบด้านคนนี้สักหน่อย ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงกลับเข้าใจผิด จึงเล่าประวัติการทำภารกิจของตัวเองทันที

“ข้าเองก็ไม่เคยทำภารกิจเจ็ดดาวเช่นกัน แต่ภารกิจหกดาวเคยทำเพียงสองครั้ง หนึ่งในคู่ต่อสู้ก็คืออวี๋ชางไห่โหมดปกติเลเวลเจ็ดสิบกว่า ส่วนอีกภารกิจก็คือเหมยเชาเฟิง ซึ่งข้ามองไม่เห็นเลเวลของนาง”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วทั้งตัวตกอยู่ในความสิ้นหวัง “ดูท่าแล้ว ระบบคงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ข้าเปลี่ยนชื่อ ทุกคนลองบอกมาหน่อยว่าภารกิจนี้ของพวกเรายังจำเป็นต้องทำต่อไหม”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเช่นกัน แล้วกล่าวขออภัย “จะจำเป็นหรือไม่ ข้าเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร ทุกคนไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ”

ขณะที่พูด ก็จับภาพข้อมูลภารกิจส่งไปในช่องทีม

[ต่อต้านการไล่สังหาร]

เนื่องจากคุณได้สุดยอดวิชาอันโด่งดังของเฉิงคุน ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ มาจากราชสีห์ขนทองหวังเซี่ยซุน เฉิงคุนจะส่งผู้เล่นคนหนึ่งมาไล่ฆ่าคุณ กรุณามีชีวิตอยู่ต่อไปขณะที่ถูกไล่ฆ่า หรือไม่ก็ฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ทำให้ภารกิจของอีกฝ่ายล้มเหลว

ระดับภารกิจ: ห้าดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 วัน (23:59:50)

รางวัลภารกิจ: เพิ่มเลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ 1 เลเวล

บทลงโทษภารกิจ: ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ จะหายไปจากคอลัมน์สกิลของคุณ กลายเป็นรางวัลตำราลับดรอปให้กับผู้ที่ไล่ฆ่าคุณสำเร็จ

(หมายเหตุ: ในระยะเวลาภารกิจ ผู้ไล่สังหารจะรู้พิกัดของคุณแบบเรียลไทม์ และคุณก็จะไม่ได้รับรองความปลอดภัยใดๆ ในระหว่างภารกิจ โดยสารรถม้าไม่ได้)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 222 ภารกิจถูกคนไล่สังหาร

ฟังก์ชันรถม้าในเกมทรงพลังมาก ไม่ว่าจะไปไกลขนาดไหน เพียงชั่วหลับตาแล้วลืมตาก็ถึงแล้ว

ถ้าวันไหนหลับตาแล้วตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความจริง ก็แสดงว่ายานอวกาศที่พวกเขาขึ้นมาถึงที่หมายแล้ว

หลังจากทั้งหกหลับตาและลืมตาแล้ว ก็พบว่าตัวเองออกจากเมืองสวรรค์แห่งอาณาจักรมาถึงทุ่งหญ้านอกแคว้นแล้ว แต่จุดที่พวกเขาไปถึงไม่ใช่ทุ่งหญ้า แต่เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า…เมืองหลวง

เมืองหลวงในโลกแห่งความจริงไม่ได้อยู่บนทุ่งหญ้านอกแคว้นแน่นอน แต่แผ่นดินภาคกลางในเกมมั่นคงเหมือนถังเหล็ก ราชสำนักที่ถูกตั้งขึ้นโดยชนกลุ่มน้อยในเนื้อเรื่องหลัก ทั้งหมดถูกย้ายไปอยู่นอกแคว้นหมดแล้ว ในจำนวนนั้นแคว้นเหลียว แคว้นจิน แคว้นมองโกลล้วนถูกส่งไปอยู่บนทุ่งหญ้าที่ด่านหนานเหมินทางทิศเหนือ

ตำแหน่งของมองโกลเอียงไปทางทิศตะวันตก อยู่ใกล้กับซีอวี้และเทือกเขาคุนหลุน ดังนั้นจึงตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรคจรัสที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่นเช่นกัน

ใช่แล้ว ในเกมตั้งค่าไว้อย่างนี้

ส่วนที่ตั้งค่าไว้จะสอดคล้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การทหารและวิทยาศาสตร์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเกมเกมหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังเป็นเกมที่มีฉากหลังเป็นนิยายจอมยุทธ์คุณธรรมด้วย

ในโลกของเกมที่เดิมทีก็มีฉากหลังไม่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์มากเท่าไรอยู่แล้ว การหลับหูหลับตาใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์บางอย่างนั้นไม่มีความหมายเลยสักนิด

ยกตัวอย่างเช่นวิชาตัวเบาทะยานบันไดเมฆาของสำนักอู่ตัง เท้าซ้ายเหยียบแล้วเท้าขวาก็เตะเดินขึ้นไป แบบนั้นไอแซก นิวตันจะไม่ว่าอะไรหรอกหรือ

จากสถานที่ที่เฉินโหย่วเหลียงให้มา หกคนนี้ต้องไปหาหลวงจีนวัดเส้าหลินคนหนึ่งนามหยวนเจินที่วัดร้างแห่งหนึ่ง

หลังจากหยวนเจินได้อ่านจดหมายแนะนำที่พวกเขานำมาแล้ว ในที่สุดก็เริ่มแจกภารกิจ เล่าประมาณว่าเดิมทีเขามาที่เมืองหลวงเพื่อสืบดูสถานการณ์ของศัตรู หวังว่าจะช่วยเหลือแคว้นได้ เมื่อครึ่งวันก่อนจู่ๆ ก็ถูกลอบสังหาร ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หวังว่าพวกเขาจะหาตัวคนที่ลอบสังหารตนแล้วก็กำจัดทิ้ง

เพื่อให้สะดวกในการตามหา หยวนเจินยังให้เบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย รวมทั้งเศษผ้าบางส่วนที่ฉีกขาดออกมาตอนสู้กันก่อนหน้านี้

จะว่าไปแล้วฝีปากของเขาก็สุดยอดเช่นกัน เป็นฉากหลังภารกิจที่ธรรมดาเรียบง่ายแท้ๆ แต่เจ้าหมอนี่กลับพูดโยงไปถึงระดับความแค้นของแคว้น จากนั้นก็พูดเรื่องความแตกต่างด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของพื้นที่ ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เหมือนอยากจะเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่โลกถือกำเนิดขึ้นมาเลย

ผ่านไปอย่างนี้ ไต้ซือหยวนเจินพูดกับทั้งหกอยู่ชั่วโมงกว่า ทั้งยังพูดพล่ามต่อไปอีก ไม่แจกภารกิจให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงเสียที

เยี่ยเว่ยหมิงกับเพื่อนร่วมทีมอีกห้าคน ตอนแรกก็ยังฟังอย่างตั้งใจ แต่ตอนหลังยิ่งพูดยิ่งออกทะเล แต่ละคนจึงเริ่มง่วงนอนโดยไม่รู้ตัว

จะว่าไปแล้ว หลวงจีนหยวนเจินคนนี้คงไม่ได้ถอดแบบมาจากพระถังซัมจั๋งหรอกใช่ไหม

อย่างไรเสียก่อนที่จะแจกภารกิจก็เป็นฝ่ายขอตัวจากไปก่อนไม่ได้ ทุกคนจึงพูดคุยกันช่องทีมเสียเลย

[เบาะแสพวกนี้ชัดเจนมาก ขอเพียงค้นหาไปเรื่อยๆ ตามเบาะแส ก็จะเจอมือสังหารนั่นที่วัดร้างอีกแห่งในเมืองแล้ว เขาก็คือหลวงจีนไว้ผมที่ข้าเอ่ยถึงก่อนหน้านี้นั่นเอง]

ขณะที่ทุกคนกำลังฟังหยวนเจินพูดพล่าม ฉางซิงอวี่ในฐานะ ‘ผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ ก็ย่อข้อมูลเป็นเวอร์ชั่นอ่านง่ายให้ทุกคนในทีมอ่าน

หากเทียบคำพูดของเขากับคำบรรยายที่สมจริงของหยวนเจิน ก็ทำให้คนรู้สึกว่าเกมกำลังร้องงิ้ว แต่ของฉางซิงอวี่กลับประหยัดแรงไปเยอะมากเพราะเลือกพูดเฉพาะข้อมูลสำคัญท่ามกลางคำพูดไร้สาระมากมาย [ที่จริงแล้ว ในฐานะที่เป็นภารกิจหมุนเวียน การหาเบาะแสอะไรนั่นไม่ใช่กุญแจสำคัญของภารกิจนี้เลย วิธีการที่สะดวกที่สุดก็คือ ไปซื้อสุนัขล่าสัตว์ตัวหนึ่งที่ตลาดนัดฝั่งตะวันออก แล้วให้มันดมกลิ่นจากเศษผ้าที่ได้มา]

[แต่พวกเราไม่ต้องทำอย่างนั้นแล้ว ข้ารู้ว่าหลวงจีนไว้ผมอยู่ที่ไหน ไปที่นั่นทันทีเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจของทีมละกี่คน แต่ที่ซ่อนตัวของเจ้านั่นก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย]

หนิวจื้อชุนที่อยู่อีกฝั่งพูดต่อจากเขาทันที [ถึงอย่างไรก็เป็นเกมยอดยุทธ์คุณธรรม จุดที่ยากและจุดที่สำคัญของภารกิจไม่ได้อยู่ที่การไขปริศนาและการตามหาคนแน่นอน การต่อสู้ต่างหากที่เป็นหัวข้อสำคัญที่แท้จริง]

ฉางซิงอวี่พยักหน้า [แม้จะไม่รู้ขั้นตอนของภารกิจโดยละเอียด แต่ข้าก็ได้ยินว่าขั้นตอนภารกิจทางฝั่งหลวงจีนไว้ผมง่ายกว่านิดหน่อย เพียงแต่ในระหว่างนั้นถ้าเป็นช่วงที่เกี่ยวกับการต่อสู้จะค่อนข้างยาก ยกตัวอย่างเช่นภารกิจในช่วงสุดท้าย เขาก็จะบอกผู้เล่นโดยตรงเลยว่าคนที่ต้องการสังหารก็คือหยวนเจิน ทั้งยังให้ตำแหน่งที่อยู่ของหยวนเจินมาด้วย นอกจากการต่อสู้แล้ว ขั้นตอนที่เหลือก็เป็นโหมดคนโง่หมด]

[ติ๊ง! ทีมของคุณได้รับภารกิจ ‘ลงโทษมือสังหาร’ เรียบร้อยแล้ว กรุณาตามหามือสังหารที่มีเจตนาลอบสังหารไต้ซือหยวนเจิน]

เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ชัดเจนของระบบ ทุกคนก็ดึงความสนใจกลับมาอยู่กับความจริงทันที ต่างคนต่างรีบเปิดหน้าภารกิจของตัวเองเพื่อดูข้อมูลตัวละคร

[ลงโทษมือสังหาร]

ไต้ซือหยวนเจินที่มาสืบข่าวของศัตรูแคว้นที่มองโกลถูกคนชั่วลอบสังหาร ในฐานะวีรบุรุษ ได้เวลาลงโทษคนชั่วกำจัดคนร้ายแล้ว!

กรุณารีบหาเบาะแส เมื่อหาพบแล้วกำจัดมือสังหารที่มีเจตนาสังหารไต้ซือหยวนเจิน

ระดับภารกิจ: 7 ดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 ชั่วยาม (1:58:21)

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 500000 แต้ม ค่าตบะ 100000 แต้ม ทักษะยุทธ์ที่เลเวลต่ำกว่าเจ็ดจะได้เพิ่มเลเวลหนึ่งเลเวล!

(หมายเหตุ: มือสังหารคนนี้ทักษะยุทธ์สูงส่งทรงพลัง ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังอันตรายถึงขีดสุด โปรดทำงานอย่างระมัดระวัง)

เมื่อเห็นคำแนะนำของภารกิจ ทุกคนก็หันไปมองฉางซิงอวี่พร้อมกัน เหมือนกำลังถามว่า นี่น่ะหรือที่เจ้าบอกว่าระดับภารกิจอาจจะสูงถึงห้าดาว หรือ ‘ถึงขั้น’ หกดาว

ฉางซิงอวี่ถูกทุกคนมองจนหน้าแดงเรื่อ อธิบายอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า “ถ้าเองก็วิเคราะห์จากข้อมูลที่รู้มาไม่เยอะ ข้าว่าข้อมูลภารกิจแม่นยำกว่า”

“อมิตตาพุทธ!” ตอนนี้หยวนเจินที่เป็นคนแจกภารกิจประนมมือแล้ว จากนั้นโน้มน้าวพวกเขาอย่างเป็นทางการว่า “การเดินทางครั้งนี้อันตราย หวังว่าจอมยุทธ์น้อยทุกท่านจะระวังตัวเอาไว้ อาตมาร่างกายบาดเจ็บ ทำได้เพียงอวยพรให้จอมยุทธ์น้อยทั้งหกมีโชคในการรบ ความสำเร็จมาเยือนโดยเร็ว!”

ตอนทุกคนออกจากวัดร้าง ถังซานไฉ่กลับยิ้มเจื่อน เตะก้อนหินที่อยู่ข้างเท้าไปไกลแล้วกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ภารกิจที่คนอื่นได้คือสามดาว สี่ดาว พอมาถึงพวกเราก็กลายเป็นเจ็ดดาวเลย ขอถามหน่อย ในบรรดาพวกเจ้ามีใครเคยทำภารกิจเจ็ดดาวหรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าศัตรูที่พวกเรากำลังจะเผชิญหน้ามีเลเวลอย่างน้อยเท่าไร”

“ภารกิจเจ็ดดาวข้าไม่เคยทำ เคยทำแค่ภารกิจหกดาว” น้องดาบที่ตามอยู่ข้างหลังเดินออกมาแล้วบอกว่า “ภารกิจสั่งให้ข้าท้าสู้ตัวต่อตัวกับบอสโหมดภารกิจเลเวลสามสิบ”

ทุกคนได้ยินแล้วโล่งอกพร้อมกัน แล้วก็ได้ยินน้องดาบพูดต่อว่า “จำได้ว่าตอนนั้นข้าเพิ่งออกจากหมู่บ้านมือใหม่ได้ไม่นาน เลเวลแค่สิบหกเอง ทักษะก็มีนิดเดียว ทั้งยังเลเวลต่ำมากด้วย ตอนเผชิญหน้ากับบอสเลเวลสามสิบ สู้กันขึ้นมาก็เปลืองแรงมาก! สู้กับเจ้าหมอนั่นไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงได้ดันทุรังทำให้เขาตายได้”

พอพูดถึงตรงนี้ น้องดาบก็ยักไหล่ “เพราะภารกิจนั้นค่อนข้างยากลำบาก ตอนนี้ข้าก็เลยยังจดจำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ บอสนั่นชื่อว่าเถียนกุยหนง”

เดิมทีถังซานไฉ่ก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าในทีมจะมีคนให้คำตอบได้จริงๆ

เพียงแต่คำตอบนี้สู้ไม่ฟังยังดีกว่า เพราะมีแต่จะทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

ให้ผู้เล่นเลเวลสิบหกไปท้าสู้บอสเลเวลสามสิบ นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ทำไหวหรือ

ถังซานไฉ่หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง หวังว่าจะได้รับคำปลอบโยนจากสหายที่มีความสามารถรอบด้านคนนี้สักหน่อย ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงกลับเข้าใจผิด จึงเล่าประวัติการทำภารกิจของตัวเองทันที

“ข้าเองก็ไม่เคยทำภารกิจเจ็ดดาวเช่นกัน แต่ภารกิจหกดาวเคยทำเพียงสองครั้ง หนึ่งในคู่ต่อสู้ก็คืออวี๋ชางไห่โหมดปกติเลเวลเจ็ดสิบกว่า ส่วนอีกภารกิจก็คือเหมยเชาเฟิง ซึ่งข้ามองไม่เห็นเลเวลของนาง”

ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วทั้งตัวตกอยู่ในความสิ้นหวัง “ดูท่าแล้ว ระบบคงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ข้าเปลี่ยนชื่อ ทุกคนลองบอกมาหน่อยว่าภารกิจนี้ของพวกเรายังจำเป็นต้องทำต่อไหม”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเช่นกัน แล้วกล่าวขออภัย “จะจำเป็นหรือไม่ ข้าเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร ทุกคนไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ”

ขณะที่พูด ก็จับภาพข้อมูลภารกิจส่งไปในช่องทีม

[ต่อต้านการไล่สังหาร]

เนื่องจากคุณได้สุดยอดวิชาอันโด่งดังของเฉิงคุน ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ มาจากราชสีห์ขนทองหวังเซี่ยซุน เฉิงคุนจะส่งผู้เล่นคนหนึ่งมาไล่ฆ่าคุณ กรุณามีชีวิตอยู่ต่อไปขณะที่ถูกไล่ฆ่า หรือไม่ก็ฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ทำให้ภารกิจของอีกฝ่ายล้มเหลว

ระดับภารกิจ: ห้าดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 วัน (23:59:50)

รางวัลภารกิจ: เพิ่มเลเวล ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ 1 เลเวล

บทลงโทษภารกิจ: ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ จะหายไปจากคอลัมน์สกิลของคุณ กลายเป็นรางวัลตำราลับดรอปให้กับผู้ที่ไล่ฆ่าคุณสำเร็จ

(หมายเหตุ: ในระยะเวลาภารกิจ ผู้ไล่สังหารจะรู้พิกัดของคุณแบบเรียลไทม์ และคุณก็จะไม่ได้รับรองความปลอดภัยใดๆ ในระหว่างภารกิจ โดยสารรถม้าไม่ได้)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด