ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ

กำลังของทัพย่อยมองโกลแม้จะไม่อ่อนแอ ทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์อีลิทเลเวลประมาณสามสิบ แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ป่าทั่วไป แต่อ่อนแอกว่า BOSS พลังชีวิตเฉลี่ยประมาณเจ็ดแปดพัน

ผู้ที่นำหน้ามาคือหลวงจีนอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่ง หลังจากสู้กันแล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต เป็นบอสเลเวลสามสิบห้า

ด้วยศักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงในปัจจุบัน การรับมือกับ BOSS เลเวลเดียวกันแบบนี้ จำเป็นต้องจัดการอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นถ้าเผลอก็จะทำให้ BOSS ตัวเป็นๆ คนหนึ่งตายได้ง่ายมาก

ถึงอย่างไร เป้าหมายของเขาก็แค่ควบคุมอีกฝ่ายไว้เพื่อถามข้อมูลเท่านั้น

ย่อมต้องไว้ชีวิตอยู่แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงหนิวจื้อชุนที่นำหน้าไปส่งจดหมายให้สำนักคุนหลุนก่อน ห้าคนที่เหลืออยู่ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงทารุณกำลังพลย่อยกลุ่มนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเลย แต่ถึงอย่างไรฝ่ายศัตรูก็มีคนเยอะกว่า แม้จะเอาชนะศัตรูได้ แต่กลับขัดขวางเสียงธนูแจ้งเตือนที่ดังขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะถูกกำจัดทั้งกลุ่มไม่ได้

ถึงอย่างไร ตอนที่เห็นว่ากำลังจะสู้ไม่ไหว แปดคนของฝ่ายตรงข้ามก็ยิงธนูส่งสัญญาณพร้อมกัน พวกเยี่ยเว่ยหมิงขัดขวางได้เจ็ดคนก็ถือว่าเก่งแล้ว

“ที่นี่ห่างจากเมืองต้าตูสามสิบลี้กว่า สัญญาณของเสียงธนูดังไม่ไกลขนาดนั้น เพียงแต่กำลังพลใหญ่ในหุบเขาต้องได้รับสัญญาณแล้วแน่นอน” เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว แล้วบอกว่า “สะพานสวรรค์น้อย วิชาตัวเบาของเจ้าดี รับหน้าที่ขึ้นไปบนปากหุบเขาแล้วสังเกตทิศทางการเคลื่อนไหวของทัพมองโกล พวกเราจะไปถามถึงสถานการณ์ข้างในกับหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตก่อน”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็มองหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตา “บอกมาเถอะ ตอนนี้ในหุบเขามียอดฝีมืออยู่เท่าไรกันแน่”

“ล้อหน้าไม่หมุน หมุนแต่ล้อหลัง ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อ กุ๊กกรูกุ๊กกรู…” หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตตอบ

พอได้ยิน ถังซานไฉ่ก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “เขาพูดภาษาทางการไม่ได้ ทำอย่างไรดี”

“เช่นนั้นเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สังหารบูชาฟ้าเถอะ”

“อย่า!” พอหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตได้ยินว่าอีกฝ่ายจะสังหาร ก็รีบใช้ภาษาฮั่นอย่างคล่องแคล่วได้มาตรฐานพูดว่า “ข้ารู้สถานการณ์ของที่นี่ พวกเจ้าอย่างสังหารข้า เมื่อครู่ข้าเพียงใช้การปฏิบัติจริงพิสูจน์ให้พวกเจ้าเห็นว่าข้าพูดได้หลายภาษา พิสูจน์ว่าข้าเป็นคนที่มีความสามารถ!”

“เลิกพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์!” เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อ “บอกมาว่าสถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรกันแน่”

หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตกลอกตา น้องดาบใช้ดาบกระทุ้งบนต้นขาของเขา “ถ้าคิดจะเล่นลูกไม้ ก็เอาไปครั้งละหนึ่งดาบ! เจ้ามีโอกาสทำพลาดแค่สามพันหกร้อยครั้ง พวกเราค่อยๆ เล่นกันก็ได้”

เมื่อได้ยินว่าตัวเองมีโอกาสทำพลาดเยอะขนาดนั้น แทนที่หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตจะดีใจ กลับตกใจจนเริ่มตัวสั่นแล้ว

สามพันหกร้อยดาบ นี่คือจังหวะของการถูกแล่เนื้อเถือหนังชัดๆ!

หลังจากเห็นน้องดาบชักดาบออกมาและเตรียมแทงอีก หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตที่ถูกแทงจนกลายเป็นน้ำเต้าโลหิตก็รีบบอกว่า “อย่าลงไม้ลงมือ ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว! คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะ…”

จากคำอธิบายของหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต ทุกคนถึงได้เข้าใจความเป็นมาของเรื่องราวอย่างคร่าวๆ

ที่แท้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตคนนี้ก็คือเจ้าอาวาสวัดน้ำเต้าโลหิตที่อยู่ในหุบเขาน้ำเต้าโลหิต เนื่องจากวัดของเขาอยู่ใกล้ต้าตู ท่าทีของเขาที่มีต่อราชสำนักมองโกลจึงคลุมเครือมาก ไม่นานก่อนหน้านี้จวนท่านอ๋องหรู่หยางให้คนส่งกู่ฉินมาหนึ่งตัว บอกว่าเป็นของที่บรรพจารย์รุ่นก่อนของสำนักคุนหลุนทำหายข้างนอก ต้องการให้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตเชิญเจ้าสำนักคุนหลุนไป๋ลู่จื่อมาพบกันในนามของตัวเองเป็นการส่วนตัว

ที่จริงแล้วใช้เรื่องคืนกู่ฉินเป็นข้ออ้างเพื่อล่อพวกเขามาสังหาร จากนั้นสร้างหลักฐานต่อเนื่องที่คล้ายเป็นของจริงแต่ไม่ใช่เพื่อโยนความผิดไปที่พรรคจรัส

อย่างไรเสีย ตอนนี้พรรคจรัสเดิมทีก็ไม่ถูกกับสำนักคุนหลุนเหมือนน้ำกับไฟอยู่แล้ว ขอเพียงหลักฐานมีแนวโน้มชี้ไปทางนั้นก็พอ ไม่ถึงขั้นต้องใช้หลักฐานที่น่าเชื่อถือจนแก้ตัวไม่ได้

เนื่องจากคนของสำนักคุนหลุนไม่มีทางไปขอหลักฐานจากพรรคจรัสอยู่แล้ว!

แผนของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ล่อไป๋ลู่จื่อและยอดฝีมือคุนหลุนหลายคนเข้ามาในวัดได้ จากนั้นยอดฝีมือจำนวนมากของราชสำนักมองโกลก็ลงมือพร้อมกัน นั่นก็คือล้อมสังหารพวกเขา

เพื่อรับประกันว่าแผนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ยอดฝีมือทั้งเจ็ดของราชสำนักมองโกลก็ออกโรงแล้วสี่คน!

นอกจากหยวนเจิน ฟ่านเหยาและอาซานที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงกำจัดไปก่อนหน้านี้ อาต้า อาเอ้อร์รวมทั้งสองเฒ่าเสวียนหมิงที่เหลือก็อยู่ในนี้ด้วย

เดิมทีนึกว่าจะได้สังหารหมู่ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดกลางคัน

ไม่รู้ว่ามีข่าวหลุดล่วงหน้าหรือว่าเพราะอะไร จู่ๆ ฝั่งสำนักคุนหลุนก็มีทัพหนุนที่ศักยภาพแข็งแกร่งมากกระโดดออกมา เป็นสามอัจฉริยะแห่งคุนหลุนที่อายุเกินร้อย!

มี BOSS สุดแข็งแกร่งคนนี้คุมอยู่ แม้สี่ยอดฝีมือของราชสำนักมองโกลลงมือพร้อมกัน แต่ก็ไม่อาจอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่าได้เลย

แต่เหอจู๋เต้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์ลูกศิษย์หลานของเขา จึงทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ตอนนี้ทั้งสองฝั่งกำลังคุมเชิงกัน เหอจู๋เต้าพาศิษย์ของสำนักคุนหลุนถอยเข้าไปไหนวัดน้ำเต้าโลหิตแล้ว ทัพใหญ่มองโกลตั้งทัพคุมอยู่ข้างนอก ลองโจมตีแล้วหลายครั้ง แต่ก็โจมตีเข้าไปไม่ได้

ท่านอ๋องน้อยจากจวนท่านอ๋องหรู่หยางที่รับหน้าที่บัญชาการรบเพิ่งออกคำสั่งให้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตพาคนกลับต้าตูไปขอความช่วยเหลือ แล้วถือโอกาสนำฟืนกับน้ำมันมาด้วย

พวกเขาต้องการเผาวัดน้ำเต้าโลหิต!

เตรียมจะเผาเหอจู๋เต้าและยอดฝีมือคุนหลุนทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในวัด!

สำหรับแผนการสุดโหดร้ายที่พวกเขาใช้ พวกเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แสดงความเห็นอะไร ที่จริงถ้าพวกเขาใช้กลอุบายขึ้นมา บางครั้งก็โหดร้ายกว่านี้อีก คนวิ่งได้ร้อยก้าวไม่จำเป็นต้องหัวเราะเยาะคนวิ่งได้ห้าสิบก้าว

สิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจก็คือ หลังจากหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตเล่าเรื่องนี้จบแล้ว ก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นข้างหูทุกคนพร้อมกัน

[ติ๊ง! ล่วงรู้แผนการรับของราชสำนักมองโกลจากหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต คุณจะเลือกอะไร]

1. ช่วยคน!

2. บอกข่าวกับสำนักคุนหลุน

3. ไม่ใช่ธุระของตัวเอง คำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง

ยามเผชิญหน้ากับคำถามที่โผล่ขึ้นมากะทันหัน ที่จริงก็ไม่มีอะไรน่าลังเลแล้ว ถึงอย่างไรทุกคนก็เตรียมใจไว้แล้ว เลือก ‘1’ โดยไม่จำเป็นต้องปรึกษากัน ส่วนหนิวจื้อชุนที่รับหน้าที่ส่งจดหมายก็ย่อมต้องเลือก ‘2’

[ติ๊ง! เนื่องจากคุณเลือกแล้ว ภารกิจมีการเปลี่ยนแปลง ภารกิจ ‘ส่งจดหมายให้คุนหลุน’ กลายเป็น ‘ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ’]

[ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ]

คิดหาทางช่วยสามอัจฉริยะแห่งคุนหลุนเหอจู๋เต้า รวมทั้งยอดฝีมือคุนหลุนคนอื่นที่ถูกขังอยู่ในวัดน้ำเต้าโลหิตออกมา

ระดับภารกิจ: 7 ดาว

รางวัลภารกิจ: ไม่ทราบ

ตอนที่ผู้เล่นหกคนนี้เพิ่งเลือก ระบบก็แจ้งเตือนภารกิจเปลี่ยนแปลงตามมาทันที ขณะเดียวกัน สะพานสวรรค์น้อยที่รับหน้าที่เฝ้าสังเกตุการณ์ก็เตือนในช่องทีมว่า [มีคนมา แต่มีแค่คนเดียว! เป็นคนหัวโล้น แค่ท่าทางก็ไม่เหมือนพระ]

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วมองน้องดาบแวบหนึ่ง น้องดาบเค้นถามหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตทันที คำตอบที่ได้ก็คือ ผู้ที่มาชื่อว่าจั้วเอ้อร์!

เอ…ไม่ถูกสิ!

ชื่ออาเอ้อร์!

หลังจากได้รับคำตอบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็อดหัวเราะไม่ได้ [ดูท่าภารกิจช่วยคนครั้งนี้ ก็ไม่ได้ยากเหมือนที่พวกเราจินตนาการไว้นะ มียอดฝีมือคุนหลุนคุมอยู่ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงส่งยอดฝีมือทั้งหมดมาสู้กับพวกเราง่ายๆ หรอก ถ้าพวกเขาทยอยมาทีละคน พวกเราก็ฆ่าทิ้งทีละคนได้เลย…ทุกคนมีความมั่นใจหรือเปล่า]

[พี่ใหญ่เยี่ยพูดถูก ทำได้แน่นอน!] สะพานสวรรค์น้อยกล่าว

[ยากตรงไหน] น้องดาบกล่าว

[ตอนนี้ข้าไม่ตายแล้ว ไร้ซึ่งความกลัว!] ถังซานไฉ่

[ดาบสองคมสามแฉกของข้า กระหายเลือดจนทนไม่ไหวแล้ว!] ฉางซิงอวี่

ตอนที่ทุกคนทยอยกันแสดงท่าที เยี่ยเว่ยหมิงก็พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาเอ้อร์อย่างรวดเร็วตามกลยุทธ์ที่อินปู้คุยให้ไว้ “อาเอ้อร์ ยอดฝีมือสำนักจินกังแดนซีอวี้ เนื่องจากมีพลังอภินิหาร ดูภายนอกเห็นธาตุแท้ หาหนทางใหม่ฝึกกำลังภายในที่แข็งแกร่งจนสำเร็จ ลักษณะการต่อสู้ก็คือใช้พลังอันแข็งแกร่งเทียบเท่าสิบคน ชินกับการอาศัยกำลังภายในบดขยี้คู่ต่อสู้ ความสามารถเหนือกว่าอาซาน”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยื่นมือชี้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิต “มัดเขาไว้ พวกเราซ้อมเจ้า ‘เอ๋อ’ นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 251 ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ

กำลังของทัพย่อยมองโกลแม้จะไม่อ่อนแอ ทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์อีลิทเลเวลประมาณสามสิบ แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ป่าทั่วไป แต่อ่อนแอกว่า BOSS พลังชีวิตเฉลี่ยประมาณเจ็ดแปดพัน

ผู้ที่นำหน้ามาคือหลวงจีนอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่ง หลังจากสู้กันแล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต เป็นบอสเลเวลสามสิบห้า

ด้วยศักยภาพของเยี่ยเว่ยหมิงในปัจจุบัน การรับมือกับ BOSS เลเวลเดียวกันแบบนี้ จำเป็นต้องจัดการอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นถ้าเผลอก็จะทำให้ BOSS ตัวเป็นๆ คนหนึ่งตายได้ง่ายมาก

ถึงอย่างไร เป้าหมายของเขาก็แค่ควบคุมอีกฝ่ายไว้เพื่อถามข้อมูลเท่านั้น

ย่อมต้องไว้ชีวิตอยู่แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงหนิวจื้อชุนที่นำหน้าไปส่งจดหมายให้สำนักคุนหลุนก่อน ห้าคนที่เหลืออยู่ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงทารุณกำลังพลย่อยกลุ่มนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาเลย แต่ถึงอย่างไรฝ่ายศัตรูก็มีคนเยอะกว่า แม้จะเอาชนะศัตรูได้ แต่กลับขัดขวางเสียงธนูแจ้งเตือนที่ดังขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะถูกกำจัดทั้งกลุ่มไม่ได้

ถึงอย่างไร ตอนที่เห็นว่ากำลังจะสู้ไม่ไหว แปดคนของฝ่ายตรงข้ามก็ยิงธนูส่งสัญญาณพร้อมกัน พวกเยี่ยเว่ยหมิงขัดขวางได้เจ็ดคนก็ถือว่าเก่งแล้ว

“ที่นี่ห่างจากเมืองต้าตูสามสิบลี้กว่า สัญญาณของเสียงธนูดังไม่ไกลขนาดนั้น เพียงแต่กำลังพลใหญ่ในหุบเขาต้องได้รับสัญญาณแล้วแน่นอน” เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว แล้วบอกว่า “สะพานสวรรค์น้อย วิชาตัวเบาของเจ้าดี รับหน้าที่ขึ้นไปบนปากหุบเขาแล้วสังเกตทิศทางการเคลื่อนไหวของทัพมองโกล พวกเราจะไปถามถึงสถานการณ์ข้างในกับหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตก่อน”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็มองหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตา “บอกมาเถอะ ตอนนี้ในหุบเขามียอดฝีมืออยู่เท่าไรกันแน่”

“ล้อหน้าไม่หมุน หมุนแต่ล้อหลัง ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อ กุ๊กกรูกุ๊กกรู…” หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตตอบ

พอได้ยิน ถังซานไฉ่ก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “เขาพูดภาษาทางการไม่ได้ ทำอย่างไรดี”

“เช่นนั้นเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว สังหารบูชาฟ้าเถอะ”

“อย่า!” พอหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตได้ยินว่าอีกฝ่ายจะสังหาร ก็รีบใช้ภาษาฮั่นอย่างคล่องแคล่วได้มาตรฐานพูดว่า “ข้ารู้สถานการณ์ของที่นี่ พวกเจ้าอย่างสังหารข้า เมื่อครู่ข้าเพียงใช้การปฏิบัติจริงพิสูจน์ให้พวกเจ้าเห็นว่าข้าพูดได้หลายภาษา พิสูจน์ว่าข้าเป็นคนที่มีความสามารถ!”

“เลิกพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์!” เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อ “บอกมาว่าสถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรกันแน่”

หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตกลอกตา น้องดาบใช้ดาบกระทุ้งบนต้นขาของเขา “ถ้าคิดจะเล่นลูกไม้ ก็เอาไปครั้งละหนึ่งดาบ! เจ้ามีโอกาสทำพลาดแค่สามพันหกร้อยครั้ง พวกเราค่อยๆ เล่นกันก็ได้”

เมื่อได้ยินว่าตัวเองมีโอกาสทำพลาดเยอะขนาดนั้น แทนที่หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตจะดีใจ กลับตกใจจนเริ่มตัวสั่นแล้ว

สามพันหกร้อยดาบ นี่คือจังหวะของการถูกแล่เนื้อเถือหนังชัดๆ!

หลังจากเห็นน้องดาบชักดาบออกมาและเตรียมแทงอีก หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตที่ถูกแทงจนกลายเป็นน้ำเต้าโลหิตก็รีบบอกว่า “อย่าลงไม้ลงมือ ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว! คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะ…”

จากคำอธิบายของหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต ทุกคนถึงได้เข้าใจความเป็นมาของเรื่องราวอย่างคร่าวๆ

ที่แท้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตคนนี้ก็คือเจ้าอาวาสวัดน้ำเต้าโลหิตที่อยู่ในหุบเขาน้ำเต้าโลหิต เนื่องจากวัดของเขาอยู่ใกล้ต้าตู ท่าทีของเขาที่มีต่อราชสำนักมองโกลจึงคลุมเครือมาก ไม่นานก่อนหน้านี้จวนท่านอ๋องหรู่หยางให้คนส่งกู่ฉินมาหนึ่งตัว บอกว่าเป็นของที่บรรพจารย์รุ่นก่อนของสำนักคุนหลุนทำหายข้างนอก ต้องการให้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตเชิญเจ้าสำนักคุนหลุนไป๋ลู่จื่อมาพบกันในนามของตัวเองเป็นการส่วนตัว

ที่จริงแล้วใช้เรื่องคืนกู่ฉินเป็นข้ออ้างเพื่อล่อพวกเขามาสังหาร จากนั้นสร้างหลักฐานต่อเนื่องที่คล้ายเป็นของจริงแต่ไม่ใช่เพื่อโยนความผิดไปที่พรรคจรัส

อย่างไรเสีย ตอนนี้พรรคจรัสเดิมทีก็ไม่ถูกกับสำนักคุนหลุนเหมือนน้ำกับไฟอยู่แล้ว ขอเพียงหลักฐานมีแนวโน้มชี้ไปทางนั้นก็พอ ไม่ถึงขั้นต้องใช้หลักฐานที่น่าเชื่อถือจนแก้ตัวไม่ได้

เนื่องจากคนของสำนักคุนหลุนไม่มีทางไปขอหลักฐานจากพรรคจรัสอยู่แล้ว!

แผนของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ล่อไป๋ลู่จื่อและยอดฝีมือคุนหลุนหลายคนเข้ามาในวัดได้ จากนั้นยอดฝีมือจำนวนมากของราชสำนักมองโกลก็ลงมือพร้อมกัน นั่นก็คือล้อมสังหารพวกเขา

เพื่อรับประกันว่าแผนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ยอดฝีมือทั้งเจ็ดของราชสำนักมองโกลก็ออกโรงแล้วสี่คน!

นอกจากหยวนเจิน ฟ่านเหยาและอาซานที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงกำจัดไปก่อนหน้านี้ อาต้า อาเอ้อร์รวมทั้งสองเฒ่าเสวียนหมิงที่เหลือก็อยู่ในนี้ด้วย

เดิมทีนึกว่าจะได้สังหารหมู่ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดกลางคัน

ไม่รู้ว่ามีข่าวหลุดล่วงหน้าหรือว่าเพราะอะไร จู่ๆ ฝั่งสำนักคุนหลุนก็มีทัพหนุนที่ศักยภาพแข็งแกร่งมากกระโดดออกมา เป็นสามอัจฉริยะแห่งคุนหลุนที่อายุเกินร้อย!

มี BOSS สุดแข็งแกร่งคนนี้คุมอยู่ แม้สี่ยอดฝีมือของราชสำนักมองโกลลงมือพร้อมกัน แต่ก็ไม่อาจอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่าได้เลย

แต่เหอจู๋เต้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์ลูกศิษย์หลานของเขา จึงทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ตอนนี้ทั้งสองฝั่งกำลังคุมเชิงกัน เหอจู๋เต้าพาศิษย์ของสำนักคุนหลุนถอยเข้าไปไหนวัดน้ำเต้าโลหิตแล้ว ทัพใหญ่มองโกลตั้งทัพคุมอยู่ข้างนอก ลองโจมตีแล้วหลายครั้ง แต่ก็โจมตีเข้าไปไม่ได้

ท่านอ๋องน้อยจากจวนท่านอ๋องหรู่หยางที่รับหน้าที่บัญชาการรบเพิ่งออกคำสั่งให้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิตพาคนกลับต้าตูไปขอความช่วยเหลือ แล้วถือโอกาสนำฟืนกับน้ำมันมาด้วย

พวกเขาต้องการเผาวัดน้ำเต้าโลหิต!

เตรียมจะเผาเหอจู๋เต้าและยอดฝีมือคุนหลุนทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในวัด!

สำหรับแผนการสุดโหดร้ายที่พวกเขาใช้ พวกเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้แสดงความเห็นอะไร ที่จริงถ้าพวกเขาใช้กลอุบายขึ้นมา บางครั้งก็โหดร้ายกว่านี้อีก คนวิ่งได้ร้อยก้าวไม่จำเป็นต้องหัวเราะเยาะคนวิ่งได้ห้าสิบก้าว

สิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจก็คือ หลังจากหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตเล่าเรื่องนี้จบแล้ว ก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นข้างหูทุกคนพร้อมกัน

[ติ๊ง! ล่วงรู้แผนการรับของราชสำนักมองโกลจากหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต คุณจะเลือกอะไร]

1. ช่วยคน!

2. บอกข่าวกับสำนักคุนหลุน

3. ไม่ใช่ธุระของตัวเอง คำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง

ยามเผชิญหน้ากับคำถามที่โผล่ขึ้นมากะทันหัน ที่จริงก็ไม่มีอะไรน่าลังเลแล้ว ถึงอย่างไรทุกคนก็เตรียมใจไว้แล้ว เลือก ‘1’ โดยไม่จำเป็นต้องปรึกษากัน ส่วนหนิวจื้อชุนที่รับหน้าที่ส่งจดหมายก็ย่อมต้องเลือก ‘2’

[ติ๊ง! เนื่องจากคุณเลือกแล้ว ภารกิจมีการเปลี่ยนแปลง ภารกิจ ‘ส่งจดหมายให้คุนหลุน’ กลายเป็น ‘ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ’]

[ช่วยชีวิตสามอัจฉริยะ]

คิดหาทางช่วยสามอัจฉริยะแห่งคุนหลุนเหอจู๋เต้า รวมทั้งยอดฝีมือคุนหลุนคนอื่นที่ถูกขังอยู่ในวัดน้ำเต้าโลหิตออกมา

ระดับภารกิจ: 7 ดาว

รางวัลภารกิจ: ไม่ทราบ

ตอนที่ผู้เล่นหกคนนี้เพิ่งเลือก ระบบก็แจ้งเตือนภารกิจเปลี่ยนแปลงตามมาทันที ขณะเดียวกัน สะพานสวรรค์น้อยที่รับหน้าที่เฝ้าสังเกตุการณ์ก็เตือนในช่องทีมว่า [มีคนมา แต่มีแค่คนเดียว! เป็นคนหัวโล้น แค่ท่าทางก็ไม่เหมือนพระ]

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วมองน้องดาบแวบหนึ่ง น้องดาบเค้นถามหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตทันที คำตอบที่ได้ก็คือ ผู้ที่มาชื่อว่าจั้วเอ้อร์!

เอ…ไม่ถูกสิ!

ชื่ออาเอ้อร์!

หลังจากได้รับคำตอบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็อดหัวเราะไม่ได้ [ดูท่าภารกิจช่วยคนครั้งนี้ ก็ไม่ได้ยากเหมือนที่พวกเราจินตนาการไว้นะ มียอดฝีมือคุนหลุนคุมอยู่ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงส่งยอดฝีมือทั้งหมดมาสู้กับพวกเราง่ายๆ หรอก ถ้าพวกเขาทยอยมาทีละคน พวกเราก็ฆ่าทิ้งทีละคนได้เลย…ทุกคนมีความมั่นใจหรือเปล่า]

[พี่ใหญ่เยี่ยพูดถูก ทำได้แน่นอน!] สะพานสวรรค์น้อยกล่าว

[ยากตรงไหน] น้องดาบกล่าว

[ตอนนี้ข้าไม่ตายแล้ว ไร้ซึ่งความกลัว!] ถังซานไฉ่

[ดาบสองคมสามแฉกของข้า กระหายเลือดจนทนไม่ไหวแล้ว!] ฉางซิงอวี่

ตอนที่ทุกคนทยอยกันแสดงท่าที เยี่ยเว่ยหมิงก็พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาเอ้อร์อย่างรวดเร็วตามกลยุทธ์ที่อินปู้คุยให้ไว้ “อาเอ้อร์ ยอดฝีมือสำนักจินกังแดนซีอวี้ เนื่องจากมีพลังอภินิหาร ดูภายนอกเห็นธาตุแท้ หาหนทางใหม่ฝึกกำลังภายในที่แข็งแกร่งจนสำเร็จ ลักษณะการต่อสู้ก็คือใช้พลังอันแข็งแกร่งเทียบเท่าสิบคน ชินกับการอาศัยกำลังภายในบดขยี้คู่ต่อสู้ ความสามารถเหนือกว่าอาซาน”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยื่นมือชี้หลวงจีนน้ำเต้าโลหิต “มัดเขาไว้ พวกเราซ้อมเจ้า ‘เอ๋อ’ นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+