ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 438 ชีชี? เชิญร่ำสุรา!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 438 ชีชี? เชิญร่ำสุรา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 438 ชีชี? เชิญร่ำสุรา!

เมื่อเห็นปาเทียนสือที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ดูจากเลเวลของปาเทียนสือ สามขุนนางใหญ่แห่งต้าหลี่ไม่เป็นรองอวิ๋นจงเฮ่อที่ฝีมืออ่อนที่สุดในบรรดาสี่คนโฉดแน่นอน!

และดูจากความเร็วที่สามคนโฉดที่เหลือมาหาเรื่องพวกเขาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าตอนที่พวกเขาฆ่าหัวเฮ่อเกิ้นตาย ไม่ได้มีกำลังเสริมมาช่วยพวกเขา

หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ อีกฝ่ายอาศัยแค่กำลังของสามคน ก็โจมตีสังหารหัวเฮ่อเกิ้นสำเร็จ สร้างวีรกรรมโจมตีให้ปาเทียนสือบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว!

ลองเปลี่ยนมุมมองความคิด เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าตัวเองก็อาจทำได้เหมือนกัน แต่สหายร่วมทีมก็ต้องเก่งพอด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องมีศักยภาพแบบซานเย่ว์และสะพานสวรรค์น้อย ถึงจะทำได้ระดับพวกเขา

ถ้าเป็นน้องดาบ…บางทีพวกเขาสองคนร่วมมือกันก็อาจจะทำได้กระมัง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ศักยภาพของผู้เล่นสามคนฝ่ายตรงข้าม ก็จะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด!

และในบรรดาผู้เล่นสามคนที่กำลังไล่ฆ่าปาเทียนสืออยู่ตอนนี้ คนที่ต่อสู้กับเขาจริงๆ กลับมีเพียงเงาร่างสีแดง ส่วนผู้เล่นที่แต่งตัวเหมือนบัณฑิตกับผู้เล่นที่สวมชุดคลุมสีเทาตามติดอยู่ข้างหลัง ทำให้ปาเทียนสือไม่กล้าพัวพันอยู่กับเงาร่างสีแดงมากนัก บางครั้งถึงขั้นยอมถูกอีกฝ่ายโจมตีหนึ่งกระบี่เพื่อรีบดึงระยะห่างกับสองคนข้างหลังให้ไกลกว่าเดิม

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์นี้ แถบพลังชีวิตเหลือศีรษะของเขาก็ลดลงเร็วมากเช่นกัน

ขณะที่เร่งความเร็วไปทางที่ปาเทียนสือหนีออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าเงาร่างสีแดงนั่นไม่ได้วิ่งเร็วเท่าที่เขาจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยถ้าเทียบกับตนที่ใช้ท่าร่างเป็นจุดเด่น อีกฝ่ายก็ยังเทียบไม่ติดเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปาเทียนสือที่ท่าร่างเหนือกว่าอวิ๋นจงเฮ่อด้วยแล้ว

แต่คนพวกนี้นอกจากมีเคล็ดกระบี่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีวิชาอาวุธลับที่ร้ายกาจมากด้วย ท่าร่างของปาเทียนสือแม้จะเลิศล้ำ แต่เนื่องจากร่างกายได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังถูกอาวุธลับของเขาข่มไว้ ท่าทางเหมือนถูกพิษด้วย จึงแสดงจุดแข็งด้านความเร็วอย่างที่ควรจะเป็นออกมาได้เลย ได้แต่หนีไปพลางถูกโจมตีไปพลางตลอดทาง แต่ค่าพลังชีวิตกลับลดลงเร็วมากจนตาเปล่าสังเกตได้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามไล่โจมตีไม่หยุด พลังชีวิตก็ลดลงเรื่อยๆ

พอเห็นเคล็ดกระบี่ที่ลึกล้ำเกินคาดเดาของผู้เล่นชุดแดง เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกคุ้นมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

แต่ไม่ทันได้คิดให้ละเอียด ภายใต้สูตรคำนวณสำหรับการเผชิญหน้ากัน อีกฝ่ายกำลังจะมาถึงระยะที่สายตามองเห็นชัดเจนแล้ว

เมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างตัวเองกับอีกฝ่ายหดสั้นลงจนอยู่ในขอบเขตการโจมตีของ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมือดีดลูกดีดเหล็กออกมา โจมตีล่วงหน้าไปยังทางที่ผู้เล่นชุดแดงที่กำลังไล่โจมตีปาเทียนสือต้องผ่าน

แกร๊ง!

ความเร็วของลูกดีดเหล็กทะลุกำแพงเสียงแล้ว เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์สีเงิน มันก็ยิ่งกลายเป็นลำแสงสีขาว ดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ

การโจมตีที่น่าตื่นตะลึงทั้งแสงสีเสียงขนาดนี้ เมื่ออยู่ในระยะไกลก็ถูกเป้าหมายได้ยากมาก แม้ด้วยพลังนิ้วของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ประสิทธิภาพของ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ไม่เป็นรองกระสุนปืนในยุคปัจจุบันแล้ว ถึงขั้นเหนือกว่าด้วย แต่ผู้เล่นคนอื่นที่มีค่าสเตตัสในเกมช่วยเสริมก็ไม่ได้มีไว้เฉยๆ การตอบสนองของพวกเขาเร็วมาก ทำให้พวกเขาไหวตัวทันในช่วงเวลาสำคัญเช่นกัน!

หลังจากผู้เล่นชุดแดงคนนั้นสังเกตเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงลงมือ อีกฝ่ายก็หมุนตัวหลบทันเวลา ยกเลิกกระบี่ที่ต้องโจมตีให้ได้ เปลี่ยนเป็นไล่ตามไปยังทิศทางเดียวกันกับปาเทียนสือต่อ ตอนที่หลบ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงได้ ก็พยายามไม่ทิ้งระยะห่างจากปาเทียนสือมากเกินไป

ทว่าเมื่อถูกขัดจังหวะแบบนี้ ระยะห่างระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงกับอีกฝ่ายก็เข้าใกล้กันมากกว่าเดิมอีกครั้ง เห็นในมือผู้เล่นชุดแดงยิงแสงสีเงินใส่ต้นขาของปาเทียนสือ ทำให้ความเร็วของเขาผ่อนลง จากนั้นก็เตรียมควงกระบี่เพิ่มแรงโจมตีอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงเรียกกระบี่แสงทองออกมาแล้ว พุ่งตัวตามกระบี่ออกไป ใช้ท่าปลุกปั่นกระบี่แทงตรงไปยังจุดอ่อนฝั่งขวาขของผู้เล่นชุดแดง!

ผู้เล่นชุดแดงคนนั้นเหมือนเดาได้ทันทีที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือ กระบี่ที่เดิมทีจะแทงไปยังปาเทียนสือพลันเปลี่ยนทิศทาง แทงมาหาเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ฝั่งนี้แทน ท่ากระบี่รวดเร็วประหลาดยากคาดเดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่าปลุกปั่นกระบี่ที่เปลี่ยนแปลงได้แยบยลของเยี่ยเว่ยหมิง กลับชนเข้ากับกระบี่แสงทองในมือเยี่ยเว่ยหมิงพอดี

แกร๊ง!

กระบี่สองเล่มชนกันซึ่งๆ หน้า เกิดเป็นประกายไฟจ้าตากลุ่มหนึ่งภายใต้ผ่านราตรีเย็นยะเยือก

หลังจากโจมตีไปหนึ่งครั้ง ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักครู่เดียว ส่วนผู้เล่นชุดแดงก็ถูกแรงสะท้อนของกระบี่ ร่างลอยถอยหลังไปหนึ่งจั้งกว่า ถึงได้เปล่งเสียงที่ก่ำกึ่งระหว่างชายหญิงออกมา “เคล็ดกระบี่ของสหายเยี่ยช่างดีที่จริงๆ กำลังภายในก็ดี!”

ที่จริงแล้ว แม้ผู้เล่นชุดแดงจะคาดเดาได้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะลงมือช่วยเหลือปาเทียนสือทันทีที่เข้ามาในขอบเขตการโจมตี แต่เขากกลับประเมินเคล็ดกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงต่ำไป

เดิมทีเขาเตรียมจะเลิกโจมตีปาเทียนสือ เปลี่ยนเป็นปะทุกำลังทั้งหมดเพื่อกำจัดเยี่ยเว่ยหมิงทิ้งในรวดเดียวแทน แต่พอประมือกันครั้งแรก เขาก็เสียเปรียบแบบไม่มากไปหรือน้อยไปทันที ถูกเยี่ยเว่ยหมิงอาศัยวิชาและค่าสเตตัสที่เหนือกว่าโจมตีแค่กระบี่เดียวก็ถอยไปไกล

เกือบทำคริติคอลดาเมจแล้ว!

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง จนกระทั่งตอนนี้ถึงได้พบว่าเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายคล้ายกับท่าปลุกปั่นกระบี่ใน ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อยู่หลายส่วน เพียงแต่เมื่อเทียบกับท่าปลุกปั่นกระบี่แล้ว เคล็ดกระบี่ของผู้เล่นชุดแดงดุดันน้อยกว่า แต่พลิกแพลงมากกว่า

ดูเหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ ที่จริงแล้วเป็นสองขั้วที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

เมื่อเชื่อมโยงกับความเป็นมาตอนหวงโส่วจุนสร้างเคล็ดกระบี่นี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินได้แล้วว่าอีกฝ่ายใช้เคล็ดกระบี่อะไรกันแน่

เยี่ยเว่ยหมิงย้ายสายตาไปบนตัวผู้เล่นชุดแดง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มทักทายเหมือนไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ถามเสียงเบาว่า “สหายชีชี ไม่เจอกันนานเลยนะ หรือไม่อย่างนั้น ตอนนี้ข้าควรเรียกเจ้าว่าเชิญร่ำสุราหรือเปล่า”

จะว่าไปแล้ว เชิญร่ำสุราคนนี้ก็เป็นคนสุขุมที่วางแผนก่อนเคลื่อนไหวเช่นกัน

ตอนสู้กันในภารกิจ ‘ปราบสำนักชิงเฉิง’ ก่อนหน้านี้ เขารู้ตัวว่าไม่มีทางพลิกสถานการณ์ได้ จึงเปลี่ยนแนวความคิดอย่างไม่ลังเล คิดว่าตัวเองจะวางแผนหาผลประโยชน์ให้มากขึ้นแม้จะพ่ายแพ้ได้อย่างไร

เขาไปขอให้พวกฉางซิงอวี่ช่วยเหลือก่อน ทำภารกิจหินสามชาติก่อนที่จะทำศึกตัดสิน จากนั้นก็กัดฟันรับบทลงโทษที่ทรยศสำนัก ลงมือสังหารอวี๋ชางไห่ด้วยตัวเอง แต่หลังจากเห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว กลับตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเลิกแย่งชิงไอเทมดรอปจาก BOSS แล้วหนีเข้าไปในทางลับชิงเฉิงเสียเลย

ตอนนั้นเฟยอวี๋ใช้ทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ สืบหาเบาะแสของอีกฝ่าย แต่กลับหาคนคนนี้ไม่พบ แน่นอนว่าเป็นเพราะสหายท่านนี้ใช้หินสามชาติเปลี่ยนไอดีเกมของตัวเองทันทีที่หนีเข้าไปในทางลับ

จากนั้น ตามภารกิจประกาศจับที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงวางแผนก่อนหน้านี้ ชีชีที่เปลี่ยนชื่อเป็นเชิญร่ำสุราไปหาจางซานเฟิงเพื่อรับ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ที่สำนักมือปราบฝากไว้ที่อู่ตัง จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในการต่อสู้ครั้งนั้น พวกเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะได้ชัยชนะมาอย่างงดงาม แต่เชิญร่ำสุราก็ไม่ได้แพ้เช่นกัน กลับขายอวี๋ชางไห่ได้ราคาดีด้วย

ตามหลักแล้ว ผู้เล่นที่ทรยศสำนักและถือโอกาสฆ่าอาจารย์แบบนี้ เหมือนเป็นลิโป้คนที่สองจริงๆ อยากจะหาสำนักใหม่อยู่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

แต่ดูจากที่อีกฝ่ายมีความสามารถโดดเด่นขึ้นมาด้วยฐานะลูกศิษย์สำนักดาวดึงส์ ทั้งยังผงาดขึ้นมาเร็วมาก ดูเหมือนเขาเตรียมทางหนีทีไล่ไว้นานแล้ว

ตัวละครแบบนี้ ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่กล้าดูถูกเขาแม้แต่น้อย

หลังจากทั้งคู่ทักทายกัน เชิญร่ำสุราก็ยกนิ้วออกมาเล่นปอยผมของตัวเองพร้อมบอกว่า “ดูท่าแล้ว สหายร่วมทีมของข้าคงจะมาถึงสนามรบก่อนทีมของสหายเยี่ยแล้วกระมัง…

…ในเมื่อทุกคนทำภารกิจชนกัน วันนี้น้องชายทำได้เพียงล่วงเกินแล้ว หวังว่าหลังจากสหายเยี่ยคืนชีพแล้วจะไม่ผูกความแค้นกับน้องนะ…

…อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว”

สิ้นคำ ทั้งร่างเชิญร่ำสุราก็พลันกลายเป็นเงาเลือนรางสีแดงสายหนึ่ง กระบี่ที่กลับกลอกแทงมาทางคอหอยของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด