ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน

ในเมื่อไม่เคยเรียนฝีมือทำครัวกับวิชาแพทย์ยังใช้ตำราลับตระหนักรู้มาเพิ่มเลเวลได้ เช่นนั้นตัวเองที่ไม่เคยเรียนวิชาดาบ ก็สามารถใช้ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ มาเรียนรู้เทคนิคบางอย่างในการใช้ดาบได้น่ะสิ?

ใจคิดไม่สู้ลงมือทำ เยี่ยเว่ยหมิงนำความคิดนี้ไปปฏิบัติจริงทันที ใช้ ‘ตระหนักรู้ฝีมือทำครัว’ มาปลดล็อก ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เล่มนี้

[ติ๊ง! คุณไม่เคยเรียนรู้วิชาดาบใดๆ มาก่อน ยืนยันจะใช้งาน ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ หรือไม่?]

[ใช่/ปฏิเสธ]

ทำได้จริงๆ ด้วย!

เยี่ยเว่ยหมิงเลือกปฏิเสธทันที แม้จะทำได้ แต่ในคำแนะนำของระบบก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าทำอย่างนี้จะเกิดผลอย่างไรตามมา และตามที่เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์เอง ผลที่ร้ายแรงที่สุดน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองตำราลับตระหนักรู้ไปหนึ่งเล่มเท่านั้น น่าจะไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบไม่ดีต่อร่างกายตัวเอง แต่ในเมื่อเป็นการทดลอง ก็ย่อมไม่ควรใช้เล่มที่ดีที่สุดมาเสี่ยงอยู่แล้ว

พอเก็บตำราลับวิชาดาบของตูต้าจิ่น ก็เปลี่ยนเป็นนำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ ที่ได้จากตัวผู้คุ้มภัยบางคนออกมาเล่มหนึ่ง เป็นเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ 200 แต้ม

ไม่ต้องพูดอะไรมาก เลือกใช้งานไปเลยสิ จากนั้น…

[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัว 50 แต้ม!]

เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน?

เล่นแบบนี้ก็ได้เหรอ!

แม้ของทดลองเล่มนี้จะทำให้รู้กว้างไปถึงด้านฝีมือทำครัว อีกทั้งค่าประสบการณ์ก็หดน้อยลงจากเดิมหนึ่งในสี่ส่วน แต่กลับไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ช่องทางในการอัปเลเวลแบบพลิกโฉมใหม่แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ลังเลอีก นำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ สองเล่ม ‘ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ สี่เล่ม และ ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ สองเล่มที่เหลือมาใช้เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเสียเลย

[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ 400 แต้ม!]

[ติ๊ง! เคล็ดกระบี่วีรสตรีอัปถึงเลเวล 7!]

[ติ๊ง! คุณศึกษา…]

หลังจากเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันต่อเนื่องหลายครั้ง นอกจาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่อัปถึงเลเวลเจ็ดแล้ว ค่าประสบการณ์ของอีกสองทักษะก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แม้จะไม่ได้อัปเลเวล แต่กลับเข้าใกล้การอัปเลเวลมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว

แต่จะเห็นได้ว่า ‘เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน’ แม้จะสุ่มเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับสกิลบางรายการ แต่ก็ยังมีแนวโน้มไปในทิศทางตรงกันข้ามพอสมควร สรุปก็คือ ถ้าเพิ่มไปบนทักษะยุทธ์จะได้มากกว่าหน่อย แม้ในจำนวนนั้นจะมี ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ หนึ่งเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ตีเหล็กให้เขาสี่สิบแต้มก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างลำบากใจ

หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้ไปหมดแล้ว ค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนไป…

[ทักษะยุทธ์]

[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 6]……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 1654/3200

……

[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 7]

……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 50/6400

ประสิทธิภาพ +70% แม่นยำ +70%

……

[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น) เลเวล: 3]

……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 818/1000

ท่าร่าง +60

การอัปเลเวลเคล็ดกระบี่ทำให้การตระหนักรู้ในก้นบึ้งหัวใจเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างหาคำนิยามไม่ได้ ต่อให้ไม่เพิ่มโบนัสสเตตัส แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองว่ายามเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน ตัวเองในตอนนี้จะทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนแน่นอน

ส่วนสกิลรายการอื่นๆ ก็เข้าใกล้การอัปเลเวลขึ้นอีกก้าวแล้ว

ในขณะเดียวกันนี้ กระเป๋าสะพายหลังของเขาก็มีที่ว่างเพิ่มอีกยี่สิบเอ็ดช่อง เขาพยายาม เก็บศพต่อไปทันที

แต่เนื่องจากศพของผู้คุ้มภัยรวมทั้งตูต้าจิ่นถูกเยี่ยเว่ยหมิงเลือกเก็บกวาดไปก่อนแล้ว ไอเทมที่ได้จากการเก็บศพอีกครั้งจึงไม่น่าปลื้มใจเท่าไร เฉลี่ยแล้วต้องเก็บศพประมาณสามร่างถึงจะได้ตำราลับตระหนักรู้สักเล่ม อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นสกิลการดำรงชีวิตเป็นหลัก แม้บางครั้งจะได้ตำราเคล็ดจิตที่เกี่ยวข้องกับทักษะยุทธ์จากตัวคนงาน แต่ค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นก็น้อยจนน่าสงสาร

ถึงขั้นว่า แม้แต่อาวุธลับก็ไม่มีแล้ว

เพราะคนงานที่มีทักษะยุทธ์เล็กน้อยกับเด็ก สตรี และคนชรา ที่ไม่มีทักษะยุทธ์เหล่านั้น ล้วนถูกสังหารด้วยพลังกรงเล็บ!

เยี่ยเว่ยหมิงเก็บศพไปพลาง ตบตำราไปพลาง สำหรับตำราลับตระหนักรู้ที่ไม่ได้มีประโยชน์มากพวกนั้น เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ยังคงเก็บเข้ากระเป๋าสะพายหลังอย่างสนุกลืมเหนื่อยเหมือนเดิม เก็บไปตบไป เดินตามศพไปเรื่อยๆ จนถึงโถงด้านหลัง ที่นี่คงจะเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกครอบครัวสำนักคุ้มภัย แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงศพผู้หญิงเท่านั้น

[ติ๊ง! ได้รับตำราลับ ‘ตระหนักรู้การตัดเย็บเสื้อผ้า’ ×1]

[ติ๊ง! ค่าประสบการณ์การตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณ +135 แต้ม]

……

หลังจากจัดการศพผู้หญิงในห้องแล้ว ก็ใช้ตำราลับตระหนักรู้ที่เก็บได้ด้วยความชำนาญ จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดสายตามองรอบห้อง ตอนที่พบว่าไม่มีศพอื่นอีกและกำลังจะจากไป เสียงแจ้งเตือนระบบกลับเด้งขึ้นมากะทันหัน

[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าผ้าม่านข้างเตียงขยับเองเล็กน้อยโดยไร้ลม เหมือนด้านหลังมีคนกำลังหายใจ]

ส่วนการแจ้งเตือนของระบบก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่หยุดนิ่ง แสร้งหันตัวเดินไปทางประตูต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเดินออกไปสองก้าว ก็พลันชักกระบี่ออกจากฝัก กระบี่หลงเฉวียนกลายเป็นลำแสงสีเงินอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี แทงไปทางผ้าม่านข้างหลังที่อยู่ไม่ไกลโดยตรง คมกระบี่เสียดสีกับอากาศ ส่งเสียงกระบี่แหลมเล็ก!

แควก!

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงหันตัวแทงกระบี่ออกไป ผ้าม่านพลันถูกฉีดขาดครึ่ง จากนั้นเขาก็เห็นเงาคนสีดำกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศแล้ว ขณะหลบหลีกดาบที่แทงไปตรงหน้าอก ก็ใช้กรงเล็บสองข้างพร้อมกัน ข้างหนึ่งคว้าไปทางคอเยี่ยเว่ยหมิง อีกข้างคว้าไปทางข้อมือที่ถือกระบี่ กระบวนท่ารวดเร็วดุดันถึงขีดสุด

ใจรู้ว่าเจอกับตอแข็งที่จัดการยากเสียแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงหมุนคมกระบี่ทันที เปลี่ยนจากแทงเป็นปาดคออีกฝ่าย ระหว่างที่เปลี่ยนกระบวนท่านั้นราบรื่นดุจดั่งเมฆเหินน้ำไหล มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ราวกับว่าเดิมทีกระบวนท่านี้จะต้องเปลี่ยนอย่างนี้อยู่แล้ว

ความจริงก็เป็นอย่างนั้น การโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าที่ชื่อว่า ‘เขี่ยหญ้าหางู’ ที่จริงเป็นท่าหลอกของเคล็ดกระบี่วีรสตรี ดูเหมือนรวดเร็วดุดัน แต่ความจริงไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชช่วงสุดท้ายออกมา เปลี่ยนท่ากลางคันได้ทุกเมื่อ ยืดหดอย่างอิสระ อย่างไรเสียระบบก็แจ้งเตือนแค่ว่าหลังม่านมีคน ด้วยความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ยังแยกข้อมูลที่มากกว่านี้ไม่ออก

หากคนที่หลบอยู่หลังม่านเป็นเด็กกำพร้าผู้รอดชีวิตบางคนในสำนักคุ้มภัยล่ะ อีกฝ่ายทนรับความอัปยศหลบพ้นภัยล้างสำนักได้ แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่แทงตายขึ้นมา แบบนั้นก็ไม่ดีแล้ว

อีกทั้งตามแนวพล็อตละครจอมยุทธ์คุณธรรม คนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาได้ล้วนเป็นตัวเอกทั้งนั้น!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากสังหารบุคคลยอดเยี่ยมรุ่นหลังในยุทธภพทิ้งเพียงเพราะความมุทะลุของตัวเอง

แต่ก็โชคดีที่เป็นอย่างนี้ เขาถึงได้รับมือสถานการณ์ได้ดีที่สุดยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อให้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ในด้านกระบวนท่าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นการเปลี่ยนกระบวนท่าของเยี่ยเว่ยหมิงยอดเยี่ยมขนาดนี้ คนชุดดำก็อดอุทาน “เอ๋” ออกมาไม่ได้ ตามด้วยออกแรงตรงเอว ร่างกายพลันเอนไปข้างหลังขณะลอยอยู่กลางอากาศ ขณะหลบกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงที่เล็งมาตรงคอได้อย่างหวุดหวิด ก็ใช้เท้าที่กรอกพลังภายในสิบส่วนโจมตีไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

“ปีที่แล้วข้าซื้อนาฬิกามาเรือนหนึ่ง[1]!” คนชุดดำเปลี่ยนท่าเร็วเกินไปจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะชักกระบี่กลับมาก็ไม่ทันแล้ว แต่ยังด่าทัน รีบโคจรพลังภายในไปบนแขนซ้าย แล้วยกหมัดขึ้นรับฝ่าเท้าของอีกฝ่าย

ผัวะ!

หมัดเท้าปะทะกัน เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนท่ากะทันหันจึงโคจรปราณแท้ได้ไม่พอ โดนอีกฝ่ายถีบจนถอยหลังไปสามก้าวติดต่อกัน ส่วนคนชุดดำคนนั้นก็ถือโอกาสหมุนตัว ชนหน้าต่างหลังห้องแตกพัง ถามทิ้งท้ายไว้ว่า ‘นาฬิกาอะไร?’ ก่อนจะหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

“จะไปไหน!” เยี่ยเว่ยหมิงจะปล่อยเขาหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร รีบใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกไล่ตามไปพลางโจมตี

ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจก็คือ อีกฝ่ายไม่เพียงแค่มีหมัดเท้าแข็งแกร่ง แม้แต่ท่าร่างก็ต่างกับเขาไม่มากนัก แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะโคจรกำลังภายในที่เท้าสองข้าง แสดงอานุภาพของท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกจนถึงขีดสุด แต่ก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันภายในเวลาอันสั้น เพียงแต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ แถมอีกฝ่ายยังเหมือนถูกเขาไล่ตามจนลนลานไม่เลือกหนทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกไปทางมุมกำแพงลานบ้านด้านหลังของสำนักคุ้มภัย

อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ เยี่ยเว่ยหมิงมองเห็นว่าในนั้นมีสิ่งที่ตั้งอยู่เหมือนบานประตูสีดำมืด แต่นั่นไม่ใช่ประตูหลังแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายเห็นบานประตูนั่นเป็นเหมือนประตูไม้ผุ แล้วใช้ศีรษะโหม่งใส่จริงๆ…

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากเผยรอยยิ้มซ้ำเติม

เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับอยู่บนใบหน้าเขาไม่ถึงวินาที เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมจะพังประตูออกไปเลย เมื่ออยู่ห่างจากลานบ้านได้ระยะหนึ่ง ก็พลันกระโจนตัวจากพื้น กระโดดสูงขึ้นมาหนึ่งจั้ง จากนั้นมือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บคว้าอิฐดำที่หัวกำแพง แล้วร่างกายก็พลิกออกไปด้านนอกอย่างนั้นแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไล่ตามหลังไปติดๆ กระโดดสุดแรงเช่นกัน แต่กลับกระโดดสูงได้แค่ครึ่งจั้งเท่านั้น เมื่อเห็นว่าหน้ากำลังจะชนกำแพง ก็รีบยื่นมือซ้ายออกมา ออกแรงผลักหนังกำแพงหนึ่งที แล้วกลับมาตกในลานบ้านอย่างมั่นคงปลอดภัย

ก็ช่วยไม่ได้ วิชาตัวเบาอย่างแปดก้าวไล่ทันคางคก ในด้านความเร็วนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ ท่าร่างที่เพิ่มขึ้นมาใกล้จะตามทันวิชาตัวเบาระดับกลางบางวิชาได้แล้ว ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาระดับต้น การมีข้อได้เปรียบอันโดดเด่นอย่างนี้ได้ ก็หมายความว่ามีข้อด้อยเช่นเดียวกัน

ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาติดพื้น ข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดก็คือกระโดดสูงลำบาก!

[1] ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกามาหนึ่งเรือน 我去年买了个表 พ้องเสียงกับประโยค 我去你妈了个逼 (WQNMLGB) ที่แปลว่า ฉันได้กับแม่แกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน

ในเมื่อไม่เคยเรียนฝีมือทำครัวกับวิชาแพทย์ยังใช้ตำราลับตระหนักรู้มาเพิ่มเลเวลได้ เช่นนั้นตัวเองที่ไม่เคยเรียนวิชาดาบ ก็สามารถใช้ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ มาเรียนรู้เทคนิคบางอย่างในการใช้ดาบได้น่ะสิ?

ใจคิดไม่สู้ลงมือทำ เยี่ยเว่ยหมิงนำความคิดนี้ไปปฏิบัติจริงทันที ใช้ ‘ตระหนักรู้ฝีมือทำครัว’ มาปลดล็อก ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เล่มนี้

[ติ๊ง! คุณไม่เคยเรียนรู้วิชาดาบใดๆ มาก่อน ยืนยันจะใช้งาน ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ หรือไม่?]

[ใช่/ปฏิเสธ]

ทำได้จริงๆ ด้วย!

เยี่ยเว่ยหมิงเลือกปฏิเสธทันที แม้จะทำได้ แต่ในคำแนะนำของระบบก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าทำอย่างนี้จะเกิดผลอย่างไรตามมา และตามที่เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์เอง ผลที่ร้ายแรงที่สุดน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองตำราลับตระหนักรู้ไปหนึ่งเล่มเท่านั้น น่าจะไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบไม่ดีต่อร่างกายตัวเอง แต่ในเมื่อเป็นการทดลอง ก็ย่อมไม่ควรใช้เล่มที่ดีที่สุดมาเสี่ยงอยู่แล้ว

พอเก็บตำราลับวิชาดาบของตูต้าจิ่น ก็เปลี่ยนเป็นนำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ ที่ได้จากตัวผู้คุ้มภัยบางคนออกมาเล่มหนึ่ง เป็นเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ 200 แต้ม

ไม่ต้องพูดอะไรมาก เลือกใช้งานไปเลยสิ จากนั้น…

[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัว 50 แต้ม!]

เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน?

เล่นแบบนี้ก็ได้เหรอ!

แม้ของทดลองเล่มนี้จะทำให้รู้กว้างไปถึงด้านฝีมือทำครัว อีกทั้งค่าประสบการณ์ก็หดน้อยลงจากเดิมหนึ่งในสี่ส่วน แต่กลับไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ช่องทางในการอัปเลเวลแบบพลิกโฉมใหม่แล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ลังเลอีก นำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ สองเล่ม ‘ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ สี่เล่ม และ ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ สองเล่มที่เหลือมาใช้เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเสียเลย

[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ 400 แต้ม!]

[ติ๊ง! เคล็ดกระบี่วีรสตรีอัปถึงเลเวล 7!]

[ติ๊ง! คุณศึกษา…]

หลังจากเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันต่อเนื่องหลายครั้ง นอกจาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่อัปถึงเลเวลเจ็ดแล้ว ค่าประสบการณ์ของอีกสองทักษะก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แม้จะไม่ได้อัปเลเวล แต่กลับเข้าใกล้การอัปเลเวลมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว

แต่จะเห็นได้ว่า ‘เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน’ แม้จะสุ่มเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับสกิลบางรายการ แต่ก็ยังมีแนวโน้มไปในทิศทางตรงกันข้ามพอสมควร สรุปก็คือ ถ้าเพิ่มไปบนทักษะยุทธ์จะได้มากกว่าหน่อย แม้ในจำนวนนั้นจะมี ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ หนึ่งเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ตีเหล็กให้เขาสี่สิบแต้มก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างลำบากใจ

หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้ไปหมดแล้ว ค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนไป…

[ทักษะยุทธ์]

[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 6]……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 1654/3200

……

[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 7]

……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 50/6400

ประสิทธิภาพ +70% แม่นยำ +70%

……

[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น) เลเวล: 3]

……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 818/1000

ท่าร่าง +60

การอัปเลเวลเคล็ดกระบี่ทำให้การตระหนักรู้ในก้นบึ้งหัวใจเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างหาคำนิยามไม่ได้ ต่อให้ไม่เพิ่มโบนัสสเตตัส แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองว่ายามเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน ตัวเองในตอนนี้จะทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนแน่นอน

ส่วนสกิลรายการอื่นๆ ก็เข้าใกล้การอัปเลเวลขึ้นอีกก้าวแล้ว

ในขณะเดียวกันนี้ กระเป๋าสะพายหลังของเขาก็มีที่ว่างเพิ่มอีกยี่สิบเอ็ดช่อง เขาพยายาม เก็บศพต่อไปทันที

แต่เนื่องจากศพของผู้คุ้มภัยรวมทั้งตูต้าจิ่นถูกเยี่ยเว่ยหมิงเลือกเก็บกวาดไปก่อนแล้ว ไอเทมที่ได้จากการเก็บศพอีกครั้งจึงไม่น่าปลื้มใจเท่าไร เฉลี่ยแล้วต้องเก็บศพประมาณสามร่างถึงจะได้ตำราลับตระหนักรู้สักเล่ม อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นสกิลการดำรงชีวิตเป็นหลัก แม้บางครั้งจะได้ตำราเคล็ดจิตที่เกี่ยวข้องกับทักษะยุทธ์จากตัวคนงาน แต่ค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นก็น้อยจนน่าสงสาร

ถึงขั้นว่า แม้แต่อาวุธลับก็ไม่มีแล้ว

เพราะคนงานที่มีทักษะยุทธ์เล็กน้อยกับเด็ก สตรี และคนชรา ที่ไม่มีทักษะยุทธ์เหล่านั้น ล้วนถูกสังหารด้วยพลังกรงเล็บ!

เยี่ยเว่ยหมิงเก็บศพไปพลาง ตบตำราไปพลาง สำหรับตำราลับตระหนักรู้ที่ไม่ได้มีประโยชน์มากพวกนั้น เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ยังคงเก็บเข้ากระเป๋าสะพายหลังอย่างสนุกลืมเหนื่อยเหมือนเดิม เก็บไปตบไป เดินตามศพไปเรื่อยๆ จนถึงโถงด้านหลัง ที่นี่คงจะเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกครอบครัวสำนักคุ้มภัย แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงศพผู้หญิงเท่านั้น

[ติ๊ง! ได้รับตำราลับ ‘ตระหนักรู้การตัดเย็บเสื้อผ้า’ ×1]

[ติ๊ง! ค่าประสบการณ์การตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณ +135 แต้ม]

……

หลังจากจัดการศพผู้หญิงในห้องแล้ว ก็ใช้ตำราลับตระหนักรู้ที่เก็บได้ด้วยความชำนาญ จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดสายตามองรอบห้อง ตอนที่พบว่าไม่มีศพอื่นอีกและกำลังจะจากไป เสียงแจ้งเตือนระบบกลับเด้งขึ้นมากะทันหัน

[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าผ้าม่านข้างเตียงขยับเองเล็กน้อยโดยไร้ลม เหมือนด้านหลังมีคนกำลังหายใจ]

ส่วนการแจ้งเตือนของระบบก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่หยุดนิ่ง แสร้งหันตัวเดินไปทางประตูต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเดินออกไปสองก้าว ก็พลันชักกระบี่ออกจากฝัก กระบี่หลงเฉวียนกลายเป็นลำแสงสีเงินอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี แทงไปทางผ้าม่านข้างหลังที่อยู่ไม่ไกลโดยตรง คมกระบี่เสียดสีกับอากาศ ส่งเสียงกระบี่แหลมเล็ก!

แควก!

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงหันตัวแทงกระบี่ออกไป ผ้าม่านพลันถูกฉีดขาดครึ่ง จากนั้นเขาก็เห็นเงาคนสีดำกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศแล้ว ขณะหลบหลีกดาบที่แทงไปตรงหน้าอก ก็ใช้กรงเล็บสองข้างพร้อมกัน ข้างหนึ่งคว้าไปทางคอเยี่ยเว่ยหมิง อีกข้างคว้าไปทางข้อมือที่ถือกระบี่ กระบวนท่ารวดเร็วดุดันถึงขีดสุด

ใจรู้ว่าเจอกับตอแข็งที่จัดการยากเสียแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงหมุนคมกระบี่ทันที เปลี่ยนจากแทงเป็นปาดคออีกฝ่าย ระหว่างที่เปลี่ยนกระบวนท่านั้นราบรื่นดุจดั่งเมฆเหินน้ำไหล มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ราวกับว่าเดิมทีกระบวนท่านี้จะต้องเปลี่ยนอย่างนี้อยู่แล้ว

ความจริงก็เป็นอย่างนั้น การโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าที่ชื่อว่า ‘เขี่ยหญ้าหางู’ ที่จริงเป็นท่าหลอกของเคล็ดกระบี่วีรสตรี ดูเหมือนรวดเร็วดุดัน แต่ความจริงไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชช่วงสุดท้ายออกมา เปลี่ยนท่ากลางคันได้ทุกเมื่อ ยืดหดอย่างอิสระ อย่างไรเสียระบบก็แจ้งเตือนแค่ว่าหลังม่านมีคน ด้วยความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ยังแยกข้อมูลที่มากกว่านี้ไม่ออก

หากคนที่หลบอยู่หลังม่านเป็นเด็กกำพร้าผู้รอดชีวิตบางคนในสำนักคุ้มภัยล่ะ อีกฝ่ายทนรับความอัปยศหลบพ้นภัยล้างสำนักได้ แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่แทงตายขึ้นมา แบบนั้นก็ไม่ดีแล้ว

อีกทั้งตามแนวพล็อตละครจอมยุทธ์คุณธรรม คนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาได้ล้วนเป็นตัวเอกทั้งนั้น!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากสังหารบุคคลยอดเยี่ยมรุ่นหลังในยุทธภพทิ้งเพียงเพราะความมุทะลุของตัวเอง

แต่ก็โชคดีที่เป็นอย่างนี้ เขาถึงได้รับมือสถานการณ์ได้ดีที่สุดยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อให้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ในด้านกระบวนท่าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นการเปลี่ยนกระบวนท่าของเยี่ยเว่ยหมิงยอดเยี่ยมขนาดนี้ คนชุดดำก็อดอุทาน “เอ๋” ออกมาไม่ได้ ตามด้วยออกแรงตรงเอว ร่างกายพลันเอนไปข้างหลังขณะลอยอยู่กลางอากาศ ขณะหลบกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงที่เล็งมาตรงคอได้อย่างหวุดหวิด ก็ใช้เท้าที่กรอกพลังภายในสิบส่วนโจมตีไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง

“ปีที่แล้วข้าซื้อนาฬิกามาเรือนหนึ่ง[1]!” คนชุดดำเปลี่ยนท่าเร็วเกินไปจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะชักกระบี่กลับมาก็ไม่ทันแล้ว แต่ยังด่าทัน รีบโคจรพลังภายในไปบนแขนซ้าย แล้วยกหมัดขึ้นรับฝ่าเท้าของอีกฝ่าย

ผัวะ!

หมัดเท้าปะทะกัน เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนท่ากะทันหันจึงโคจรปราณแท้ได้ไม่พอ โดนอีกฝ่ายถีบจนถอยหลังไปสามก้าวติดต่อกัน ส่วนคนชุดดำคนนั้นก็ถือโอกาสหมุนตัว ชนหน้าต่างหลังห้องแตกพัง ถามทิ้งท้ายไว้ว่า ‘นาฬิกาอะไร?’ ก่อนจะหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

“จะไปไหน!” เยี่ยเว่ยหมิงจะปล่อยเขาหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร รีบใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกไล่ตามไปพลางโจมตี

ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจก็คือ อีกฝ่ายไม่เพียงแค่มีหมัดเท้าแข็งแกร่ง แม้แต่ท่าร่างก็ต่างกับเขาไม่มากนัก แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะโคจรกำลังภายในที่เท้าสองข้าง แสดงอานุภาพของท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกจนถึงขีดสุด แต่ก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันภายในเวลาอันสั้น เพียงแต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ แถมอีกฝ่ายยังเหมือนถูกเขาไล่ตามจนลนลานไม่เลือกหนทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกไปทางมุมกำแพงลานบ้านด้านหลังของสำนักคุ้มภัย

อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ เยี่ยเว่ยหมิงมองเห็นว่าในนั้นมีสิ่งที่ตั้งอยู่เหมือนบานประตูสีดำมืด แต่นั่นไม่ใช่ประตูหลังแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายเห็นบานประตูนั่นเป็นเหมือนประตูไม้ผุ แล้วใช้ศีรษะโหม่งใส่จริงๆ…

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากเผยรอยยิ้มซ้ำเติม

เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับอยู่บนใบหน้าเขาไม่ถึงวินาที เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมจะพังประตูออกไปเลย เมื่ออยู่ห่างจากลานบ้านได้ระยะหนึ่ง ก็พลันกระโจนตัวจากพื้น กระโดดสูงขึ้นมาหนึ่งจั้ง จากนั้นมือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บคว้าอิฐดำที่หัวกำแพง แล้วร่างกายก็พลิกออกไปด้านนอกอย่างนั้นแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงไล่ตามหลังไปติดๆ กระโดดสุดแรงเช่นกัน แต่กลับกระโดดสูงได้แค่ครึ่งจั้งเท่านั้น เมื่อเห็นว่าหน้ากำลังจะชนกำแพง ก็รีบยื่นมือซ้ายออกมา ออกแรงผลักหนังกำแพงหนึ่งที แล้วกลับมาตกในลานบ้านอย่างมั่นคงปลอดภัย

ก็ช่วยไม่ได้ วิชาตัวเบาอย่างแปดก้าวไล่ทันคางคก ในด้านความเร็วนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ ท่าร่างที่เพิ่มขึ้นมาใกล้จะตามทันวิชาตัวเบาระดับกลางบางวิชาได้แล้ว ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาระดับต้น การมีข้อได้เปรียบอันโดดเด่นอย่างนี้ได้ ก็หมายความว่ามีข้อด้อยเช่นเดียวกัน

ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาติดพื้น ข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดก็คือกระโดดสูงลำบาก!

[1] ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกามาหนึ่งเรือน 我去年买了个表 พ้องเสียงกับประโยค 我去你妈了个逼 (WQNMLGB) ที่แปลว่า ฉันได้กับแม่แกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+