ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 580 หมั่นไซกานสี่เฝาฉี่ซานโจ่ยโกว

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 580 หมั่นไซกานสี่เฝาฉี่ซานโจ่ยโกว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 580 หมั่นไซกานสี่เฝาฉี่ซานโจ่ยโกว

เมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงก็เต็มไปด้วยคำถาม ข้าไม่ได้เก็บค่าความรู้สึกดีจาก NPC คนนี้เสียหน่อย นางมาหาข้าทำไมกัน

หลังจากชะงักนิดหน่อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วถาม “แม่นางหวัง ท่านมาถึงบ้านข้าได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำเรียกนี้จากเยี่ยเว่ยหมิง สาวน้อยตรงหน้ากลับขมวดคิ้วมุ่น แล้วกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ใต้เท้าเยี่ยช่างเป็นผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ที่ลืมง่ายเสียจริง จำชื่อข้าผิดก็ว่าแย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าแซ่ก็จำผิดเช่นกัน ช่างทำร้ายจิตใจกันจริงๆ”

พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่หวังอวี่เยียน

เยี่ยเว่ยหมิงแยกแยะลักษณะท่าทางของสตรีผู้นี้อย่างละเอียดด้วยความสงสัย ในที่สุดก็กระจ่างทันที “ที่แท้ก็เป็นแม่นางเสิ่น สองวันนี้เข้าร่วมการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ เจอแม่นางหวังค่อนข้างบ่อย ประกอบกับพวกเจ้าสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก ข้าจึงแยกไม่ออกไปชั่วขณะ หวังว่าแม่นางเสิ่นจะไม่ถือสา”

ที่แท้สตรีที่หน้าตาคล้ายหวังอวี่เยียนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสิ่นหรง บุตรสาวของเสิ่นวั่นซาน เป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยสมชื่อ!

“ในเมื่อใต้เท้าเยี่ยกล่าวขนาดนี้แล้ว หากข้าไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้ ก็จะดูเป็นคนต่ำช้าใจแคบเกินไป” หลังจากพูดปัดเรื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงจำคนผิด เสิ่นหรงก็เข้าประเด็นทันที “ความจริงที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อเจรจาธุรกิจใหญ่กับใต้เท้าเยี่ย”

จะเจรจาธุรกิจ?

เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะรู้สึกผิดคาดไปบ้าง แต่ก็ยังแสดงออกว่าสนใจมาก “ไม่เหมาะจะยืนคุยตรงประตู เชิญแม่นางเสิ่นเข้ามานั่งในห้องหนาวๆ เป็นอย่างไร”

แม้จะมีคำกล่าวว่าไม่มีนักธุรกิจคนใดไม่เจ้าเล่ห์ แต่เสิ่นวั่นซานก็สร้างความประทับใจแรกพบที่ไม่แย่ให้เยี่ยเว่ยหมิง

เจ้าเล่ห์หรือไม่เจ้าเล่ห์เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้ เขาเพียงรับประกันความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายได้ เท่านี้ก็เป็นพื้นฐานในการร่วมงานกันได้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เขาสนใจจะฟังว่าอีกฝ่ายจะเสนอความร่วมมืออะไรกันแน่

ทว่าสำหรับคำเชิญของเยี่ยเว่ยหมิง เสิ่นหรงกลับส่ายหน้า “ที่จริงแล้ว ข้ามาเพราะอยากให้ความร่วมมือเบื้องต้นสำเร็จเท่านั้น ท่านจะมองเป็นการนัดหมายล่วงหน้าก็ได้…

…เป็นเรื่องที่ใช้เวลาพูดไม่เยอะ ไม่ต้องเข้าไปข้างในก็ได้”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ทราบว่าธุรกิจที่แม่นางเสิ่นเอ่ยถึงคือ”

เสิ่นหรงยิ้มอย่างงดงาม “ที่จริงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจำหน่ายวิดีโอ พูดให้ถูกก็คือ วิดีโอช่วงที่พวกเจ้าท้าสู้ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึ BOSS ลับในดันเจี้ยนตอนประลองหอหมอกพิรุณสนามแรก”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วรู้สึกผิดคาดนิดหน่อย “วิดีโอการประลองหอหมอกพิรุณ ไม่ใช่ว่าระบบใช้วิธีการเพิ่มรางวัลภารกิจซื้อขาดไปแล้วหรอกหรือ เรื่องนี้ยังมีอะไรให้ข้าพูดถึงอีก”

“มีอยู่แล้ว อีกทั้งหากท่านพูดได้ดี ก็จะทำให้มูลค่าของวิดีโอเพิ่มขึ้นสองเท่าได้” หลังจากหยุดพักเรียบเรียงคำพูดครู่เดียว เสิ่นหรงก็พูดต่อ “หลังจากได้ดูถ่ายทอดสดการประลองของพวกเจ้าเมื่อวานนี้ ก็มีผู้เล่นไม่น้อยที่อยากลองไปท้าสู้ซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็คือแพ้หมด ไม่มีข้อยกเว้น หากตอนนี้จะลุกขึ้นมาอธิบายกลยุทธ์การสู้กั BOSS คนนี้สักหน่อย…”

ที่แท้อีกฝ่ายก็อยากได้สิ่งนี้

เยี่ยเว่ยหมิงข้ามขั้นตอนที่ต้องอธิบายยืดยาวระหว่างนั้น ถามประเด็นหลักทันที “แล้วข้าจะได้อะไร”

“จะได้หุ้นส่วนเก่ามาร่วมงานกันอีกหลายครั้ง ท่านพ่อบอกว่าพวกเราไม่อาจเอาเปรียบใต้เท้าเยี่ย” สีหน้าของเสิ่นหรงเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางพูดต่อว่า “ตอนนี้ฐานะของท่านคือตัวเต็งที่จะชิงรางวัลชนะเลิศของหอหมอกพิรุณ ย่อมได้รับความสนใจไม่น้อย คำพูดเดียวกัน แต่หากมาจากปากของท่าน ก็จะทำให้คนเชื่อถือได้ง่ายกว่า…

…แต่ตัวท่านในตอนนี้ ตัวท่านที่ได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ หรือตัวท่านที่พ่ายแพ้ ค่าตัวล้วนแตกต่างกัน…

…ดังนั้น วิดีโอนี้จะบันทึกเมื่อไร จะเจรจารายละเอียดเรื่องราคากันเมื่อไร ใต้เท้าเยี่ยล้วนเป็นผู้ตัดสินใจ”

พอได้ยินคำเตือนของเสิ่นหรง เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจในทันที

ตัวเขาในตอนนี้ อย่างน้อยก็เป็นตัวเต็งรางวัลชนะเลิศ หากพรุ่งนี้ชนะแล้ว ค่าตัวก็พุ่งแน่นอน แต่หากแพ้แล้ว ราคาก็ตกลงไม่น้อย

เพราะอันดับที่เขาได้รับในการประลอง จะเกี่ยวโยงไปถึงระดับความน่าเชื่อถือที่ผู้รับชมการถ่ายทอดสดเหล่านั้นมีต่อเขา

ส่วนถ้าถามว่าเขาจะได้รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งหรือไม่ ที่จริงก็ไม่เกี่ยวกับการที่เขามีกลยุทธ์สู้กับซารุโทบิ จิทสึเก็ทสึเสมอไป

ใครจะไปสนใจเรื่องนั้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างไม่ลังเล “เช่นนั้นก็รอให้การประลองใหญ่วันพรุ่งนี้จบลงแล้วค่อยว่ากัน”

“ใต้เท้าเยี่ยช่างมีความมั่นใจ” เสิ่นหรงยิ้มตอบ

“ขอบคุณที่ชม”

……

พูดไม่ออกทั้งคืน

เช้าตรู่วันต่อมา ในการถ่ายทอดสดการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ

ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เหวยเสี่ยวเป่าที่ปลุกเร้าบรรยากาศครู่หนึ่งพลันเอ่ยเสียงดังว่า “ต่อไปเป็นศึกตัดสินรอบสุดท้ายของการประลองใหญ่หอหมอกพิรุณ! เจ็ดตัวแทนของเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานสู้กับเจ็ดผู้สืบทอดวิชาของเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจิน สู้กันบนถนนยาวหน้าประตูหอหมอกพิรุณ เป็นการประลองสูงสุดระหว่างผู้เล่นระดับสูงสุด!…

…ระหว่างการประลองสนามนี้ มีท่านผู้ชมคนหนึ่งแสดงความเห็นอันล้ำค่าให้แก่พวกเรา ระบบยอมรับข้อเสนอแล้ว อีกทั้งผู้โชคดีท่านนั้นยังได้รางวัลเป็นตำราลาลับ ‘มังกรคู่ตักน้ำ’ หนึ่งใน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ด้วย หวังว่าผู้เล่นทั้งหลายจะแสดงความเห็นกันเยอะๆ เรามีรางวัลให้ด้วยนะขอรับ”

เมื่อเหวยเสี่ยวเป่าเอ่ยเช่นนี้ ก็เรียกเสียงฮือฮาจากฝั่งผู้เล่นทันที

ผู้เล่นมากมายรู้สึกอิจฉาริษยา แต่คนส่วนใหญ่เริ่มคิดอะไรไม่สอดคล้องกับความจริง พวกเขาหวังว่าจะตนเองจะได้รับรางวัลจากระบบมากมายด้วยวิธีการเสนอความเห็นเช่นกัน

ตอนนี้กลับได้ยินเหวยเสี่ยวเป่าพูดต่อ “คาดว่าทุกคนคงสงสัยมากสินะ ว่าผู้โชคดีท่านนั้นเสนอความเห็นอะไรให้พวกเรา…

…แม้ข้าจะไม่สะดวกเผยชื่อของเขาที่นี่ แต่ความเห็นที่เขาเสนอนั้นดีมาก” บนใบหน้าเหวยเสี่ยวเป่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เขาบอกว่า ในการประลองใหญ่ครั้งนี้ ดูแค่การต่อสู้ในการประลองอย่างเดียวรู้สึกแห้งแล้งไร้รสชาติ เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป…

…ในที่สุดตอนหลังเขาก็ค้นพบแล้ว ว่าในการต่อสู้ของยอดฝีมือแบบนี้ จะขาดเพลงประกอบฉากไปได้อย่างไร!…

…ดังนั้น สหายท่านนี้จึงแนะนำข้าว่าตอนที่ถ่ายทอดสดการประลอง พวกเราใส่เพลงที่ช่วยเสริมการต่อสู้ให้เด่นชัดขึ้น จะได้เสริมบรรยากาศการประลอง เป็นความคิดที่ดีมาก…

…วันนี้พวกเราเตรียมเพลงที่เข้ากับการต่อสู้มากๆ มาด้วย…

…เช่นนั้นก็ดนตรีเริ่ม เชิญผู้เล่นทั้งสองฝ่ายลงสนาม!”

เมื่อสิ้นเสียงเรียกของเหวยเสี่ยวเป่า ทันใดนั้น ในแผนที่ของศึกตัดสินที่มีฉากเป็นถนนหน้าประตูหอหมอกพิรุณก็มีเสียงเพลงประกอบฉากที่เต็มไปด้วยจังหวะท่วงทำนองก็ดังขึ้น

“ตึ่งตึ่ง…ฮา! ฮ้า!…ตึ้งตึ้ง…ฮา! ฮ้า!… ”

ท่ามกลางเสียงดนตรี ผู้ร่วมประลองสิบสี่คนจากทั้งสองฝ่ายถูกส่งตัวเข้าสนามพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างยืนห่างกันห้าเมตร ยืนประจันหน้ากันสองฝั่ง

ตอนนี้เสียงดนตรีเปิดจบลงแล้ว เข้าสู่ส่วนของเนื้อเพลงอย่างเป็นทางการ หากตั้งใจฟังให้ดี ก็จะพบว่าเป็นเพลงภาษากว้างตุ้ง

‘หมั่นไซกานสี่เฝาฉี่ซานโจ่ยโกว หวาก..เจ๋ เหล็งเย๋าโกวฉี่เป๋ยที้นโกว…’ (Shi Jian Shi Zhong Ni Hao เพลงประกอบละครมังกรหยกปี 1983)

“อ่า อ๋า!~” เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น ที่ฝ่ามือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็รวบรวมปราณแท้รูปมังกรโดยไม่รู้ตัวแล้ว เอฟเฟ็กต์ของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ รวมกับเสียงเพลงประกอบฉากนี้ นอกจากจะไม่รู้สึกขัดกันแล้ว ยังรู้สึกว่าช่วยเสริมให้โดดเด่นขึ้นด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มรวบรวมพลังฝ่ามือ ท่านเซียนไม่นอนดึกที่ตั้งสมาธิเตรียมพร้อมมานานแล้วก็เอ่ยเตือนเสียงสูงอย่างตึงเครียดทันที “ระวังการจู่โจมจากอีกฝ่าย วางค่ายกล!”

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของท่านเซียนไม่นอนดึก เจ็ดยอดฝีมือของสำนักฉวนเจินก็ลากเท้าเดินดารา ชั่วพริบตาเดียวก็วางค่ายกลฟ้าดาวเหนือเสร็จแล้ว ตอนนี้พลังปราณของทั้งสองเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแนบแน่น

ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น…กระบี่คู่ผนึกรวม?

เมื่อเห็นฉากนี้ เชิญร่ำสุราก็มองเยี่ยเว่ยหมิงปราดหนึ่งเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วพูดหยอกว่า “ท่าทางตอนเตรียมตัวของเจ้าดูเล่นใหญ่เกินไปแล้ว ดูสิทำให้อีกฝ่ายตกใจแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงเก็บพลังฝ่ามือที่ก่อตัวขึ้นมาเมื่อครู่อย่างผ่อนคลาย แล้วกล่าวอย่างจนใจเล็กน้อยว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป พอได้ยินเพลงนี้แล้ว ก็อยากจะใช้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ โจมตีโดยไม่รู้ตัว…

…เพลงนี้มีพิษ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด