ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 492 พลังไร้ลักษณ์น้อย!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 492 พลังไร้ลักษณ์น้อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 492 พลังไร้ลักษณ์น้อย!

ในเมื่อเป็นเวรกรรม ก็ย่อมต้องฉวยโอกาสตัดกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากเจอพระรูปนี้สักนิด!

ต่อให้ไม่เจอกันอีกจนกว่าจะแก่ตายไม่ได้ แต่อย่างน้อยก่อนตอนที่เขายังสู้อีกฝ่ายไม่ไหว เขาก็ไม่คิดจะเกี่ยวข้องใดๆ กับคนต่ำทรามผู้สง่าผ่าเผยคนนี้อีก

ฟังอีกฝ่ายเอ่ยถึงของบางอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงจึงเป็นฝ่ายถามตรงๆ ก่อนเสียเลย “ไม่ทราบว่าบนตัวข้ามีของอะไรที่ทำให้ไต้ซือเห็นความสำคัญขนาดนี้”

จิวหมัวจื้อได้ยินแล้วยิ้มเรียบๆ “ที่จริงก็ไม่ใช่ของสำคัญอะไร เป็นเพียงสมุดบัญชีเล่มเดียวเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าสักนิด ไม่สู้นำมันมาทำให้ความปรารถนาของอาตมาเป็นจริงดีกว่า นำมาแลกกับของดีอย่างอื่น”

สมุดบัญชี?

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกระปรี้กระเปร่า แอบคิดในใจว่าภารกิจนี้ช่างเชื่อมโยงกันเป็นทอดจริงๆ

ก่อนหน้านี้ตนอาศัยแรงของอาจูกับอาปี้เพื่อหลุดพ้นจากการควบคุมของจิวหมัวจื้อ จากนั้นก็ช่วยอาจูและอาปี้จากหมู่บ้านภูเขาม่านถัว ถึงได้รับสมุดบัญชีที่ตัวเองอ่านไม่เข้าใจเล่มนี้

พอกลับมาดูอีกที ไม่น่าเชื่อว่าสมุดบัญชีเล่มนี้จะมีของที่จิวหมัวจื้อต้องการอยู่ด้วย…

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แต่กลับไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอนโดยตรง “ผู้น้อยดูศักยภาพของตัวเองแล้ว พบว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไต้ซือจริงๆ แต่ถ้าอยากจะทำลายสมุดบัญชีเล่มนั้นก่อนที่ท่านจะควบคุมข้า ข้าคิดว่าข้าทำได้นะ ไม่ทราบว่าไต้ซือเห็นด้วยหรือไม่”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงข่มขู่ตน จิวหมัวจื้อนอกจากจะไม่โกรธแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสนิทสนมขึ้นด้วยซ้ำ “ก่อนหน้านี้ตอนอาตมาอยู่บนเรือน้อยของแม่นางอาปี้ ก็เสียเปรียบจอมยุทธ์น้อยเยี่ยมาแล้วไม่น้อย มีหรือที่จะกล้าดูถูกวิธีการของจอมยุทธ์น้อยเยี่ยอีก”

เขาเงียบไปครู่เดียว ก่อนจะพูดต่อ “แต่ในเมื่อจอมยุทธ์น้อยเยี่ยยินดีจะนั่งลงคุยกับอาตมา ก็แสดงว่าเรื่องนี้ยังมีทางเจรจากันได้อยู่ ไม่ใช่หรอกหรือ”

จิวหมัวจื้อเงียบไปครู่เดียว แล้วพูดต่อ “ไม่ทราบว่าสิ่งที่จอมยุทธ์น้อยเยี่ยต้องการคืออะไรกันแน่”

ที่ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงพูดว่าตัวเองทำลายสมุดบัญชีได้ ก็เพราะต้องการมีคุณสมบัติในการเจรจาเงื่อนไขอย่างเท่าเทียม

ยุทธภพก็คือโลกที่ใครหมัดใหญ่กว่า คนนั้นก็มีเหตุผลมากกว่า

มีแต่ต้องให้ทั้งสองฝ่ายทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ อย่างน้อยต้องทำให้อยู่ในสถานการณ์ที่หยิบฉวยอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ถึงจะมีพื้นฐานให้เจรจาธุรกิจกัน

ตอนนี้จิวหมัวจื้อยอมรับแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีคุณสมบัตินั้น แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเผยสีหน้าลำบากใจ “ในเมื่อต้องการจะเจรจา ก็ต้องทำให้ได้ถึงขั้นรู้เขารู้เรา แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมุดบัญชีที่อยู่ในมือตัวเองคืออะไร ต่อให้อยากจะเจรจา แต่ก็ไม่มีทางเจรจาได้อยู่ดี”

ตอนนี้จิวหมัวจื้อยอมรับแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีคุณสมบัตินั้น แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับเผยสีหน้าลำบากใจ “ในเมื่อต้องการจะเจรจา ก็ต้องทำให้ได้ถึงขั้นรู้เขารู้เรา แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมุดบัญชีที่อยู่ในมือตัวเองคืออะไร ต่อให้อยากจะเจรจา แต่ก็ไม่มีทางเจรจาได้อยู่ดี”

เยี่ยเว่ยหมิงแบมือ แล้วจู่ๆ ก็บอกจิวหมัวจื้อว่า “ไม่สู้ให้ไต้ซือบอกข้าดีกว่า ว่าในสมุดบัญชีนั่นซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่ ข้าจะได้ไม่ถึงขั้นมองว่ามันเป็นสุดยอดวิชาที่ตอนนี้ยังอ่านไม่ออก เดี๋ยวข้าโลภเสนอเงื่อนไขเยอะเหมือนสิงโตปากกว้างนะ”

ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อลองล้วงข้อมูลจากปากอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะให้คำตอบที่อยากได้เช่นกัน

แต่กลับคาดไม่ถึง หลังจากจิวหมัวจื้อได้ฟังแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะตอบตามตรงเลยว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยเดาไม่ผิดเลยสักนิด สมุดบัญชีนั่นก็คือตำราลับฉบับไม่สมบูรณ์ เป็น ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ สุดยอดวิชาของสำนักสราญรมย์…

…บัญชีแต่ละรายการในนั้น ล้วนเป็นวิชาฝึกปราณที่สอดคล้องกัน…

…ยกตัวอย่างเช่นกี่เดือนกี่ปี ก็หมายถึงเดินลมปราณครั้งที่เท่าไร จำนวนเงินก็คือจำนวณครั้งที่หายใจชำระปราณ ส่วนอวัยวะภายในของหมู วัว แพะที่เอ่ยถึง ก็คืออวัยวะและเส้นลมปราณในร่างกายมนุษย์ที่สอดคล้องกัน…

…เพียงแต่สมุดบัญชีที่เจ้าได้รับมา เป็นเพียงหนึ่งในแปดเล่มของตำราลับ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ตัวอักษร ‘เกิง’ ที่สลักไว้บนปก เป็นสิ่งที่แสดงว่ามันคือเล่มที่เจ็ด”

[ติ๊ง! คุณได้รับคำชี้แนะจากจิวหมัวจื้อ ได้รับค่าตบะ 1000 แต้ม]

[ติ๊ง! ความลับของสมุดบัญชีถูกไขแล้ว ตอนนี้กลายเป็นตำราลับ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ฉบับไม่สมบูรณ์อย่างเป็นทางการ]

[‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ (ระดับกลาง) (ไม่สมบูรณ์)] หนึ่งในสุดยอดวิชาของสำนักสราญรมย์ อานุภาพทรงพลัง ไม่ยึดถือรูปลักษณ์ แต่บทนี้เป็นเพียงส่วนที่เจ็ดของวิทยายุทธ์ทั้งชุดเท่านั้น จึงมีเพียงประสิทธิภาพของวิชากำลังภายในระดับสูง เนื่องจากเป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าฝืนฝึกจะทำลายพื้นฐานได้ง่าย ดังนั้นจึงกำหนดคุณภาพให้ต่ำลงหนึ่งระดับ กลายเป็นระดับกลาง

เงื่อนไขการฝึก: สติปัญญา 50 ค่าตระหนักรู้ 50

……

สมกับเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์

มีเพียงหนึ่งในแปดส่วนของสุดยอดวิชาเท่านั้น ทั้งยังไม่ใช่ส่วนแรกด้วย…

มารดาเจ้าเถอะ อนาถเกินไปแล้ว!

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับคำชี้แนะของจิวหมัวจื้อ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังกุมหมัดคารวะอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท “ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ เพียงแต่ไต้ซือบอกวิธีอ่าน ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ แก่ข้าชัดเจนขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าไม่กลัวว่าข้าเรียนมันตอนนี้ แล้วท่านก็มาเสียเที่ยว”

จิวหมัวจื้อได้ฟังแล้วก็ไม่กลัวเช่นกัน เพียงส่ายหน้าเล็กน้อย “ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็อธิบายได้เพียงว่าข้าไร้วาสนากับวิชานี้แล้ว ขณะเดียวกัน จอมยุทธ์น้อยเยี่ยก็จะเสียโอกาสในการแลกของที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าด้วย…

…คนที่เสียหาย ไม่ได้มีเพียงอาตมาคนเดียว”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามกลับด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเดาไม่ผิด เมื่อข้าเรียนสิ่งนี้แล้ว ภายในระยะเวลาหนึ่งมันก็จะกลายเป็นไอเทมดรอปหลังจากผู้เล่นตาย…

…เมื่อถึงตอนนั้น ไต้ซือก็จะฆ่าคนชิงตำราได้สบายๆ ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเพื่อสิ่งนี้…

…ข้าเดาไม่ผิดใช่ไหมล่ะ”

“อามิตาภพุทธ!” จิวหมัวจื้อเอ่ยนามพระพุทธเจ้าอีกครั้ง “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยช่างเป็นผู้ที่มีรากแห่งปัญญา”

ข้ามีรากแห่งปัญญาอะไรกัน เจ้าโล้นนี่ชั่วนัก!

จิวหมัวจื้อเป็นฝ่ายบอกความจริงเรื่อง ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้ ก็เพื่อหลอกให้เขาเป็นฝ่ายเรียนเอง จากนั้นก็ค่อยฆ่าคนชิงตำรา

จิตใจชั่วร้ายถึงขีดสุด!

แต่ถึงแม้เยี่ยเว่ยหมิงจะดูถูกคำชมของอีกฝ่าย แต่กลับสนใจข้อแลกเปลี่ยนที่จิวหมัวจื้อเสนอก่อนหน้านี้มาก

สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะตำรา ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ที่ไม่สมบูรณ์ในมือเขาอนาถเกินไปแล้ว!

ถ้าเป็นทักษะยุทธ์ประเภทกระบวนท่า ความไม่สมบูรณ์แม้จะส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ใช้เป็นท่าไม้ตายลับได้อย่างไม่ค่อยมีปัญหา

แต่ถ้าวิชากำลังภายใน หากไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ นั่นก็เป็นเหมือนกับดักเกินไป!

ไม่เห็นหรือว่าบนข้อมูลแนะนำของตำราลับเขียนไว้แล้ว ว่าถ้าฝืนฝึกก็จะทำลายพื้นฐานได้ง่าย

ถ้าสิ่งที่เขาได้มาเป็นเจ็ดเล่มจากแปดเล่ม เขาก็อาจจะพิจารณาลองรวบรวมดูสักหน่อย แต่ถ้ามีเพียงเล่มเดียว…เยี่ยเว่ยหมิงมองจิวหมัวจื้ออย่างสงสัย “หากข้าเดาไม่ผิด อีกเจ็ดเล่มที่เหลือคงจะอยู่บนตัวไต้ซือใช่ไหม”

“รากฐานสติปัญญาของจอมยุทธ์น้อยเยี่ย ช่างลึกล้ำกว่าที่อาตมาจินตนาการไว้”

รากฐานสติปัญญาอีกแล้ว พูดโยงถึงอย่างอื่นบ้างได้ไหม

ที่จริงคำถามนี้ก็เดาคำตอบได้ไม่ยาก

ในกลยุทธ์ที่ปู้คุยให้มา วิชาหลักที่จิวหมัวจื้อฝึกก็คือ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ แม้จะไม่ได้บอกที่มาชัดเจน แต่ถ้าตำราลับเจ็ดเล่มนั้นอยู่ในมือเขา ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน

เรื่องนี้อธิบายได้แล้วว่าทำไมตอนอยู่ที่หุบเขาว่านเจี๋ยก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ คำนวณเจอปัญหาร้ายแรงของร่างกายเขา จากนั้นก็กระตุ้นนิดหน่อย ถึงขั้นไม่ต้องใช้คนลงมือเลย แค่กำลังภายในย้อนทำร้ายก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว

อธิบายได้เช่นกันว่าทำไม ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ถึงมีวาสนาต่อเขา

ในเมื่อวิชา ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ น้อยที่เหลืออีกเจ็ดเล่มอยู่ในจิวหมัวจื้อ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจว่าจะไม่ใช้วิธีรวบรวมตำราฉบับไม่สมบูรณ์ให้ครบ

เขาจึงหวังสิ่งที่รองลงมาอย่างไม่ลังเล “ไม่ทราบว่าข้าจะใช้ตำราลับ ‘พลังไร้ลักษณ์น้อย’ ฉบับไม่สมบูรณ์แลกอะไรจากไต้ซือได้”

“สิ่งนี้อย่างไรล่ะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด