ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 37 เจอ PK

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 37 เจอ PK at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 เจอ PK

“NPC ที่นี่ถูกวิชาราชสีห์คำรามเล่นงานจนสมองไปหมดแล้ว ตอนนี้กำลังโจมตีผู้เล่นอย่างบ้าคลั่ง” ขณะกำลังใช้เคล็ดกระบี่อู่ตังสู้กับศิษย์สำนักหมัดเทวะที่คลุ้มคลั่ง อินปู้คุยก็วิเคราะห์ไปพลางว่า “พวกนี้เป็นมอนสเตอร์เลเวลประมาณยี่สิบทั้งนั้น ทั้งยังอาศัยแค่สัญชาตญาณในการโจมตี ปัญหาเดียวก็คือค่าพลังชีวิตเยอะไปหน่อย แต่ก็รับมือได้ง่าย มาฝึกอัปเลเวลที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

เมื่อพบว่าเยี่ยเว่ยหมิงเอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ อินปู้คุยก็หัวเราะหึหึอย่างอดไม่ได้ “สหายเยี่ย ทำไมเจ้าไม่ลงมือล่ะ คิดจะเอาเปรียบกันหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจเขา หันกลับมาตะโกนบอกทุกคนว่า “ขอซื้ออาวุธประเภทกระบี่ในราคาสูง ใครมีเหลือเฟือกรุณาติดต่อข้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น อินปู้คุยถึงตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่บีบให้เซี่ยซุนระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมา จึงถูกเซี่ยซุนใช้หมัดชกกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้ในมือไร้อาวุธ ย่อมไม่มีทางฆ่ามอนสเตอร์ได้อยู่แล้ว

พอนึกถึงคำพูดเหน็บแนมของตัวเองก่อนหน้านี้ อินปู้คุยก็รีบหุบปากเสียเลย สนใจแต่สู้กับมอนสเตอร์ในร่างคนตรงหน้าตัวเองต่อไป ดูจากสีหน้าเขาแล้ว ยังจริงจังกว่าตอนทดสอบกับเซี่ยซุนก่อนหน้านี้เสียอีก

“เหอะๆ สหายผู้นี้ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ผู้เล่นขาวท้วมคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบสำนักหัวซานเดินมาทางเยี่ยเว่ยหมิง เป็นเจียงไท่หลาง ผู้ที่นำของเล่นประเภทไพ่และหมากรุกมาเสนอขายให้พวกเขาตอนเพิ่งขึ้นเกาะนั่นเอง

เจียวไท่หลางเดินอ้อมมอนสเตอร์มาถึงตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง ส่งคำเชิญซื้อขายให้เขา หลังจากเขากดรับแล้ว ก็วางกระบี่ยาวด้ามหนึ่งในคอลัมน์ซื้อขายทันที ทำอย่างคล่องแคล่วชำนาญที่สุด

[กระบี่เหล็กกล้า: กระบี่ยาวที่ทำจากเหล็กกล้า ประสิทธิภาพเหนือกระบี่เหล็กทั่วไป โจมตี+20]

เมื่อชำเลืองค่าสเตตัสปราดหนึ่ง พบว่าเมื่อเทียบกับกระบี่หลงเฉวียนของเขาแล้ว ก็ยังแตกต่างไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนได้

“กระบี่เล่มนี้ราคาเท่าไร”

“ราคามิตรภาพ หนึ่งเหรียญทอง”

“หนึ่งเหรียญทอง!” เยี่ยเว่ยหมิงหัวร้อนทันที “สินค้าตามแผงลอยแบบนี้ ที่ร้านขายอาวุธในเมืองแค่ยี่สิบเหรียญเงินเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะขึ้นราคารวดเดียวห้าเท่า!”

เจียวไท่หลางหัวเราะแห้งๆ “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้ว ว่าที่นี่คือเกาะเขาหวังผาน เจ้าอยู่ที่นี่หาร้านค้าของระบบไม่ได้หรอก ใช้หนึ่งเหรียญทองซื้อเวลาอัปเลเวลอันล้ำค่าหนึ่งชั่วโมง อีกประเดี๋ยวก็ได้ทุนคืนแล้ว ถูกไหมล่ะ”

“แต่เจ้าก็หน้าเลือดเกินไปเช่นกัน!”

“ก็ใช่น่ะสิ!” ขณะที่พูด ชายชุดดำคนหนึ่งก็มาจากอีกด้าน “ที่ข้ามีกระบี่ดีเล่มหนึ่งที่ดรอปได้จากภารกิจพอดี มาดูสินค้าก่อนได้ แล้วเราค่อยคุยราคากันทีหลัง”

[ติ๊ง! ผู้เล่นจ้างเย่ว์ส่งคำขอเป็นเพื่อนคุณสำเร็จ]

เยี่ยเว่ยหมิงกดรับคำขอเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายโดยไม่คิดเลย จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายส่งข้อความแชทส่วนตัว บนนั้นยังแนบลิงก์สินค้าด้วย

[กระบี่ชิงจู๋ (ทองคำ): กระบี่ล้ำค่าที่สร้างโดยใช้ตำราพิษของแดนม้ง

พลังโจมตี +150

ท่าร่าง +5

ดาเมจธาตุพิษ +5]

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกระบี่พิษประเภทอาวุธคุณภาพทองคำ ทั้งยังโจมตีธาตุพิษได้!

ต้องทราบไว้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ อุปกรณ์ที่ผู้เล่นพกติดตัวไม่มีการจำกัดเลเวล ก็เหมือนหน้าไม้เทพจูเก๋อก่อนหน้านี้ ขอเพียงนำมาไว้ในมือได้ ต่อให้เป็นมือใหม่ไก่อ่อนก็นำมาเป็นอาวุธสุดเทพเรียกลมเรียกฝนได้

ก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง การจะได้อาวุธระดับสูงมาไว้ในมือจึงเป็นเรื่องยากสุดๆ ก่อนหน้านี้ตอนเยี่ยเว่ยหมิงกำจัด BOSS ใหญ่อย่างโฉวป้ากับเฉินหมิง อุปกรณ์อย่างดีที่สุดที่ดรอปได้ก็แค่ระดับสีฟ้าเท่านั้น และต่อให้อยู่ในระดับสีฟ้า แต่ก็นับเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างธรรมดา คุณภาพของมันถึงขนาดว่าเทียบอุปกรณ์แจกฟรีจากสำนักมือปราบเทพอย่างกระบี่หลงเฉวียนไม่ได้ด้วยซ้ำ

ด้วยค่าสเตตัสของกระบี่ชิงจู๋เล่มนี้ เชื่อได้เลยว่าในอนาคตจะต้องเป็นสินค้าหายากในระยะยาวแน่นอน ส่วนรายละเอียดว่าจะมีค่าเท่าไร เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกไม่ได้เช่นกัน

สำหรับค่าสเตตัสของกระบี่ชิงจู๋เล่มนี้ เยี่ยเว่ยหมิงหวั่นไหวกับมันแล้วจริงๆ “คิดจะขายกระบี่เล่มนี้ในราคาเท่าไร”

“ห้าสิบเหรียญทอง”

ห้าสิบเหรียญทองยังนับว่าเป็นราคายุติธรรม ไม่ถือว่าแพง แต่ก็ไม่นับว่าถูกเช่นกัน ถ้ามันตกไปอยู่ในร้านประมูลของระบบ สุดท้ายราคาซื้อขายก็คงประมาณห้าสิบเหรียญทองอยู่ดี จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับดวง

เป็นเพราะผู้เล่นทุกคนเติมเงินไม่ได้ ผู้เล่นประเภทรวยแต่โง่จึงไม่มีอยู่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’

เรื่องราคาไม่มีปัญหา ปัญหาก็คือเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไม่ไหว!

“นำของอย่างอื่นมาแลกเงินสดได้หรือเปล่า”

จ้างเย่ว์ยิ้มเรียบๆ “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเป็นของอะไร”

“เจ้ารอประเดี๋ยว”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มรื้อกระเป๋าสะพายหลัง เตรียมจะดูว่ามีของมีค่าอะไรหรือเปล่า แต่พออดูได้ครู่เดียว กลับทำให้เขาผิดหวังมาก

มูลค่าของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ นั้นเพียงพอแน่นอน ถึงขั้นแพงกว่ากระบี่ชิงจู๋มากด้วย แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่นำมันมาแลกกับอุปกรณ์เด็ดขาด ส่วนของอย่างอื่นก็มีมูลค่าน้อยมากจริงๆ หากรวมอุปกรณ์ ตำราลับ อาวุธลับด้วยกัน ก็อาจจะไม่ถึงสิบเหรียญทองด้วยซ้ำ บวกกับเงินสดทั้งหมดบนตัว พยายามรวมแล้วยังได้แค่ครึ่งเดียวของห้าสิบเหรียญทอง

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ขณะกำลังจะประกาศด้วยความจนใจว่าตัวเองไร้วาสนากับกระบี่เล่มนี้แล้ว จู่ๆ กลับรู้สึกตึงคอหอย เพราะจ้างเย่ว์ฉวยโอกาสอ้อมมาด้านหลังของเขาตอนที่เขากำลังตรวจดูกระเป๋าสะพายหลัง อีกฝ่ายใช้สองมือที่กลายเป็นกรงเล็บ ข้างหนึ่งบีบบ่าขวา อีกข้างบีบคอของเขาเอาไว้

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ” เยี่ยเว่ยหมิงตกใจ

“ก็สังหารเจ้าเพื่อดรอปของน่ะสิ” จ้างเย่ว์หัวเราะหึหึ จากนั้นกดเสียงต่ำพูดข้างหูเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าเองก็ผ่านการทดสอบของเซี่ยซุนเหมือนกัน ได้รางวัลภารกิจมาแล้วล่ะสิ ตอนนี้รางวัลของเจ้าเป็นของข้าแล้ว”

ขณะที่พูด มือขวาที่บีบคอเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันออกแรงมากขึ้น โจมตีติดดาเมจคริติคอลจนพรากพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงไปสองร้อยสามสิบเอ็ดแต้ม ส่วนมือซ้ายที่บีบอยู่บนบ่าขวาก็ยังรักษาแรงเอาไว้เท่าเดิม ทำแบบนี้แม้จะสร้างดาเมจโดยตรงไม่ได้ แต่กลับรักษาสถานะควบคุมไว้ได้ตลอด

นี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจของวิชามือคว้าจับประเภทกรงเล็บอินทรี บ่าขวาเยี่ยเว่ยหมิงกำลังถูกควบคุม ตอนนี้ทั้งแขนตกอยู่ในสถานะหมดแรง เขาเคยเรียนมาเพียง ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ พลังต่อสู้เจ็ดส่วนกลับอยู่บนแขนขวา จึงรับมืออย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เลย

เมื่อเห็นจ้างเย่ว์โจมตีครั้งเดียวสำเร็จ แล้วใช้มือขวาคว้ามาทางคออีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่มีหนทางรับมือแม้แต่น้อย ได้แต่มองกรงเล็บของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้คอตัวเองเรื่อยๆ

ทันใดนั้น จ้างเย่ว์ก็รู้สึกถึงวิกฤติที่ไม่เคยเจอมาก่อนจากตัวเยี่ยเว่ยหมิง เขาตกใจจนสันหลังเย็นวาบ

จ้างเย่ว์แอบตกใจ คลายกรงเล็บออกจากบ่าขวาเยี่ยเว่ยหมิงแล้วถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก การถอยหลังนี้ เป็นการถอยออกไปหนึ่งจั้งเต็มๆ!

ทว่าความรู้สึกที่ทำให้จิตหวาดผวานั้นมาไว แต่ก็ไปไวยิ่งกว่า แทบจะเป็นชั่วพริบตาที่เขาเหยียบลงพื้น ความรู้สึกแบบนั้นก็หายไปแล้ว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ปลายเท้าแตะพื้น ร่างกายถอยหลังเช่นเดียวกัน ถอยไปไกลกว่าจ้างเย่ว์เสียอีก

เพราะท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงเหนือกว่าจ้างเย่ว์!

เมื่อเห็นตัวเองดึงระยะห่างมาไกลแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบกินยาเสริมพลังชีวิตหนึ่งเม็ด แต่กลับไม่ได้หนีไปทันที เพราะว่า…

“ไอ้เด็กนี่! กล้าโจมตีสหายของข้า ดูกระบี่ให้ดีนะ!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาล อินปู้คุยชี้กระบี่ไปทางจ้างเย่ว์แล้ว

เมื่อได้เห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ซาบซึ้งใจอยู่บ้าง

อินปู้คุยคนนี้นิสัยไม่เลวเลย คุ้มค่าที่ได้คบหาเป็นสหาย

เพียงแต่นิสัยเป็นคนละเรื่องกับความสามารถ แม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าอินปู้คุยไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองรู้ให้กลายเป็นความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนทั้งสองเพิ่งเริ่มลงมือ ก็ถูกอีกฝ่ายกดให้เสียเปรียบทันที ยังใช้ไม่ถึงสิบกระบวนท่า ก็ถูกกรงเล็บโจมตีต่อเนื่องไปแล้วสามครั้ง พลังชีวิตลดเหลือหนึ่งในสาม แต่กระบี่ของเขากลับสัมผัสอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่มุมเดียว

เมื่อเห็นว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะไม่ได้ อินปู้คุยก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกัน

บางทีตัวเองก็ไม่ควรกระโดดออกมาแสดงความเป็นวีรบุรุษเลย แค่อาศัยวิชาตัวเบาของสหายเยี่ย กลับปกป้องตัวเองได้ดีกว่าด้วยซ้ำ?

ตอนที่เขากำลังเริ่มครุ่นคิดแผนรับมือ จู่ๆ กลับรู้สึกตัวเบา ถูกเยี่ยเว่ยหมิงที่พุ่งมาจากข้างหลังแบกขึ้นบ่า จากนั้นปลดปล่อยฝีเท้าวิ่งหนีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง

วิธีการโจมตีเดียวที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ได้ตอนนี้ก็คือเคล็ดกระบี่ ถ้าไม่มีกระบี่แล้วจะสู้กันอย่างไร?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 37 เจอ PK

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 37 เจอ PK at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 เจอ PK

“NPC ที่นี่ถูกวิชาราชสีห์คำรามเล่นงานจนสมองไปหมดแล้ว ตอนนี้กำลังโจมตีผู้เล่นอย่างบ้าคลั่ง” ขณะกำลังใช้เคล็ดกระบี่อู่ตังสู้กับศิษย์สำนักหมัดเทวะที่คลุ้มคลั่ง อินปู้คุยก็วิเคราะห์ไปพลางว่า “พวกนี้เป็นมอนสเตอร์เลเวลประมาณยี่สิบทั้งนั้น ทั้งยังอาศัยแค่สัญชาตญาณในการโจมตี ปัญหาเดียวก็คือค่าพลังชีวิตเยอะไปหน่อย แต่ก็รับมือได้ง่าย มาฝึกอัปเลเวลที่นี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

เมื่อพบว่าเยี่ยเว่ยหมิงเอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ อินปู้คุยก็หัวเราะหึหึอย่างอดไม่ได้ “สหายเยี่ย ทำไมเจ้าไม่ลงมือล่ะ คิดจะเอาเปรียบกันหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจเขา หันกลับมาตะโกนบอกทุกคนว่า “ขอซื้ออาวุธประเภทกระบี่ในราคาสูง ใครมีเหลือเฟือกรุณาติดต่อข้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น อินปู้คุยถึงตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่บีบให้เซี่ยซุนระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมา จึงถูกเซี่ยซุนใช้หมัดชกกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตอนนี้ในมือไร้อาวุธ ย่อมไม่มีทางฆ่ามอนสเตอร์ได้อยู่แล้ว

พอนึกถึงคำพูดเหน็บแนมของตัวเองก่อนหน้านี้ อินปู้คุยก็รีบหุบปากเสียเลย สนใจแต่สู้กับมอนสเตอร์ในร่างคนตรงหน้าตัวเองต่อไป ดูจากสีหน้าเขาแล้ว ยังจริงจังกว่าตอนทดสอบกับเซี่ยซุนก่อนหน้านี้เสียอีก

“เหอะๆ สหายผู้นี้ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ผู้เล่นขาวท้วมคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบสำนักหัวซานเดินมาทางเยี่ยเว่ยหมิง เป็นเจียงไท่หลาง ผู้ที่นำของเล่นประเภทไพ่และหมากรุกมาเสนอขายให้พวกเขาตอนเพิ่งขึ้นเกาะนั่นเอง

เจียวไท่หลางเดินอ้อมมอนสเตอร์มาถึงตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง ส่งคำเชิญซื้อขายให้เขา หลังจากเขากดรับแล้ว ก็วางกระบี่ยาวด้ามหนึ่งในคอลัมน์ซื้อขายทันที ทำอย่างคล่องแคล่วชำนาญที่สุด

[กระบี่เหล็กกล้า: กระบี่ยาวที่ทำจากเหล็กกล้า ประสิทธิภาพเหนือกระบี่เหล็กทั่วไป โจมตี+20]

เมื่อชำเลืองค่าสเตตัสปราดหนึ่ง พบว่าเมื่อเทียบกับกระบี่หลงเฉวียนของเขาแล้ว ก็ยังแตกต่างไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนได้

“กระบี่เล่มนี้ราคาเท่าไร”

“ราคามิตรภาพ หนึ่งเหรียญทอง”

“หนึ่งเหรียญทอง!” เยี่ยเว่ยหมิงหัวร้อนทันที “สินค้าตามแผงลอยแบบนี้ ที่ร้านขายอาวุธในเมืองแค่ยี่สิบเหรียญเงินเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะขึ้นราคารวดเดียวห้าเท่า!”

เจียวไท่หลางหัวเราะแห้งๆ “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้ว ว่าที่นี่คือเกาะเขาหวังผาน เจ้าอยู่ที่นี่หาร้านค้าของระบบไม่ได้หรอก ใช้หนึ่งเหรียญทองซื้อเวลาอัปเลเวลอันล้ำค่าหนึ่งชั่วโมง อีกประเดี๋ยวก็ได้ทุนคืนแล้ว ถูกไหมล่ะ”

“แต่เจ้าก็หน้าเลือดเกินไปเช่นกัน!”

“ก็ใช่น่ะสิ!” ขณะที่พูด ชายชุดดำคนหนึ่งก็มาจากอีกด้าน “ที่ข้ามีกระบี่ดีเล่มหนึ่งที่ดรอปได้จากภารกิจพอดี มาดูสินค้าก่อนได้ แล้วเราค่อยคุยราคากันทีหลัง”

[ติ๊ง! ผู้เล่นจ้างเย่ว์ส่งคำขอเป็นเพื่อนคุณสำเร็จ]

เยี่ยเว่ยหมิงกดรับคำขอเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายโดยไม่คิดเลย จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายส่งข้อความแชทส่วนตัว บนนั้นยังแนบลิงก์สินค้าด้วย

[กระบี่ชิงจู๋ (ทองคำ): กระบี่ล้ำค่าที่สร้างโดยใช้ตำราพิษของแดนม้ง

พลังโจมตี +150

ท่าร่าง +5

ดาเมจธาตุพิษ +5]

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นกระบี่พิษประเภทอาวุธคุณภาพทองคำ ทั้งยังโจมตีธาตุพิษได้!

ต้องทราบไว้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ อุปกรณ์ที่ผู้เล่นพกติดตัวไม่มีการจำกัดเลเวล ก็เหมือนหน้าไม้เทพจูเก๋อก่อนหน้านี้ ขอเพียงนำมาไว้ในมือได้ ต่อให้เป็นมือใหม่ไก่อ่อนก็นำมาเป็นอาวุธสุดเทพเรียกลมเรียกฝนได้

ก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง การจะได้อาวุธระดับสูงมาไว้ในมือจึงเป็นเรื่องยากสุดๆ ก่อนหน้านี้ตอนเยี่ยเว่ยหมิงกำจัด BOSS ใหญ่อย่างโฉวป้ากับเฉินหมิง อุปกรณ์อย่างดีที่สุดที่ดรอปได้ก็แค่ระดับสีฟ้าเท่านั้น และต่อให้อยู่ในระดับสีฟ้า แต่ก็นับเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างธรรมดา คุณภาพของมันถึงขนาดว่าเทียบอุปกรณ์แจกฟรีจากสำนักมือปราบเทพอย่างกระบี่หลงเฉวียนไม่ได้ด้วยซ้ำ

ด้วยค่าสเตตัสของกระบี่ชิงจู๋เล่มนี้ เชื่อได้เลยว่าในอนาคตจะต้องเป็นสินค้าหายากในระยะยาวแน่นอน ส่วนรายละเอียดว่าจะมีค่าเท่าไร เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกไม่ได้เช่นกัน

สำหรับค่าสเตตัสของกระบี่ชิงจู๋เล่มนี้ เยี่ยเว่ยหมิงหวั่นไหวกับมันแล้วจริงๆ “คิดจะขายกระบี่เล่มนี้ในราคาเท่าไร”

“ห้าสิบเหรียญทอง”

ห้าสิบเหรียญทองยังนับว่าเป็นราคายุติธรรม ไม่ถือว่าแพง แต่ก็ไม่นับว่าถูกเช่นกัน ถ้ามันตกไปอยู่ในร้านประมูลของระบบ สุดท้ายราคาซื้อขายก็คงประมาณห้าสิบเหรียญทองอยู่ดี จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับดวง

เป็นเพราะผู้เล่นทุกคนเติมเงินไม่ได้ ผู้เล่นประเภทรวยแต่โง่จึงไม่มีอยู่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’

เรื่องราคาไม่มีปัญหา ปัญหาก็คือเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไม่ไหว!

“นำของอย่างอื่นมาแลกเงินสดได้หรือเปล่า”

จ้างเย่ว์ยิ้มเรียบๆ “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเป็นของอะไร”

“เจ้ารอประเดี๋ยว”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มรื้อกระเป๋าสะพายหลัง เตรียมจะดูว่ามีของมีค่าอะไรหรือเปล่า แต่พออดูได้ครู่เดียว กลับทำให้เขาผิดหวังมาก

มูลค่าของ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ นั้นเพียงพอแน่นอน ถึงขั้นแพงกว่ากระบี่ชิงจู๋มากด้วย แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่นำมันมาแลกกับอุปกรณ์เด็ดขาด ส่วนของอย่างอื่นก็มีมูลค่าน้อยมากจริงๆ หากรวมอุปกรณ์ ตำราลับ อาวุธลับด้วยกัน ก็อาจจะไม่ถึงสิบเหรียญทองด้วยซ้ำ บวกกับเงินสดทั้งหมดบนตัว พยายามรวมแล้วยังได้แค่ครึ่งเดียวของห้าสิบเหรียญทอง

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ขณะกำลังจะประกาศด้วยความจนใจว่าตัวเองไร้วาสนากับกระบี่เล่มนี้แล้ว จู่ๆ กลับรู้สึกตึงคอหอย เพราะจ้างเย่ว์ฉวยโอกาสอ้อมมาด้านหลังของเขาตอนที่เขากำลังตรวจดูกระเป๋าสะพายหลัง อีกฝ่ายใช้สองมือที่กลายเป็นกรงเล็บ ข้างหนึ่งบีบบ่าขวา อีกข้างบีบคอของเขาเอาไว้

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ” เยี่ยเว่ยหมิงตกใจ

“ก็สังหารเจ้าเพื่อดรอปของน่ะสิ” จ้างเย่ว์หัวเราะหึหึ จากนั้นกดเสียงต่ำพูดข้างหูเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าเองก็ผ่านการทดสอบของเซี่ยซุนเหมือนกัน ได้รางวัลภารกิจมาแล้วล่ะสิ ตอนนี้รางวัลของเจ้าเป็นของข้าแล้ว”

ขณะที่พูด มือขวาที่บีบคอเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันออกแรงมากขึ้น โจมตีติดดาเมจคริติคอลจนพรากพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงไปสองร้อยสามสิบเอ็ดแต้ม ส่วนมือซ้ายที่บีบอยู่บนบ่าขวาก็ยังรักษาแรงเอาไว้เท่าเดิม ทำแบบนี้แม้จะสร้างดาเมจโดยตรงไม่ได้ แต่กลับรักษาสถานะควบคุมไว้ได้ตลอด

นี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจของวิชามือคว้าจับประเภทกรงเล็บอินทรี บ่าขวาเยี่ยเว่ยหมิงกำลังถูกควบคุม ตอนนี้ทั้งแขนตกอยู่ในสถานะหมดแรง เขาเคยเรียนมาเพียง ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ พลังต่อสู้เจ็ดส่วนกลับอยู่บนแขนขวา จึงรับมืออย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เลย

เมื่อเห็นจ้างเย่ว์โจมตีครั้งเดียวสำเร็จ แล้วใช้มือขวาคว้ามาทางคออีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่มีหนทางรับมือแม้แต่น้อย ได้แต่มองกรงเล็บของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้คอตัวเองเรื่อยๆ

ทันใดนั้น จ้างเย่ว์ก็รู้สึกถึงวิกฤติที่ไม่เคยเจอมาก่อนจากตัวเยี่ยเว่ยหมิง เขาตกใจจนสันหลังเย็นวาบ

จ้างเย่ว์แอบตกใจ คลายกรงเล็บออกจากบ่าขวาเยี่ยเว่ยหมิงแล้วถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก การถอยหลังนี้ เป็นการถอยออกไปหนึ่งจั้งเต็มๆ!

ทว่าความรู้สึกที่ทำให้จิตหวาดผวานั้นมาไว แต่ก็ไปไวยิ่งกว่า แทบจะเป็นชั่วพริบตาที่เขาเหยียบลงพื้น ความรู้สึกแบบนั้นก็หายไปแล้ว ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ปลายเท้าแตะพื้น ร่างกายถอยหลังเช่นเดียวกัน ถอยไปไกลกว่าจ้างเย่ว์เสียอีก

เพราะท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงเหนือกว่าจ้างเย่ว์!

เมื่อเห็นตัวเองดึงระยะห่างมาไกลแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบกินยาเสริมพลังชีวิตหนึ่งเม็ด แต่กลับไม่ได้หนีไปทันที เพราะว่า…

“ไอ้เด็กนี่! กล้าโจมตีสหายของข้า ดูกระบี่ให้ดีนะ!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาล อินปู้คุยชี้กระบี่ไปทางจ้างเย่ว์แล้ว

เมื่อได้เห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ซาบซึ้งใจอยู่บ้าง

อินปู้คุยคนนี้นิสัยไม่เลวเลย คุ้มค่าที่ได้คบหาเป็นสหาย

เพียงแต่นิสัยเป็นคนละเรื่องกับความสามารถ แม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าอินปู้คุยไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองรู้ให้กลายเป็นความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอนทั้งสองเพิ่งเริ่มลงมือ ก็ถูกอีกฝ่ายกดให้เสียเปรียบทันที ยังใช้ไม่ถึงสิบกระบวนท่า ก็ถูกกรงเล็บโจมตีต่อเนื่องไปแล้วสามครั้ง พลังชีวิตลดเหลือหนึ่งในสาม แต่กระบี่ของเขากลับสัมผัสอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่มุมเดียว

เมื่อเห็นว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะไม่ได้ อินปู้คุยก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกัน

บางทีตัวเองก็ไม่ควรกระโดดออกมาแสดงความเป็นวีรบุรุษเลย แค่อาศัยวิชาตัวเบาของสหายเยี่ย กลับปกป้องตัวเองได้ดีกว่าด้วยซ้ำ?

ตอนที่เขากำลังเริ่มครุ่นคิดแผนรับมือ จู่ๆ กลับรู้สึกตัวเบา ถูกเยี่ยเว่ยหมิงที่พุ่งมาจากข้างหลังแบกขึ้นบ่า จากนั้นปลดปล่อยฝีเท้าวิ่งหนีโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง

วิธีการโจมตีเดียวที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ได้ตอนนี้ก็คือเคล็ดกระบี่ ถ้าไม่มีกระบี่แล้วจะสู้กันอย่างไร?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+