ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 468 ชีวิตก็เหมือนละคร ต้องดูที่ฝีมือการแสดง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 468 ชีวิตก็เหมือนละคร ต้องดูที่ฝีมือการแสดง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 468 ชีวิตก็เหมือนละคร ต้องดูที่ฝีมือการแสดง

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงอธิบายให้หนิวจื้อชุนฟังคร่าวๆ แล้วว่าต่อไปควรทำอย่างไร พวกเขาก็เดินตามต้วนเจิ้งฉุนเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว แต่กลับเห็นศพที่นอนตายตาไม่หลับของ ‘ต้วนเจิ้งฉุน’

ตอนนี้ต้วนเจิ้งฉุนเริ่มบรรยาย ‘ความเป็นมา’ ของเรื่องราวที่เขารู้

เรื่องราวเดียวกัน แต่ถ้าเล่าในมุมมองที่ต่างกัน ก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นชิง

ต้วนเจิ้งฉุนเล่าประมาณว่า หนิวจื้อชุนนอกจากจะสังหารร่างแยกของเขาในโหมดภารกิจแล้ว ยังแบกศพมาโอ้อวดที่พระราชวังต้าหลี่ด้วย ในระหว่างนั้นถึงขั้นมีเจตนาจะลอบโจมตีร่างแท้ของเขาด้วย แต่โชคดีที่บุรุษรูปงามฉลาดปราดเปรื่องอย่างเขามาพบทันเวลา…

สำหรับเรื่องนี้ ผู้เล่นทั้งสามที่รู้ต้นสายปลายเหตุอยู่แล้วก็ย่อมไม่เชื่อสักประโยค แม้แต่เครื่องหมายวรรคตอนก็ไม่เชื่อ

แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าควรไว้หน้าก็ต้องไว้หน้า

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงฟังต้วนเจิ้งฉุนบรรยายจบแล้ว ก็แสร้งทำท่าทางตกตะลึงอย่างให้ความร่วมมือมาก “มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ แต่ตอนนี้ในเมื่อหนิวจื้อชุนถูกควบคุมไว้แล้ว คิดว่าคงไม่มีภัยคุกคามอะไรอีก พวกเราฟังเขาพูดหน่อยดีไหม จะได้ไม่มีอะไรเข้าใจผิดกัน”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ฉวยโอกาสตอนที่เตาไป๋เฟิ่งไม่สังเกตแอบขยิบตาให้ต้วนเจิ้งฉุน ส่งสัญญาณให้รู้ว่า ‘ข้าคุยกับหนิวจื้อชุนเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลหรอก’

ต้วนเจิ้งฉุนได้รับสัญญาณแล้ว จึงให้คนดึงผ้าที่ยัดปากหนิวจื้อชุนออก

หลังจากหนิวจื้อชุนไร้ผ้ายัดปากแล้ว ก็ขยับกล้ามเนื้อใกล้ๆ ปากก่อน เสร็จแล้วถึงได้บอกว่า “ที่จริงแล้วข้ามาส่งจดหมาย เรื่องราวเป็นอย่างนี้…”

ในที่สุดหนิวจื้อชุนก็ว่านอนสอนง่ายแล้ว

หลังจากเรียบเรียงคำพูด ก็เล่าข้ามตอนลอบเจอชู้ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่แท้จริงของต้วนเจิ้งฉุนโหมดภารกิจเสียเลย เล่าเพียงฉากอันน่าเศร้าและเร้าใจตอนที่เขาถูกพิษและสู้กับพวกเชิญร่ำสุราจนตัวตาย

จากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า “หลังจากผู้ร้ายสามคนหนีไปแล้ว ข้าก็คิดนำศพของท่านอ๋องต้วนกลับมา แต่กลับพบว่าตอนนั้นในมือของท่านอ๋องต้วนมีสมุนไพรอยู่ต้นหนึ่ง…

…ตอนนี้สมุนไพรต้นนั้นอยู่ในกระเป๋าของข้า ท่านอ๋องต้วนโปรดสั่งให้แก้มัดข้าก่อน ข้าจะได้นำออกมาให้พวกท่านดู…”

ต้วนเจิ้งฉุนได้ยินแล้วสั่งให้แก้มัดบนตัวหนิวจื้อชุนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ตอนนี้สี่องครักษ์กลับแบ่งกันยืนสี่มุมล้อมรอบหนิวจื้อชุนเอาไว้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น จะได้ร่วมมือกันโจมตีสังหารทันที!

สำหรับสถานการณ์แบบนี้ หนิวจื้อชุนนอกจากจะแอบร้องในใจว่าตัวเองโชคร้ายแล้ว ก็ได้แต่ทำตามคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิงแต่โดยดี นำสมุนไพรที่ชื่อว่า ‘หญ้าทงเทียน’ ออกมา “สมุนไพรต้นนี้ดูแล้วประหลาดนิดหน่อย เป็นของที่ท่านอ๋องต้วนกำไว้ในมือแน่นตอนเป็นศพ”

“ไอ๊หยา!”

เมื่อเห็นสมุนไพรต้นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที แย่งสมุนไพรมาจากมือเขาแล้วกล่าวว่า “หญ้าทงเทียน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหญ้าทงเทียน! ที่แท้ท่านอ๋องต้วนก็ไปตามหาของสิ่งนี้นี่เอง ถึงได้ถูกคนชั่วลอบทำร้าย”

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงทำท่าทางเหมือนเพิ่งเข้าใจ หนิวจื้อชุนก็ตกใจจนอึ้งไปเลย

จะว่าไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เจ้ากุขึ้นมาเองทั้งนั้น ต้องแสดงให้สมจริงขนาดนี้ด้วยหรือ

เจ้านี่มันราชาจอเงินชัดๆ!

ซึ่งเมื่อเห็นการแสดงของราชาจอเงิน เตาไป๋เฟิ่งที่อยู่ข้างๆ กลับอดถามเพราะสงสัยไม่ได้ว่า “หญ้าทงเทียนต้นคืออะไรกันแน่”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วโน้มน้าวว่า “ต้องเริ่มเล่าจาก ‘ผงชายหญิงสู่สม’ ที่สหายต้วนโดนวางยา…”

ในเมื่อจะแสดงละคร ก็ต้องวางกับดักด้วย เยี่ยเว่ยหมิงทำท่าทางเหมือนนึกย้อนไปแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ตามความเข้าใจของผู้น้อย ‘ผงชายหญิงสู่สม’ ส่งผลร้ายต่อร่างกายมาก นอกจากสรรพคุณของมันแล้ว ถ้าผู้ที่ถูกพิษไม่ได้ระบายฤทธิ์ยาออกมาเป็นระยะเวลานาน ร่างกายก็จะได้รับความเสียหายอย่างที่ชดเชยได้ยากเช่นกัน…

…ข้าถึงขั้นสงสัยว่าร่างกายที่ผิดปกติของสหายต้วนเมื่อคืนนี้ เป็นอาการแทรกซ้อนเพราะเขาฝืนทนฤทธิ์ยาของ ‘ผงชายหญิงสู่สม’ โดยไม่ยอมระบายออกมาหรือเปล่า…

…ซึ่งถ้าอยากจะรักษาการบาดเจ็บจากผงชายหญิงสู่สมให้หายสนิท ก็จะต้องเคี่ยวน้ำแกงที่ผสมน้ำผึ้งป่า ชวนเป้ย ผีผา ดีงู ดอกสายน้ำผึ้ง กินต่อเนื่องสามวันภายในหนึ่งเดือน ก็ย่อมชดเชยความเสียหายก่อนหน้านี้ได้ นี่เป็นเพียงวิธีการเดียว”

หลังจากปั้นเรื่องราวสร้างสูตรยาที่มั่นใจว่าไม่มีพิษแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อว่า “เมื่อวานข้ากับท่านอ๋องต้วนคุยเรื่องนี้กัน ทั้งยังบอกเขาด้วยว่าสมุนไพรนี้มีแค่ในป่าตรงหุบเขาว่านเจี๋ยเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะทำร้ายท่านอ๋องต้วนเข้าแล้ว เฮ้อ…”

หลังจากถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสริมว่า “อิงตามกฎธรรมชาติ หลังจากร่างแยกของ NPC ตายแล้ว ก็จะลืมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายทั้งหมด ข้าคิดว่าท่านอ๋องต้วนคงจำเรื่องนี้ไม่ได้แน่ แต่ข้ากลับจำได้ชัดเจน”

พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอนหายใจสั้นบ้างยาวบ้างอีกพักหนึ่ง แล้วบอกว่า “ความรักของบิดามั่นคงดุจขุนเขา ความรักของพ่อช่างมั่นคงดุจขุนเขาจริงๆ!”

เรื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงเล่าสอดคล้องกับเหตุผลและความรู้สึก แค่พูดสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ชายเสเพลที่ไข่ทิ้งไปทั่วแต่ไม่รับผิดชอบให้กลายเป็นสามีที่กล้าหาญและพ่อที่ดีแล้ว

ความสามารถที่กลับดำให้เป็นขาวได้แบบนี้ ทำให้หนิวจื้อชุนกับซานเย่ว์เลื่อมใสมาก

แล้วต้วนเจิ้งฉุนเป็นคนแบบไหนล่ะ

หลอกผู้หญิงให้หัวหมุนได้ตั้งหลายคน เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าพรสวรรค์ด้านการโกหกของเขาสูงขนาดไหน! เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงปูทางไว้ให้เขาอย่างงดงาม มีหรือที่จะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองควรทำอย่างไรต่อ

เห็นเขาพลันตบหน้าผากตัวเอง แสร้งทำท่าเหมือนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน แล้วกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้านึกออกแล้ว! เมื่อวานระหว่างที่ข้ากลับมาจากหุบเขาว่านเจี๋ย ข้าก็พบว่าสถานการณ์ของอวี้เอ๋อร์ผิดปกตินิดหน่อย แล้วก็ได้ยินแม่นางซานเย่ว์บอกว่าจอมยุทธ์เยี่ยมีทักษะวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าจึงตัดสินใจว่าในงานเลี้ยงฉลองจะต้องเชิญจอมยุทธ์เยี่ยมาตรวจอาการให้อวี้เอ๋อร์สักหน่อย…

…แต่เรื่องราวหลังจากนั้น ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะจำไม่ได้เลยสักนิด ถ้าจอมยุทธ์เยี่ยไม่เตือน ข้าก็คงไม่นึกถึงเรื่องนี้อีกด้วยซ้ำ!” ขณะที่พูดก็ทุบหน้าอกตัวเอง “สมควรตาย ข้าสมควรตายจริงๆ!”

เมื่อเห็นต้วนเจิ้งฉุนเริ่มให้ความร่วมมือในการแสดงกับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่เขินอาย ซานเย่ว์กับหนิวจื้อชุนก็เริ่มแขวะในใจ

ราชาจอเงินโผล่มาอีกคนแล้ว!

ทั้งสองมองไปที่เตาไป๋เฟิ่งทันที ตอนนี้เห็นนางกำลังมองต้วนเจิ้งฉุนอย่างสเน่หา “ท่านพี่ ที่แท้ท่านก็ทำเพื่ออวี้เอ๋อร์…” ขณะที่พูด กลับอดนึกไม่ได้ว่าต้วนอวี้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของต้วนเจิ้งฉุน ในใจเกิดความรู้สึกผิดอีกครั้ง

ต่อให้ต้วนเจิ้งฉุนไม่รู้เรื่องนี้ แต่การที่เขาเสียสละเพื่อต้วนอวี้ได้ ก็ทำให้เตาไป๋เฟิ่งซาบซึ้งใจแทบบ้าแล้วเช่นกัน!

ส่วนต้วนเจิ้งฉุนก็ถือโอกาสดึงเตาไป๋เฟิ่งเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องหงส์ เจ้าวางใจเถอะ อวี้เอ๋อร์ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

เตาไป๋เฟิ่งพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “เจ้าค่ะ ท่านพี่!”

“แค่กๆ!…” เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มพลอดรักกันอย่างอุกอาจ เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มกระแอมอย่างไม่เกรงใจ ขัดจังหวะความหวานเลี่ยนของพวกเขา “แต่น่าเสียดาย สหายหนิวแบกศพจากหุบเขาว่านเจี๋ยมาที่พระราชวังต้าหลี่เพื่อรายงานข่าว แม้จะไกลเกินร้อยสี่สิบสามลี้ก็ไม่กลัวลำบาก แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมือสังหาร…”

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงบอกเป็นนัย ต้วนเจิ้งฉุนก็เข้าใจเร็วมาก

เขาแสร้งทำท่าเหมือนเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “ไอ๊หยาๆ…ดูความจำของข้าสิ จอมยุทธ์น้อยหนิวใจงามดุจพิณ กล้าหาญดุจกระบี่ ไม่เพียงแค่มาส่งข่าวสำคัญให้สกุลต้วนต้าหลี่ ทั้งยังนำหญ้าทงเทียนกลับมาให้พวกเราด้วย แต่ข้ากลับเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นมือสังหาร สมควรตายจริงๆ!”

ขณะที่พูด เขาก็นำหมวกใบหนึ่งออกมาจากหน้าอก ส่งไปตรงหน้าหนิวจื้อชุน “นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไม่พอให้แสดงความนับถือ ประการแรก ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยหนิวที่มาส่งข่าวของไต้ซือเสวียนเปย ประการที่สอง ขอบคุณที่นำศพและ…หญ้าทงเทียนกลับมาส่ง ประการสุดท้าย เพื่อขอโทษที่ก่อนหน้านี้เข้าใจจอมยุทธ์น้อยหนิวผิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด