ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต

“ที่จริงแล้วภารกิจนี้ การไปช่วยคนไม่ทันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “ถ้าอยากจะช่วยคนจริงๆ หลังจากข้ากำจัดเฉิงคุนแล้ว ก็คงไม่รีบไปทำเรื่องอื่นก่อนหรอก”

ฉางซิงอวี่กล่าวด้วยท่าทีขัดแย้งต่อไป “ถึงอย่างไรภารกิจก็ต้องให้ทุกคนทำด้วยกัน ดังนั้น ข้าหวังว่าสหายเยี่ยจะบอกความคิดของตัวเองล่วงหน้า ทุกคนจะได้เตรียมใจสะดวกไม่ใช่หรือ”

สำหรับคำถามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่าไม่มีปัญหา “เวลามีค่า พวกเราเดินทางไปที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตกันเถอะ เดินไปคุยไป”

“ได้!”

พวกเขาเดินทางออกจากป่าผืนเล็ก ต่างคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปทางหุบเขาน้ำเต้าโลหิต เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายจุดยืนและความคิดของตัวเองในช่องทีม

[ประการแรก ภารกิจที่ฟ่านเหยาเตรียมไว้ให้พวกเราเป็นกับดัก!]

น้องดาบอยู่ข้างๆ รีบถาม [เป็นกับดักตรงไหน]

การที่นางถามแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากเถียงกับเยี่ยเว่ยหมิง แต่เพราะอยากทำความเข้าใจ อยากรู้สถานการณ์ให้กระจ่างเท่านั้น

ถึงอย่างไรระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะพัฒนาสมองให้นาง ถือว่าชดเชยที่ตนเคยวางกับดักนางทั้งก่อนหน้าและตอนหลัง

อย่างไรเสีย มีเพียงต้องทำให้คู่ต่อสู้เติบโตไม่หยุดเท่านั้น เวลารังแกขึ้นมาจะได้รู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม แบบนั้นไม่ใช่หรอกหรือ

ขณะที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปมองน้องดาบแวบหนึ่ง “เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย คนของสำนักคุนหลุนถูกราชสำนักมองโกลล้อมสังหาร ราชสำนักมองโกลเดิมทีก็วางแผนจะใส่ความพรรคจรัสอยู่แล้ว ทำให้คุนหลุนกับพรรคจรัสผูกความแค้นต่อกัน ส่วนภารกิจของพวกเราก็คือไปส่งจดหมายที่คุนหลุน ทำให้คนของสำนักคุนหลุนรู้ว่าเจ้าสำนักของพวกเราถูกราชสำนักมองโกลฆ่าตาย จากนั้นสำนักคุนหลุนก็ย่อมผูกความแค้นแบบจองล้างจองผลาญกับราชสำนักมองโกลที่ทำให้เจ้าสำนักของพวกเขาตาย…

…เช่นนั้นหากตัดผู้เล่นที่ทำภารกิจอย่างพวกเราออก หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่ายไหนจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”

“เรื่องนั้น…” พอได้ยินคำถาม น้องดาบก็วิเคราะห์ว่า “พวกเราต้องล่วงเกินราชสำนักมองโกลอย่างถึงที่สุดแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเป็นสำนักคุนหลุน พวกเราทำให้พวกเขารู้ความจริงเรื่องที่เจ้าสำนักถูกฆ่าตาย ทำให้พวกเขาไม่ถึงขั้นถูกหลอกใช้ประโยชน์ พวกเขาก็ซาบซึ้งใจเช่นกัน แต่หากเทียบกันแล้ว คนที่ได้ประโยชน์เรื่องนี้มากที่สุดก็คือพรรคจรัส!…

…พวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ดึงตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ได้แล้ว ได้กำไรเกินคาดจริงๆ!”

“ที่เจ้าพูดไม่ผิดสักนิด” เยี่ยเว่ยหมิงดีดนิ้ว แล้วพูดต่อว่า “เช่นนั้นข้าถามเจ้าอีก ผู้ที่แจกรางวัลภารกิจให้พวกเรา เป็นหนึ่งในสามฝ่ายอำนาจนี้หรือไม่”

“ก็ต้องเป็นสำนักคุนหลุนอยู่แล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

ตอนนี้น้องดาบถึงเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “หรือพูดได้อีกอย่างว่า พวกเราเปลืองแรงอยู่ตั้งนาน ที่จริงพรรคจรัสที่ได้รับผลประโยชน์มากสุดกลับแจกรางวัลภารกิจให้พวกเราไม่ได้เลย ส่วนสำนักที่รับหน้าที่แจกรางวัลให้พวกเรา กลับได้รับผลประโยชน์ในเรื่องนี้จำกัด ดังนั้นรางวัลที่พวกเราจะได้รับก็ต้องมีจำกัดมากด้วยเช่นกัน!”

ตอนนี้ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ กลับขมวดคิ้ว “แต่อิงตามหลักการลงทุนและรับผลตอบแทนของของเกมนี้ ทำแบบนี้มันสวนทางกันชัดๆ!”

ฉางซิงอวี่ไม่ได้พูดโกหก หากวิเคราะห์ตามตรรกะปกติ ในเมื่อพวกเขาทุ่มเทความพยายามมากขนาดนั้นเพื่อภารกิจ ถึงขั้นกำจัดศัตรูฝีมือไม่ธรรมดาที่ไล่ฆ่าไปหนึ่งคน

ต่อให้ฝั่งสำนักคุนหลุนไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน ระบบก็ต้องชดเชยรางวัลภารกิจจำนวนมากจากช่องทางอื่นให้อยู่ดี

ยกตัวอย่างเช่นในภารกิจ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รับรางวัลที่ควรจะได้ แต่หลังจากนั้นกลับบังเอิญพบหงชีกง แล้วได้เรียนรู้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ หนึ่งกระบวนท่า

สำหรับคำถามของฉางซิงอวี่ เยี่ยเว่ยหมิงกลับให้คำตอบว่า “มูลค่าของวิทยายุทธ์ระดับสูงยังต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อาวุธล้ำค่า ขนาดบอสใหญ่อย่างฟ่านเหยากับเฉิงคุนยังไม่ดรอปวิทยายุทธ์ระดับสูงสักเล่ม เจ้าคิดว่าพวกเรามีสิทธิ์อะไรที่จะได้สองเล่มในอึดใจเดียวจากตัวอาซานและนักธนูแปดคนนั้น”

“เอ่อ…”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามเช่นนี้ ทุกคนถึงได้กระจ่างในฉับพลัน ที่แท้ผลตอบแทนสูงสุดของภารกิจนี้ ก็คือไอเทมดรอปจากการตีมอนสเตอร์ระหว่างทางที่ไปส่งจดหมายอย่างนั้นหรือ

ตอนนี้เอง กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อไปว่า “แต่ข้ารู้สึกว่าภารกิจนี้คล้ายกับที่เฉิงคุนแกล้งตายก่อนหน้านี้ หากตอนนั้นพวกเราเชื่อจริงว่าเขาตายแล้วจากไปอย่างนั้น รางวัลภารกิจที่สมควรจะได้ นอกจากอัปเลเวลทักษะยุทธ์ไม่ได้เพราะฟ่านเหยาถูกพวกเราฆ่าตายก่อน อย่างอื่นพวกเราก็ได้หมดแล้ว…

…แตกต่างกันที่พวกเราได้รับเพียงไอเทมสองอย่างที่ไร้ประโยชน์ที่สุดจากตัวเฉิงคุนเท่านั้น…

…แต่พวกเรามองแผนการของเขาออกแล้ว จึงได้ไอเทมอีกชุดใหญ่จากจำนวนเดิม รางวัลเล็กน้อยที่ได้ก่อนเฉิงคุนแกล้งตายก็ถือว่าเป็นของแถม”

ตอนนี้น้องดาบกลับคิดวนเวียนอีกเรื่องหนึ่ง “ข้ายังสงสัยนิดหน่อย ทำไมเจ้าถึงตัดสินได้ว่าเฉิงคุนต้องแกล้งตายแน่นอน อาศัยที่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะหลังจากเขาตายไม่สอดคล้องกับฐานะบอสเลเวลเจ็ดสิบอย่างนั้นหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายล้ำลึก เขาจะบอกน้องดาบเชียวหรือ ว่า ‘เวทบรรจุศพ’ ของตัวเองตรวจสอบช่องโหว่ในที่เกิดเหตุได้มากมาย และยิ่งมองออกด้วยว่าคนคนหนึ่งตายจริงหรือไม่ สอดคล้องกับเงื่อนไขการเก็บศพหรือไม่

เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนา เอาแต่บอกว่า “ที่จริงแล้ว ถ้าอยากให้สำนักคุนหลุนมอบรางวัลพิเศษที่เอื้อประโยชน์แท้จริงให้พวกเราสักหน่อยก็ไม่ยาก แค่ต้องเพิ่มระดับความซาบซึ้งใจที่สำนักคุนหลุนมีต่อพวกเราเรื่องนี้ก็พอ…

…ดังนั้น หุบเขาน้ำเต้าโลหิตนั่นพวกเราไปช้าก็ได้ แต่ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ ก็ขาดประชุมไม่ได้เด็ดขาด!”

ถังซานไฉ่ที่เงียบมาตลอด ตอนนี้กลับมองออกถึงกุญแจสำคัญแล้วมากมาย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ในเมื่อเกิดศึกนองเลือดที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตแล้ว ก็จะต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้แน่ ถึงขั้นอาจจะทิ้งสิ่งหลักฐานเอาไว้ด้วย…

…ขอเพียงพวกเราหาเจอ ตอนไปส่งจดหมายที่คุนหลุนก็บอกกับพวกเขาได้ว่า พวกเรารีบไปช่วยคนทันทีที่ได้รับข่าว เพียงแต่ช้าไปก้าวเดียวเท่านั้น…

…พอเป็นเช่นนี้ ท่าทีที่สำนักคุนหลุนมีต่อพวกเราก็ไม่ใช่แค่ผู้ส่งจดหมายอย่างเดียวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว รางวัลภารกิจก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนเรือที่ขึ้นสูงตามมน้ำด้วย?”

“หลักแหลม!”

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ ก็เหมือนได้รับรู้ถึงทัศนคติต่อโลกของเยี่ยเว่ยหมิงใหม่อีกครั้ง ความรักความห่วงใยจอมปลอมเช่นนี้ เจ้ากลับพูดให้มันดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผลได้ขนาดนี้เลย!

ทว่า หลังจากพวกเขามาถึงหุบเขาน้ำเต้าโลหิต กลับพบว่ากำลังพลทัพหยวนจำนวนหลายร้อยกำลังล้อมวัดแห่งหนึ่งเอาไว้อย่างหนาแน่น ทั้งยังมีทหารกลุ่มเล็กประมาณยี่สิบคนที่แยกออกจากกำลังพลกลุ่มใหญ่และกำลังขี่ม้าวิ่งตะบึงมาทางหุบเขาฝั่งนี้

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “สมควรตาย! นึกไม่ถึงว่าทหารมองโกลเหล่านี้ยังจัดการคนของสำนักคุนหลุนไม่ได้ ตอนนี้ถ้าพวกเราอยากเพิ่มของรางวัล เกรงว่าคงทำได้เพียงเลือกช่วยคน”

ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่ง คนกลุ่มนี้ถลันตัวเข้าไปซ่อนอยู่ในจุดที่มองไม่เห็นแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็รีบบอกในช่องทีมอย่างรวดเร็วว่า [ยังดีที่ตอนนี้ภารกิจยังไม่เปลี่ยนไปเป็นช่วยคน อย่างนั้นก็ต้องเลือกสักทางอยู่ดี ทุกคนลงคะแนนเสียงตามระบอบประชาธิปไตย จะเข้าหุบเขาไปช่วยคน หรือไม่สนใจเรื่องราวของที่นี่ ไปส่งจดหมายให้สำนักคุนหลุนโดยตรง…

…อย่าลืมว่ามีอะไรก็พูดตรงๆ เขาไม่มีเวลาให้พวกเราลังเลแล้ว]

เรื่องนี้…

ทุกคนได้ยินแล้วตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน

“ข้าเลือกช่วยคน!” สะพานสวรรค์น้อยแสดงท่าทีคนแรก

นางไม่ได้บอกเหตุผลที่เลือกแบบนี้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็เดาออกอยู่ดี

น้องสาวคนนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรางวัลภารกิจสักเท่าไร นางแค่ชอบ ‘ออกทีวี’ เท่านั้น

แต่ตอนกำจัดอาซานก่อนหน้านี้ นางก็ได้อยู่ในประกาศระบบบนหน้าจอแล้ว ถ้าไปส่งจดหมายต่อ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสออกทีวีอีกครั้งแล้ว

แต่ถ้าเลือกไปช่วยคน ต่อให้สุดท้ายภารกิจล้มเหลว แต่ตราบใดที่ทำเฟิร์สคิลบอสได้สักคนได้ก่อนภารกิจล้มเหลว นางก็จะได้ออกทีวีอีกครั้ง

สำหรับสะพานสวรรค์น้อย เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

“ข้าก็เลือกช่วยคนเช่นกัน!” ตอนนี้น้องดาบนำดาบล้ำค่าของนางออกมาแล้ว ท่าทางคันไม้คันมืออยากต่อสู้

ไม่เหมือนสะพานสวรรค์น้อยที่มีจุดเริ่มต้นในการพิจารณาปัญหาแตกต่างจากคนอื่น น้องดาบจะเป็นประเภทคนกล้าหาญที่มีฝีมือเหนือชั้น ประกอบกับตอนสู้กับเฉิงคุนก่อนหน้านี้ไม่ได้รับผลตอบแทน จึงเตรียมใช้โอกาสนี้ชดเชย ‘ความเสียหาย’ ของตัวเองสักหน่อย

สองสาวล้วนเห็นด้วย ชายชาตรีอีกสามคนจึงมีความกดดันในใจอยู่บ้าง

ตั้งใจจะบอกว่าไม่อยากทำภารกิจต่อ แต่ขนาดสาวๆ ยังกล้าหาญขนาดนั้น ถ้าพวกเขาหวาดกลัว ต่อไปจะไม่ถูกคนที่เหลือหัวเราะเยาะตายหรอกหรือ

ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เกมเท่านั้น

ความเป็นความตายเป็นเรื่องเล็ก เสียหน้าเป็นเรื่องใหญ่!

ดังนั้น ถังซานไฉ่จึงแสดงท่าทีเป็นคนที่สาม “ข้าก็คิดว่าต้องไปช่วยคนเหมือนกัน!”

ตามความเข้าใจเรื่องที่คนแซ่ถังถูกฝังร่วมกับศพ แต่ละวันเขาจะตายมากสุดเพียงหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะหลังจากถูกฝังร่วมกับบอสไปแล้ว ตราบใดที่ไม่มีพฤติกรรมฆ่าตัวตายอย่างการวิ่งไปหาดาบของศัตรูเอง ก็จะไม่ตายอีกแน่นอน!

คาดการณ์ตามหลักการนี้ อย่างน้อยก่อนยามจื่อ (23.00 – 24.59 น) คืนนี้ เขาก็น่าจะยังรักษาชีวิตไว้ได้

เขาทะนงตัวแล้ว!

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉางซิงอวี่ก็กล่าวอย่างจนใจเช่นกัน “แม้คุณสมบัติของผู้เล่นมืออาชีพจะบอกข้าว่าเรื่องนี้เสี่ยงเกินไป บุ่มบ่ามเข้าไปอาจได้ไม่คุ้มเสีย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าก็รู้สึกได้ว่าเลือดร้อนในร่างกายตัวเองถูกจุดให้เดือดเพราะเรื่องแบบนี้แล้ว…

…ดังนั้น ตายเป็นตาย! วันนี้ข้าจะบ้าระห่ำกับพวกเจ้าอีกสักครั้ง!”

“เอ่อ คือ…” เมื่อเห็นคนอื่นมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ หนิวจื้อชุนก็เริ่มเผยสีหน้าสับสนไร้ที่เปรียบ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำตัวเลือดร้อน แต่เขาเลือดร้อนไม่ไหว!

คนอื่นภารกิจล้มเหลว อย่างมากความเสียหายก็มีเท่าที่ฉางซิงอวี่บอก แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนชั่วร้ายแล้ว ในฐานะศิษย์ของสำนักฝ่ายธรรมะคนหนึ่ง หลังจากทำภารกิจนี้เสร็จสิ้น เขาหวังเพียงได้ค่าวีรบุรุษกลับคืนมา

หากภารกิจล้มเหลวแล้วกลับภาคกลาง เขาก็ไม่แน่ใจว่ามีผลลัพธ์อะไรรออยู่

ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยัดกล่องเหล็กที่ใส่ความลับเอาไว้เข้าไปในหน้าอกของเขาแล้ว “เอาไป เจ้าไปส่งจดหมาย!”

ท่ามกลางสายตาตั้งคำถามของทุกคน เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “แม้พวกเราจะอยากลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนมาก แต่ก็ต้องเหลือแผนสำรองเอาไว้รับประกันด้วย ให้จื้อชุนไปส่งจดหมาย ถือเป็นวิธีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำของพวกเราที่ดีที่สุด”

“เช่นนั้น ตอนนี้คนที่เหลือก็ตามข้าถอยไปนอกหุบเขาก่อน หาสถานที่สักแห่งที่กำลังพลใหญ่ของอีกฝ่ายมองไม่เห็นแล้วจัดการทัพย่อยมองโกล!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 250 หุบเขาน้ำเต้าโลหิต

“ที่จริงแล้วภารกิจนี้ การไปช่วยคนไม่ทันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา”

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “ถ้าอยากจะช่วยคนจริงๆ หลังจากข้ากำจัดเฉิงคุนแล้ว ก็คงไม่รีบไปทำเรื่องอื่นก่อนหรอก”

ฉางซิงอวี่กล่าวด้วยท่าทีขัดแย้งต่อไป “ถึงอย่างไรภารกิจก็ต้องให้ทุกคนทำด้วยกัน ดังนั้น ข้าหวังว่าสหายเยี่ยจะบอกความคิดของตัวเองล่วงหน้า ทุกคนจะได้เตรียมใจสะดวกไม่ใช่หรือ”

สำหรับคำถามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่าไม่มีปัญหา “เวลามีค่า พวกเราเดินทางไปที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตกันเถอะ เดินไปคุยไป”

“ได้!”

พวกเขาเดินทางออกจากป่าผืนเล็ก ต่างคนต่างใช้ท่าร่างของตัวเองวิ่งไปทางหุบเขาน้ำเต้าโลหิต เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายจุดยืนและความคิดของตัวเองในช่องทีม

[ประการแรก ภารกิจที่ฟ่านเหยาเตรียมไว้ให้พวกเราเป็นกับดัก!]

น้องดาบอยู่ข้างๆ รีบถาม [เป็นกับดักตรงไหน]

การที่นางถามแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากเถียงกับเยี่ยเว่ยหมิง แต่เพราะอยากทำความเข้าใจ อยากรู้สถานการณ์ให้กระจ่างเท่านั้น

ถึงอย่างไรระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะพัฒนาสมองให้นาง ถือว่าชดเชยที่ตนเคยวางกับดักนางทั้งก่อนหน้าและตอนหลัง

อย่างไรเสีย มีเพียงต้องทำให้คู่ต่อสู้เติบโตไม่หยุดเท่านั้น เวลารังแกขึ้นมาจะได้รู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม แบบนั้นไม่ใช่หรอกหรือ

ขณะที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปมองน้องดาบแวบหนึ่ง “เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย คนของสำนักคุนหลุนถูกราชสำนักมองโกลล้อมสังหาร ราชสำนักมองโกลเดิมทีก็วางแผนจะใส่ความพรรคจรัสอยู่แล้ว ทำให้คุนหลุนกับพรรคจรัสผูกความแค้นต่อกัน ส่วนภารกิจของพวกเราก็คือไปส่งจดหมายที่คุนหลุน ทำให้คนของสำนักคุนหลุนรู้ว่าเจ้าสำนักของพวกเราถูกราชสำนักมองโกลฆ่าตาย จากนั้นสำนักคุนหลุนก็ย่อมผูกความแค้นแบบจองล้างจองผลาญกับราชสำนักมองโกลที่ทำให้เจ้าสำนักของพวกเขาตาย…

…เช่นนั้นหากตัดผู้เล่นที่ทำภารกิจอย่างพวกเราออก หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่ายไหนจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”

“เรื่องนั้น…” พอได้ยินคำถาม น้องดาบก็วิเคราะห์ว่า “พวกเราต้องล่วงเกินราชสำนักมองโกลอย่างถึงที่สุดแน่นอน เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเป็นสำนักคุนหลุน พวกเราทำให้พวกเขารู้ความจริงเรื่องที่เจ้าสำนักถูกฆ่าตาย ทำให้พวกเขาไม่ถึงขั้นถูกหลอกใช้ประโยชน์ พวกเขาก็ซาบซึ้งใจเช่นกัน แต่หากเทียบกันแล้ว คนที่ได้ประโยชน์เรื่องนี้มากที่สุดก็คือพรรคจรัส!…

…พวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ดึงตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ได้แล้ว ได้กำไรเกินคาดจริงๆ!”

“ที่เจ้าพูดไม่ผิดสักนิด” เยี่ยเว่ยหมิงดีดนิ้ว แล้วพูดต่อว่า “เช่นนั้นข้าถามเจ้าอีก ผู้ที่แจกรางวัลภารกิจให้พวกเรา เป็นหนึ่งในสามฝ่ายอำนาจนี้หรือไม่”

“ก็ต้องเป็นสำนักคุนหลุนอยู่แล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

ตอนนี้น้องดาบถึงเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน “หรือพูดได้อีกอย่างว่า พวกเราเปลืองแรงอยู่ตั้งนาน ที่จริงพรรคจรัสที่ได้รับผลประโยชน์มากสุดกลับแจกรางวัลภารกิจให้พวกเราไม่ได้เลย ส่วนสำนักที่รับหน้าที่แจกรางวัลให้พวกเรา กลับได้รับผลประโยชน์ในเรื่องนี้จำกัด ดังนั้นรางวัลที่พวกเราจะได้รับก็ต้องมีจำกัดมากด้วยเช่นกัน!”

ตอนนี้ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ กลับขมวดคิ้ว “แต่อิงตามหลักการลงทุนและรับผลตอบแทนของของเกมนี้ ทำแบบนี้มันสวนทางกันชัดๆ!”

ฉางซิงอวี่ไม่ได้พูดโกหก หากวิเคราะห์ตามตรรกะปกติ ในเมื่อพวกเขาทุ่มเทความพยายามมากขนาดนั้นเพื่อภารกิจ ถึงขั้นกำจัดศัตรูฝีมือไม่ธรรมดาที่ไล่ฆ่าไปหนึ่งคน

ต่อให้ฝั่งสำนักคุนหลุนไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน ระบบก็ต้องชดเชยรางวัลภารกิจจำนวนมากจากช่องทางอื่นให้อยู่ดี

ยกตัวอย่างเช่นในภารกิจ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รับรางวัลที่ควรจะได้ แต่หลังจากนั้นกลับบังเอิญพบหงชีกง แล้วได้เรียนรู้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ หนึ่งกระบวนท่า

สำหรับคำถามของฉางซิงอวี่ เยี่ยเว่ยหมิงกลับให้คำตอบว่า “มูลค่าของวิทยายุทธ์ระดับสูงยังต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อาวุธล้ำค่า ขนาดบอสใหญ่อย่างฟ่านเหยากับเฉิงคุนยังไม่ดรอปวิทยายุทธ์ระดับสูงสักเล่ม เจ้าคิดว่าพวกเรามีสิทธิ์อะไรที่จะได้สองเล่มในอึดใจเดียวจากตัวอาซานและนักธนูแปดคนนั้น”

“เอ่อ…”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามเช่นนี้ ทุกคนถึงได้กระจ่างในฉับพลัน ที่แท้ผลตอบแทนสูงสุดของภารกิจนี้ ก็คือไอเทมดรอปจากการตีมอนสเตอร์ระหว่างทางที่ไปส่งจดหมายอย่างนั้นหรือ

ตอนนี้เอง กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อไปว่า “แต่ข้ารู้สึกว่าภารกิจนี้คล้ายกับที่เฉิงคุนแกล้งตายก่อนหน้านี้ หากตอนนั้นพวกเราเชื่อจริงว่าเขาตายแล้วจากไปอย่างนั้น รางวัลภารกิจที่สมควรจะได้ นอกจากอัปเลเวลทักษะยุทธ์ไม่ได้เพราะฟ่านเหยาถูกพวกเราฆ่าตายก่อน อย่างอื่นพวกเราก็ได้หมดแล้ว…

…แตกต่างกันที่พวกเราได้รับเพียงไอเทมสองอย่างที่ไร้ประโยชน์ที่สุดจากตัวเฉิงคุนเท่านั้น…

…แต่พวกเรามองแผนการของเขาออกแล้ว จึงได้ไอเทมอีกชุดใหญ่จากจำนวนเดิม รางวัลเล็กน้อยที่ได้ก่อนเฉิงคุนแกล้งตายก็ถือว่าเป็นของแถม”

ตอนนี้น้องดาบกลับคิดวนเวียนอีกเรื่องหนึ่ง “ข้ายังสงสัยนิดหน่อย ทำไมเจ้าถึงตัดสินได้ว่าเฉิงคุนต้องแกล้งตายแน่นอน อาศัยที่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะหลังจากเขาตายไม่สอดคล้องกับฐานะบอสเลเวลเจ็ดสิบอย่างนั้นหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายล้ำลึก เขาจะบอกน้องดาบเชียวหรือ ว่า ‘เวทบรรจุศพ’ ของตัวเองตรวจสอบช่องโหว่ในที่เกิดเหตุได้มากมาย และยิ่งมองออกด้วยว่าคนคนหนึ่งตายจริงหรือไม่ สอดคล้องกับเงื่อนไขการเก็บศพหรือไม่

เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนา เอาแต่บอกว่า “ที่จริงแล้ว ถ้าอยากให้สำนักคุนหลุนมอบรางวัลพิเศษที่เอื้อประโยชน์แท้จริงให้พวกเราสักหน่อยก็ไม่ยาก แค่ต้องเพิ่มระดับความซาบซึ้งใจที่สำนักคุนหลุนมีต่อพวกเราเรื่องนี้ก็พอ…

…ดังนั้น หุบเขาน้ำเต้าโลหิตนั่นพวกเราไปช้าก็ได้ แต่ถ้าอยากได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ ก็ขาดประชุมไม่ได้เด็ดขาด!”

ถังซานไฉ่ที่เงียบมาตลอด ตอนนี้กลับมองออกถึงกุญแจสำคัญแล้วมากมาย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ในเมื่อเกิดศึกนองเลือดที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตแล้ว ก็จะต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้แน่ ถึงขั้นอาจจะทิ้งสิ่งหลักฐานเอาไว้ด้วย…

…ขอเพียงพวกเราหาเจอ ตอนไปส่งจดหมายที่คุนหลุนก็บอกกับพวกเขาได้ว่า พวกเรารีบไปช่วยคนทันทีที่ได้รับข่าว เพียงแต่ช้าไปก้าวเดียวเท่านั้น…

…พอเป็นเช่นนี้ ท่าทีที่สำนักคุนหลุนมีต่อพวกเราก็ไม่ใช่แค่ผู้ส่งจดหมายอย่างเดียวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว รางวัลภารกิจก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนเรือที่ขึ้นสูงตามมน้ำด้วย?”

“หลักแหลม!”

เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ ก็เหมือนได้รับรู้ถึงทัศนคติต่อโลกของเยี่ยเว่ยหมิงใหม่อีกครั้ง ความรักความห่วงใยจอมปลอมเช่นนี้ เจ้ากลับพูดให้มันดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผลได้ขนาดนี้เลย!

ทว่า หลังจากพวกเขามาถึงหุบเขาน้ำเต้าโลหิต กลับพบว่ากำลังพลทัพหยวนจำนวนหลายร้อยกำลังล้อมวัดแห่งหนึ่งเอาไว้อย่างหนาแน่น ทั้งยังมีทหารกลุ่มเล็กประมาณยี่สิบคนที่แยกออกจากกำลังพลกลุ่มใหญ่และกำลังขี่ม้าวิ่งตะบึงมาทางหุบเขาฝั่งนี้

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “สมควรตาย! นึกไม่ถึงว่าทหารมองโกลเหล่านี้ยังจัดการคนของสำนักคุนหลุนไม่ได้ ตอนนี้ถ้าพวกเราอยากเพิ่มของรางวัล เกรงว่าคงทำได้เพียงเลือกช่วยคน”

ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่ง คนกลุ่มนี้ถลันตัวเข้าไปซ่อนอยู่ในจุดที่มองไม่เห็นแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็รีบบอกในช่องทีมอย่างรวดเร็วว่า [ยังดีที่ตอนนี้ภารกิจยังไม่เปลี่ยนไปเป็นช่วยคน อย่างนั้นก็ต้องเลือกสักทางอยู่ดี ทุกคนลงคะแนนเสียงตามระบอบประชาธิปไตย จะเข้าหุบเขาไปช่วยคน หรือไม่สนใจเรื่องราวของที่นี่ ไปส่งจดหมายให้สำนักคุนหลุนโดยตรง…

…อย่าลืมว่ามีอะไรก็พูดตรงๆ เขาไม่มีเวลาให้พวกเราลังเลแล้ว]

เรื่องนี้…

ทุกคนได้ยินแล้วตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน

“ข้าเลือกช่วยคน!” สะพานสวรรค์น้อยแสดงท่าทีคนแรก

นางไม่ได้บอกเหตุผลที่เลือกแบบนี้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็เดาออกอยู่ดี

น้องสาวคนนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรางวัลภารกิจสักเท่าไร นางแค่ชอบ ‘ออกทีวี’ เท่านั้น

แต่ตอนกำจัดอาซานก่อนหน้านี้ นางก็ได้อยู่ในประกาศระบบบนหน้าจอแล้ว ถ้าไปส่งจดหมายต่อ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสออกทีวีอีกครั้งแล้ว

แต่ถ้าเลือกไปช่วยคน ต่อให้สุดท้ายภารกิจล้มเหลว แต่ตราบใดที่ทำเฟิร์สคิลบอสได้สักคนได้ก่อนภารกิจล้มเหลว นางก็จะได้ออกทีวีอีกครั้ง

สำหรับสะพานสวรรค์น้อย เท่านี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

“ข้าก็เลือกช่วยคนเช่นกัน!” ตอนนี้น้องดาบนำดาบล้ำค่าของนางออกมาแล้ว ท่าทางคันไม้คันมืออยากต่อสู้

ไม่เหมือนสะพานสวรรค์น้อยที่มีจุดเริ่มต้นในการพิจารณาปัญหาแตกต่างจากคนอื่น น้องดาบจะเป็นประเภทคนกล้าหาญที่มีฝีมือเหนือชั้น ประกอบกับตอนสู้กับเฉิงคุนก่อนหน้านี้ไม่ได้รับผลตอบแทน จึงเตรียมใช้โอกาสนี้ชดเชย ‘ความเสียหาย’ ของตัวเองสักหน่อย

สองสาวล้วนเห็นด้วย ชายชาตรีอีกสามคนจึงมีความกดดันในใจอยู่บ้าง

ตั้งใจจะบอกว่าไม่อยากทำภารกิจต่อ แต่ขนาดสาวๆ ยังกล้าหาญขนาดนั้น ถ้าพวกเขาหวาดกลัว ต่อไปจะไม่ถูกคนที่เหลือหัวเราะเยาะตายหรอกหรือ

ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เกมเท่านั้น

ความเป็นความตายเป็นเรื่องเล็ก เสียหน้าเป็นเรื่องใหญ่!

ดังนั้น ถังซานไฉ่จึงแสดงท่าทีเป็นคนที่สาม “ข้าก็คิดว่าต้องไปช่วยคนเหมือนกัน!”

ตามความเข้าใจเรื่องที่คนแซ่ถังถูกฝังร่วมกับศพ แต่ละวันเขาจะตายมากสุดเพียงหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะหลังจากถูกฝังร่วมกับบอสไปแล้ว ตราบใดที่ไม่มีพฤติกรรมฆ่าตัวตายอย่างการวิ่งไปหาดาบของศัตรูเอง ก็จะไม่ตายอีกแน่นอน!

คาดการณ์ตามหลักการนี้ อย่างน้อยก่อนยามจื่อ (23.00 – 24.59 น) คืนนี้ เขาก็น่าจะยังรักษาชีวิตไว้ได้

เขาทะนงตัวแล้ว!

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉางซิงอวี่ก็กล่าวอย่างจนใจเช่นกัน “แม้คุณสมบัติของผู้เล่นมืออาชีพจะบอกข้าว่าเรื่องนี้เสี่ยงเกินไป บุ่มบ่ามเข้าไปอาจได้ไม่คุ้มเสีย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าก็รู้สึกได้ว่าเลือดร้อนในร่างกายตัวเองถูกจุดให้เดือดเพราะเรื่องแบบนี้แล้ว…

…ดังนั้น ตายเป็นตาย! วันนี้ข้าจะบ้าระห่ำกับพวกเจ้าอีกสักครั้ง!”

“เอ่อ คือ…” เมื่อเห็นคนอื่นมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ หนิวจื้อชุนก็เริ่มเผยสีหน้าสับสนไร้ที่เปรียบ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำตัวเลือดร้อน แต่เขาเลือดร้อนไม่ไหว!

คนอื่นภารกิจล้มเหลว อย่างมากความเสียหายก็มีเท่าที่ฉางซิงอวี่บอก แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนชั่วร้ายแล้ว ในฐานะศิษย์ของสำนักฝ่ายธรรมะคนหนึ่ง หลังจากทำภารกิจนี้เสร็จสิ้น เขาหวังเพียงได้ค่าวีรบุรุษกลับคืนมา

หากภารกิจล้มเหลวแล้วกลับภาคกลาง เขาก็ไม่แน่ใจว่ามีผลลัพธ์อะไรรออยู่

ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยัดกล่องเหล็กที่ใส่ความลับเอาไว้เข้าไปในหน้าอกของเขาแล้ว “เอาไป เจ้าไปส่งจดหมาย!”

ท่ามกลางสายตาตั้งคำถามของทุกคน เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “แม้พวกเราจะอยากลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนมาก แต่ก็ต้องเหลือแผนสำรองเอาไว้รับประกันด้วย ให้จื้อชุนไปส่งจดหมาย ถือเป็นวิธีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำของพวกเราที่ดีที่สุด”

“เช่นนั้น ตอนนี้คนที่เหลือก็ตามข้าถอยไปนอกหุบเขาก่อน หาสถานที่สักแห่งที่กำลังพลใหญ่ของอีกฝ่ายมองไม่เห็นแล้วจัดการทัพย่อยมองโกล!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+