ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 541 เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เขาเหิงซาน

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 541 เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เขาเหิงซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 541 เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เขาเหิงซาน

เนื่องจากสาเหตุพิเศษบางอย่าง ทำให้ตอนนี้บรรดาผู้เล่นไม่เชื่อมั่นของกินที่ล่ามาจากป่า ต่อให้อยากกินเนื้อ ขอเพียงมีปัจจัยเอื้ออำนวย ก็จะพยายามไปซื้อสัตว์และพืชที่เลี้ยงโดยคนที่ตลาดผักของเมืองใหญ่ๆ ดีกว่าไปกินพวก ‘อาหารป่า’ ที่ได้มาจากมอนสเตอร์

สถานการณ์ปัจจุบันของเยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เขาเดินวนอยู่ในตลาดผักรอบหนึ่ง ซื้อเนื้อและผักสดชนิดต่างๆ มาเป็นกอง

เมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระกำลังจะเต็ม เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เดินออกจากตลาดผักอย่างพึงพอใจ ขณะที่เดินอยู่นั้น เขาก็เริ่มครุ่นคิดว่าจะประกอบอาหารอะไรดี พยายามทำให้งานเลี้ยงมื้อค่ำวันนี้ออกมาสมบูรณ์แบบเท่าที่จะทำได้

แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีพิราบขาวตัวหนึ่งบินมา ทำให้แผนทั้งหมดที่เขาวางไว้รวนหมดแล้ว

[อาหมิงช่วยด้วย พวกเราเจออุปสรรคแล้ว เจอปัญหาใหญ่แล้ว!…

…ตอนที่พวกเราโจมตีสังหาร BOSS เฟ่ยปินสำเร็จ กำลังจะจบภารกิจ ‘ล้างมือในอ่างทองคำ’ จู่ๆ ก็เจอศัตรูกลุ่มใหญ่ลอบจู่โจม สหายซานไฉ่รบตายคาที่ พวกเราเองก็ถูกขังอยู่ในถ้ำเช่นกัน ตอนนี้ศัตรูกำลังเฝ้าอยู่นอกถ้ำ พวกเราลองออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ฝ่าออกไปไม่ได้เลย!…

…ความสำเร็จและล้มเหลวของภารกิจตอนนี้ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะคุ้มครอง NPC คนสำคัญสามคนของภารกิจนี้ออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่…

…ถ้าตอนนี้เจ้ามีเวลาทำอาหาร ก็มาช่วยพวกเราก่อนดีกว่า ถ้าพาคนมาด้วยได้ก็จะดีที่สุด…

…ตำแหน่งของพวกเราตอนนี้ก็คือในถ้ำชิงอินของหุบเขาขลุ่ยพิณที่อยู่ตรงภูเขาด้านหลังของสำนักเหิงซาน]…ซานเย่ว์

เมื่อเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

สำหรับภารกิจล้างมือในอ่างทองคำของซานเย่ว์ครั้งนี้ เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงวางใจมาก

อย่างไรเสีย เงื่อนไขล่วงหน้าสำหรับการทำภารกิจให้สำเร็จ เขาก็ปูทางไว้เรียบร้อยแล้ว ในด้าน NPC มีหลินผิงจื่อ เจ้าสำนักชิงเฉิงคอยช่วย ส่วนฝั่งผู้เล่นก็มีสี่ยอดฝีมืออย่างสะพานสวรรค์น้อย มั่วหร่าน เฟยอวี๋และถังซานไฉ่ ไหนจะตัวซานเย่ว์เองที่ความสามารถเหนือกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก เพิ่งได้วิชากำลังภายในระดับสูงกับสุดยอดวิชาท่าร่างมาใหม่อีก ถ้าจะบอกว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเลย ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป

ด้วยความที่คิดว่าจะให้นางกับเฟยอวี๋ไปฝึกฝนสักหน่อย เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่เข้าร่วมด้วยเสียเลย

นึกไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ภารกิจของพวกเขาก็ยังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นจนได้

แบบนี้มันช่าง…จะให้ตั้งใจทำอาหารดีๆ สักมื้อไม่ได้หรือไง!

แต่กลุ้มใจก็ส่วนกลุ้มใจ พวกซานเย่ว์เจอปัญหา เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีทางที่จะไม่ช่วย

ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงล้มเลิกความคิดที่จะกลับบ้านไปเตรียมอาหารทันที ส่งจดหมายให้ซานเย่ว์ ถังซานไฉ่และโหยวโหยวคนละฉบับทันที บอกให้ซานเย่ว์รออย่างสงบใจก่อน เดี๋ยวตนจะตามไปทีหลัง ส่วนจดหมายที่ส่งให้ถังซานไฉ่กับโหยวโหยวก็คือถามถึงสถานการณ์ของพวกเขาโดยละเอียด แล้วปรึกษาถึงจุดที่จะไปรวมตัวกัน

หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ทั้งสามก็มาถึงเมืองเหิงซานที่อยู่ตรงตีนเขาเหิงซาน รวมตัวกันสำเร็จอย่างราบรื่น ภายใต้การซักไซ้ของเยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยว ในที่สุดถังซานไฉ่ก็บอกรายละเอียดของทั้งภารกิจแล้ว

ที่แท้ก็ต้องเริ่มจากเรื่องล้างมือในอ่างทองคำของหลิวเจิ้งเฟิง

สาเหตุของเรื่องนี้ ที่จริงก็เหมือนในต้นฉบับที่อินปู้คุยบรรยายไว้ตอนแรกไม่มีผิด

หลิวเจิ้งเฟิงในฐานะที่เป็นชาวยุทธ์คนหนึ่ง สิ่งที่ชอบที่สุดทั้งชีวิตนี้กลับเป็นดนตรี ถึงขั้นหลงใหลในดนตรีมากกว่าทักษะยุทธ์และอำนาจเสียอีก แนวโน้มค่านิยมที่แตกต่างกับฉากหลังยุทธภพมากขนาดนี้ ย่อมทำให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นได้ แต่กลับกลายเป็นการฝังต้นตอหายนะที่เขาต้องเผชิญอย่างน่าเวทนาในภายหลัง

เพราะสิ่งที่เขาสนใจแตกต่างกับคนอื่น แม้จะเกิดอารมณ์ร่วมกับสหายร่วมยุทธภพได้ยากมาก แต่กลับทำให้อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น สามคนที่มีพลังฝีมือและอำนาจพอๆ กัน เมื่อเจอกับหนึ่งทางเลือกเหมือนกัน ข้างหน้ามีตำราลับบู๊ลิ้มหนึ่งเล่ม โอกาสที่จะทำให้ฐานะในสำนักของเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้นในคราเดียวและ ‘เพลงก่วงหลิงซ่าน’ หนึ่งเล่ม

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ ชาวยุทธ์สามคนนี้จะต้องสู้กันไม่หยุดเพื่อสองอย่างแรกแน่นอน แต่ถ้ามีหลิวเจิ้งเฟิงรวมอยู่ในนั้นด้วย เขาก็จะเก็บ ‘เพลงก่วงหลิงซ่าน’ ที่คนอื่นไม่ชายตาแลเข้ากระเป๋าอย่างเริงร่า

พอเป็นแบบนี้ ก็ย่อมไม่มีการแก่งแย่งกันแล้ว ไม่ดีหรอกหรือ

แต่สภาวะแบบนี้ กลับทำให้คุณชายหลิวพบกับอันดับหนึ่งในชีวิตเขาแล้ว เป็นคนเดียวที่เกิดอารมณ์ร่วมกับเขา จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวง

เพราะสหายรักเพศเดียวกันผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้อาวุโสฉวี่หยางแห่งพรรคสุริยันจันทรานั่นเอง!

สองคนนี้ล้วนเป็นชาวยุทธ์ และเป็นนักดนตรียุคนั้นด้วย ผลงานทางศิลปะสูงถึงระดับที่หาตัวจับได้ยากแล้ว

ในศึกใหญ่ระหว่างฝ่ายธรรมมะและอธรรมครั้งหนึ่ง ทั้งสองเพียงพบหน้ากันครั้งแรกก็ถูกชะตากัน จากนั้นก็เริ่มคบค้าสมาคมกันเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาก็ถือว่ามีความเป็นมืออาชีพมาก คุยกันเพียงเรื่องท่วงทำนองดนตรี ไม่คุยเรื่องทักษะยุทธ์ ที่มากกว่านั้นคือไม่มีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายธรรมมะและอธรรมใดๆ

แต่พวกเขาก็รู้ว่าหากเป็นเช่นนี้ไปนานๆ ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

อย่างไรเสีย ภายในห้าสำนักขุนเขากระบี่ การต่อต้านพรรคสุริยันจันทรากลายเป็นความชอบธรรมทางการปกครองที่เด็ดขาดแล้ว คนที่คบหากับสำนักฝ่ายอธรรมไม่ต่างอะไรกับการขายชาติให้ศัตรู ทางฝั่งพรรคสุริยันจันทราแม้จะไม่อ่อนไหวขนาดนี้ แต่ก็ไม่ต่างกันมาก

ต่อให้พวกเขาสองคนทำได้ถึงขั้นบริสุทธิ์ใจ ถึงขั้นคิดว่าความขัดแย้งทางโลกพวกนั้นไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าท่วงทำนองที่สูงส่งของพวกเขา

แต่คนอื่นจะอาศัยอะไรมาเชื่อพวกเขา

ดังนั้นหลิวเจิ้งเฟิงจึงเลือกล้างมือในอ่างทองคำ ส่วนจั่วเหลิ่งฉานหลังจากเจอเบาะแสก็ส่งคนมาถึงหน้าประตูเพื่อเอาเรื่องทันที!

เป็นเพราะจั่วเหลิ่งฉานอ้าง ‘คุณธรรม’ ว่าต่อต้านพรรคสุริยันจันทรา แม้ชาวยุทธ์ตรงนั้นจะไม่พอใจพฤติกรรมวางอำนาจบาตรใหญ่และโหดเหี้ยมของเขาอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาปกป้องหลิวเจิ้งเฟิง

ตามต้นฉบับเดิม ตัวการใหญ่ที่ทำให้ทั้งครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิงถูกสังหาร ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะจิตใจทะเยอทะยานของจั่วเหลิ่งฉาน ไม่สู้พูดว่าเป็นความดึงดันของตัวเขาเองดีกว่า

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ในเกมกลับมีความเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไป

เพราะใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีหน่วยงานที่คอยควบคุมพวกที่ทะเยอทะยานในยุทธภพโดยเฉพาะอยู่แล้ว

นั่นก็คือสำนักมือปราบเทพ!

จุดประสงค์ในการมีอยู่ของสำนักมือปราบเทพก็คือควบคุมพวกทำลายกฎระเบียบที่สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านได้ง่าย รวมทั้งพวกที่อยากตั้งตัวเป็นอิสระจนถึงขั้นสร้างภัยคุกคามต่อราชสำนัก

ยกตัวอย่างเช่นอวี๋ชางไห่ก่อนหน้านี้ เช่นจั่วเหลิ่งฉานในตอนนี้!

ดังนั้นตอนที่หลิวเจิ้งเฟิงอยากจะซื้อตำแหน่งขุนนางเพื่อปกป้องตัวเอง หวงโส่วจุนจึงส่งตัวเฟยอวี๋ไปเสียเลย ให้เขาไปประกาศพระราชโองการ ส่วนซานเย่ว์ก็เป็นสายลับอีกสายหนึ่ง

สองศิษย์ใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ คนหนึ่งมาเพื่อประกาศราชโองการ อีกคนหนึ่งมาในนามแสดงความยินดี แต่ความจริงต้องการจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้ดีก่อนที่สำนักซงซานจะเคลื่อนไหว

อย่างน้อยก็ทำให้คนอย่างจั่วเหลิ่งฉานรู้ว่าใต้หล้านี้ใครกันที่มีอำนาจ!

ภายใต้ในสถานการณ์แบบนี้ ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ก็ทำเพื่อคุณธรรมเช่นกัน นั่นก็คือปกป้องครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิง

คำว่าธรรมมะและอธรรมมิอาจอยู่ร่วมกันจากปากพวกเจ้า คำสั่งของเจ้าสำนักจั่วอะไรนั่นล้วนเหลวไหล!

ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นสำนักฝ่ายธรรมมะหรือพรรคสุริยันจันทรา ในราชสำนักก็มีคำนามคำเดียวที่ใช้เรียกเท่านั้น นั่นก็คือประชาชน ซึ่งตอนนี้หลิวเจิ้งเฟิงก็คือคนของราชสำนัก พวกเจ้าแค่ชูธงคำสั่งที่เรียกว่าประมุขสมาพันธ์ห้าขุนเขา ก็กล้าตะโกนฆ่าฟันใส่เจ้าหน้าที่ของราชสำนักแล้วอย่างนั้นหรือ

อะไรนะ พวกเจ้าต้องการจะชูธงคุณธรรมเพื่อฆ่าขุนนางก่อกบฏหรือ

กฎของห้าสำนักขุนเขากระบี่?

ขออภัยนะ!

มีเพียงกฎที่เขียนไว้ในกฎหมายของราชสำนักเท่านั้น นั่นถึงจะเรียกว่ากฎ!

กฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็ไม่มีบทบาทใดๆ ให้เอ่ยถึงเลย!

หลังจากเฟยอวี๋กับซานเย่ว์มอบข้อหาใหญ่นี้ให้แล้ว สำนักซงซานก็หัวหดภายในพริบตาเดียว

สำหรับเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่มีหนทางรับมือเช่นกัน

จั่วเหลิ่งฉานทำทุกวิถีทางเพื่อขยายกำลังของสำนักซงซานให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง ทุ่มเททำงานมาหลายปีกว่าจะมีความสามารถและฐานะเหมือนอย่างทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขามาปะทะกับราชสำนัก

ยัดข้อหาฆ่าขุนนางก่อกบฏแบบนี้ รังแกกันเกินไปหน่อยแล้วกระมัง

การโจมตีที่ฝ่ายตัวเองได้เปรียบโดยสมบูรณ์แบบนี้ ใครจะไปรับไหว

ตอบ: ผู้เล่น!

สำนักซงซานเหมือนคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ดังนั้น ตอนที่สำนักซงซานและติงเหมี่ยนซึ่งเป็นตัวแทนประกาศชัดเจนแล้วว่าหลิวเจิ้งเฟิงกับห้าสำนักขุนเขากระบี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน อนุญาตให้เขาไปล้างมือในอ่างทองคำ ผู้เล่นจากสำนักต่างๆ ที่ได้รับภารกิจกลุ่มใหญ่ก็บุกเข้ามาในโถงใหญ่ทันที ล้อมโจมตีครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิงโดยไม่ยอมให้แก้ตัวใดๆ

ในสถานการณ์แบบนี้ แม้พวกซานเย่ว์กับเฟยอวี๋จะขัดขวางสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ฝ่ายศัตรูก็มียอดฝีมืออยู่ด้วยเช่นกัน

ส่วนพวก NPC ที่อยู่ในเหตุการณ์ กลับไม่มีใครสะดวกจะยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ต่อให้เป็นหลินผิงจื่อจากสำนักชิงเฉิงก็ทำได้เพียงปกป้องไม่ให้คนธรรมดาของตระกูลหลิวได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจให้ความช่วยเหลือหลิวเจิ้งเฟิงโดยตรงมากเกินไป

ถึงอย่างไร แม้ตอนนี้เขาจะเป็นคนของราชสำนัก แต่ฉากหน้าก็เป็นเจ้าสำนักชิงเฉิง ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพต่อไป

มีแต่ต้องทำอย่างนี้ ถึงจะทำงานที่ราชสำนักได้ดีกว่าเดิม หรือไม่ก็ทำงานร่วมกับสำนักมือปราบเทพสำเร็จได้ดีกว่าเดิม

ดังนั้นแม้ในใจของเขาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรียกว่ากฎของยุทธภพเป็นพันข้อหมื่นข้อ แต่หากลงมือขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องพะว้าพะวงเช่นกัน!

แต่หลังจากฉวี่หยางปรากฏตัวในสถานการณ์อย่างนี้ เรื่องราวก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้ยิ่งขึ้น

ราวกับผู้เล่นทุกคนวางแผนไว้ล่วงหน้า หลังจากฉวี่หยางปรากฏตัว ก็ย้ายอาวุธจากตัวหลิวเจิ้งเฟิงไปที่ฉวี่หยางทันที ถึงขนาดว่า NPC ของสำนักซงซานก็เข้าร่วมล้อมโจมตีด้วย

ก็อย่างที่ซานเย่ว์และเฟยอวี๋บอกไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้หลิวเจิ้งเฟิงเป็นขุนนางที่ได้รับคำสั่งจากราชสำนัก คนของสำนักซงซานไม่กล้าแตะต้องเขา

แต่ฉวี่หยางไม่ใช่!

พวกเราต้องการล้อมสังหารฉวี่หยาง สำนักมือปราบเทพของพวกเจ้าเข้ามายุ่งไม่ได้หรอกหรอกกระมัง?

เมื่อหลิวเจิ้งเฟิงเห็นคนในครอบครัวตัวเองได้รับการปกป้อง จึงตัดสินใจร่วมมือกับฉวี่หยางฝ่าวงล้อมเสียเลย แต่จากการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

ส่วนผู้เล่นที่สังหารเข้ามากะทันหันเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็ตามออกไปจากลานบ้านใหญ่ของตระกูลหลิวแล้วเช่นกัน แต่ยังมีส่วนน้อยที่ยังล้อมโจมตีคนในครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิงต่อ ผลปรากฏว่าถูกทีมของซานเย่ว์ที่ร่วมมือกับ NPC ในพื้นที่สังหารจนหมดเกลี้ยง

ก็เหมือนที่หลินผิงจื่อไม่สะดวกจะช่วยหลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยาง ทำได้เพียงปกป้องครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิง แต่สำหรับคนในยุทธภพ การปกป้องสมาชิกครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิง กลับไม่มีแรงกดดันทางจิตใจเท่าไร

แต่การช่วยสมาชิกในครอบครัวของหลิวเจิ้งเฟิง สามารถยืมมือ NPC จากสำนักต่างๆ ให้มาช่วยได้ แต่ถ้าอยากแก้ไขปัญหาของหลิวเจิ้งเฟิง ก็ยังต้องให้ผู้เล่นลงมือด้วยตนเอง

ตอนที่พวกเขาอาศัยความสามารถของเฟยอวี๋ตามหาหลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางที่หุบเขาขลุ่ยพิณ กลับพบว่าทั้งสองเลิกขัดขืนแล้ว ตอนนี้กำลังร่วมบรรเลงเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ที่พวกเขาแต่งขึ้นมาเอง

ช่างอิสระเสรี!

จากนั้น เฟ่ยปินจากสำนักซงซานก็ปรากฏตัว หมายจะสังหารพวกเขาพร้อมฉวี่เฟยเยียนที่เป็นหลานสาวของฉวี่หยางให้ตายพร้อมกัน และบอกเจตนาที่แท้จริงของจั่วเหลิ่งฉานให้รู้

แม้ช่วงต้นของแผนการ จั่วเหลิ่งฉานจะเตรียมใช้หลิวเจิ้งเฟิงเพื่อสร้างบารมี แต่สำนักมือปราบเทพกลับต้องการใช้สำนักซงซานมาสร้างบารมีเช่นกัน

จั่วเหลิ่งฉานรู้ตัวว่าไม่มีทางต้านทานหุ่นยนต์ของราชสำนักได้ หลังจากสังเกตเห็นจุดนี้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมทันที แต่เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ใหม่แทน

ฉากหน้าเขายังรักษาภาพลักษณ์ว่าเป็นพลเมืองดีที่เชื่อฟังราชสำนัก แต่อีกด้านหนึ่งกลับใช้วิธีการแจกภารกิจให้ผู้เล่นมาทำให้สถานการณ์ปั่นป่วน แล้วฉวยโอกาสกำจัดหลิวเจิ้งเฟิงกับฉวี่หยางด้วยวิธีลอบสังหาร

พอเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้คนอื่นของห้าสำนักขุนเขากระบี่ได้รู้จักวิธีการของเขา ขณะเดียวกันก็เท่ากับได้ส่งข้อมูลให้คนอื่นๆ ด้วยว่า

ข้าจั่วเหลิ่งฉานไม่ใช่คนเผด็จการ เมื่ออยู่ต่อหน้าราชสำนัก สำนักซงซานของพวกเราไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น

แต่ราชสำนักไม่สนใจการแก่งแย่งในยุทธภพเลย พวกเขาไม่มีทางพิจารณาปัญหาโดยยืนจากมุมของห้าสำนักขุนเขากระบี่ของพวกเรา

ดังนั้น ผู้ที่เป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์ของพวกเจ้า ทั้งยังรับประกันว่าผลประโยชน์ของทุกคนจะไม่ถูกทำลาย ก็ยังเป็นข้า จั่วเหลิ่งฉาน!

วิธีการนี้ของเขาจะเรียกว่าไม่ล้ำก็ไม่ได้ แต่กลับมองข้ามความสามารถของเฟยอวี๋ไป

ดังนั้น พรรคพวกเฟยอวี๋ห้าคนที่ตามมาทัน จึงมอบข้อหาใหญ่อย่างการโจมตีขุนนางของราชสำนักให้เฟ่ยปินเสียเลย จากนั้นก็ใช้ท่าเด็ดสังหารเขาคาที่ตรงนั้น艾琳小說

เฟ่ยปินตายไปอย่างนี้แล้ว

แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น!

ตอนที่ซานเย่ว์เพิ่งจะฆ่าเฟ่ยปินตาย เตรียมจะส่งฉวี่หยางที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องออกไป แล้วถือโอกาสคุ้มกันส่งหลิวเจิ้งเฟิงกลับไปซ่อนตัวในยุทธภพอย่างสงบใจ

พวกผู้เล่นที่ไล่ตามมาก่อนหน้านี้กลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งห้าคนเจอการล้อมโจมตีจากผู้เล่นหลายสิบคน ประกอบกับต้องคุ้มครอง NPC ด้วย ทำให้พวกเขากลายเป็นฝ่ายถูกกระทำทันที

เกิดศึกนองเลือด ถังซานไฉ่ตายบนสนามรบ พวกซานเย่ว์ถูกบีบให้ถอยเข้ามาอยู่ในถ้ำชิงอินของหุบเขาขลุ่ยพิณ จะรุกหรือถอยก็ทำไม่ได้

เรื่องราวก่อนหน้าจบลงเท่านี้

เมื่ออธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ถังซานไฉ่ก็ไม่เอ่ยถึงเหตุผลว่าในทำไมในทีมห้าคนจึงมีเพียงเขาที่รบตายคนเดียว เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวก็อ่านสถานการณ์ออก จึงไม่เอ่ยถามเช่นกัน

หลังจากได้ยินว่าเรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกินต้นฉบับเดิม เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วมุ่นจมอยู่ในความคิดแล้ว

เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของเรื่องราว ตัวละครที่เดิมทีไร้เดียงสาก็เปลี่ยนวิธีการบางอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขาด้วยดฮณ๊ฯดฯฌซ,

แต่นี่ไม่ใช่ข้อสงสัยที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงพัวพันหาคำตอบ จุดที่ทำให้เขาคิดวนเวียนยังเป็นขั้นตอนในเรื่องราวที่ถังซานไฉ่บรรยาย เหมือนมีบางจุุดที่ใช้หลักการทั่วไปอธิบายให้กระจ่างได้ยาก เหมือนยังซ่อนความลับที่ลึกกว่านั้นเอาไว้อีกชั้น

แต่เขากลับคิดไม่ออกไปชั่วขณะว่ากุญแจสำคัญที่อยู่ในนั้นคืออะไร

เมื่อครุ่นคิดพักหนึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบอะไร เยี่ยเว่ยหมิงจึงส่งจดหมายหาซานเย่ว์อีกครั้ง

[ซานเย่ว์ ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรแล้ว…

…ข้าหมายความว่าก่อนที่กำลังหนุนของเราจะตามไปถึง พวกเจ้ายังอดทนได้อีกนานแค่ไหน]…เยี่ยเว่ยหมิง

ซานเย่ว์ตอบทันที

[ข้าเกรงว่าจะทนให้นานกว่านี้ได้ยาก ในทัพศัตรูมียอดฝีมือเชี่ยวชาญพิษอยู่ด้วย…

ถ้าไม่รีบช่วยพวกเขาถอนพิษ ฉวี่หยาง หลิวเจิ้งเฟิงและฉวี่เฟยเยียน สาม NPC ที่เป็นกุญแจสำคัญของภารกิจก็จะทนได้อีกไม่นาน

เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้พวกเราฝ่าวงล้อมสำเร็จ สุดท้ายภารกิจก็จบลงพร้อมความล้มเหลวอยู่ดี]…ซานเย่ว์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด