ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 374 จุดอ่อนของมาร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 374 จุดอ่อนของมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 374 จุดอ่อนของมาร

การวิเคราะห์ของฉางซิงอวี่ทำให้ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยรู้สึกว่าอีกฝ่ายเก่งเกินกว่าตัวเองจะเข้าใจอยู่พักหนึ่ง

แต่เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับพยักหน้าบอกว่า “ถ้าเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์ของเจ้า หลังจากข้าโจมตีบนตัวเขาแล้ว คงจะเหลือประสิทธิภาพอยู่ประมาณห้าส่วน เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ข้าถูกลดทอนรุนแรงกว่า”

“แล้วสาเหตุอยู่ตรงไหนกันแน่”

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้สึกว่าการคำนวณของตัวเองยังเทียบกับฉางซิงอวี่ไม่ติด จึงเลิกแย่งงานของผู้เชี่ยวชาญเสียเลย เปลี่ยนประเด็นสนทนาแล้ว “ด้านนี้เจ้าเป็นมืออาชีพมากกว่า ลองสังเกตและวิเคราะห์สักหน่อยเถอะ แล้วพวกเราค่อยหาวิธีโจมตีอีกที ดูว่าจะมีอะไรแตกต่างกันไหม”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นคนนำเปลี่ยนแผนการต่อสู้ หลังจากหลบกระบองใหญ่ของเฟิ่งเทียนหนานร่างมารแล้ว ก็ใช้ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ แทงบนหัวใจของอีกฝ่าย

-6012!

ตามด้วยทะยานร่างไปข้างหน้า ใช่ท่า ‘หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์’ ฟันบนจุดไป่หุ่ยระหว่างเขาสองข้างของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร

-7235!

ตอนที่เตรียมจะเหยียบลงพื้นแล้วค่อยทดลองผลของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร กลับคาดไม่ถึงว่าบนตัวเฟิ่งเทียนหนานร่างมารจะปะทุลมแรงกลุ่มหนึ่งออกมา ความดุดันของพลังลมทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่ลอยอยู่กลางอากาศปลิวถอยหลังไปไกล

ส่วนฉางซิงอวี่ สะพานสวรรค์น้อยและซานเย่ว์ก็ถูกลมแรงรูปนี้บีบให้ถอยหลังเช่นกัน

ตอนนี้พวกเขาพลันเห็นไอสีดำลอยตามลมขึ้นมากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เจาะเข้าไปในร่างกายของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร

จากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นบนตัวเจ้าหมอนี่มีพลังป้องกัน เหนือศีรษะมีตัวอักษรสีดำลอยขึ้นมา…ระบำลมภูต!

หลังจากอักษรสี่ตัวนี้ปรากฏขึ้น เหนือศีรษะบอสก็มีก็มีตัวเลขสองกลุ่มที่ทำให้คนเห็นรู้สึกสิ้นหวังลอยขึ้นมาด้วย

160000

40000

เลขสองกลุ่มนี้กำลังแสดงอะไร มันก็คือค่าพลังชีวิต 20% กับกำลังภายใน 20% ของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร!

ชั่วพริบตาเดียวพลังชีวิตกับกำลังภายในฟื้นฟูเองโดยอัตโนมัติ 20% ประเดี๋ยวเดียวเจ้าเวรหนังหนาเนื้อหยาบนี่ก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกแล้ว ค่าพลังชีวิตและค่าสเตตัสฟื้นฟูกลับมาเต็มเหมือนเดิมแล้ว

ความพยายามของทุกคนก่อนหน้านี้ ไหลหายไปหมดราวกับกระแสน้ำ!

ตอนนี้เอง กลับได้ยินฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ บอกว่า “ตั้งแต่เจ้าใช้กระบี่แรกทำให้อีกฝ่ายเสียพลังชีวิตจนกระทั่งตอนนี้ ถือว่าใช้เวลาต่อสู้ไม่มากไม่น้อย ผ่านไปร้อยแปดสิบวินาทีพอดี พูดง่ายๆ ก็คือสามนาที…

“ไม่รู้เหมือนกันว่าการฟื้นฟูพลังชีวิตของเจ้าหมอนี่ทำได้ทุกสามนาที หรือว่ามีขีดจำกัดอย่างอื่นอีก…

…ถ้าเป็นอย่างแรก…”

กรรร! ตอนที่ฉางซิงอวี่กำลังวิเคราะห์ความสามารถในการฟื้นพลังชีวิตของ BOSS เยี่ยเว่ยหมิงกลับฉวยโอกาสตอนที่ฝ่ายตรงข้ามหยุดใช้กระบวนท่า ใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ เข้าใกล้ข้างหลังของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร แล้วใช้มือซ้ายกดที่แผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ

จากนั้นก็ปะทุพลังฝ่ามือออกมา!

เงามังกรสีฟ้าระยิบระยับซัดร่างสูงใหญ่ของเฟิ่งเทียนหนานร่างมารจนโซเซไปข้างหน้าหลายก้าว

ขณะเดียวกัน เหนือศีรษะของเขาก็ปรากฏตัวเลขดาเมจที่เยอะที่สุดตั้งแต่เริ่มต่อสู้มา

-70585!

ความร้ายกาจนี้ เหนือกว่าพลังโจมตีตามทฤษฎีของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ห้าส่วนแน่นอน!

เมื่อได้เห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มมุมปากอย่างปล่อยวาง

ในที่สุดเขาก็เจอวิธีเอาชนะศัตรูแล้ว!

ตอนนี้เอง ฉางซิงอวี่ก็ตาเป็นประกายแล้วเช่นกัน จู่ๆ ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าคิดออกแล้ว! ตัวเลขของพลังโจมตีเจ็ดส่วน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาจากเลเวลกฎเต๋าของข้า เพราะกฎเต๋าของข้าตอนนี้อยู่ที่เลเวลเจ็ดพอดี และไม่ว่าข้าจะใช้ทักษะยุทธ์อะไร กระบวนท่าอะไร เมื่ออยู่ภายใต้การเสริมอานุภาพของกฎเต๋า ก็จะรักษาพลังโจมตีพื้นฐานไว้ได้เจ็ดส่วนเสมอ…

…ส่วน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของเจ้า…”

สำหรับตัวเลขดาเมจที่เกิดจาก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของเยี่ยเว่ยหมิง ฉางซิงอวี่ก็ทำได้เพียงเดาคร่าวๆ เท่านั้น แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน เขาพูดออกมาส่งเดชไม่ได้

ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รีบใช้สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรจบการต่อสู้ แต่ถอยมาข้างหลังแทน ขณะหลบการโจมตีกลับของเฟิ่งเทียนหนานร่างมาร เขาบอกในทีมอีกสามคนว่า “ตอนนี้ข้าเจอวิธีการเอาชนะเจ้าเฟิ่งเทียนหนานร่างมารแล้ว แต่กิจกรรมนี้มีเวลาจำกัดยี่สิบสี่ชั่วโมง รับประกันไม่ได้ด้วยว่าหลังจากนี้จะเจอศัตรูร่างมารที่คล้ายกับเขา หรือร้ายกาจกว่าเขาหรือเปล่า…

…ดังนั้น ข้าแนะนำว่า ทุกคนทดลองใช้ทุกการโจมตีที่ตัวเองเรียนมาก่อน พยายามเก็บข้อมูลมากๆ ตอนทำภารกิจหลังจากนี้จะได้ราบรื่นกว่าเดิม”

“ไม่มีปัญหา!”

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเยี่ยเว่ยหมิง สี่คนก็เริ่มลองใช้วิธีการโจมตีต่างๆ

เมื่อมีหลักประกันชัยชนะอย่าง ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แล้ว ตอนนี้ความกดดันในใจของทั้งสี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ฉางซิงอวี่ถึงขั้นเจียดเวลาคุยกับเยี่ยเว่ยหมิงได้แม้กำลังโจมตี “ก่อนหน้านี้ข้าบอกให้เจ้ารู้เบาะแสไปพอสมควรแล้ว แล้วเจ้าบอกได้ไหม ว่านอกจาก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แล้ว ยังมีที่พึ่งอะไรอย่างอื่นอีก ที่ทำให้เจ้ารักษาดาเมจการโจมตีธรรมดาไว้ได้ห้าส่วน”

เยี่ยเว่ยหมิงทดลองใช้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ และเอฟเฟ็กต์โจมตีของท่าต่างๆ ใน ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ พร้อมตอบว่า “ก็เหมือนกับเจ้า เป็นกฎเต๋าเหมือนกัน เดิมทีกฎเต๋าของข้าเลเวลสี่ ยังมีชุดนักพรตเต๋าที่เพิ่มเลเวลกฎเต๋าหนึ่งเลเวลด้วย ก็เลยเป็นห้าเลเวลพอดี ที่เจ้าวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ไม่ผิดเลยสักนิด”

“ไม่ผิดอะไรล่ะ! “ฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วทั้งขำทั้งด่า “เจ้าเป็นมือปราบคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่มเลเวลกฎเต๋าจนสูงกว่าศิษย์สำนักอู่ตังส่วนใหญ่แล้ว เจ้าทำได้อย่างไรกันแน่”

“ความลับ!”

ขณะที่พูดกัน พวกเขาก็ใช้วิธีการต่างๆ ทดลองบนตัวเฟิ่งเทียนหนานร่างมารไปแล้วรอบหนึ่ง ที่เหลือก็มีแค่กระบวนท่าต่างกันในทักษะยุทธ์ชุดเดียวกัน ไม่ค่อยมีมูลค่าในการอ้างอิงมากนัก

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบเหาะถอยหลังทันที กระทั่งอยู่ห่างห้าจั้งถึงได้หยุดฝีเท้าแล้วบอกว่า “รวบรวมข้อมูลได้พอสมควรแล้ว จุดเด่นของสัตว์มารตนนี้ ข้าเองก็เดาได้คร่าวๆ แต่ถ้าอยากจะยืนยันการคาดเดานี้ ต้องใช้การคำนวณอย่างง่ายๆ ด้วย พวกเจ้าช่วยข้าถ่วงเวลาไว้สักไม่กี่วินาที”

ตอนที่พูด มือซ้ายก็งอนิ้วคำนวณอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งเทียนหนาร่างมารแข็งแกร่งก็ส่วนแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีความอิสระเหมือน BOSS โหมดปกติ หลังจากถูกคุกคามจาก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ มันก็พุ่งเข้ามาหายี่ยเว่ยหมิงโดยไม่สนใจอย่างอื่นทันที

อีกสามคนอยากจะก้าวขึ้นมาสกัดข้างหน้า แต่หลังจากทิ้งความได้เปรียบในการโจมตีไปพร้อมกับหลบ เพียงชั่วพบหน้ากัน ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกอีกฝ่ายใช้ค่าสเตตัสที่เหนือกว่าโจมตีจนเสียพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่ง จำเป็นต้องถอยไปด้านข้างแล้ว

ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสอง พวกนางสกัดเฟิ่งเทียนหนานร่างมารได้เพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น

ฉางซิงอวี่ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือระดับบนๆ ทั้งยังมีอาวุธเทพอย่างดาบสองคมสามแฉกอยู่ในมือ จึงแสดงความสามารถได้ดีกว่าอีกสองคน แต่ก็ช่วยถ่วงเวลาให้เยี่ยเว่ยหมิงได้สามวินาทีเท่านั้น เมื่อพลังชีวิตลดลงจนต่ำกว่าขีดความปลอดภัย เขาก็ต้องถอยไปกินยาเติมพลังชีวิต

เมื่อเห็นเฟิ่งเทียนหนานร่างมารพุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว มือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังงอนิ้วคำนวณ สุดท้ายก็หยุดตรงข้อที่สองของนิ้วชี้ พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มที่เหมือนเข้าใจทุกสิ่งทะลุปรุโปร่งออกมา

หากต้องการสังหารสัตว์มารตนนี้ ที่แท้ก็ง่ายขนาดนี้นี่เอง!

ตอนนี้เอง เวลาผ่านไปอีกสามนาทีพอดี บนตัวเฟิ่งเทียนหนานร่างมารมีเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘ระบำลมภูต’ ออกมาอีกแล้ว ทำให้พลังชีวิตและกำลังภายในของเขาเต็มอีกครั้ง

แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ เวลาไม่เป็นปัญหาเลย จะได้ตรวจสอบอีกสักหน่อยว่าเขาต้องใช้กี่กระบวนท่ากว่าจะโจมตีสัตว์มารค่าพลังชีวิตเต็มตนนี้ตาย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด