ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 386 หลอกลวง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 386 หลอกลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 386 หลอกลวง

-73899!

หลิงทุ่ยซือ ตายแล้ว!

[ติ๊ง! ทีมของคุณโจมตีสังหาร หลิงทุ่ยซือ BOSS โหมดปกติเลเวล 59 ได้รับรางวัล: ค่าประสบการณ์ 350000 แต้ม ค่าตบะ 60000 แต้ม!]

[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักดาบโลหิต หนึ่งดาบสามเฉือน ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักอู่ตัง ฉางซิงอวี่สังหาร BOSS โหมดปกติเลเวล 59 ทำเฟิร์สคิลสำเร็จ ได้รับรางวัลเฟิร์สคิล…]

ประกาศระบบ: สำนักดาบโลหิต…

……

เมื่อได้ยินประกาศระบบต่อเนื่องสามรอบ พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็พากันทำสีหน้างุนงง

เท่านี้ก็ฆ่าหมดแล้วเหรอ

ภารกิจที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวิเคราะห์ไว้ว่ายากเหมือนก้าวขึ้นฟ้า ทำสำเร็จได้ง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรือ

ราบรื่นเกินไปหน่อยหรือเปล่า

ราบรื่นจนทำให้คนปักใจเชื่อได้ยาก!

ตัวแปรที่บอกไว้ล่ะ?

แล้วติงเตี่ยนล่ะ?

ไม่มีอะไรทั้งนั้น หลิงทุ่ยซือตายไปง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นนึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อสืบค้นข้อมูลและเรียบเรียงเอกสารขึ้นมา เขาไม่ได้ใช้มันสักนิด!

แต่หลิงทุ่ยซือก็ตายไปแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับเรื่องราวเหนือความคาดหมายนี้

เยี่ยเว่ยหมิงดึงสติกลับมาได้คนแรก เขาเรียกน้องดาบกับฉางซิงอวี่ แล้วยอดฝีมือทั้งสามก็ใช้ท่าไม้ตายพร้อมกัน สังหารศัตรูทั้งหมดในโถงใหญ่ตายเรียบในชั่วพริบตาเดียว จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนของการคลำศพ

หลิงทุ่ยซือเป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติ ดรอปประกาศิตสร้างพรรคที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในตอนนี้หนึ่งแผ่น และ ‘ชุดคลุมป่านหลาน’ ซึ่งเป็นชุดระดับอุปกรณ์ล้ำค่าหนึ่งตัว

นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ระดับทองคำอีกสามชิ้น อีกทั้งค่าสเตตัสยังธรรมดามาก ยอดฝีมือสามคนนี้ไม่เพียงแค่ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ถึงขั้นว่าแม้แต่นำไปประมูลขายก็ยังไม่มีมูลค่า ทำได้เพียงวางประดับให้เป็นหน้าเป็นตาที่ร้านขายอุปกรณ์เครื่องประดับ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ขณะมองศพที่นอนเกลื่อน น้องดาบก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “ตอนนี้ใครยังไม่ค่อยกล้าเชื่อเลยว่าจะจบภารกิจได้ง่ายขนาดนี้ เช่นนี้ต่อไป พวกเราก็ไปที่คุกใหญ่เพื่อปล่อยติงเตี่ยนได้แล้วน่ะสิ ถือโอกาสรับตัวหลิงซวงหวาเพื่อจบภารกิจได้เลย?”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า นำโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วออกมาพร้อมบอกว่า “ข้าจะเก็บศพ BOSS สองคนนี้สักหน่อย แล้วพวกเราค่อยไปช่วยคน”

“ช้าก่อน!” ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังจะใช้ ‘เวทบรรจุศพ’ ของเขาเพื่อรับตำราลับบนตัวหลิงทุ่ยซือ ตรงหน้ากลับมีเงาคนคนหนึ่งแวบผ่าน ชายในชุดนักโทษสีแดง ผมเผ้ากระเซิงคนหนึ่งมาขวางอยู่ระหว่างพวกเขากับหลิงทุ่ยซือ บอกว่า “ผู้น้อยติงเตี่ยน ได้รับการไหว้วานจากหลิงซวงหวา บุตรสาวของหลิงทุ่ยซือ ให้มารับศพของหลิงทุ่ยซือ”

“คนตายเหมือนตะเกียงดับ แม้ตอนยังมีชีวิตเขาเคยทำผิดมาขนาดไหน หลังจากตายแล้วก็ควรจะจบกัน หวังว่าทุกคนจะตอบรับคำขอที่ไร้เหตุผลของผู้น้อย”

เมื่อเห็นติงเตี่ยนออกมาแย่งศพ น้องดาบก็ส่งข้อความในช่องทีมทันที [มือปราบหน้าเหม็น ตอนนี้ยอดฝีมือเลเวลสูงอย่างติงเตี่ยนโผล่มาแย่งธุรกิจของเจ้าแล้ว ดูท่าแล้วเจ้าคงจะเก็บศพของหลิงทุ่ยซือไม่ได้แล้วละ]

ดูจากลักษณะการพูดที่ซ้ำเติมของนางก็รู้แล้ว เรื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเก็บศพ ผู้เล่นที่ตั้งทีมกับเขาบ่อยๆ เดาได้แล้วเจ็ดแปดส่วน

ถึงอย่างไร ทุกครั้งที่เขากำจัด BOSS ก็ต้องเก็บศพด้วยเสมอ อีกทั้งยิ่ง BOSS เลเวลสูงเท่าไร โลงศพที่ใช้ก็ยิ่งดีเท่านั้น การกระทำที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ถ้าไม่มีคนสงสัยก็แปลกแล้ว

เพียงแต่การที่เยี่ยเว่ยหมิงเก็บศพ ไม่ใช่เรื่องที่ขัดผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจจะไปเปิดโปงเขาซึ่งหน้าเช่นกัน

อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะตั้งทีมฆ่า BOSS หรือทำภารกิจ เยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นกำลังหลักของทีมเสมอ

มีหลายภารกิจที่ขาดเขาไม่ได้ มี BOSS หลายตัวที่ทีมเอาชนะไม่ได้ถ้าไม่มีเขา

ถ้ายังอ่านสถานการณ์ไม่ออกอีก ครั้งหน้าถ้าอีกฝ่ายไม่พาเจ้าไปเล่นด้วยแล้วจะทำอย่างไรล่ะ

แน่นอน เรื่องนี้ไม่มีผลต่อการซ้ำเติมเป็นครั้งคราวของน้องดาบอยู่แล้ว

สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงตอบในช่องทีมอย่างตรงไปตรงมาว่า [ที่จริงข้าก็ไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่ BOSS เล็กๆ เลเวลห้าสิบเก้าเท่านั้น ข้าไม่ได้คาดหวังกับศพของเขาเท่าไรหรอก ภารกิจของเจ้าต่างหากล่ะ…แต่ก็ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ทำสำเร็จได้เหมือนกัน เพียงแต่สำเร็จแบบมาตรฐานต่ำสุดแน่ๆ ได้แค่รางวัลพื้นฐานของภารกิจเท่านั้น]

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือ” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ยักไหล่ แสดงสีหน้าสื่อว่าไม่สนใจ “ข้าก็แค่มีความรับผิดชอบในอาชีพ ในเมื่อรับของของเจ้ามาแล้ว ก็ต้องคุยเรื่องผลได้ผลเสียของเรื่องนี้กับเจ้าให้ชัดเจน แม้ข้าจะเอนเอียงไปทางตอบรับคำขอของติงเตี่ยนมากกว่าวิธีการประหยัดแรงที่สุดเพื่อทำภารกิจของเจ้าให้สำเร็จก็ตาม”

“อย่าสิ!” เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรางวัลภารกิจของตัวเอง น้องดาบก็หน้าเปลี่ยนสีทันที นางยิ้มพร้อมหรี่ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำของนาง [มือปราบหน้าเหม็น…แค่กๆ จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ข้าจำได้ว่าไม่ว่าภารกิจอะไร ขอเพียงแค่เจ้าลงมือ ก็จะต้องประสบความสำเร็จในระดับสูงสุด ได้รับรางวัลสูงสุดแน่นอน ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เปลี่ยนไม้ผุให้กลายเป็นสิ่งอัศจรรย์…บลาๆๆ…

…เจ้าเก่งกาจขนาดนี้ คงไม่ทำลายชื่อเสียงของตัวเองในภารกิจของข้าหรอกใช่ไหม”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถอยหลังก้าวหนึ่ง [พูดจาน้ำเน่าขนาดนี้ เจ้าไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนบ้างหรือไง ข้าอนุญาตให้เจ้าไปอ้วกก่อนสามนาที]

[จะเป็นไปได้อย่างไร] น้องดาบรีบโกหกว่าตัวเองพูดจากใจทุกประโยคแล้วเสริมว่า [ในนั้นมีอะไรแตกต่างกัน เจ้าบอกข้ามาเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็เห็นท่าทางของติงเตี่ยนดูไม่เดือดร้อนเลยสักนิด ข้าอยากเข้าใจประเด็นสำคัญในนั้น เพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเองสักหน่อย เจ้าว่าไหมล่ะ สหายฉาง]

ฉางซิงอวี่รีบพยักหน้า

ตอนนี้น้องดาบหันไปมองติงเตี่ยนที่สีหน้าดูหดหู่ “คำขอของจอมยุทธ์ติงแม้จะสมเหตุสมผล แต่กลับไม่สอดคล้องกับธรรมเนียม ขอพวกเราปรึกษากันก่อน”

เมื่อเห็นน้องดาบไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ ติงเตี่ยนก็แอบโล่งใจ จากนั้นแสดงท่าที “ขอบคุณบรรดาจอมยุทธ์มาก”

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว น้องดาบก็หันหน้ามามองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาเฝ้าคอยชัดเจนมาก ตอนนี้ไม่มีใครรบกวนแล้ว เชิญเริ่มแสดงละครของเจ้าได้!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้กับพวกเขาเช่นกัน จึงบอกว่า “ถ้าตอนนี้ส่งศพให้ติงเตี่ยน เช่นนั้นบทสรุปก็คือติงเตี่ยนจะตามพวกเราไปแน่นอน ไปพบเหมยเนี่ยนเซิงเพื่อจบภารกิจของเจ้า แต่หลังจากนั้น เขาก็จะกลับมาที่คุกอีกเพราะหลิงซวงหวา ถูกหลิงทุ่ยซือทำร้ายต่อไป กระทั่งเรื่องราวดำเนินตามต้นฉบับเดิม สุดท้ายเขาก็ตายเพราะถูกหลิงทุ่ยซือทำร้ายอยู่ดี”

คำพูดพวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นไม่ได้คุยผ่านช่องทีม แต่พูดต่อหน้าติงเตี่ยนเลย “ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้าคิดว่าตัวเองจะได้รางวัลภารกิจเท่าไรเชียว”

“ช้าก่อน!” หลังจากได้ฟังเยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์ ฉางซิงอวี่ก็ถามด้วยสีหน้างงงวยทันที “ตอนนี้ไม่ใช่ว่าหลิงทุ่ยซือกำลังนอนอยู่ที่นี่หรอกหรือ…

…มิหนำซ้ำ แจ้งเตือนระบบกับประกาศระบบก่อนหน้านี้ก็ยืนยันว่าเขาตายสนิทแล้วจริงๆ!…

…หลังจาก BOSS โหมดปกติคนหนึ่งตายไป ก็เท่ากับหายไปจากเกมโดยสิ้นเชิง จากนี้ไปไม่มีคนคนนี้อีกแล้วสิถึงจะถูก เขายังจะทำร้ายติงเตี่ยนต่อไปได้อย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามกลับ “เจ้าก็คือต้นแบบของคนที่ฟังประกาศระบบไม่ละเอียด ระบบได้ประกาศหรือยังว่าตั้งแต่นี้ไปในเกมจะไม่มีคนคนนี้อีกแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด