ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 204 แผนสำรองของชีชี

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 204 แผนสำรองของชีชี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 204 แผนสำรองของชีชี

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้แต่ NPC ทั่วไปพวกนั้นที่มาดูเอาสนุก ก็ยังเริ่มกึ่งเชื่อกึ่งสงสัยเรื่องที่อวี๋ชางไห่สมคบกับพรรคฝ่ายมารแล้ว

ต้องกล่าวว่าเงินหนึ่งพันเหรียญทองที่ดาบฟันรองเท้าแตะใช้จ้างนักแสดงนั้นได้ผลมาก

พวกเขาทำได้ถึงขั้นนี้ จั่วเหลิ่งฉานก็พอใจมากแล้ว

แม้แต่พวกที่มาถึงงานด้วยตัวเองก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าเรื่องอวี๋ชางไห่สมคบกับพรรคฝ่ายมารเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวรอให้อวี๋ชางไห่ตายแล้ว ความจริงของเรื่องนี้ก็จะเป็นไปตามที่เขาพูดไม่ใช่หรอกหรือ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การให้พวกนักแสดงของของพรรคฝ่ายมารแสดงต่อไปก็ไม่มีโยชน์แล้ว

ดังนั้น จั่วเหลิ่งฉานจึงส่งสายตาให้ศิษย์น้องสองคนของเขา พอทั้งสองเข้าใจแล้ว คนหนึ่งก็ชักดาบ ส่วนอีกคนก็ปล่อยพลังฝ่ามือออกมา แล้งพุ่งเข้าไปหากลุ่มคนโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวนักแสดงทุกคนก็กลายเป็นแสงสีขาวไปหมดแล้ว

เป็นการปลิดชีพด้วยกระบวนท่าเดียวจริงๆ เวลาฆ่าคนไม่ต้องใช้สองกระบวนท่าเลย

เห็นเพียงซานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ เดาะลิ้นชมไม่หยุด “เกินไปแล้วมั้ง ทักษะยุทธ์ของสำนักซงซานแข็งแกร่งขนาดนี้หมดเลยหรือ แม้จะเป็นการทำดาเมจบนจุดสำคัญของร่างกายหมด แต่ผู้เล่นเยอะขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครโดนท่าเดียวแล้วรอดสักคน แบบนี้เกินไปหน่อยหรือเปล่า”

เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ทันตอบ ดาบฟันรองเท้าแตะก็ชิงอธิบายก่อนว่า “เพราะเดิมทีพวกเขาก็ได้เงินอยู่แล้ว มาที่นี่เพื่อเอาชีวิตมาทิ้ง บนตัวไม่ใส่อุปกรณ์ดีๆ แน่นอนอยู่แล้ว นอกจากชุดสีฟ้าที่เป็นเครื่องแบบของสำนัก นอกนั้นก็แทบมาลงสนามตัวเปล่า…

…อย่างไรเสีย แม้ ‘เพลงบูรพา’ จะลดโทษตายได้ แต่กลับลดอัตราดรอปไอเทมไม่ได้ เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด การไม่พกของมีค่าติดตัวเป็นวิธีการที่ดีที่สุด”

เฟยอวี๋กล่าวเสริมอยู่ข้างๆ เช่นกัน “อุปกรณ์ที่ไม่เพิ่มขีดจำกัดพลังชีวิตใดๆ ถึงขนาดว่าแม้แต่เครื่องแบบสีฟ้าของสำนักก็มีพลังป้องกันน้อยจนน่าสงสาร ตอนที่ใช้ ‘เพลงบูรพา’ ก็ถูกลดให้เหลือศูนย์แล้วเช่นกัน ยามเผชิญหน้ากับ BOSS ใหญ่อย่างสิบสามผู้พิทักษ์แห่งซงซาน หากไม่ถูกปลิดชีพก็แปลกแล้ว”

ตอนนี้ซานเย่ว์ถึงได้พยักหน้าอย่างปล่อยวาง

หลังจากจั่วเหลิ่งฉานให้ศิษย์น้องทั้งสองสังหารนักแสดงพวกนั้นแล้วก็หันตัวกลับมาทันที เขาย้ายสายตาเยียบเย็นไปบนตัวอวี๋ชางไห่ “ประมุขอวี๋ ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม”

อวี๋ชางไห่มองไปรอบๆ เปรียบเทียบกำลังของทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายอวี๋ชางไห่นอกจากตัวเขาเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชิงเฉิงที่ไม่เอาถ่านพวกนั้น หรือพวกสุนัขขี้ประจบที่มาเลียเท้าเขา ก็ไม่มีใครที่หวังพึ่งพาได้สักคน

วิเคราะห์โดยสรุป เปรียบเทียบกำลังบนสนามได้ดังนี้

ฝ่าย A: อวี๋ชางไห่

ฝ่าย B: จั่วเหลิ่งฉาน เย่ว์ปู้ฉวิน เล่อโฮ่ว จงเจิ้น หลินผิงจือ เยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ ซานเย่ว์ ดาบฟันรองเท้าแตะ ศิษย์ซงซานคนอื่นๆ…

หลังจากวิเคราะห์ทักษะยุทธ์ของสำนัก เอกลักษณ์กระบวนท่า ระดับพลัง และจำนวนคนของฝ่ายศัตรูและฝ่ายตัวเอง ในที่สุดอวี๋ชางไห่ก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง

มีโอกาสชนะไม่ถึงแปดส่วนด้วยซ้ำ!

ถึงอย่างไรอวี๋ชางไห่ก็เป็นคนโหดที่ฆ่ายกครัว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีหวังในชัยชนะ ก็นึกถึงแผนที่ชีชีวางให้เขาก่อนหน้านี้ทันที

ดังนั้น เจ้าสำนักท่านนี้ก็เงยหน้าตะโกนอย่างเศร้าโศก “นึกไม่ถึงว่าอวี๋ชางไห่ก็มีวันนี้เหมือนกัน!”

พอพูดจบ ก็พลันหยิบลูกระเบิดขนาดเท่าไข่ห่านออกมาจากหน้าอกสามลูกแล้วโยนลงพื้นทันที

ได้ยินเพียงเสียง ตุ้บ! ปั้ง! ปั้ง! ควันกลุ่มใหญ่ตลบอบอวลออกมา บดบังสายตาของทุกคน

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เป็นระเบิดควัน! นึกไม่ถึงว่าชีชีนั่นจะให้ความร่วมมือกับภารกิจได้ถึงขั้นนี้ สงสัยจะไม่ได้ทิ้งอวี๋ชางไห่อย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียว”

ระเบิดควันไม่ใช่อาวุธลับของสำนักชิงเฉิงเท่านั้น

แต่ผู้เล่นกลับดรอปได้จากตัวมอนสเตอร์พิเศษบางตัว ยกตัวอย่างเช่นเยี่ยเว่ยหมิงที่เจอนินจาจากทะเลบูรพาที่เขากระบี่เกาะเผิงไหล หลังจากฆ่าแล้วก็มีโอกาสดรอปไอเทมชนิดนี้สูงมาก

แต่ไอเทมชนิดนี้ทำดาเมจไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์ให้ใช้งานมากนัก เยี่ยเว่ยหมิงเพียงเก็บไว้ป้องกันตัวบางส่วนเท่านั้น หากให้เก็บมากกว่านี้ก็ขี้เกียจเก็บด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรเขากระบี่เกาะเผิงไหลก็ไม่มีจุดเติมของ จะซื้อขายทั้งทีก็ใช้เวลาเดินทางเยอะมาก ไอเทมขยะแบบนี้ไม่คุ้มที่จะพกติดตัวเลย

ประสิทธิภาพของระเบิดควันแบบนี้สู้ระเบิดควันที่ใช้ทางการทหารในยุคปัจจุบันไม่ได้ ไม่เพียงแค่ผลิตควันได้น้อย ทั้งควันยังสลายง่ายมากด้วย ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็คือเห็นผลเร็ว พอระเบิดควันสามลูกระเบิดออก ก็กลายเป็นควันกลุ่มใหญ่ในชั่วพริบตาเดียว เมื่อเทียบกับระเบิดควันทางการทหาร ระเบิดแบบนี้เหมาะกับการหลบหนีของชาวยุทธ์มากกว่า

วิธีการนี้ของอวี๋ชางไห่แม้จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง แต่กลับทำอะไรพวก NPC ระดับสูงที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้

ครู่ถัดมา หลังจากอวี๋ชางไห่ใช้ระเบิดควัน จั่วเหลิ่งฉาน เย่ว์ปู้ฉวิน เล่อโฮ่ว จงเจิ้น สี่ยอดฝีมือก็ทะยานตัวขึ้นมาพร้อมกัน บ้างก็กระโดดขึ้นหลังคา บ้างก็กระโดดขึ้นกำแพง ทั้งหมดออกจากเขตที่มีควันปกคลุม แล้วก้มมองบริเวณภายใต้กลุ่มควัน

ถึงอย่างไรควันแบบนี้ก็มาไวไปไว หากอวี๋ชางไห่ไม่หนีทันที ใช้เวลาไม่กี่วินาที เขาก็จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง

และถ้าเขาหนีพ้น ไม่ว่าหนึ่งในพวกเขาจะยืนอยู่ตรงไหนก็ตาม ก็จะรู้ทิศทางไปของอวี๋ชางไห่ทันที!

ในบรรดาห้ายอดฝีมือที่อยู่ตรงนี้ หลินผิงจือขาดประสบการณ์ในยุทธภพที่สุด ไหวตัวช้ากว่าอีกสี่คน แต่หลังจากสังเกตเห็นคนอื่นๆ เคลื่อนไหว เขาก็เอาเยี่ยงอย่างทันที กระโดดขึ้นเหนือกำแพงฝั่งซ้ายของประตูหน้าเขตลานบ้านใหญ่ จากนั้นก็หมุนตัวกวาดมองไปทั้งลานบ้าน

พรึ่บ! แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่บรรดายอดฝีมือยืนประจำตำแหน่งตัวเอง เงาร่างของอวี๋ชางไห่พลันกระโจนออกจากควันแล้วพุ่งออกไปทางประตูใหญ่โดยตรง

หลินผิงจือที่เฝ้าอยู่ตรงประตูใหญ่มีหรือที่จะปล่อยให้ศัตรูที่ฆ่าบิดามารดาหนีรอดไปง่ายๆ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่อวี๋ชางไห่ปรากฏตัว ร่างของเขากลายเป็นเงาสีแดงเข้าไปต้อนรับ แล้วยกกระบี่ฟันลงมาทันที

ฉึก!

อวี๋ชางไห่ที่กำลังหลบหนีหัวซุกหัวซุนกลายเป็นแสงสีขาวทันที หลินผิงจือหลังจากงุนงงไปชั่วขณะถึงได้รู้ตัว เขาตะโกนเสียงต่ำทันทีว่า “อวี๋ชางไห่คนนี้เป็นผู้เล่นปลอมตัวมา!”

เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก[1]?

เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินผิงจือ อีกสี่คนก็เดาวิธีการของฝ่ายตรงข้ามออกทันที

วิธีการแบบนี้ ที่จริงจะว่าไปแล้วก็ไม่ยาก ตอนที่อวี๋ชางไห่สร้างควันขึ้นมา ก็มีผู้เล่นที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้ามาเปลี่ยนชุดให้คล้ายอวี๋ชางไห่แล้วหนีไปข้างนอกเพื่อดึงดูดความสนใจคนอื่นเท่านั้น

ทันทีหลังจากนั้น เงาร่างของอวี๋ชางไห่ก็กระโดดออกจากควันอีก ครั้งนี้มุ่งตรงไปยังโถงหลักในเขตลานบ้านใหญ่ตระกูลอวี๋

เนื่องจากได้บทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ทั้งห้าไม่มีใครลงมือขัดขวางอีก ปล่อยให้เขาพุ่งเข้าบ้านไปอย่างนั้น เพียงแต่จั่วเหลิ่งฉานกับเย่ว์ปู้ฉวินใช้ท่าร่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย กระโดดไปบนบ้านสองหลังที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้โถงหลักอยู่ในขอบเขตการจับตาดูของพวกเขา

พอเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอวี๋ชางไห่ที่หนีเข้าบ้านจะเป็นตัวจริงหรือไม่ ก็หนีไม่พ้นขอบเขตสายตาของพวกเขาอยู่ดี

หลังจากสูดหายใจไม่กี่ครั้ง ควันก็สลายไปหมดแล้ว

ในลานบ้านใหญ่ขนาดนั้น ยังจะเหลือเงาของอวี๋ชางไห่เสียที่ไหนกัน

จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดทุกคนก็แน่ใจแล้วว่าอวี๋ชางไห่คนที่หนีเข้าบ้านก่อนหน้านี้คือตัวจริง!

ตอนที่สี่ยอดฝีมือเตรียมจะพุ่งเข้าบ้านไปแย่งฆ่าบอส กลางโถงใหญ่ก็มีเสียง ปั้ง! ปั้ง! หลายครั้งดังมา

วินาทีต่อมา ควันตลบอบอวล

จากนั้น ทุกคนก็เห็นชายตัวเล็กสวมชุดนักพรตเต๋าไม่ต่ำกว่าสามสิบคนโผล่ออกมาจากบ้าน แล้วหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง

เมื่อดูหน้าตาของพวกเขาให้ดีอีกครั้ง

ก็พบว่าบนใบหน้าของคนพวกนี้สวมหน้ากากงิ้วแตกต่างกันไป!

[1] เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก 鱼目混珠 หมายถึงเอาของปลอมไปปนกับของจริงเพื่อตบตา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 204 แผนสำรองของชีชี

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 204 แผนสำรองของชีชี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 204 แผนสำรองของชีชี

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้แต่ NPC ทั่วไปพวกนั้นที่มาดูเอาสนุก ก็ยังเริ่มกึ่งเชื่อกึ่งสงสัยเรื่องที่อวี๋ชางไห่สมคบกับพรรคฝ่ายมารแล้ว

ต้องกล่าวว่าเงินหนึ่งพันเหรียญทองที่ดาบฟันรองเท้าแตะใช้จ้างนักแสดงนั้นได้ผลมาก

พวกเขาทำได้ถึงขั้นนี้ จั่วเหลิ่งฉานก็พอใจมากแล้ว

แม้แต่พวกที่มาถึงงานด้วยตัวเองก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าเรื่องอวี๋ชางไห่สมคบกับพรรคฝ่ายมารเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวรอให้อวี๋ชางไห่ตายแล้ว ความจริงของเรื่องนี้ก็จะเป็นไปตามที่เขาพูดไม่ใช่หรอกหรือ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การให้พวกนักแสดงของของพรรคฝ่ายมารแสดงต่อไปก็ไม่มีโยชน์แล้ว

ดังนั้น จั่วเหลิ่งฉานจึงส่งสายตาให้ศิษย์น้องสองคนของเขา พอทั้งสองเข้าใจแล้ว คนหนึ่งก็ชักดาบ ส่วนอีกคนก็ปล่อยพลังฝ่ามือออกมา แล้งพุ่งเข้าไปหากลุ่มคนโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวนักแสดงทุกคนก็กลายเป็นแสงสีขาวไปหมดแล้ว

เป็นการปลิดชีพด้วยกระบวนท่าเดียวจริงๆ เวลาฆ่าคนไม่ต้องใช้สองกระบวนท่าเลย

เห็นเพียงซานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ เดาะลิ้นชมไม่หยุด “เกินไปแล้วมั้ง ทักษะยุทธ์ของสำนักซงซานแข็งแกร่งขนาดนี้หมดเลยหรือ แม้จะเป็นการทำดาเมจบนจุดสำคัญของร่างกายหมด แต่ผู้เล่นเยอะขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครโดนท่าเดียวแล้วรอดสักคน แบบนี้เกินไปหน่อยหรือเปล่า”

เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ทันตอบ ดาบฟันรองเท้าแตะก็ชิงอธิบายก่อนว่า “เพราะเดิมทีพวกเขาก็ได้เงินอยู่แล้ว มาที่นี่เพื่อเอาชีวิตมาทิ้ง บนตัวไม่ใส่อุปกรณ์ดีๆ แน่นอนอยู่แล้ว นอกจากชุดสีฟ้าที่เป็นเครื่องแบบของสำนัก นอกนั้นก็แทบมาลงสนามตัวเปล่า…

…อย่างไรเสีย แม้ ‘เพลงบูรพา’ จะลดโทษตายได้ แต่กลับลดอัตราดรอปไอเทมไม่ได้ เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด การไม่พกของมีค่าติดตัวเป็นวิธีการที่ดีที่สุด”

เฟยอวี๋กล่าวเสริมอยู่ข้างๆ เช่นกัน “อุปกรณ์ที่ไม่เพิ่มขีดจำกัดพลังชีวิตใดๆ ถึงขนาดว่าแม้แต่เครื่องแบบสีฟ้าของสำนักก็มีพลังป้องกันน้อยจนน่าสงสาร ตอนที่ใช้ ‘เพลงบูรพา’ ก็ถูกลดให้เหลือศูนย์แล้วเช่นกัน ยามเผชิญหน้ากับ BOSS ใหญ่อย่างสิบสามผู้พิทักษ์แห่งซงซาน หากไม่ถูกปลิดชีพก็แปลกแล้ว”

ตอนนี้ซานเย่ว์ถึงได้พยักหน้าอย่างปล่อยวาง

หลังจากจั่วเหลิ่งฉานให้ศิษย์น้องทั้งสองสังหารนักแสดงพวกนั้นแล้วก็หันตัวกลับมาทันที เขาย้ายสายตาเยียบเย็นไปบนตัวอวี๋ชางไห่ “ประมุขอวี๋ ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม”

อวี๋ชางไห่มองไปรอบๆ เปรียบเทียบกำลังของทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายอวี๋ชางไห่นอกจากตัวเขาเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชิงเฉิงที่ไม่เอาถ่านพวกนั้น หรือพวกสุนัขขี้ประจบที่มาเลียเท้าเขา ก็ไม่มีใครที่หวังพึ่งพาได้สักคน

วิเคราะห์โดยสรุป เปรียบเทียบกำลังบนสนามได้ดังนี้

ฝ่าย A: อวี๋ชางไห่

ฝ่าย B: จั่วเหลิ่งฉาน เย่ว์ปู้ฉวิน เล่อโฮ่ว จงเจิ้น หลินผิงจือ เยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ ซานเย่ว์ ดาบฟันรองเท้าแตะ ศิษย์ซงซานคนอื่นๆ…

หลังจากวิเคราะห์ทักษะยุทธ์ของสำนัก เอกลักษณ์กระบวนท่า ระดับพลัง และจำนวนคนของฝ่ายศัตรูและฝ่ายตัวเอง ในที่สุดอวี๋ชางไห่ก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง

มีโอกาสชนะไม่ถึงแปดส่วนด้วยซ้ำ!

ถึงอย่างไรอวี๋ชางไห่ก็เป็นคนโหดที่ฆ่ายกครัว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีหวังในชัยชนะ ก็นึกถึงแผนที่ชีชีวางให้เขาก่อนหน้านี้ทันที

ดังนั้น เจ้าสำนักท่านนี้ก็เงยหน้าตะโกนอย่างเศร้าโศก “นึกไม่ถึงว่าอวี๋ชางไห่ก็มีวันนี้เหมือนกัน!”

พอพูดจบ ก็พลันหยิบลูกระเบิดขนาดเท่าไข่ห่านออกมาจากหน้าอกสามลูกแล้วโยนลงพื้นทันที

ได้ยินเพียงเสียง ตุ้บ! ปั้ง! ปั้ง! ควันกลุ่มใหญ่ตลบอบอวลออกมา บดบังสายตาของทุกคน

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เป็นระเบิดควัน! นึกไม่ถึงว่าชีชีนั่นจะให้ความร่วมมือกับภารกิจได้ถึงขั้นนี้ สงสัยจะไม่ได้ทิ้งอวี๋ชางไห่อย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียว”

ระเบิดควันไม่ใช่อาวุธลับของสำนักชิงเฉิงเท่านั้น

แต่ผู้เล่นกลับดรอปได้จากตัวมอนสเตอร์พิเศษบางตัว ยกตัวอย่างเช่นเยี่ยเว่ยหมิงที่เจอนินจาจากทะเลบูรพาที่เขากระบี่เกาะเผิงไหล หลังจากฆ่าแล้วก็มีโอกาสดรอปไอเทมชนิดนี้สูงมาก

แต่ไอเทมชนิดนี้ทำดาเมจไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์ให้ใช้งานมากนัก เยี่ยเว่ยหมิงเพียงเก็บไว้ป้องกันตัวบางส่วนเท่านั้น หากให้เก็บมากกว่านี้ก็ขี้เกียจเก็บด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรเขากระบี่เกาะเผิงไหลก็ไม่มีจุดเติมของ จะซื้อขายทั้งทีก็ใช้เวลาเดินทางเยอะมาก ไอเทมขยะแบบนี้ไม่คุ้มที่จะพกติดตัวเลย

ประสิทธิภาพของระเบิดควันแบบนี้สู้ระเบิดควันที่ใช้ทางการทหารในยุคปัจจุบันไม่ได้ ไม่เพียงแค่ผลิตควันได้น้อย ทั้งควันยังสลายง่ายมากด้วย ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็คือเห็นผลเร็ว พอระเบิดควันสามลูกระเบิดออก ก็กลายเป็นควันกลุ่มใหญ่ในชั่วพริบตาเดียว เมื่อเทียบกับระเบิดควันทางการทหาร ระเบิดแบบนี้เหมาะกับการหลบหนีของชาวยุทธ์มากกว่า

วิธีการนี้ของอวี๋ชางไห่แม้จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง แต่กลับทำอะไรพวก NPC ระดับสูงที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้

ครู่ถัดมา หลังจากอวี๋ชางไห่ใช้ระเบิดควัน จั่วเหลิ่งฉาน เย่ว์ปู้ฉวิน เล่อโฮ่ว จงเจิ้น สี่ยอดฝีมือก็ทะยานตัวขึ้นมาพร้อมกัน บ้างก็กระโดดขึ้นหลังคา บ้างก็กระโดดขึ้นกำแพง ทั้งหมดออกจากเขตที่มีควันปกคลุม แล้วก้มมองบริเวณภายใต้กลุ่มควัน

ถึงอย่างไรควันแบบนี้ก็มาไวไปไว หากอวี๋ชางไห่ไม่หนีทันที ใช้เวลาไม่กี่วินาที เขาก็จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าทุกคนอีกครั้ง

และถ้าเขาหนีพ้น ไม่ว่าหนึ่งในพวกเขาจะยืนอยู่ตรงไหนก็ตาม ก็จะรู้ทิศทางไปของอวี๋ชางไห่ทันที!

ในบรรดาห้ายอดฝีมือที่อยู่ตรงนี้ หลินผิงจือขาดประสบการณ์ในยุทธภพที่สุด ไหวตัวช้ากว่าอีกสี่คน แต่หลังจากสังเกตเห็นคนอื่นๆ เคลื่อนไหว เขาก็เอาเยี่ยงอย่างทันที กระโดดขึ้นเหนือกำแพงฝั่งซ้ายของประตูหน้าเขตลานบ้านใหญ่ จากนั้นก็หมุนตัวกวาดมองไปทั้งลานบ้าน

พรึ่บ! แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่บรรดายอดฝีมือยืนประจำตำแหน่งตัวเอง เงาร่างของอวี๋ชางไห่พลันกระโจนออกจากควันแล้วพุ่งออกไปทางประตูใหญ่โดยตรง

หลินผิงจือที่เฝ้าอยู่ตรงประตูใหญ่มีหรือที่จะปล่อยให้ศัตรูที่ฆ่าบิดามารดาหนีรอดไปง่ายๆ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่อวี๋ชางไห่ปรากฏตัว ร่างของเขากลายเป็นเงาสีแดงเข้าไปต้อนรับ แล้วยกกระบี่ฟันลงมาทันที

ฉึก!

อวี๋ชางไห่ที่กำลังหลบหนีหัวซุกหัวซุนกลายเป็นแสงสีขาวทันที หลินผิงจือหลังจากงุนงงไปชั่วขณะถึงได้รู้ตัว เขาตะโกนเสียงต่ำทันทีว่า “อวี๋ชางไห่คนนี้เป็นผู้เล่นปลอมตัวมา!”

เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก[1]?

เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินผิงจือ อีกสี่คนก็เดาวิธีการของฝ่ายตรงข้ามออกทันที

วิธีการแบบนี้ ที่จริงจะว่าไปแล้วก็ไม่ยาก ตอนที่อวี๋ชางไห่สร้างควันขึ้นมา ก็มีผู้เล่นที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้ามาเปลี่ยนชุดให้คล้ายอวี๋ชางไห่แล้วหนีไปข้างนอกเพื่อดึงดูดความสนใจคนอื่นเท่านั้น

ทันทีหลังจากนั้น เงาร่างของอวี๋ชางไห่ก็กระโดดออกจากควันอีก ครั้งนี้มุ่งตรงไปยังโถงหลักในเขตลานบ้านใหญ่ตระกูลอวี๋

เนื่องจากได้บทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ทั้งห้าไม่มีใครลงมือขัดขวางอีก ปล่อยให้เขาพุ่งเข้าบ้านไปอย่างนั้น เพียงแต่จั่วเหลิ่งฉานกับเย่ว์ปู้ฉวินใช้ท่าร่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย กระโดดไปบนบ้านสองหลังที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้โถงหลักอยู่ในขอบเขตการจับตาดูของพวกเขา

พอเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอวี๋ชางไห่ที่หนีเข้าบ้านจะเป็นตัวจริงหรือไม่ ก็หนีไม่พ้นขอบเขตสายตาของพวกเขาอยู่ดี

หลังจากสูดหายใจไม่กี่ครั้ง ควันก็สลายไปหมดแล้ว

ในลานบ้านใหญ่ขนาดนั้น ยังจะเหลือเงาของอวี๋ชางไห่เสียที่ไหนกัน

จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดทุกคนก็แน่ใจแล้วว่าอวี๋ชางไห่คนที่หนีเข้าบ้านก่อนหน้านี้คือตัวจริง!

ตอนที่สี่ยอดฝีมือเตรียมจะพุ่งเข้าบ้านไปแย่งฆ่าบอส กลางโถงใหญ่ก็มีเสียง ปั้ง! ปั้ง! หลายครั้งดังมา

วินาทีต่อมา ควันตลบอบอวล

จากนั้น ทุกคนก็เห็นชายตัวเล็กสวมชุดนักพรตเต๋าไม่ต่ำกว่าสามสิบคนโผล่ออกมาจากบ้าน แล้วหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง

เมื่อดูหน้าตาของพวกเขาให้ดีอีกครั้ง

ก็พบว่าบนใบหน้าของคนพวกนี้สวมหน้ากากงิ้วแตกต่างกันไป!

[1] เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก 鱼目混珠 หมายถึงเอาของปลอมไปปนกับของจริงเพื่อตบตา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด