ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 332 ลาร่ากับครอฟท์

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 332 ลาร่ากับครอฟท์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 332 ลาร่ากับครอฟท์

ด่านแรก หนึ่งต่อสาม?

“ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงง

อิงตามความเข้าใจที่เยี่ยเว่ยหมิงมีต่อทักษะยุทธ์ของสำนักสุสานโบราณ นอกจากกระบี่คู่ผนึกรวม พวกเขาก็เหมือนไม่มีวิธีผนึกรวมการโจมตีประเภทค่ายกลกระบี่แล้ว อีกทั้งต่อให้เป็นกระบี่คู่ผนึกรวม ตอนนี้ทั้งสุสานโบราณก็มีเพียงสะพานสวรรค์น้อยที่ใช้วิธีการนี้ได้

เพราะหากต้องการใช้กระบี่คู่ผนึกรวม ก็ต้องมีพื้นฐาน ‘ดรุณีหยก’ แล้วฝึกร่วมกับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แน่นอนว่าถ้าทำได้อย่างสะพานสวรรค์น้อย แล้วฝึกกำลังภายในของสำนักฉวนเจินเพิ่มด้วยอีกหนึ่งวิชา ก็จะแสดงประสิทธิภาพของ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ออกมาได้มากกว่าเดิม

หลังจากนั้นทั้งยังต้องทำภารกิจระดับสูงของสำนักสุสานโบราณให้สำเร็จ และเรียน ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ด้วย

ยังไม่ต้องพูดว่าทำให้ได้สมบูรณ์แบบเหมือนสะพานสวรรค์น้อย ศิษย์คนอื่นของสำนักสุสานโบราณถึงขั้นทำไม่สำเร็จตั้งแต่เงื่อนไขแรกตามที่กล่าวมาแล้ว

เพราะในสำนักสุสานโบราณ ไม่มีการถ่ายทอด ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’!

ดังนั้น เมื่อท่านยายซุนให้เยี่ยเว่ยหมิงต่อสู้แบบหนึ่งต่อสาม ก็ทำได้เพียงสู้หนึ่งต่อสามแบบง่ายๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดสถานการณ์ 1 +1 +1 > 3

ข้อมูลที่บรรยายข้างต้น ทั้งหมดคือข้อมูลส่วนตัวของสะพานสวรรค์คริสตัล ศิษย์พี่หญิงใหญ่แห่งสำนักสุสานโบราณ ไม่มีผิดพลาดแน่นอน

และเมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ ท่านยายซุนกลับส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วบอกว่า “ย่อมไม่ง่ายขนาดนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นบททดสอบหนึ่ง เจ้าก็ห้ามทำให้ศิษย์สำนักสุสานโบราณของข้ามีอันตรายถึงชีวิตเด็ดขาด”

ฆ่าคนไม่ได้?

เมื่อได้ยินคำขอที่ไร้เหตุผลนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วมุ่น “ในระหว่างการต่อสู้ของพวกผู้เล่น มักจะต้องมีคนตายถึงจะตัดสินแพ้ชนะได้ ในเมื่อท่านยายซุนไม่ให้ข้าทำให้ศัตรูมีอันตรายถึงชีวิต เช่นนั้นต้องทำถึงขั้นไหน ถึงจะถือว่าผ่านการทดสอบด่านนี้ อย่าบอกนะว่าโจมตีพวกนางให้บาดเจ็บ แล้วค่อยรอให้พวกนางฟื้นตัวกลับมาช้าๆ เป็นวงจรไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ต่อไป”

“ยายแก่คนนี้ไม่กลั่นแกล้งคนขนาดนั้น” ท่านยายซุนยิ้ม แล้วเก็บกิ่งไม้แห้งแท่งหนึ่งขึ้นมาจากพื้น วาดวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามจั้งบนพื้น บอกว่า “อีกประเดี๋ยวจอมยุทธ์น้อยเยี่ยเข้าไปประลองกับคู่ต่อสู้ของเจ้าในวงกลมที่ข้าวาดไว้ ผู้ที่ออกจากวงจะถูกตัดสินให้ออกไป ขอเพียงจอมยุทธ์น้อยเยี่ยบีบคู่ต่อสู้สามคนของตัวเองออกนอกวงให้หมดได้ ก็ย่อมถือว่าเจ้าชนะแล้ว”

จากนั้นนางก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา กล่าวเสริมอีกว่า “แต่ศิษย์สำนักสุสานโบราณของพวกเรา นอกจากสะพานสวรรค์น้อยแล้ว คนอื่นก็ยังฝึกวิชาไม่ชำนาญ ทำไม่ได้ถึงขั้นหยุด หรือเริ่มโจมตีได้ตามอำเภอใจ หากจอมยุทธ์น้อยเยี่ยถูกพวกเขาพลั้งมือฆ่าตายในระหว่างการต่อสู้ หรือถูกบีบออกนอกวง ก็ถือว่าเจ้าแพ้”

“ไม่มีปัญหา!” ตอนที่ตอบประโยคนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก้าวเข้าไปอยู่กลางวงที่ท่านยายซุนวาดไว้แล้ว จากนั้นหันตัวมาถามท่านยายซุนอีกว่า “ไม่ทราบว่าคู่ต่อสู้ของข้าคือแม่นางสามท่านไหน”

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง การทดสอบด่านแรกเหมือนเป็นการส่งคะแนนให้ฟรีๆ

ตามที่เขารู้มา ตอนนี้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักสุสานโบราณก็คือสะพานสวรรค์น้อย อีกทั้งเมื่อไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายใช้กระบี่คู่ผนึกรวม เยี่ยเว่ยหมิงมีความมั่นใจมากพอว่าจะเอาชนะสะพานสวรรค์น้อยสามคนได้

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ท่านยายซุนก็พูดกับศิษย์สำนักสุสานโบราณแปดคนที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงสงบว่า “สำหรับเรื่องที่จอมยุทธ์น้อยเยี่ยขอปลา ถือว่าพวกเจ้าต่อต้านรุนแรงที่สุด ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ใครยินดีจะลงสนามประลองกับจอมยุทธ์น้อยเยี่ยบ้าง”

“ข้าเอง!”

“ข้าด้วย!”

แทบจะพร้อมกับตอนที่เสียงของท่านยายซุนเงียบลง สองสาวที่มีเจตนาใช้ผึ้งโจมตีเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ก้าวออกมาอีกครั้ง พวกนางชักกระบี่ล้ำค่าออกมาแล้วเข้าไปในวงพร้อมกัน

ขณะเดียวกันนี้เอง ในช่องทีมก็มีข้อความส่งมาจากสะพานสวรรค์น้อย [คนฝั่งซ้ายที่ตัวสูงกว่าชื่อลาร่า คนฝั่งขวาที่ตาโตกว่าชื่อครอฟท์ พวกนางสองคนเหมือนเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริง ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันดีมาก ถ้าสู้แบบสองต่อสอง พวกนางก็ถือว่าอยู่อันดับบนๆ ของสำนัก]

[เพียงแต่ภารกิจปลาขาวบึงหนาวให้ผู้เล่นทำภารกิจได้แค่คนเดียว สาเหตุที่พวกนางไม่ได้ปลาขาวมาไว้ในมือเสียที สำหรับพวกนางแล้ว พี่ใหญ่เยี่ยห้าม…อืม เจ้าจะสู้อย่างไรก็ตามใจเจ้าเถอะ]

เดิมทีสะพานสวรรค์น้อยอยากจะเตือนเยี่ยเว่ยหมิงว่าอย่าประมาทเด็ดขาดอะไรทำนองนั้น แต่พอลองเทียบความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงกับผู้หญิงสองคนนั้น นางก็รู้สึกว่าประมาทนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร จึงเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้มบางๆ ตอนนี้กลับเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ก้าวออกมาจากกลุ่มศิษย์สำนักสุสานโบราณ หลังจากเข้ามาในวงการต่อสู้แล้ว นางก็ยิ้มให้เยี่ยเว่ยหมิงก่อน จากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างหลังลาร่ากับครอฟท์ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเขินอาย

สำหรับหญิงสาวที่ดูอ่อนโยนกว่าสองคนแรก เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้ายิ้มตอบอย่างมีมารยาทเช่นกัน

แต่คาดไม่ถึงว่าสะพานสวรรค์น้อยกลับส่งข้อความเตือนในช่องทีม [พี่ใหญ่เยี่ยระวังตัวนะ! ทักษะยุทธ์ของเถียนเอ๋อร์แม้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่วิชากันผึ้งของนางเหนือกว่าข้า ขนาดตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับวิชากันผึ้งของนางยังต้องใช้ความพยายามสูงมากเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของผึ้งหยก แต่กลับไม่มีทางแย่งอำนาจควบคุมฝูงผึ้งมาจากมือนางได้เลย]

[ถ้านางลงมือ พี่ใหญ่เยี่ยจะต้องรีบสู้รีบจบ!]

พอเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองประเมินหญิงสาวที่ชื่อเถียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นตอบข้อความในช่องทีม [เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เตือน]

เมื่อเห็นสองฝ่ายที่กำลังจะต่อสู้กันเจ้าประจำที่ตัวเองแล้ว ท่านยายซุนก็ประกาศเริ่มการประลองทันที

“แม่นางทั้งสาม เยี่ยเว่ยหมิงล่วงเกินแล้ว!” ครู่ต่อมาหลังจากท่านยายซุนประกาศว่าการประลองเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เยี่ยเว่ยหมิงก็เคลื่อนตัวเดินออกไปตามกระบี่ทันที กระบี่ตรงไปยังเถียนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงกลางและอันตรายที่สุด

พเนจรสุดขอบฟ้า!

หลังจากเข้าใจความเชี่ยวชาญของสามคนที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนแล้ว มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมีกลยุทธ์สองปกป้องหนึ่ง

ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายเตรียมกลยุทธ์ไว้นานแล้ว มีหรือที่จะปล่อยให้เยี่ยเว่ยหมิงรบกวนการโจมตีของเถียนเอ๋อร์ได้ง่ายๆ

ครู่ต่อมาหลังจากเยี่ยเว่ยหมิงลงมือ กระบี่ล้ำค่าสองเล่มของลาร่ากับครอฟท์ก็แทงออกมาพร้อมเพรียงแล้วเช่นกัน ตรงจุดที่คมกระบี่ชี้ไป ก็คือจุดอ่อนของท่าพเนจรสุดขอบฟ้านั่นเอง

ที่จริง ต่อให้เป็นทักษะยุทธ์ที่เกิดมาเพื่อข่มกันแต่ย่อมมีข้อจำกัดแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ เลเวลหนึ่งจะเอาชนะ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เลเวลแปดได้ แบบนั้นก็เกินไปหน่อย

น้ำชนะไฟ แต่ไฟมากกว่าก็ต้มน้ำได้!

ด้วย ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เลเวลเก้าของเยี่ยเว่ยหมิง ถ้าอยากจะข่มพวกนางกลับก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

แต่ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นล่ะ

เมื่อเห็นสองคนนั้นเผยสีหน้าดีใจตอนเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ จู่ๆ ในก้นบึ้งหัวใจของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดความคิดน่าสนุกบางอย่างขึ้น เขาไม่ใช้เคล็ดกระบี่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามอีก แต่แสร้งทำเหมือนกระบวนท่าของตัวเองถูกข่ม ถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมเปลี่ยนท่า

สองสาวเห็นสถานการณ์แล้วดีใจทันที รีบใช้กระบวนท่าที่สัมพันธ์กันโจมตีตามหลังไป

จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็สู้พลางถอยพลาง ทำให้สองสาวยิ่งโจมตียิ่งลำพองใจ พอเห็นว่าใกล้จะบีบให้เยี่ยเว่ยหมิงออกนอกวงได้สำเร็จ ก็ยิ่งกรอกพลังสิบส่วนเข้าไปในกระบี่ยาว ส่งผลให้กระบวนท่าที่เดิมทีก็ข่ม ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ได้อยู่แล้วยิ่งเฉียมคมมากขึ้นไปอีก พวกนางเตรียมจบงานในคราเดียว บีบให้เยี่ยเว่ยหมิงที่คิดมาแย่งปลากับพวกนางออกจากวงไปเสียเลย!

แต่ตอนนี้เอง ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงกลับกระโจนขึ้นกะทันหัน ตอนที่สองสาวยังไม่ทันตอบสนองอะไร เขาก็กระโดดข้ามศีรษะของพวกนางไปแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ข้างหลังพวกนางแล้ว

ตอนนี้ถึงคราวที่พวกนางสองคนได้อยู่ห่างจากขอบวงเพียงสามฉื่อแล้ว

เห็นได้ชัดว่าสองสาวคาดไม่ถึงว่าท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิงรวดเร็วขนาดนี้ ในขณะที่กำลังตกใจ พวกนางลนลานหันตัวแทงกระบี่กลับไป

“อ๊า!…”

-233!

มังกรซ่อนกบดานถูกเปิดใช้งานล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ไกลๆ จึงทำดาเมจได้ไม่สูงนัก แต่เอฟเฟ็กต์เป่าบินที่มากับทักษะนี้กลับส่งให้สองสาวกระเด็นออกนอกวงต่อสู้ไปแล้ว

ลาร่า OUT!

ครอฟท์ OUT!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด