ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร

การที่ NPC ยอดฝีมือสำนักเส้าหลินทั้งเจ็ดเฝ้าสังเกตการต่อสู้อยู่ข้างๆ ที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

การใช้หลวงจีนรุ่นฉายานามคงคนเดียวสู้กับจางชุ่ยซาน ก็ดูน่าสงสัยแล้วว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ถ้าให้กลุ่มรุ่นฉายานามหยวน รุ่นฉายานามฮุ่ย มาล้อมโจมตีผู้เล่นด้วยกัน แบบนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็กแล้ว

แบบนั้นเรียกว่าหน้าด้าน!

ในฐานะที่เป็นผู้นำของสำนักฝ่ายธรรมะในยุทธภพ เส้าหลินเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ไหว!

ส่วนการต่อสู้ของฝั่งผู้เล่น ก็เกี่ยวข้องกับกติกาของระบบ

ยกตัวอย่างเช่นภารกิจนี้ ระบบจัดให้ผู้เล่นสู้กับผู้เล่น จัดให้ NPC สู้กับ NPC แบบนี้ถึงจะรับประกันลักษณะเกมและความสมดุลในเกมได้ดีขึ้น ดังนั้นในการต่อสู้ของผู้เล่นฝั่งนี้ พวกเขาก็จะไม่ลงมือเช่นกัน

แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น NPC ทั้งเจ็ดกลายเป็นผู้ชมโดยสมบูรณ์

จนกระทั่งตอนนี้ การต่อสู้ดำเนินมาจนถึงจุดเดือดแล้ว

ทางฝั่ง NPC แม้จางชุ่ยซานจะมีวิทยายุทธ์ที่เกื้อหนุนกับตัวเขาอย่างที่สุดคอยคุมสถานการณ์อยู่ แต่ความสามารถโดยรวมก็ยังด้อยกว่าคงซิ่งหนึ่งระดับ เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทีละนิด หากเป็นอย่างนี้ต่อไป จะแพ้หรือไม่แพ้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ส่วนทางฝั่งผู้เล่น ตามเวลาที่ผ่านเลยไป ค่าพลังชีวิตของทั้งสองฝ่ายก็ลดลงเช่นกัน ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงลดไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนสถานการณ์โดยรวมของผู้เล่นสี่คนที่สู้กับเขาก็แย่กว่าเขาเล็กน้อย โดยเฉพาะหนึ่งในผู้เล่นเส้าหลินที่ใช้ดาบ ค่าพลังชีวิตลดลงเหลือหนึ่งในสี่ส่วนแล้ว

เป็นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงป้องกันได้ค่อนข้างดี แต่สมาชิกบนสนามต่อสู้อื่นเริ่มลดลงแล้ว ผู้เล่นเจ็ดคนของสำนักอู่ตังสู้ตายไปแล้วสองคน ส่วนผู้เล่นสำนักเส้าหลินก็สู้ตายไปแล้วสามคน สำนักเส้าหลินยังเป็นฝ่ายได้เปรียบด้านจำนวนคนอย่างมั่นคง

ที่จริงเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีคริติคอลให้คู่ต่อสู้ที่พลังชีวิตน้อยที่สุดตายก่อนได้ แบบนั้นจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ แต่พอนึกถึงประโยคที่อินปู้คุยตะโกนก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เขาระงับความคิดนี้ไว้ก่อน

และในตอนนี้ สีของท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว

ทันใดนั้น! เงาร่างสีดำร่างหนึ่งก็กระโจนขึ้นมาในแนวเฉียง สองมือโบกแกว่งไม่หยุด เจ็ดยอดฝีมือของสำนักเส้าหลินที่กำลังดูการต่อสู้พลันขยับร่างกายโดยสัญชาตญาณ แต่จากนั้นก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น “แย่แล้ว เป็นอาวุธลับ มีพิษ!”

ตอนเสียงร้องตกใจของเขาดังขึ้น เจ็ดยอดฝีมือของเส้าหลินก็เริ่มตรวจดูอาการบาดเจ็บของตัวเอง ส่วนเงาร่างสีดำก็กระโจนตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วขว้างอาวุธลับหลายชนิดโจมตีโครมๆ ไปทางผู้เล่นที่กำลังสู้กันอยู่บนสนาม

เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มระมัดระวังตัวตั้งแต่เงาร่างสีดำปรากฏแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายลงมือกับตัวเอง ปลายเท้าก็พลันแตะพื้น ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว หลบออกจากขอบเขตอาวุธลับของอีกฝ่ายได้ในทันที

แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะถลันตัวหลบได้อย่างสง่างาม แต่คนอื่นกลับไม่ได้ฝีมือดีเท่าเขา ท่ามกลางผู้เล่นสองฝ่าย นอกจากไม่กี่คนที่เข้าใจสถานการณ์ คนที่เหลือก็บาดเจ็บด้วยอาวุธลับของคนชุดดำเกือบทั้งหมด

ในจำนวนนั้นศิษย์สำนักอู่ตังเสียหายหนักสุด เพราะหลังจากคนชุดดำกระโจนออกมา ก็โจมตี NPC เส้าหลินทั้งเจ็ดทันที ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือภาพลวงตา ถึงขั้นนึกไม่ถึงด้วยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีตน การถูกโจมตีภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ในบรรดาศิษย์สำนักอู่ตังที่เหลืออยู่เพียงห้าคน มีสามคนถูกโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว

คนที่โชคดีรอดมาได้มีเพียงอินปู้คุยกับผู้เล่นอีกคนที่ถือพู่กันพิพากษาแบบเดียวกับจางชุ่ยซาน

ส่วนผู้เล่นเส้าหลินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ตอนที่คนชุดดำปรากฏตัว แม้พวกเขาจะเตรียมป้องกันไว้บ้างแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะวิธีการโจมตีที่คนชุดดำใช้กับพวกเขาไม่เหมือนที่ใช้กับศิษย์สำนักอู่ตัง

ตอนที่ศิษย์สำนักอู่ตังโจมตี คนชุดดำใช้อาวุธลับชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน อานุภาพรุนแรงกว่า เมื่อผู้เล่นที่พลังชีวิตน้อยโดนโจมตีก็จะเกิดผลปลิดชีพทันที แต่ตอนที่โจมตีผู้เล่นเส้าหลิน คนชุดดำกลับใช้อาวุธลับที่ซ่อนเร้นมากชนิดหนึ่ง ทำให้ป้องกันได้ยากกว่าเดิม แม้จะด้อยอานุภาพกว่ามาก แต่กลับอาบพิษร้าย ทำให้ผู้เล่นเส้าหลินเหล่านี้โดนพิษไปเกินครึ่ง ทยอยกันเสียพลังชีวิต

“หยุดนะ โจรชั่ว!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาล คงซิ่งไม่สนใจจางชุ่ยซานแล้ว เขาถลันร่างไปทางคนชุดดำแทน

เมื่อคนชุดดำเห็นดังนั้น กลับโบกมือสองข้างพร้อมกันด้วยความเร็วที่เหมาะเจาะ ยิงอาวุธลับประมาณสิบเล่มไปยังคงซิ่งพร้อมกัน

“ลูกไม้ตื้นๆ” คงซิ่งเห็นแล้วกล่าวดูถูกเย้ยหยัน ก่อนจะม้วนแขนเสื้อสองข้าง โจมตีอาวุธลับที่ยิงเข้ามาจนกระเด็นออกไปหมด

ทว่าคนชุดดำกลับอาศัยจังหวะตอนเขาต้านอาวุธลับ ใช้ท่าร่างหนีไปไกลแล้ว

คนชุดดำมาไวไปไว เพียงแต่การปรากฏตัวของเขากลับทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงเต็มรูปแบบ ตอนนี้ผู้เล่นอู่ตังเสียหายหนักมาก ฝั่งเส้าหลินไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC ล้วนโดนพิษหมด เหลือเพียงคงซิ่งที่ไม่กล้าทิ้งศิษย์ในสำนักมากมายขนาดนี้เอาไว้แล้วไล่ตามศัตรูไป ถึงขนาดว่าไม่มีกะจิตกะใจจะโจมตีจางชุ่ยซานแล้วด้วย

จางชุ่ยซานที่หลุดพ้นอันตรายถลันตัวทันที คว้าแขนศิษย์สำนักอู่ตังสองคนพร้อมบอกว่า “น้องเว่ยหมิงตามมาด้วย” ก่อนจะใช้ท่าร่างทะยานบันไดเมฆาเหาะไปไกลแล้ว

ที่แท้คนชุดดำที่โผล่มากะทันหันคนนี้ต่างหากที่เป็นคนแก้สถานการณ์ให้!

และที่อินปู้คุยเตือนให้ทุกคนยืนหยัดไว้ก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่าคาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น

[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณทำภารกิจ ‘ช่วยศิษย์สำนักอู่ตัง’ สำเร็จได้ทันเวลา ได้รับรางวัล:

ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม

ค่าตบะ 500 แต้ม

ชื่อเสียงยุทธภพ 10 แต้ม]

ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงถูกขัดจังหวะด้วยการแจ้งเตือนจากระบบ จากนั้นก็ตาเป็นประกายอีกครั้ง

ช่างเป็นความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนสูงจริงๆ แค่ PK ง่ายๆ หนึ่งสนาม ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รางวัลเทียบเท่าภารกิจระดับสี่ดาว!

ไม่เลวๆ…

ทิศทางที่จางชุ่ยซานกับคนชุดดำหนีไปนั้นแตกต่างกัน คงซิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งดับความคิดที่จะไล่ตามโจมตีทั้งสองโดยสิ้นเชิง เขาหันตัวแฉลบผ่าน NPC เส้าหลินกับผู้เล่นเส้าหลิน สกัดจุดชีพจรให้พวกเขาเพื่อระงับไม่ให้พิษแพร่กระจาย

ขณะมองคงซิ่งเริ่มรักษาให้ศิษย์สำนักเส้าหลิน เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ได้ตามจางชุ่ยซานออกไปทันทีตามที่อีกฝ่ายกำชับไว้ แต่เลี้ยวกลับไปยังจุดที่ศิษย์สำนักเส้าหลินอยู่ ทำเอาบรรดาผู้เล่นเส้าหลินที่เพิ่งบาดเจ็บสาหัสพากันตกใจจนถอยหลัง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาก็แค่โน้มตัวเก็บอาวุธลับหลายชิ้นที่ถูกคงซิ่งโจมตีร่วงไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกอีกครั้ง ตามไปยังทิศทางที่จางชุ่ยซานหนีออกไป

“ศิษย์ปู่น้อยคงซิ่ง!” เมื่อเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงยังทำท่าทางอวดดีเล็กน้อยก่อนไป ผู้เล่นเส้าหลินคนหนึ่งก็ถามว่า “ท่านจะปล่อยให้เขาจากไปอย่างอวดดีแบบนี้หรือ”

“อมิตาภพุทธ!”

คงซิ่งเพียงเอ่ยนามพระพุทธเจ้า แล้วก็ไม่สนใจผู้เล่นเส้าหลินคนนั้น สนใจเพียงโคจรกำลังภายในช่วยบีบเข็มปากยุงออกนอกร่างกายให้หยวนอิน

เมื่อนำเข็มพิษออกจากร่างกาย หยวนอินก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมากในทันที จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบศีรษะล้านของผู้เล่นเส้าหลินที่ทักท้วงไปหนึ่งฉาด “เจ้าจะเข้าใจอะไร!”

“เจ้าหนุ่มอวดดีนั่นคือเจ้าหน้าที่ของราชสำนักนะ!”

“แค่ผู้เล่นอย่างพวกเจ้า PK กันเองก็พอแล้ว ถ้าศิษย์อาคงซิ่งเป็นฝ่ายโจมตีคนของสำนักมือปราบเทพก่อน ถ้าพูดแบบเบาหน่อยก็คือใช้กำลังฝ่าฝืนกฎหมาย ถึงขั้นนับเป็นการโจมตีเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายด้วยซ้ำ ถ้าพูดแบบรุนแรง…เอาเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นการสร้างปัญหาให้เส้าหลิน!”

……

วิชาตัวเบาของเยี่ยเว่ยหมิงถือว่าโดดเด่นในหมู่ผู้เล่นปัจจุบัน แต่ถ้าอยากตามจางชุ่ยซานให้ทันก็ดันทุรังไปหน่อย เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้กลัวเลยสักนิด เพราะว่า…

[ติ๊ง! จางชุ่ยซานแห่งอู่ตังเชิญคุณไปพบตรงท่าเรือริมแม่น้ำเฉียนถังโดยเร็ว เพื่อร่วมสืบความจริงคดีฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินด้วยกัน พิกัดคือ…]

เมื่อไปหาพวกจางชุ่ยซานตามพิกัด เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม นำอาวุธลับสองชิ้นออกมาอีกครั้ง “ข้าเก็บสิ่งนี้ได้จากศาลาเฟิงปัว”

“เป็นเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาวอีกแล้ว!” จางชุ่ยซานตาเป็นประกาย กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจยาวแล้วบอกว่า “ที่จริงพวกเราเจอเบาะแสเกี่ยวกับดาบฆ่ามังกรตั้งนานแล้ว วันนี้ปู้คุยได้ข้อมูลมาตอนตรวจสอบพรรคทรายทะเล พรรคอินทรีฟ้าจะจัดงานชุมนุมบูชาดาบที่เขาหวังผาน ข้าเลยอยากจะเชิญน้องเยี่ยไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไร”

คิดไปคิดมา เขาหวังผานก็คงจะเป็นข้อต่อสุดท้ายของภารกิจระดับห้าดาวนี้สินะ

เยี่ยเว่ยหมิงแอบดีใจ กุมหมัดเอ่ยรับทันที “เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 30 เบาะแสดาบฆ่ามังกร

การที่ NPC ยอดฝีมือสำนักเส้าหลินทั้งเจ็ดเฝ้าสังเกตการต่อสู้อยู่ข้างๆ ที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

การใช้หลวงจีนรุ่นฉายานามคงคนเดียวสู้กับจางชุ่ยซาน ก็ดูน่าสงสัยแล้วว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ถ้าให้กลุ่มรุ่นฉายานามหยวน รุ่นฉายานามฮุ่ย มาล้อมโจมตีผู้เล่นด้วยกัน แบบนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็กแล้ว

แบบนั้นเรียกว่าหน้าด้าน!

ในฐานะที่เป็นผู้นำของสำนักฝ่ายธรรมะในยุทธภพ เส้าหลินเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ไหว!

ส่วนการต่อสู้ของฝั่งผู้เล่น ก็เกี่ยวข้องกับกติกาของระบบ

ยกตัวอย่างเช่นภารกิจนี้ ระบบจัดให้ผู้เล่นสู้กับผู้เล่น จัดให้ NPC สู้กับ NPC แบบนี้ถึงจะรับประกันลักษณะเกมและความสมดุลในเกมได้ดีขึ้น ดังนั้นในการต่อสู้ของผู้เล่นฝั่งนี้ พวกเขาก็จะไม่ลงมือเช่นกัน

แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น NPC ทั้งเจ็ดกลายเป็นผู้ชมโดยสมบูรณ์

จนกระทั่งตอนนี้ การต่อสู้ดำเนินมาจนถึงจุดเดือดแล้ว

ทางฝั่ง NPC แม้จางชุ่ยซานจะมีวิทยายุทธ์ที่เกื้อหนุนกับตัวเขาอย่างที่สุดคอยคุมสถานการณ์อยู่ แต่ความสามารถโดยรวมก็ยังด้อยกว่าคงซิ่งหนึ่งระดับ เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทีละนิด หากเป็นอย่างนี้ต่อไป จะแพ้หรือไม่แพ้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ส่วนทางฝั่งผู้เล่น ตามเวลาที่ผ่านเลยไป ค่าพลังชีวิตของทั้งสองฝ่ายก็ลดลงเช่นกัน ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงลดไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนสถานการณ์โดยรวมของผู้เล่นสี่คนที่สู้กับเขาก็แย่กว่าเขาเล็กน้อย โดยเฉพาะหนึ่งในผู้เล่นเส้าหลินที่ใช้ดาบ ค่าพลังชีวิตลดลงเหลือหนึ่งในสี่ส่วนแล้ว

เป็นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงป้องกันได้ค่อนข้างดี แต่สมาชิกบนสนามต่อสู้อื่นเริ่มลดลงแล้ว ผู้เล่นเจ็ดคนของสำนักอู่ตังสู้ตายไปแล้วสองคน ส่วนผู้เล่นสำนักเส้าหลินก็สู้ตายไปแล้วสามคน สำนักเส้าหลินยังเป็นฝ่ายได้เปรียบด้านจำนวนคนอย่างมั่นคง

ที่จริงเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีคริติคอลให้คู่ต่อสู้ที่พลังชีวิตน้อยที่สุดตายก่อนได้ แบบนั้นจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ แต่พอนึกถึงประโยคที่อินปู้คุยตะโกนก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เขาระงับความคิดนี้ไว้ก่อน

และในตอนนี้ สีของท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว

ทันใดนั้น! เงาร่างสีดำร่างหนึ่งก็กระโจนขึ้นมาในแนวเฉียง สองมือโบกแกว่งไม่หยุด เจ็ดยอดฝีมือของสำนักเส้าหลินที่กำลังดูการต่อสู้พลันขยับร่างกายโดยสัญชาตญาณ แต่จากนั้นก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น “แย่แล้ว เป็นอาวุธลับ มีพิษ!”

ตอนเสียงร้องตกใจของเขาดังขึ้น เจ็ดยอดฝีมือของเส้าหลินก็เริ่มตรวจดูอาการบาดเจ็บของตัวเอง ส่วนเงาร่างสีดำก็กระโจนตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วขว้างอาวุธลับหลายชนิดโจมตีโครมๆ ไปทางผู้เล่นที่กำลังสู้กันอยู่บนสนาม

เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มระมัดระวังตัวตั้งแต่เงาร่างสีดำปรากฏแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายลงมือกับตัวเอง ปลายเท้าก็พลันแตะพื้น ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว หลบออกจากขอบเขตอาวุธลับของอีกฝ่ายได้ในทันที

แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะถลันตัวหลบได้อย่างสง่างาม แต่คนอื่นกลับไม่ได้ฝีมือดีเท่าเขา ท่ามกลางผู้เล่นสองฝ่าย นอกจากไม่กี่คนที่เข้าใจสถานการณ์ คนที่เหลือก็บาดเจ็บด้วยอาวุธลับของคนชุดดำเกือบทั้งหมด

ในจำนวนนั้นศิษย์สำนักอู่ตังเสียหายหนักสุด เพราะหลังจากคนชุดดำกระโจนออกมา ก็โจมตี NPC เส้าหลินทั้งเจ็ดทันที ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือภาพลวงตา ถึงขั้นนึกไม่ถึงด้วยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีตน การถูกโจมตีภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ในบรรดาศิษย์สำนักอู่ตังที่เหลืออยู่เพียงห้าคน มีสามคนถูกโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว

คนที่โชคดีรอดมาได้มีเพียงอินปู้คุยกับผู้เล่นอีกคนที่ถือพู่กันพิพากษาแบบเดียวกับจางชุ่ยซาน

ส่วนผู้เล่นเส้าหลินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ตอนที่คนชุดดำปรากฏตัว แม้พวกเขาจะเตรียมป้องกันไว้บ้างแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะวิธีการโจมตีที่คนชุดดำใช้กับพวกเขาไม่เหมือนที่ใช้กับศิษย์สำนักอู่ตัง

ตอนที่ศิษย์สำนักอู่ตังโจมตี คนชุดดำใช้อาวุธลับชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน อานุภาพรุนแรงกว่า เมื่อผู้เล่นที่พลังชีวิตน้อยโดนโจมตีก็จะเกิดผลปลิดชีพทันที แต่ตอนที่โจมตีผู้เล่นเส้าหลิน คนชุดดำกลับใช้อาวุธลับที่ซ่อนเร้นมากชนิดหนึ่ง ทำให้ป้องกันได้ยากกว่าเดิม แม้จะด้อยอานุภาพกว่ามาก แต่กลับอาบพิษร้าย ทำให้ผู้เล่นเส้าหลินเหล่านี้โดนพิษไปเกินครึ่ง ทยอยกันเสียพลังชีวิต

“หยุดนะ โจรชั่ว!” ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาล คงซิ่งไม่สนใจจางชุ่ยซานแล้ว เขาถลันร่างไปทางคนชุดดำแทน

เมื่อคนชุดดำเห็นดังนั้น กลับโบกมือสองข้างพร้อมกันด้วยความเร็วที่เหมาะเจาะ ยิงอาวุธลับประมาณสิบเล่มไปยังคงซิ่งพร้อมกัน

“ลูกไม้ตื้นๆ” คงซิ่งเห็นแล้วกล่าวดูถูกเย้ยหยัน ก่อนจะม้วนแขนเสื้อสองข้าง โจมตีอาวุธลับที่ยิงเข้ามาจนกระเด็นออกไปหมด

ทว่าคนชุดดำกลับอาศัยจังหวะตอนเขาต้านอาวุธลับ ใช้ท่าร่างหนีไปไกลแล้ว

คนชุดดำมาไวไปไว เพียงแต่การปรากฏตัวของเขากลับทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงเต็มรูปแบบ ตอนนี้ผู้เล่นอู่ตังเสียหายหนักมาก ฝั่งเส้าหลินไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC ล้วนโดนพิษหมด เหลือเพียงคงซิ่งที่ไม่กล้าทิ้งศิษย์ในสำนักมากมายขนาดนี้เอาไว้แล้วไล่ตามศัตรูไป ถึงขนาดว่าไม่มีกะจิตกะใจจะโจมตีจางชุ่ยซานแล้วด้วย

จางชุ่ยซานที่หลุดพ้นอันตรายถลันตัวทันที คว้าแขนศิษย์สำนักอู่ตังสองคนพร้อมบอกว่า “น้องเว่ยหมิงตามมาด้วย” ก่อนจะใช้ท่าร่างทะยานบันไดเมฆาเหาะไปไกลแล้ว

ที่แท้คนชุดดำที่โผล่มากะทันหันคนนี้ต่างหากที่เป็นคนแก้สถานการณ์ให้!

และที่อินปู้คุยเตือนให้ทุกคนยืนหยัดไว้ก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่าคาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น

[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณทำภารกิจ ‘ช่วยศิษย์สำนักอู่ตัง’ สำเร็จได้ทันเวลา ได้รับรางวัล:

ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม

ค่าตบะ 500 แต้ม

ชื่อเสียงยุทธภพ 10 แต้ม]

ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงถูกขัดจังหวะด้วยการแจ้งเตือนจากระบบ จากนั้นก็ตาเป็นประกายอีกครั้ง

ช่างเป็นความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนสูงจริงๆ แค่ PK ง่ายๆ หนึ่งสนาม ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รางวัลเทียบเท่าภารกิจระดับสี่ดาว!

ไม่เลวๆ…

ทิศทางที่จางชุ่ยซานกับคนชุดดำหนีไปนั้นแตกต่างกัน คงซิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งดับความคิดที่จะไล่ตามโจมตีทั้งสองโดยสิ้นเชิง เขาหันตัวแฉลบผ่าน NPC เส้าหลินกับผู้เล่นเส้าหลิน สกัดจุดชีพจรให้พวกเขาเพื่อระงับไม่ให้พิษแพร่กระจาย

ขณะมองคงซิ่งเริ่มรักษาให้ศิษย์สำนักเส้าหลิน เยี่ยเว่ยหมิงยังไม่ได้ตามจางชุ่ยซานออกไปทันทีตามที่อีกฝ่ายกำชับไว้ แต่เลี้ยวกลับไปยังจุดที่ศิษย์สำนักเส้าหลินอยู่ ทำเอาบรรดาผู้เล่นเส้าหลินที่เพิ่งบาดเจ็บสาหัสพากันตกใจจนถอยหลัง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาก็แค่โน้มตัวเก็บอาวุธลับหลายชิ้นที่ถูกคงซิ่งโจมตีร่วงไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกอีกครั้ง ตามไปยังทิศทางที่จางชุ่ยซานหนีออกไป

“ศิษย์ปู่น้อยคงซิ่ง!” เมื่อเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงยังทำท่าทางอวดดีเล็กน้อยก่อนไป ผู้เล่นเส้าหลินคนหนึ่งก็ถามว่า “ท่านจะปล่อยให้เขาจากไปอย่างอวดดีแบบนี้หรือ”

“อมิตาภพุทธ!”

คงซิ่งเพียงเอ่ยนามพระพุทธเจ้า แล้วก็ไม่สนใจผู้เล่นเส้าหลินคนนั้น สนใจเพียงโคจรกำลังภายในช่วยบีบเข็มปากยุงออกนอกร่างกายให้หยวนอิน

เมื่อนำเข็มพิษออกจากร่างกาย หยวนอินก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมากในทันที จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบศีรษะล้านของผู้เล่นเส้าหลินที่ทักท้วงไปหนึ่งฉาด “เจ้าจะเข้าใจอะไร!”

“เจ้าหนุ่มอวดดีนั่นคือเจ้าหน้าที่ของราชสำนักนะ!”

“แค่ผู้เล่นอย่างพวกเจ้า PK กันเองก็พอแล้ว ถ้าศิษย์อาคงซิ่งเป็นฝ่ายโจมตีคนของสำนักมือปราบเทพก่อน ถ้าพูดแบบเบาหน่อยก็คือใช้กำลังฝ่าฝืนกฎหมาย ถึงขั้นนับเป็นการโจมตีเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายด้วยซ้ำ ถ้าพูดแบบรุนแรง…เอาเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นการสร้างปัญหาให้เส้าหลิน!”

……

วิชาตัวเบาของเยี่ยเว่ยหมิงถือว่าโดดเด่นในหมู่ผู้เล่นปัจจุบัน แต่ถ้าอยากตามจางชุ่ยซานให้ทันก็ดันทุรังไปหน่อย เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้กลัวเลยสักนิด เพราะว่า…

[ติ๊ง! จางชุ่ยซานแห่งอู่ตังเชิญคุณไปพบตรงท่าเรือริมแม่น้ำเฉียนถังโดยเร็ว เพื่อร่วมสืบความจริงคดีฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินด้วยกัน พิกัดคือ…]

เมื่อไปหาพวกจางชุ่ยซานตามพิกัด เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม นำอาวุธลับสองชิ้นออกมาอีกครั้ง “ข้าเก็บสิ่งนี้ได้จากศาลาเฟิงปัว”

“เป็นเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาวอีกแล้ว!” จางชุ่ยซานตาเป็นประกาย กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจยาวแล้วบอกว่า “ที่จริงพวกเราเจอเบาะแสเกี่ยวกับดาบฆ่ามังกรตั้งนานแล้ว วันนี้ปู้คุยได้ข้อมูลมาตอนตรวจสอบพรรคทรายทะเล พรรคอินทรีฟ้าจะจัดงานชุมนุมบูชาดาบที่เขาหวังผาน ข้าเลยอยากจะเชิญน้องเยี่ยไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไร”

คิดไปคิดมา เขาหวังผานก็คงจะเป็นข้อต่อสุดท้ายของภารกิจระดับห้าดาวนี้สินะ

เยี่ยเว่ยหมิงแอบดีใจ กุมหมัดเอ่ยรับทันที “เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+