ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 156 ปราบสำนักชิงเฉิง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 156 ปราบสำนักชิงเฉิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 156 ปราบสำนักชิงเฉิง

เมื่อเห็นค่าสเตตัสของประกาศิตกระบี่บุปผาโรย มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงยังจะเดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก “หวงโส่วจุนกำลังจะบอกว่า พวกเราเอาหวงเย่าซือมาเป็นแพะรับบาปได้…แค่กๆ ข้าหมายถึงเชิญให้เขามาเป็นคนกลางที่สำคัญที่สุดแต่ก็ไม่ได้สำคัญที่สุดในภารกิจนี้ อย่างนั้นหรือขอรับ”

หวงโส่วจุนพยักหน้า “ภารกิจครั้งนี้ข้ามอบหมายให้เจ้ารับผิดชอบเต็มที่ ป้ายอาญาสิทธิ์นี้คือหนึ่งในทรัพยากรที่เจ้าใช้งานได้ เจ้าใช้มันเพื่อเชิญให้หวงเย่าซือมาเป็นคนกลางให้ได้ ใช้เรียกหวงเย่าซือออกมาได้เช่นกัน ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจะยื่นมือช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง ส่วนรายละเอียดว่าจะใช้อย่างไร ก็ต้องดูที่เรื่องราวของเจ้าเองแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที “เอ่อ คือ หวงโส่วจุน หากข้าไม่ได้ใช้ป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้ แล้วยังทำภารกิจสำเร็จได้อย่างสวยงาม แสดงความน่าเกรงขามของสำนักมือปราบออกมา…”

ในเมื่อใจเขามีความคิดอย่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเอ่ยถามออกมาตรงนี้เลย

อย่างไรเสีย…

มีวาจาก็เอ่ยตรงๆ นี่ก็คือหลักการของเยี่ยเว่ยหมิง!

หวงโส่วจุนได้ยินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างลึกซึ้งปราดหนึ่ง “ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่ใครบางคนเพิ่งบอกว่านอกจากข้าก็หาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่ใช่หรอกหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าคิดว่าท่านก็น่าจะรู้เช่นกัน ว่าทุกเรื่องในโลกนี้ล้วนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทั้งนั้น เมื่อผู้เล่นอย่างพวกเราทำภารกิจ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยไร้สาเหตุ แล้วข้าก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ ต่อให้ทำตรงกันข้ามแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม”

อืม…สิ่งที่บรรยายด้านบน เป็นวิธีการพูดที่ผ่านการแต่งเติมด้วยศิลปะมาแล้ว

ส่วนคำพูดที่ไม่ได้แต่งเติมก็คือ…

ข้าทำภารกิจให้สำนัก ทำไมข้าต้องเอามิตรภาพและเครือข่ายความสัมพันธ์ของตัวเองมาใช้งานด้วยล่ะ

“ก็ได้”

หวงโส่วจุนพยักหน้า “ตอนนี้ข้ามอบของสิ่งนี้ให้เจ้า ส่วนรายละเอียดว่าเจ้าจะใช้อย่างไร ข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว ต่อให้เจ้าจะใช้หรือไม่ใช้ ข้าก็จะไม่ถาม สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงผลลัพธ์ หากจะถามว่าผลลัพธ์เช่นใด เจ้าเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

“เข้าใจแล้วขอรับ!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอนุมัติคำสั่งให้เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มเฉพาะกิจของปฏิบัติการครั้งนี้ ให้เจ้ารับหน้าที่บัญชาการหลินผิงจือ ในทางทฤษฎี เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ก็ต้องเชื่อฟังการมอบหมายงานจากเจ้าเช่นกัน…

…เพียงแต่เจ้าเองก็เข้าใจความคิดของผู้เล่นดี จะทำให้พวกเขาเชื่อฟังได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้าแล้ว”

“เข้าใจแล้วขอรับ!”

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ ตอนนี้ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วรำคาญ รีบไสหัวออกไปเถอะ”

[ติ๊ง! รับภารกิจ ‘ปราบสำนักชิงเฉิง’]

[ปราบสำนักชิงเฉิง]

สำนักมือปราบได้รับคำสั่งให้จัดระเบียบยุทธภพ ทำให้ยุทธภพภาคกลางพัฒนาไปในทิศทางอันดีภายใต้สภาพแวดล้อมมีระเบียบแบบแผน ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ อวี๋ชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิงก่อคดีโดยไม่สนกฎหมาย สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนกลางตลาด พฤติกรรมเลวร้ายที่สุด!

เพื่อป้องกันความผิดพลาด สำนักมือปราบตัดสินใจทุ่มกำลังความคิดเต็มที่ ออกคำสั่งพิเศษให้ศิษย์ในสำนักออกปฏิบัติการพร้อมกัน ลงโทษกลุ่มผู้กระทำผิดของอวี๋ชางไห่อย่างจริงจัง

ระดับภารกิจ: 6 ดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 เดือน

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 50000, ค่าตบะ 20000, รับคำชี้แนะทักษะยุทธ์จากหวงโส่วจุน เลือกเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ใดก็ได้หนึ่งเลเวล

(หมายเหตุ: ทักษะยุทธุ์ต้องเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ที่ผู้เล่นได้เรียนรู้มาแล้วในปัจจุบัน! แต่นี่เป็นเพียงรางวัลขั้นต่ำเท่านั้น ผลประโยชน์ที่ผู้เล่นจะได้รับโดยละเอียดขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง แต่ผลประโยชน์มีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ลดน้อยลงแน่นอน!)

โอ้แม่เจ้า รางวัลภารกิจสุดยอดไปเลย!

ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ได้รับการชี้แนะวิทยายุทธ์ตรงรายการสุดท้าย ก็เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยเว่ยหมิงฮึกเหิมไม่หายแล้ว

เดิมทีตอนที่เพิ่งเห็นรางวัลรายการนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ค่อยสนใจ อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็ถูกเหมียวเหรินเฟิ่งหลอกลวงมาแล้วครั้งหนึ่ง…อืม พูดจริงๆ ก็ไม่อาจนับว่าเป็นการหลอกลวง แต่ก็มองออกเลยว่าเหมียวเหรินเฟิ่งเอาแต่ใจตัวเองเกินไปตอนมอบหมายภารกิจ ทำให้งงเป็นไก่ตาแตกหลังจากเห็น ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเยี่ยเว่ยหมิง

เมื่อได้เห็นรางวัลภารกิจแบบเดิมอีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าจริงหรือเปล่า

แต่หวงโส่วจุนต้องมีความมั่นใจขนาดไหนกัน! จึงใส่หมายเหตุไว้ข้างหลังด้วย เจ้ามองไม่ผิดหรอก ทักษะยุทธ์ใดก็ได้ ข้า หวงผู้นี้ชี้แนะได้ทุกทักษะยุทธ์ ข้าก็เอาแต่ใจอย่างนี้แหละ!

เมื่อลองคิดดีๆ เหมือนอีกฝ่ายจะมีต้นทุนให้ทำตัวเอาแต่ใจได้จริงๆ

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เลเวลสูงอย่างหวงโส่วจุน คงไม่มีวิชาไหนที่ชี้แนะไม่ไหว เว้นเสียแต่ว่าผู้เล่นจะได้รับวิชาศักดิ์สิทธิ์อันเลิศล้ำมาเท่านั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาระดับสุดยอดวิชาในยุทธภพ จากนั้นเจ้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการอัปให้ถึงเลเวลเก้า เหลือเพียงอีกก้าวเดียวก็จะฝึกจนเลเวลเต็ม สถานการณ์อย่างนั้นอาจจะค่อนข้างยากสำหรับหวงโส่วจุน

แต่ปัญหาก็คือ วิชาศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดวิชาจะตกมาอยู่ในมือผู้เล่นได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร

ต่อให้ได้มาไว้ในมือแล้ว แต่ถ้าอยากอัปให้ถึงเลเวลเก้า จะทำได้ง่ายเหมือนอย่างที่พูดหรือ

ถ้าอยากทำให้ได้ขนาดนี้ภายในหนึ่งเดือน คุณก็ต้องเป็นลูกชายแท้ๆ ของผู้ออกแบบเกมแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้คุณทำได้อย่างที่กล่าวมาข้างต้นจริงๆ หวงโส่วจุนก็อาจจะชี้แนะไม่ไหว

พอออกจากห้องประชุม ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ที่รออยู่นานแล้วก็เข้ามาล้อมทันที ซานเย่ว์ก็ยิ่งถามอย่างตื่นเต้นว่า “อาหมิง ข้าเพิ่งได้รับข้อมูลแนะนำภารกิจมา ปฏิบัติการครั้งนี้เจ้ารับหน้าที่บัญชาการโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือ NPC ก็ตาม ได้กุมอำนาจเยอะขนาดนี้ในคราเดียว เจ้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ”

“ตื่นเต้นกับผีอะไรล่ะ” คำชมของสาวน้อยทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหมือนโดนฟ้าฟาดจนกรอบนอกนุ่มในคาที่ “ทรัพยากรที่ใช้งานได้ในครั้งนี้ ถ้านับรวมข้าด้วยก็มีทั้งหมดสี่คน ยังไม่เยอะเท่าตอนทำภารกิจสำนักคุ้มภัยฝูเวยเมื่อก่อนเลย ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ เหมือนข้าได้กุมอำนาจมหาศาจอย่างนั้นแหละ”

“อำนาจนี้อ่อนแอไปหน่อย” ตอนนี้เฟยอวี๋กลับเอ่ยขึ้นว่า “แต่ในระหว่างปฏิบัติการครั้งนี้ ข้าจะพยายามเชื่อฟังเจ้าแล้วกัน ไม่สร้างความยุ่งยากให้เจ้าแน่นอน จุดนี้เจ้าวางใจได้”

เฟยอวี๋พูดเช่นนี้ออกมา ย่อมไม่ใช่เพราะการตระหนักรู้ของเขาสูงขึ้นอยู่แล้ว สาเหตุพื้นฐานก็เป็นเพราะการคาดเดาที่เขาเคยบอกถังซานไฉ่ไว้ก่อนหน้านี้

หากเกมนี้นับคะแนนโดยอิงตามการกระทำของผู้เล่น แล้วสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อฐานะตำแหน่งหลังจากยานอวกาศเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง เช่นนั้น หากเขาจงใจเป็นตัวถ่วงให้ทีมลำบากในภารกิจใหญ่ขนาดนั้น ทำให้ภารกิจยากขึ้น หรือถึงขั้นล้มเหลว ในสูตรคำนวณของระบบจะหักคะแนนเขาเท่าไรกัน

เขาไม่อยากเอาตัวเองไปเป็นหนูทดลอง!

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้าน้อยๆ ถือโอกาสตบบ่าให้กำลังใจเขา ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเดือดดาลอยู่พักหนึ่ง

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็หันกลับมาบอกซานเย่ว์ว่า “ตอนนี้ได้รับมอบหมายภารกิจแล้ว เพื่อรับประกันไม่ให้ปฏิบัติการผิดพลาด เจ้าควรจะแบ่งปันข้อมูลจากคำให้การของผู้เล่นสำนักชิงเฉิงคนนั้นก่อนหรือเปล่า”

“ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไร ขั้นตอนเรียบง่ายมาก” ซานเย่ว์ยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองพลางครุ่นคิด จากนั้นตอบว่า “ผู้เล่นที่ชื่อเนี่ยนเสียวเหนี่ยนนั่นนับเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฝีมือดีขอสำนักชิงเฉิง แต่กลับใช้ชีวิตอยู่ในสำนักอย่างไม่ราบรื่น มักจะมีเจ้าคนตุ้งติ้งที่ชื่อว่าชีชีมาข่มเขา สถานการณ์คล้ายๆ กับที่เฟยอวี๋ถูกเจ้าข่มนั่นแหละ”

เฟยอวี๋ “???”

ขนาดในเวลาแบบนี้ เจ้าก็ยังไม่ลืมถือโอกาสพูดถึงข้าในแง่ร้าย?

ข้าไม่มีทางเล่นบทบาท ‘อยู่ด้วยกันดีๆ’ กับเจ้าแล้ว!

ไอ้สินค้าเลหลังเอ๊ย!

(╯‵□′)╯︵┴─┴

เยี่ยเว่ยหมิงก็กระแอมทีหนึ่งเช่นกัน พูดว่า “เจ้าอย่าเปรียบเทียบเลย บอกข้อมูลมาเลยแล้วกัน”

“ก็ได้” ซานเย่ว์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘OK’ จากนั้นบอกว่า “เพราะอยู่ในสำนักได้ไม่ราบรื่นสมใจปรารถนา อวี๋ชางไห่เองก็ให้ความสำคัญกับผู้เล่นที่ชื่อชีชีนั่นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเนี่ยนเสียวเหนี่ยนจึงไม่พอใจอยู่ลึกๆ เข้ามาอยู่ในสำนักเล็กๆ อย่างสำนักชิงเฉิง หากอยู่อย่างไม่เป็นสุข เช่นนั้นจะมีความหมายอะไร…

…ตอนที่เขากำลังรู้สึกว่าค่าความรู้สึกดีของอวี๋ชางไห่ไม่มีประโยชน์อะไร ก็เห็นเจ้าประกาศให้รางวัลพอดี เขาจึงมามอบตัวในคดีนี้เองเสียเลย”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “สาเหตุมาเต็ม แล้วขั้นตอนระหว่างนั้นล่ะ”

“สถานการณ์ของสำนักคุ้มภัยฝูเวยไม่ต่างกับที่พวกเรารู้มากนัก ไม่มีอะไรน่าพูดถึงแล้ว” ซานเย่ว์บอกเสียเลยว่า “ในคดีของหลินเจิ้นหนานกับฮูหยิน อวี๋ชางไห่ถามความเห็นของพวกเขา ข้อเสนอของเนี่ยนเสียวเหนี่ยนคือบุกจู่โจม ส่วนข้อเสนอของชีชีก็คือขู่ให้กลัว…

…หลังจากอวี๋ชางไห่ได้ฟัง ก็เลือกใช้วิธีการของชีชีอย่างไม่ลังเล ใช้ฐานะเจ้าสำนักชิงเฉิงลองกดดันหวังหยวนป้า ผลปรากฏว่าตอนนั้นหวังหยวนป้าหวาดกลัวเขา จึงหาข้ออ้างไล่หลินเจิ้นหนานกับฮูหยินให้ออกไปทำงานนอกเมือง จากนั้นก็ถูกพวกอวี๋ชางไห่สังหารตาย”

หลังจากได้ฟังต้นสายปลายเหตุทุกขั้นตอนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าน้อยๆ “ดูท่าแล้ว ชีชีนั่นคงจะเป็นแรงต้านหนึ่งของภารกิจครั้งนี้”

เมื่อตระหนักได้ถึงโอกาสในการโต้เถียง เฟยอวี๋ก็ถามอย่างคลุมเครือทันที “เจ้าคงจะไม่ได้กลัวหรอกใช่ไหม”

“กลัว?” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม “สถานการณ์ภาพรวมโน้มเอียงมาฝั่งพวกเรา ข้าจะกลัวเขาเชียวหรือ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่อธิบายอะไรอีก เปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “ข้าจะพาหลินผิงจือไปที่เขาอู่ตังสักรอบก่อน พวกเจ้ารอรับพิราบสื่อสารจากข้าแล้วค่อยปฏิบัติการ แล้วก็…

…เฟยอวี๋ เจ้าต้องเตรียมตัวต่อสู้ให้ดี…ตอนที่ทำภารกิจ ก็ยังมีเวลาตามหากระบี่จินสยาของพวกเรากลับคืนมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 156 ปราบสำนักชิงเฉิง

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 156 ปราบสำนักชิงเฉิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 156 ปราบสำนักชิงเฉิง

เมื่อเห็นค่าสเตตัสของประกาศิตกระบี่บุปผาโรย มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงยังจะเดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก “หวงโส่วจุนกำลังจะบอกว่า พวกเราเอาหวงเย่าซือมาเป็นแพะรับบาปได้…แค่กๆ ข้าหมายถึงเชิญให้เขามาเป็นคนกลางที่สำคัญที่สุดแต่ก็ไม่ได้สำคัญที่สุดในภารกิจนี้ อย่างนั้นหรือขอรับ”

หวงโส่วจุนพยักหน้า “ภารกิจครั้งนี้ข้ามอบหมายให้เจ้ารับผิดชอบเต็มที่ ป้ายอาญาสิทธิ์นี้คือหนึ่งในทรัพยากรที่เจ้าใช้งานได้ เจ้าใช้มันเพื่อเชิญให้หวงเย่าซือมาเป็นคนกลางให้ได้ ใช้เรียกหวงเย่าซือออกมาได้เช่นกัน ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจะยื่นมือช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง ส่วนรายละเอียดว่าจะใช้อย่างไร ก็ต้องดูที่เรื่องราวของเจ้าเองแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที “เอ่อ คือ หวงโส่วจุน หากข้าไม่ได้ใช้ป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้ แล้วยังทำภารกิจสำเร็จได้อย่างสวยงาม แสดงความน่าเกรงขามของสำนักมือปราบออกมา…”

ในเมื่อใจเขามีความคิดอย่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเอ่ยถามออกมาตรงนี้เลย

อย่างไรเสีย…

มีวาจาก็เอ่ยตรงๆ นี่ก็คือหลักการของเยี่ยเว่ยหมิง!

หวงโส่วจุนได้ยินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างลึกซึ้งปราดหนึ่ง “ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่ใครบางคนเพิ่งบอกว่านอกจากข้าก็หาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่ใช่หรอกหรือ”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าคิดว่าท่านก็น่าจะรู้เช่นกัน ว่าทุกเรื่องในโลกนี้ล้วนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทั้งนั้น เมื่อผู้เล่นอย่างพวกเราทำภารกิจ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยไร้สาเหตุ แล้วข้าก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ ต่อให้ทำตรงกันข้ามแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม”

อืม…สิ่งที่บรรยายด้านบน เป็นวิธีการพูดที่ผ่านการแต่งเติมด้วยศิลปะมาแล้ว

ส่วนคำพูดที่ไม่ได้แต่งเติมก็คือ…

ข้าทำภารกิจให้สำนัก ทำไมข้าต้องเอามิตรภาพและเครือข่ายความสัมพันธ์ของตัวเองมาใช้งานด้วยล่ะ

“ก็ได้”

หวงโส่วจุนพยักหน้า “ตอนนี้ข้ามอบของสิ่งนี้ให้เจ้า ส่วนรายละเอียดว่าเจ้าจะใช้อย่างไร ข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว ต่อให้เจ้าจะใช้หรือไม่ใช้ ข้าก็จะไม่ถาม สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงผลลัพธ์ หากจะถามว่าผลลัพธ์เช่นใด เจ้าเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

“เข้าใจแล้วขอรับ!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอนุมัติคำสั่งให้เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มเฉพาะกิจของปฏิบัติการครั้งนี้ ให้เจ้ารับหน้าที่บัญชาการหลินผิงจือ ในทางทฤษฎี เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ก็ต้องเชื่อฟังการมอบหมายงานจากเจ้าเช่นกัน…

…เพียงแต่เจ้าเองก็เข้าใจความคิดของผู้เล่นดี จะทำให้พวกเขาเชื่อฟังได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้าแล้ว”

“เข้าใจแล้วขอรับ!”

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งเดือนเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ ตอนนี้ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วรำคาญ รีบไสหัวออกไปเถอะ”

[ติ๊ง! รับภารกิจ ‘ปราบสำนักชิงเฉิง’]

[ปราบสำนักชิงเฉิง]

สำนักมือปราบได้รับคำสั่งให้จัดระเบียบยุทธภพ ทำให้ยุทธภพภาคกลางพัฒนาไปในทิศทางอันดีภายใต้สภาพแวดล้อมมีระเบียบแบบแผน ตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ อวี๋ชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิงก่อคดีโดยไม่สนกฎหมาย สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนกลางตลาด พฤติกรรมเลวร้ายที่สุด!

เพื่อป้องกันความผิดพลาด สำนักมือปราบตัดสินใจทุ่มกำลังความคิดเต็มที่ ออกคำสั่งพิเศษให้ศิษย์ในสำนักออกปฏิบัติการพร้อมกัน ลงโทษกลุ่มผู้กระทำผิดของอวี๋ชางไห่อย่างจริงจัง

ระดับภารกิจ: 6 ดาว

ระยะเวลาภารกิจ: 1 เดือน

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 50000, ค่าตบะ 20000, รับคำชี้แนะทักษะยุทธ์จากหวงโส่วจุน เลือกเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ใดก็ได้หนึ่งเลเวล

(หมายเหตุ: ทักษะยุทธุ์ต้องเป็นหนึ่งในทักษะยุทธ์ที่ผู้เล่นได้เรียนรู้มาแล้วในปัจจุบัน! แต่นี่เป็นเพียงรางวัลขั้นต่ำเท่านั้น ผลประโยชน์ที่ผู้เล่นจะได้รับโดยละเอียดขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง แต่ผลประโยชน์มีแต่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ลดน้อยลงแน่นอน!)

โอ้แม่เจ้า รางวัลภารกิจสุดยอดไปเลย!

ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ได้รับการชี้แนะวิทยายุทธ์ตรงรายการสุดท้าย ก็เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยเว่ยหมิงฮึกเหิมไม่หายแล้ว

เดิมทีตอนที่เพิ่งเห็นรางวัลรายการนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ค่อยสนใจ อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็ถูกเหมียวเหรินเฟิ่งหลอกลวงมาแล้วครั้งหนึ่ง…อืม พูดจริงๆ ก็ไม่อาจนับว่าเป็นการหลอกลวง แต่ก็มองออกเลยว่าเหมียวเหรินเฟิ่งเอาแต่ใจตัวเองเกินไปตอนมอบหมายภารกิจ ทำให้งงเป็นไก่ตาแตกหลังจากเห็น ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเยี่ยเว่ยหมิง

เมื่อได้เห็นรางวัลภารกิจแบบเดิมอีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าจริงหรือเปล่า

แต่หวงโส่วจุนต้องมีความมั่นใจขนาดไหนกัน! จึงใส่หมายเหตุไว้ข้างหลังด้วย เจ้ามองไม่ผิดหรอก ทักษะยุทธ์ใดก็ได้ ข้า หวงผู้นี้ชี้แนะได้ทุกทักษะยุทธ์ ข้าก็เอาแต่ใจอย่างนี้แหละ!

เมื่อลองคิดดีๆ เหมือนอีกฝ่ายจะมีต้นทุนให้ทำตัวเอาแต่ใจได้จริงๆ

สำหรับผู้แข็งแกร่งที่เลเวลสูงอย่างหวงโส่วจุน คงไม่มีวิชาไหนที่ชี้แนะไม่ไหว เว้นเสียแต่ว่าผู้เล่นจะได้รับวิชาศักดิ์สิทธิ์อันเลิศล้ำมาเท่านั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาระดับสุดยอดวิชาในยุทธภพ จากนั้นเจ้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการอัปให้ถึงเลเวลเก้า เหลือเพียงอีกก้าวเดียวก็จะฝึกจนเลเวลเต็ม สถานการณ์อย่างนั้นอาจจะค่อนข้างยากสำหรับหวงโส่วจุน

แต่ปัญหาก็คือ วิชาศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดวิชาจะตกมาอยู่ในมือผู้เล่นได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร

ต่อให้ได้มาไว้ในมือแล้ว แต่ถ้าอยากอัปให้ถึงเลเวลเก้า จะทำได้ง่ายเหมือนอย่างที่พูดหรือ

ถ้าอยากทำให้ได้ขนาดนี้ภายในหนึ่งเดือน คุณก็ต้องเป็นลูกชายแท้ๆ ของผู้ออกแบบเกมแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้คุณทำได้อย่างที่กล่าวมาข้างต้นจริงๆ หวงโส่วจุนก็อาจจะชี้แนะไม่ไหว

พอออกจากห้องประชุม ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ที่รออยู่นานแล้วก็เข้ามาล้อมทันที ซานเย่ว์ก็ยิ่งถามอย่างตื่นเต้นว่า “อาหมิง ข้าเพิ่งได้รับข้อมูลแนะนำภารกิจมา ปฏิบัติการครั้งนี้เจ้ารับหน้าที่บัญชาการโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือ NPC ก็ตาม ได้กุมอำนาจเยอะขนาดนี้ในคราเดียว เจ้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ”

“ตื่นเต้นกับผีอะไรล่ะ” คำชมของสาวน้อยทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหมือนโดนฟ้าฟาดจนกรอบนอกนุ่มในคาที่ “ทรัพยากรที่ใช้งานได้ในครั้งนี้ ถ้านับรวมข้าด้วยก็มีทั้งหมดสี่คน ยังไม่เยอะเท่าตอนทำภารกิจสำนักคุ้มภัยฝูเวยเมื่อก่อนเลย ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ เหมือนข้าได้กุมอำนาจมหาศาจอย่างนั้นแหละ”

“อำนาจนี้อ่อนแอไปหน่อย” ตอนนี้เฟยอวี๋กลับเอ่ยขึ้นว่า “แต่ในระหว่างปฏิบัติการครั้งนี้ ข้าจะพยายามเชื่อฟังเจ้าแล้วกัน ไม่สร้างความยุ่งยากให้เจ้าแน่นอน จุดนี้เจ้าวางใจได้”

เฟยอวี๋พูดเช่นนี้ออกมา ย่อมไม่ใช่เพราะการตระหนักรู้ของเขาสูงขึ้นอยู่แล้ว สาเหตุพื้นฐานก็เป็นเพราะการคาดเดาที่เขาเคยบอกถังซานไฉ่ไว้ก่อนหน้านี้

หากเกมนี้นับคะแนนโดยอิงตามการกระทำของผู้เล่น แล้วสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อฐานะตำแหน่งหลังจากยานอวกาศเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง เช่นนั้น หากเขาจงใจเป็นตัวถ่วงให้ทีมลำบากในภารกิจใหญ่ขนาดนั้น ทำให้ภารกิจยากขึ้น หรือถึงขั้นล้มเหลว ในสูตรคำนวณของระบบจะหักคะแนนเขาเท่าไรกัน

เขาไม่อยากเอาตัวเองไปเป็นหนูทดลอง!

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วพยักหน้าน้อยๆ ถือโอกาสตบบ่าให้กำลังใจเขา ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเดือดดาลอยู่พักหนึ่ง

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็หันกลับมาบอกซานเย่ว์ว่า “ตอนนี้ได้รับมอบหมายภารกิจแล้ว เพื่อรับประกันไม่ให้ปฏิบัติการผิดพลาด เจ้าควรจะแบ่งปันข้อมูลจากคำให้การของผู้เล่นสำนักชิงเฉิงคนนั้นก่อนหรือเปล่า”

“ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไร ขั้นตอนเรียบง่ายมาก” ซานเย่ว์ยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองพลางครุ่นคิด จากนั้นตอบว่า “ผู้เล่นที่ชื่อเนี่ยนเสียวเหนี่ยนนั่นนับเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฝีมือดีขอสำนักชิงเฉิง แต่กลับใช้ชีวิตอยู่ในสำนักอย่างไม่ราบรื่น มักจะมีเจ้าคนตุ้งติ้งที่ชื่อว่าชีชีมาข่มเขา สถานการณ์คล้ายๆ กับที่เฟยอวี๋ถูกเจ้าข่มนั่นแหละ”

เฟยอวี๋ “???”

ขนาดในเวลาแบบนี้ เจ้าก็ยังไม่ลืมถือโอกาสพูดถึงข้าในแง่ร้าย?

ข้าไม่มีทางเล่นบทบาท ‘อยู่ด้วยกันดีๆ’ กับเจ้าแล้ว!

ไอ้สินค้าเลหลังเอ๊ย!

(╯‵□′)╯︵┴─┴

เยี่ยเว่ยหมิงก็กระแอมทีหนึ่งเช่นกัน พูดว่า “เจ้าอย่าเปรียบเทียบเลย บอกข้อมูลมาเลยแล้วกัน”

“ก็ได้” ซานเย่ว์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘OK’ จากนั้นบอกว่า “เพราะอยู่ในสำนักได้ไม่ราบรื่นสมใจปรารถนา อวี๋ชางไห่เองก็ให้ความสำคัญกับผู้เล่นที่ชื่อชีชีนั่นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเนี่ยนเสียวเหนี่ยนจึงไม่พอใจอยู่ลึกๆ เข้ามาอยู่ในสำนักเล็กๆ อย่างสำนักชิงเฉิง หากอยู่อย่างไม่เป็นสุข เช่นนั้นจะมีความหมายอะไร…

…ตอนที่เขากำลังรู้สึกว่าค่าความรู้สึกดีของอวี๋ชางไห่ไม่มีประโยชน์อะไร ก็เห็นเจ้าประกาศให้รางวัลพอดี เขาจึงมามอบตัวในคดีนี้เองเสียเลย”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “สาเหตุมาเต็ม แล้วขั้นตอนระหว่างนั้นล่ะ”

“สถานการณ์ของสำนักคุ้มภัยฝูเวยไม่ต่างกับที่พวกเรารู้มากนัก ไม่มีอะไรน่าพูดถึงแล้ว” ซานเย่ว์บอกเสียเลยว่า “ในคดีของหลินเจิ้นหนานกับฮูหยิน อวี๋ชางไห่ถามความเห็นของพวกเขา ข้อเสนอของเนี่ยนเสียวเหนี่ยนคือบุกจู่โจม ส่วนข้อเสนอของชีชีก็คือขู่ให้กลัว…

…หลังจากอวี๋ชางไห่ได้ฟัง ก็เลือกใช้วิธีการของชีชีอย่างไม่ลังเล ใช้ฐานะเจ้าสำนักชิงเฉิงลองกดดันหวังหยวนป้า ผลปรากฏว่าตอนนั้นหวังหยวนป้าหวาดกลัวเขา จึงหาข้ออ้างไล่หลินเจิ้นหนานกับฮูหยินให้ออกไปทำงานนอกเมือง จากนั้นก็ถูกพวกอวี๋ชางไห่สังหารตาย”

หลังจากได้ฟังต้นสายปลายเหตุทุกขั้นตอนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าน้อยๆ “ดูท่าแล้ว ชีชีนั่นคงจะเป็นแรงต้านหนึ่งของภารกิจครั้งนี้”

เมื่อตระหนักได้ถึงโอกาสในการโต้เถียง เฟยอวี๋ก็ถามอย่างคลุมเครือทันที “เจ้าคงจะไม่ได้กลัวหรอกใช่ไหม”

“กลัว?” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม “สถานการณ์ภาพรวมโน้มเอียงมาฝั่งพวกเรา ข้าจะกลัวเขาเชียวหรือ”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่อธิบายอะไรอีก เปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “ข้าจะพาหลินผิงจือไปที่เขาอู่ตังสักรอบก่อน พวกเจ้ารอรับพิราบสื่อสารจากข้าแล้วค่อยปฏิบัติการ แล้วก็…

…เฟยอวี๋ เจ้าต้องเตรียมตัวต่อสู้ให้ดี…ตอนที่ทำภารกิจ ก็ยังมีเวลาตามหากระบี่จินสยาของพวกเรากลับคืนมา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด