ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ 449 ยอดฝีมือรวมตัวกัน!

Now you are reading ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ Chapter 449 ยอดฝีมือรวมตัวกัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 449 ยอดฝีมือรวมตัวกัน!

[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)]

เลเวล: 7

ค่าประสบการณ์: 2020/100000

โจมตี +70%

แม่นยำ +70%

คริติคอลดาเมจ +70%

โจมตีจุดสำคัญมีโอกาสปลิดชีพ 15%!

……

‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เลเวลเจ็ด ไม่เพียงแค่เพิ่มค่าสเตตัสสามรายการที่เห็นบ่อยมากถึง 70% ทั้งยังเพิ่มโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5% ด้วย ทำให้พลังโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่มระดับขึ้นอีกอย่างชัดเจนมาก!

หลังจากจัดการผลตอบแทนต่างๆ ที่ได้จากศึกใหญ่ก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงย้ายสายตาไปมองแถบกำลังภายในของตัวเอง มุมปากกลับยิ้มเจื่อนด้วยความจนใจ

ไม่เหมือนแถบกระบวนท่าที่ถูกเขาใช้หมดแล้ว ตอนนี้จากสิบสองช่องเหลือช่องว่างแค่สองช่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก

แถบกำลังภายในสิบสามช่องของเขา ตอนนี้กลับมีเพียงสองทักษะที่โดดเดี่ยว แต่กลับดูเปราะบางเกินไป

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ แค่ผลเพิ่มค่าสเตตัสของวิทยายุทธ์ประเภทกระบวนท่าหรือเคล็ดจิตอย่างเดียว สุดท้ายก็ยังมีข้อจำกัดในตัวเอง ไม่เหมือนกำลังภายในที่ใช้งานได้จริง เพิ่มค่าสเตตัสของตัวเองได้โดยตรง

เพียงแต่ตอนนี้กำลังภายในทั้งสองวิชาของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มถึงระดับสมบูรณ์แล้ว

ตอนนี้ยังหาวิชากำลังภายในใหม่ๆ ที่ทำให้เขาพอใจจะฝึกไม่เจอ ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้พื้นฐาน

เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นเริ่มพิจารณาแล้วว่าจะลดมาตรฐานการเลือกกำลังภายในของตัวเองดีหรือเปล่า

ก่อนที่จะได้รับตำราลับกำลังภายในที่ดีกว่าเดิม อันดับแรกต้องหากำลังภายในระดับกลางที่ค่าสเตตัสพอๆ กันแล้วฝึกแก้ขัดไปก่อน?

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ตัดสินใจวางความคิดที่ไม่ถือว่าปราดเปรื่องนี้ไว้ชั่วคราว รอให้ทำภารกิจครั้งนี้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย

พอเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าสูงปราดหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เหม่อลอยเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ดึงสติกลับมาจากอารมณ์เบิกบานใจเพราะได้เพิ่มความสามารถแล้วถึงได้ก้มหน้าอีกครั้ง มองห้าคำถามที่เขียนเรียงไว้บนกระดาษขาวตรงหน้า

ถ้าเป็นข้า…

……

แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงครุ่นคิดตั้งแต่กลางดึกยันฟ้าสว่าง ระหว่างนั้นอ่านกลยุทธ์ที่อินปู้คุยส่งมาให้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ปล่อยผ่านรายละเอียดใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับจิวหมัวจื้อ ตอนที่เจอคำถามก็สวมวิญญาณเด็กเรียนที่ไม่อายที่จะถาม ส่งพิราบสื่อสารไปขอคำชี้แนะจากอินปู้คุยกับเจ้าอ้วนชนะฟ้า

เวลาหนึ่งคืนนี้ แค่ค่าใช้จ่ายสำหรับส่งพิราบสื่อสารอย่างเดียวก็ห้าสิบกว่าเหรียญทองแล้ว!

……

เวลามีสมาธิจดจ่อกับเรื่องอะไรสักอย่าง เวลลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ

รุ่งเช้าวันที่สอง ในที่สุดต้วนเหยียนชิ่งก็โคจรวิชาเสร็จแล้ว เขาลุกขึ้นยืนพร้อมค่าสเตตัสที่กลับมาเต็มเหมือนเดิม

ประมาณยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.) ยอดฝีมือกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งของสกุลต้วนต้าหลี่ก็มาถึงหุบเขาว่านเจี๋ย

เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ ต้วนเจิ้งหมิงเชิญยอดฝีมือมาคุมสถานการณ์ที่วัดเทียนหลงไม่สำเร็จ ครั้งนี้จึงมาเพียงกลุ่มชื้อพระวงศ์ของต้าหลี่เท่านั้น

ต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเจิ้งฉุน เตาไป๋เฟิ่ง สี่องครักษ์ สองในสามขุนนางใหญ่…กำลังสนับสนุนภายนอกเพียงหนึ่งเดียว ก็คือไต้ซือเฒ่าคิ้วเหลือง เจ้าอาวาสวัดเด็ดบุปผา

หลังจากทุกคนเจอหน้ากันแล้ว สายตาของต้วนเหยียนชิ่งก็อดจ้องไปที่เตาไป๋เฟิ่งไม่ได้ แต่ต้วนเจิ้งหมิงกลับเอาตัวมาขวางไว้ทัน

จากนั้นคู่แค้นที่เดิมทีเหมือนน้ำกับไฟคู่นี้ก็เริ่มพูดคุยกันด้วยสีหน้าอ่อนโยน

พิสูจน์คำกล่าวที่ว่า ‘สกุลต้วนต้าหลี่เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อสู้กับคนนอก’ ภายใต้เงื่อนไขของนโยบายสำคัญนี้ ทำให้กลุ่มคนของสกุลต้วนกับสามคนโฉดมีความเห็นตรงกันอย่างรวดเร็ว

ต้วนเหยียนชิ่งยินดีชดเชยให้กับการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้ โดยการร่วมมือกับสกุลต้วนเพื่อช่วยต้วนอวี้จากเงื้อมมือจิวหมัวจื้อ เขายอมจ่ายทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้

ส่วนกลุ่มคนของสกุลต้วนก็ไม่เอาเรื่องสิ่งที่เขาเคยทำผิดก่อนหน้านี้อีก

หลังจากช่วยต้วนอวี้ออกมาแล้ว ต้วนเหยียนชิ่งก็พาเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานออกจากต้าหลี่ ตั้งแต่นั้นมาทุกคนก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ไปมาหาสู่กันจนกระทั่งแก่ตาย

ผลลัพธ์แบบนี้กล่าวได้ว่าน่ายินดีมากสำหรับต้วนเจิ้งหมิงและน้องชาย

อย่างไรเสีย แค่ฐานะของต้วนเหยียนชิ่งอย่างเดียว ต่อให้ก่อนหน้านี้จะเล่นงานพวกเขามากมายขนาดไหน แต่ต้วนเจิ้งหมิงและน้องชายก็มีคุณธรรม ไม่ไปถามหาความรับผิดชอบจากเขาเช่นกัน

ขอเพียงต้วนเหยียนชิ่งยอมไม่ก่อกวนอีก เขาสองคนก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนเหยียนชิ่งก็ยังยินดีช่วยเหลือต้วนอวี้อย่างสุดกำลังด้วย เรื่องนี้ยิ่งทำให้สองพี่น้องซาบซึ้งใจเกินจะกล่าว เชื่อมโยงกับคำกล่าวที่ว่าสกุลต้วนต้าหลี่เลือดข้นกว่าน้ำ

มีเพียงเตาไป๋เฟิ่งที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ มาตลอด พอได้ยินคำว่า ‘เลือดข้นกว่าน้ำ’ สีหน้าของนางก็ดูแปลกไปมาก

ละครแนวจอมยุทธ์คุณธรรมฟอร์มยักษ์ฉายมาแล้วหนึ่งบท สองฝ่ายถึงได้จบบทสนทนาที่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายในการร่วมมือกันท่ามกลางบรรยากาศใกล้ชิดสนิทสนม เริ่มเข้าสู่ช่วงปรึกษากลยุทธ์แล้ว

สำหรับจิวหมัวจื้อ ต้วนเจิ้งหมิงรู้สึกเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นหลวงจีนที่มีคุณธรรมสูง แต่กลับไม่รู้ว่าทักษะยุทธ์ของเขาเป็นอย่างไร จึงถามต้วนเหยียนชิ่งที่เคยประมือกับเขาทันที

ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือ “พลังฝีมือของหลวงจีนรูปนั้นเหนือกว่าเจ้าและข้า แม้จะนับรวมไต้ซือคิ้วเหลืองแล้วก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี นอกเสียจากว่าเจ้าจะหาบุคคลที่สี่ที่ฝีมือพอๆ กับพวกเรามาร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นก็เอาชนะคนคนนี้ไม่ได้แน่นอน!”

หลังจากรู้ว่าต้วนอวี้เป็นลูกชายของตัวเอง ต้วนเหยียนชิ่งก็ใส่ใจกับเรื่องช่วยชีวิตต้วนอวี้ยิ่งกว่าต้วนเจิ้งฉุนเสียอีก วิจารณ์จิวหมัวจื้อได้ตรงประเด็นมากเช่นกัน

อิงตามเหตุการณ์ที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้มาจากสองแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับก่อนหน้านี้ พลังฝีมมือของจิวหมัวจื้อก็แกร่งกล้าแบบนั้นจริงๆ!

ในศึกวัดเทียนหลงเขาสู้กับศัตรูแบบหนึ่งต่อหก แต่ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องทราบไว้ว่าในบรรดาหกคนนั้น ยังมีคูหรงที่ฝีมือเหนือกว่าต้วนเจิ้งหมิงคอยคุมสถานการณ์!

แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตอนที่หกคนนั้นกำลังต่อสู้ ทักษะยุทธ์ที่ใช้มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ของ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’!

ถ้าใช้สูตรแปลงความสามารถอย่างง่ายมาคำนวณ ต้วนเจิ้งหมิงในเวลานี้อ่อนแอกว่าตอนเรียน ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ที่วัดเทียนหลง ซึ่งต้วนเหยียนชิ่งบวกกับหลวงจีนคิ้วเหลืองก็พอจะต้านกำลังรบของคูหรงคนเดียวได้ แต่ก็ต้องลบโบนัสค่าสเตตัสของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ด้วย

พลังฝีมือของสี่คนในวัดเทียนหลงเทียบกับต้วนเจิ้งหมิงแล้วอ่อนแอกว่ามาก ต่อให้ต้วนเจิ้งหมิงจะหาผู้ช่วยอีกคนที่ฝีมือใกล้เคียงกับพวกเขามาได้ แต่ยอดฝีมือคนนั้นก็คงถูกตั้งค่าให้มีฝีมือพอๆ กับศักยภาพโดยรวมของหกคนในวัดเทียนหลงเท่านั้น

แต่ตรงนี้พูดถึงศักยภาพพื้นฐานเท่านั้น เมื่อเทียบกับรูปกระบวนทัพของศึกใหญ่วัดเทียนหลง ก็ต้องลบโบนัสพลังต่อสู้ของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ด้วย

ดังนั้น ต่อให้หายอดฝีมือระดับเดียวกันคนที่สี่มาด้วยจริงๆ แต่ตามหลักการแล้วก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิวหมัวจื้ออยู่ดี!

ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงยังคำนึงถึงปัญหานี้ได้ แล้วต้วนเหยียนชิ่งที่เคยสัมผัสความน่ากลัวของจิวหมัวจื้อมากับตัวเอง มีหรือที่จะคิดไม่ได้

ตอนนี้กลับได้ยินเขาเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ที่จริงแล้ว แม้ท่านจะหายอดฝีมือเลเวลเดียวกันมาอีกคน แต่โอกาสชนะของพวกราก็ยังน้อยอยู่ดี แต่ข้าก็มีอีกแผนการหนึ่ง บางทีอาจจะช่วยต้วนอวี้จากเงื้อมมือจิวหมัวจื้อได้ เพียงแต่การทำแบบนี้อันตรายกว่าปกติ ไม่ทราบว่าฮ่องเต้อย่างท่านจะกล้าเสี่ยงอันตรายนี้เพื่อต้วนอวี้หรือไม่”

ต้วนเจิ้งหมิงได้ยินแล้วฮึกเหิม ตั้งใจจะตอบรับ แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังกล่าวด้วยความรอบคอบว่า “ไม่ทราบว่าสิ่งที่ท่านพี่กล่าวถึงคือแผนการอะไรกันแน่ โปรดอธิบายให้กระจ่างก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด